บทที่ 5 สอบถาม
ถึงบุคลิกของฮันเซ่วจะดูบริสุทธิ์และไร้เดียงสานัก แต่จิตใจเธอในตอนนี้ก็โกรธเกรี้ยวไม่ต่างจากเย่เฉิน
เมื่อเธอ ตัดสินใจแล้วการเปลี่ยนใจเธอนั้นยากมากๆ เย่เฉินจึงสัญญาว่าจะกลับไปพักผ่อนแล้วปล่อยให้เธอเป็นคนดูแลพ่อเอง อีกอย่างที่พ่อบาดเจ็บเพราะถูกทุบตีเขาจะต้องกลับบ้านไปพักเอาแรงและตามหาคนรวยที่ทุบตีพ่อเขา แล้วนำมาซึ่งความยุติธรรมที่พ่อเขาควรได้รับ ถึงแม้ว่าเขาจะมีเรื่องนับไม่ถ้วนที่ต้องคุยกับพ่อ แต่ตอนนี้ ยังไม่ถึงเวลา…
เขาต้องรีบกลับไปพัก พอพ่อพูดจบเย่เฉินก็ออกจากโรงพยาบาลไปทันที
เขาออกจากบ้านไป แปดปีไม่รู้ว่าจะหาเบาะแสที่ไหน การจะหาคนรวยนั่นถ้าแค่อธิบายเพียงหน้าตาคงเป็นไปได้ยาก แต่เย่เฉินไม่ใช้คนหัวแข็งหรือเป็นเด็กน้อยที่คิดไม่เป็น แปดปีที่เป็นทหารรับจ้างเขาได้เรียนรู้อะไรมามากมาย
เมื่อกลับถึงบ้านเขาตัดสินใจอาบน้ำล้างตัวที่เต็มไปด้วยบาดแผลและคราบเลือดบางส่วนจากเหตุการณ์บนเครื่องบิน หลังจากนั้นเขาจึงใช้ความจำของเขาวาดภาพเหมือนของคนรวยนั่นออกมาใช้เวลาไม่นานเขาก็ลงรายละเอียดเท่าที่จะทำได้ และรูปภาพที่เขาวาดขึ้นก็ออกมาสมบูรณ์ เขารู้สึกพอใจกับงานชิ้นนี้มาก
หากจะหาข่าวสารสองทางเลือกที่ดีคือตำรวจและนักเลงข้างถนน
เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่เข้าหาตำรวจเพราะคงไม่ได้ข้อมูลที่เปิดเผยมากนักเขาจึงเลือกอีกทางเลือกหนึ่งดีกว่าแต่คงไม่ง่ายนักถ้าไม่จ่ายเงินเพื่อข้อมูลเหล่านั้น
สี่ทุ่ม เย่เฉินแต่งตัวสบายๆออกจากบ้านเรียกแท็กซี่ให้ขับพาไปใกล้ๆบาร์ ที่เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย เนื่องจากเป็นสถานที่รวมความอโคจร เย่เฉิน รู้สึกได้ว่าการตามหาคนปล่อยข้อมูลมันไม่ยากนัก
ไม่นานรถก็มาจอดหน้าประตูทางเข้าเย่เฉินมองไปรอบๆ เขารับรู้ได้ว่า…ถึงจะเป็นบาร์ที่เล็กแต่ธุรกิจกำลังไปได้สวย
การมาถึงข้างใน ภาพที่เขาเห็นในตอนนี้มีทั้งชายหญิงกำลังวาดลวดลายส่ายสะโพกโยกย้ายเต็มไปหมด เย่เฉินตรงเข้าข้างในตัดสินใจหาที่นั่งแล้วสั่งเบียร์เย็นๆ มาจิบสักหนึ่งแก้ว เขาคอยกวาดสายตาไปรอบๆอย่างช้าๆและเห็นคนย้อมผมหลากสี
รอยสักหลากหลายดีไซน์บนร่างกายของวัยรุ่น เขาไม่อยากนึกถึงช่วงเวลาที่เร่ร่อนของเขาเลย ในตอนนั้น เขามักอยู่สถานที่ที่คล้ายกับบาร์เป็นประจำ ทั้งวันถ้าไม่ดื่มเหล้าก็มีแต่การต่อสู้ ถึงเขาจะไม่ย้อมผมและไม่มีรอยสักก็ตาม เขาก็ไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตแบบนั้นเพราะมันจะทำให้พ่อของเขาเจ็บปวดและเขาคงรู้สึกผิดแต่เขาต้องกลับมาทำชั่วอีกครั้งในวันนี้!
บาร์เทนเดอร์ของบาร์แห่งนี้ เป็นสาววัยรุ่นดูแล้วน่าจะอายุไม่เกินยี่สิบหกปี เธอมีใบหน้าที่ขาวและงดงามเต็มไปด้วยเสน่ห์น่าลุ่มหลง หน้าอกเธอเหมือนคลื่นยักษ์ที่จะระเบิดได้ทุกเมื่อ
ตั้งแต่เย่เฉินเข้ามาบาร์เทนเดอร์สาวก็มองเขามาพักหนึ่งแล้วเธอทำงานที่นี่ได้ สองถึงสามปีแล้วแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพบกับคนที่ดูเป็นชายชาตรี หล่อเหลาและเต็มไปด้วยความดุดัน โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นมันลุ่มลึกไร้ที่สิ้นสุดดุจดั่งทองฟ้า
“สุดหล่อนายมาที่นี่ครั้งแรกรึเปล่า ฉันไม่เคยเห็นนายมาก่อนเลย”
บาร์เทนเดอร์สาวเอ่ยปากถามเขาเธอเลิกคิ้วขึ้นอย่างจงใจพร้อมโน้มตัวมาข้างหน้า จนหน้าอกคู่นั้นเองก็โน้มลงมาหาเขาด้วยเช่นกัน
เย่เฉินรู้ว่าบาร์เทนเดอร์สาวคนนี้ไม่ได้มีอำนาจในวงการใต้ดินแต่คนเหล่านี้ได้เปรียบที่รู้จักคนเยอะ บางทีถ้าจะตามหาคนคงต้องได้รับความช่วยเหลือจากเธอแม้กระนั้นเองหากเขาเป็นฝ่ายเข้าหาเธอก็อาจจะไม่ได้รับความช่วยเหลืออะไรมาก แต่นี่เธอเป็นฝ่ายเข้าหาก่อนเขาคิดว่าเพียงแค่ต่อบทสนทนาเท่านั้น
เย่เฉินไม่วางท่าเป็นสุภาพบุรุษอีกต่อไปเขาพยักหน้าแล้วพูดว่า
“ใช่ ฉันเพิ่งกลับมาวันนี้เอง ดูเหมือนว่าร้านบาร์จะไปได้สวยนะ แต่ฉันเกรงว่าที่คนมาที่นี่เยอะอาจจะเป็นเพราะเธอมากกว่าใช่มั้ย ฉันไปบาร์มาตั้งหลายที่แต่ไม่ยักกะเจอบาร์เทนเดอร์แบบเธอ” เย่เฉินไม่เสียเวลาเยินยอเธอมากไปเขาเพียงแค่ยิ้มมุมปาก
พอได้ฟังที่เย่เฉินพูดบาเทนเดอร์สาวก็เกิดอาการเขอะเขินและพูดตอบกลับอย่างดีใจและตื่นเต้นว่า “สุดหล่อดูเหมือนนายจะรู้วิธีประจบคนนะ เจ้าของบาร์ที่นี่ชื่อ ฮูเก่อ ไม่มีใครกล้ามีปัญหากับเขาพวกเราที่นี่เลยอยู่กันอย่างสันติเพราะเรื่องนี้”
เย่เฉินไม่รู้จักฮูเก่อและดูเหมือนเขาไม่ได้เป็นสมาชิกของ แก๊งที่เขารู้จัก แต่ถ้าทำธุรกิจประเภทบาร์เป็นไปได้ว่าอาจจะมีความเกี่ยวข้องกัน
เย่เฉินยิ้มแล้วพูด “สุดสวย…ฉันสามารถถามหาคนจากเธอได้หรือเปล่า”
“เอาสิ ใครละที่นายตามหา พูดถึงเรื่องข่าวสารข้อมูลแล้วฉันมีวิธีหลายทางที่จะได้มันมา”
เย่เฉินนำภาพแนวตั้งที่เขาเป็นคนวาดด้วยตัวเองออกมา “ฉันตามหาชายคนนี้”
บาเทนเดอร์สาวมองและถามกลับ “เขาชื่ออะไรล่ะ?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันรู้แค่ว่าเขามาที่นี่เมื่อวานและทำร้ายคนแก่ที่สนามบิน ไม่มีทางที่จะตามหาเขาเลยเหรอ?”เย่เฉินถาม
บาร์เทนเดอร์สาวนิ่งไปครู่หนึ่ง “ไม่มีปัญหาแต่นายต้องให้เวลา ทิ้งเบอร์ไว้ แล้วฉันจะหาข่าวดีไปให้นายเอง”
“เยี่ยม!”เย่เฉินรับปากกาจากบาร์เทนเดอร์สาวและเขียนเบอร์เขาลงไป
บนกระดาษ “ราคาสองพันนะ ถ้ามีเรื่องยุ่งยากเกิดขึ้นจะขึ้นเป็นสามพันนายต้องจ่ายล่วงหน้าหากฉันไม่สามารถตามหาได้ก็ไม่มีคืนเงินนะจ๊ะ”
บาร์เทนเดอร์สาวพูดอย่างคล่องแคล่วถึงเธอจะไม่ใช่คนในวงการใต้ดินแต่เธอได้รับการพิจรณาจากฮูเก่อ เธอช่วยงานเขาและคนของเขาในด้านธุรกิจและทุกครั้งนั้นเธอจะได้ค่าคอมมิชชั่น 10% ถึงแม้มันจะไม่มากแต่ก็เป็นรายได้พิเศษอย่างหนึ่งจากการช่วยผู้คน การช่วยคนๆเดียวและการช่วยทุกคน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เขาต้องการ และเธอเองก็ชอบการวางตัวของเย่เฉินที่ดูง่าย ธรรมดา ไม่มีการวางกล้ามแต่อย่างใด
เย่เฉินไม่ต่อรองใดๆอีก เขาควักเงินสองพันออกมากจากกระเป๋าแล้วพูดว่า
“ที่เหลือเธอรับไว้ละกัน”
บาร์เทนเดอร์ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆเธอยิ้มแล้วพูดกลับ “แต๊งกิ้วบอส รอฟังข่าวดีได้เลย”
เย่เฉินพยักหน้าแล้วพูดต่อ “ฉันจะกลับละ” จากนั้นเขาก็ลุกออกไป
“บอส! ฉันชื่อ เสี่ยวหลง” บาเทนเดอร์สาวตะโกน
เย่เฉินอดขำไม่ได้ เขาหันกลับมาแล้วบอกว่า “ฉันจะจำไว้” เขาพูดแล้วก็ออกจากร้านไป เสี่ยวหลง เธอดูเหมือนดั่งนางฟ้า เมื่อมองดูใบหน้าที่สะสวยนั้น เย่เฉินเพียงคิดว่าพวกเขาทั้งสองไม่มีสิ่งใดที่คล้ายกันเลย ถ้าจะมีล่ะก็…คงเป็นเรื่องที่เขาทั้งสองไม่เวอร์จิ้นแล้วเท่านั้นเอง