บทที่ 13 มังกรในห้องขัง
แต่เดิมแล้วหยางเว่ยที่เห็นว่าเย่เฉินทำเป็นวางท่าหยิ่งยโส นึกว่าเขามีคนหนุนหลังที่มีอำนาจจึงได้ลองตรวจสอบข้อมูลของเขา ถึงจะไม่ครบถ้วนนัก
แต่ก็ได้รู้ว่าเขาเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่คนเก็บขยะเก็บมาเลี้ยงเท่านั้น
คนประเภทนี้มีเหรอที่จะมีคนหนุนหลังหยางเว่ยจึงได้แต่สมเพสเย่เฉิน หลังจากนั้นเขาจึงคิดขึ้นได้ว่า นี่มันบัดซบชัดๆเดี่ยวฉันคนนี้จะเล่นกับแกเอง คอยดูเถอะว่าฉันจะทำอะไรแกได้บ้าง!
เมื่อหยางเว่ย ถอยออกจากคอมพิวเตอร์ก็เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจร่างผอมเข้ามาแล้วพูดอะไรบางอย่างกับเขาหลังจากเจ้าหน้าที่ร่างผอมเดินออกไป หยางเว่ยก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างภูมิใจ
ตำรวจร่างผอมเดินเข้ามายังห้องสอบสวนแล้วนำพาเย่เฉินไปยังห้องขัง “เข้าไป!!” เขาตะโกนขึ้นขณะที่ยืนหน้าประตู เย่เฉินเหลือบมองด้วยสายตาใส่เขา ชายคนนั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นเกรง
พอเย่เฉินเข้าไปแล้วเขาก็ล็อคห้องอย่างแน่นหนา จากนั้นก็ตรงไปทางนักโทษคนอื่นๆเขาพูดอย่างอารมณ์ดี “มีเด็กใหม่มาดูแลด้วย!”
ผู้กระทำผิดโทษสถานหนักจะถูกกักตัวไว้ที่นี่รอจนกระทั่งถูกเรียกไปเพื่อว่าความกันในศาลจึงเป็นธรรมดาที่หยางเว่ยต้องการให้นักโทษที่นี่
สั่งสอนบทเรียนให้แก่เย่เฉิน นักโทษมักตบตีชกต่อยกันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่ปัญหาที่จะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว
เย่เฉินกวาดสายตาไปยังเหล่าเพื่อนร่วมห้องขังก็เข้าใจได้ในทันทีว่ามีใครบางคนต้องการแก้แค้นเขาโดยใช้คนพวกนี้ ในกรมตำรวจ มีเพียงสองคนเท่านั้น ไม่หวังหยู่ก็หยางเว่ย หวังหยู่เธอเป็นพวกโง่แบบใสๆไม่น่าทำเรื่องแบบนี้เป็น ฉะนั้นก็ต้องเป็นหยางเว่ย “มานี่!” หนึ่งในนักโทษที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าเหลือบมองมายังเย่เฉินและพูดขึ้น
เย่เฉินวางตัวให้ดูเกรงกลัวและพูดอย่างน้อบน้อมว่า “พี่ชาย….มีอะไรให้รับใช้หรอครับ”
หัวหน้านักโทษที่เห็นดังนี้ช่วยไม่ได้ที่จะงุนงงแต่เดิมเขาคิดว่าเย่เฉินมีบุคลิกที่ไม่คิดยอมคนจึงไม่คาดว่าจะเป็นขี้ขลาดตาขาวแบบนี้ ทันใดนั้นเองเขาก็หมดอารมณ์ที่จะสั่งสอนเย่เฉินไปในทันที ตั้งแต่ทีตำรวจแนะนำพวกเขาหลังจากได้ยินชื่อเสียงจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องลำบากอันใด “คุกเข่า!!” หัวหน้านักโทษตะโกน
สำหรับผู้ชายแล้วเข่ามีค่าเทียบเท่ากับทองคำในโลกนี้มีเพียงพ่อแม่เท่านั้นที่เขาจะยอมคุกเข่าให้ อย่างไรก็ตามเย่เฉินก็ค่อยๆย่อเข่าลงต่อหน้าพวกเขา
ขณะที่พวกเขากำลังยิ้มเยาะขณะที่เย่เฉินกำลังย่อลง ก็มีลูกเตะพุ่งไปที่หน้าท้องอย่างรุนแรง หัวหน้านักโทษสำรอกอาหารที่เพิ่งกินเข้าไปออกมาทั้งหมด นักโทษคนอื่นได้แต่ตกใจถึงกับยืนแน่นิ่ง มิอาจตอบสนองต่อสถานการณ์ตรงหน้าได้
จากนั้นเย่เฉินก็เหยียบหัวหน้านักโทษและมองไปยังคนอื่นๆ นักโทษไม่รอช้าวิ่งไปเขย่าลูกกรงและตะโกนขึ้น “ช่วยด้วย ช่วยด้วย พวกเราจะ
ถูกทำร้าย พวกเราจะถูกทำร้ายแล้ว!!”
พวกเขาเริ่มตื่นกลัวจนเหงื่อเริ่มไหลออกมา
เจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ได้รับคำสั่งจากหยางเว่ยว่าวันนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ทำเป็นไม่เห็นเสีย ถึงเขาจะได้ยินเสียงร้องแต่ก็ทำหูทวนลม
อ่านหนังสือพิมพ์ต่อ เย่เฉินเห็นดังนั้นจึงฉีกยิ้มขึ้นดุจปีศาจ
นักโทษคนอื่นๆในห้องขังก็เข้าใจได้ว่าเจ้าหนุ่มนี่ไม่ใช่แค่ลูกไก่ แต่เขาเพียงแสดงละครเท่านั้น แม้ว่าในนี้จะไม่มีอาชญากรหรือฆาตกรแต่พวกเขา ณ ที่นี้ก็เป็นอันธพาลระดังสูงที่น้อยคนนักจะทำให้พวกเขากลัวจนตัวสั่นได้
แต่เย่เฉินที่เป็นถึงหัวหน้ากลุ่มเขี้ยวหมาป่ามีหรือจะไม่แข็งแกร่ง
เขาทุบตีคนอื่นและรักษาในทันทีราวกับการตบหัวและลูบหลัง
นักโทษคนอื่นๆที่ได้ยินเสียงก็สาปแช่ง หยางเว่ย เมื่อเวลาผ่านไปสิบแปดชั่วโมง ความรู้สึกของพวกเขาเหมือนอยู่ในนรกคนที่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้มันกลับให้พวกเขามาสั่งสอน นี่มันส่งพวกเขามาทรมานให้ตายชัดๆ เย่เฉิน เดินไปหาหัวหน้านักโทษแล้วเหยียบเขา “มีบุหรี่ไหม?”
“มีครับ มีครับ!!” หัวหน้านักโทษกล้ำกลืนความเจ็บปวดไปหยิบบุหรี่มาใส่ปากเย่เฉินอย่างสุภาพจากนั้นก็พูดอย่างน้อบน้อม “บอส มีอะไรให้ผมรับใช้อีกไหมครับ”
เย่เฉินสูบบุหรี่ในมือก่อนจะพูดว่า “วันนี้ฉันเหนื่อยละ อยากพักผ่อน
บ้าจริงไม่ได้ออกกำลังสะนาน แค่นี้ร่างกายก็ปวดไปหมด“นักโทษทั้งหลายหน้าแดงเต็มไปด้วยความอัปยศ ท่าทางที่ดูเหมือนผู้หญิงนี่มันอะไรกัน!! แต่ไม่มีผู้ใดกล่าใออกมา”บอสอยากพักผ่อน ทำอะไรอยู่มาจัดที่นอนเร็ว!!” หัวหน้านักโทษตะโกนสั่งการก่อนจะหันมาพูดกับ
เย่เฉิน อย่างนอบน้อมอีกครั้ง “บอสนอนตรงนี้เลยครับ มันห่างจากห้องน้ำมากที่สุด”
_____________________________
การจัดแสดงนิทรรศการเปิดโลก ณ เมือง X ใกล้เข้ามาแล้ว ศาลากลางจึงให้ความสำคัญกับการจัดงานนี้เป็นอย่างมาก การรักษาความปลอดภัยของเมืองก็เข้มงวด สำนักงานเขตแต่ละแห่งได้เตรียมการอย่างดีที่สุด ซึ่งพวกเขาต้องทำอย่างถูกต้องเพื่อปกป้องเหตุการณ์นี้ และเพื่อรับประกันว่างานนิทรรศการโลกจะดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
หลี่ฮ่าวทำหน้าที่เป็นหัวหน้าสำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะในเขตพื้นที่ใหม่ของผู่ตง ในขณะที่เขาได้รับคำสั่งเขาก็เริ่มงานที่จะจัดงานให้ทันเวลา แม้ว่าการชุมนุมจะมิใช่การชุมนุมที่มีนัยยะสำคัญ แต่ก็ห้ามมีความผิดพลาดแม้แต่น้อยนิด
นอกจากนี้ยังมีมาตรการเข้มงวดกับสื่อลามกอนาจาร ยาเสพติดและการพนัน สิ่งเลวร้ายสามอย่างที่ยังคงต้องได้รับการบูรณะใหม่อย่างถูกต้อง
กว่าหลี่ฮ่าวจะไต่เต้ามาเป็นตัวเขาในทุกวันนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เมื่อไม่นานมานี้ได้ข่าวว่าหน่วยงานจะมีการปรับเปลี่ยนใหม่เขาหวังว่าจะถูกย้ายไปยังสำนักงานในออฟฟิศ แม้ว่าตอนนี้เขาจะทำงานได้อย่างราบรื่นก็ตาม
หลายวันแล้วที่เขาไม่ได้กลับบ้านเป็นเพราะภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้า วันนี้ก็เป็นอย่างเช่นเคย 4 ทุ่มตรงก็ยังอยู่ ณ กรมตำรวจ แต่แล้วก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น เดิมทีแล้วเขาจะไม่รับมันแต่ด้วยความที่มันดังมาหลายสายทำให้เขาไม่มีสมาธิในการทำงาน
เมื่อเขายกมือถือขึ้นมาดู ก็พบว่าเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นตาจึงกดรับสาย “สวัสดีครับ นั่นใครพูดสายครับ?”
“เยี่ยมไปเลยนะหัวหน้ากรมหลี่ คุณนี่เป็นคนระดับสูงเสียจริง งานยุ่งมากจนไม่มีเวลารับสายตลอดบ่ายเลยนะ” เมื่อได้ยินเสียงตอบกลับเป็นน้ำเสียงเชิงเหน็บแนมของพ่อ หลี่ฮ่าวรู้สึกเหมือนโดนทุบหัวแรงๆ เขารีบตอบกลับ “พ่อ? นั่นพ่อใช่ไหม? พ่อไม่ควรพูดกับผมแบบนี้นะ ผมมีประชุมตั้งแต่บ่ายเลยไม่ได้พกโทรศัพท์และไม่เห็นว่ามีคนโทรมา ขอโทษทีนะพ่อ แล้วพ่อมีอะไรถึงได้โทรมาป่านนี้”
“เสี่ยวเอ๋อถูกจับ ถูกพาไปสถานีตำรวจแล้ว แกต้องหาทางช่วยน้องนะ”
ตามธรรมดาของพ่อแล้วรู้ว่านี้เป็นสิ่งหลี่ฮ่าวจะต้องไม่เมินเฉยแม้ตัวเขาจะร้อนใจมากตั้งแต่เย่เฉินถูกจับในช่วงบ่าย เขาจึงรีบโทรหาหลี่ฮ่าว แต่ก็ไม่มีใครรับสาย ความพยามติดต่อที่ยาวนาน ทำให้เขาเต็มไปด้วยความกังวล
“ว่าไงนะ!!” หลี่ฮ่าวแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน…