ตอนที่ 29 : การยั่วยุของเฉินหมิง
หยางซิเด็กคนนี้ นอกเหนือจากความบกพร่องทางอารมณ์แล้ว แต่ส่วนอื่นๆของเขาไม่มีข้อบกพร่อง
เฉินหมิงหันไปมองหยางซิเขาเริ่มมีเหงื่อผุกออกมา
'เวรแล้ว! หยางซิไอ้โง่นี่!'
เฉินหมิงรีบวิ่งไปหาหยางซิอย่างน่ากลัว ไปคว้าเอาโทรศัพท์ในมือหยางซิออกมาทันที แล้วรีบอธิบายให้คอลเซ็นเตอร์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว
สุดท้ายคอลเซ็นเตอร์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินกล่าวตักเตือนว่า "เพื่อนนักศึกษา การแจ้งความเท็จมีความผิดทางกฎหมาย แต่การกระทำที่ผิดกฎหมาย ดูท่าคุณคงเป็นคนแต่งเรื่องนี้ขึ้นใช่ไหม ผมหวังว่าคุณจะไม่เล่นตลกแบบนี้อีกในครั้งต่อไป! เอาละตอนนี้ผมจะลืมเรื่องนี้ไป!"
เฉินหมิงรีบพูดขอบคุณ แล้วคอลเซ็นเตอร์ก็วางสายไป
หยางซิท่าทางจริงจังพูดว่า "เฉินหมิง นายจะทำอะไรลงไป!"
ตอนนี้บนหน้าผากของเฉินหมินมีเหงื่อเต็มไปหมด
"ไอ้เซ่อ" เฉินหมิงก้มหน้าลงสาปแช่ง และวางโทรศัพท์มือถือของหยางซิไว้บนโต๊ะและเดินกลับไป
เขตชิเก๋า ตึกเบนาว
ชิเล่ยไม่ได้ไปหาซันเฟิง แต่เขาเดินทอดน่องในตึกเบนาวชั้นสอง
ชั้นที่สอง เป็นศูนย์รวมของร้านรับประกอบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เสริมปรับแต่งคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์
กล้องความละเอียดสูงไม่ใช่สินค้าที่ทันสมัย ในร้านค้าจำนวนมากขายทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และกล้องความละเอียดสูงขายอีกด้วย
หลังจากที่ชิเล่ยเดินวนดูหลายครั้ง ก็ตัดสินใจซื้อได้สักที
เมื่อ 6 ปีก่อน ราคาของกล้องความละเอียดสูง ก็ยังขายอยู่ประมาณหลายร้อยหยวน
ชิเล่ยเลือกกล้องความละเอียดสูง 10 ล้านพิกเซล
กล้องประเภทนี้ในฐานะประชาชนคนธรรมดาจัดได้ว่าเป็นกล้องที่หรูหราเลยทีเดียว
หลังจากเจรจาต่อรองราคาของกล้อง ก็ตกลงกันที่ 400 หยวน!
ชิเล่ยซื้อกล้องครั้งเดียวห้าตัว เหมือนมีลมกรรโชกพัดผ่านมาเอาเงิน 2000 หยวน ลอยออกไปจากชิเล่ย
ชิเล่ยถือกล้องความละเอียดสูง 10 ล้านพิกเซล 5 ตัว กำลังเดินขึ้นไปที่ชั้นสาม
ในร้านฟลอริชชิ่งอิเล็คทรอนิค ถึงแม้ว่าจะผ่านวันชาติไปแล้ว แต่ในร้านก็ยังยุ่งมากตอนนี้
พนักงานซ่อมบำรุงสี่คน ทั้งหมดกำลังซ่อมเครื่องกันอยู่
เสี่ยวหลิวกำลังต้อนรับลูกค้าด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ในร้านไม่รู้ว่าซันเฟิงไปอยู่ที่ไหน
ชิเล่ยเดินเข้ามาในร้าน รอยยิ้มของเสี่ยวหลิวหายไปทันทีและพูดอย่างเฉยชาว่า "พี่ชิโตะ ตอนนี้บอสไม่อยู่"
"อืม ฉันรู้แล้ว! หลายวันมานี้ มีใครให้มากู้ข้อมูลหรือให้ประมวลผลภาพไหม?"
หลังจากซื้อกล้องความละเอียดสูงมา ตอนนี้กระเป๋าตังของชิเล่ยแฟบมาก เขาต้องหาวิธีทำเงิน
เสี่ยวหลิวส่ายหัว "ต้องขอโทษด้วยพี่ชิโตะ ยังไม่มีใครมาจ้างเลยครับ"
ชิเล่ยจ้องมองเสี่ยวหลิว ถือกล้องเดินหันหลังกลับไปพร้อมรอยยิ้มและสั่นศีรษะ
ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความรู้ด้วยตนเอง!
เสี่ยวหลิวสำหรับชิเล่ยแล้ว เขาค่อนข้างประทับใจ บางทีอาจจะสอนเทคนิคบางอย่างให้เขา
โอวหยางชางเป็นผู้หญิงที่เสี่ยวหลิวไม่สามารถเข้าไปยุ่งย่ามด้วยได้ แต่กลับไปเกลียดชิเล่ยแทน จุดๆนี้เขาบอกได้เลยว่าเสี่ยวหลิวเป็นพวกไม่ประมาณตน!
หลังจากกลับไปที่จินหยากาเด้น ชิเล่ยก็ติดตั้งกล้องทั้งห้าลงบนเซิร์ฟเวอร์ทั้งสอง
และเซิร์ฟเวอร์นัมเบอร์วันติดตั้งกล้องสี่ตัว
กล้องแต่ละตัวมีเป้าหมายการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่นตรวจสอบแหล่งจ่ายไฟ การตรวจสอบคีย์ การปิดระบบการตรวจสอบ การรวมการกระทำการรับรองความปลอดภัย เช่นเดียวกับการตรวจสอบใบหน้าตอนจองห้องพัก
กล้องที่ติดตั้งบนเวิร์คสเตชั่นกราฟิก มีหน้าที่รับผิดชอบในการรวบรวมข้อมูลภาพ
โปรแกรมจับพฤติกรรมแบบไดนามิกเชื่อมต่อกับกล้อง หลังจากทำงานตามปกติ ชิเล่ยก็โล่งอก
มองดูเวลาตอนนี้เกือบๆจะ 12:00 น. แล้ว
ในตอนเที่ยงโอวหยางชางจะไม่กลับมาที่ห้อง และในตอนเช้าเธอก็ไม่ได้ทำอาหารเช้าให้กับชิเล่ย
เฉพาะตอนเย็นที่โอวหยางชางกลับมาจากที่ทำงาน เธอจะกลับมาทำอาหารให้ชิเล่ยกิน
ชิเล่ยล็อคประตูห้องนอน และเตรียมตัวกลับไปที่มหาลัยชวนกิ่ง
ในช่วงเช้าเขาไม่ได้เขาห้องเรียน ชิเล่ยวางแผนจะไปเข้าในช่วงบ่าย
กลับไปที่หอพักนักศึกษาปริญาเอก ห้อง 501 ชิเล่ยเปิดประตู กำลังมองดูภายในห้องด้วยความกังวล!
ในห้องนั่งเล่น โต๊ะอาหาร โซฟา โต๊ะชา ถูกย้ายไปวางอยู่ในมุมห้อง
ในกลางห้องนั่งเล่น มีชิ้นส่วนเครื่องจักรเต็มไปหมดและเยอะมาก ทำให้กลิ่นของน้ำมันเครื่องยนต์และน้ำมันเบนซินผสมกันอยู่ในอากาศขอ
งห้องนั่งเล่นเต็มไปหมด
ชิเล่ยตะโกนออกมาเสียงดัง "พลัมน้อย ไสหัวนายมาหาฉันเดี๋ยวนี้!"
"อ่ะ?" ลิไควิ่งออกมาจากห้อง เสื้อยืดของเขาเปรอะน้ำมันเต็มไปหมดกางเกงยีนส์สีดำก็เป็นแบบเดียวกัน บนใบหน้าของเขาก็มีรอยเปื้อนเต็มไปหมด เหมือนกับพวกคนงานชั่งกลึง
"พี่ชิโตะ มาได้ไงเนี่ย?" ลิไคมองชิเล่ยอย่างเหลือเชื่อ
ชิเล่ยจ้องมองอย่างประหลาดใจเล็กน้อย "พลัมน้อย นายหมายความว่าไง? พี่ชิโตะกลับเข้าห้องไม่ได้?"
ลิไคโบกมือด้วยความรีบร้อน "ไม่ ไม่ใช่อย่างงั้นพี่ชิโตะ วันนี้ในห้องเรียน......"
ลิไคบอกข่าวลือเกี่ยวกับชิเล่ยที่ได้ยินมาว่า มีสิงโตเสือและเสือดาว รุมกัดเขาอาการครึ่งเป็นครึ่งตาย ขอลาหยุดตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปักกิ่ง
"พี่ชิโตะ พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม ดูเหมือนว่าพี่จะดูปกติดีทุกอย่างเลย!"
หน้าผากชิเล่ยผุดเส้นเลือดสีดำออกมา
นี่มันบ้าอะไรวะเนี่ย!
ข่าวลือเฮงซวย!
"พลัมน้อย ในตอนท้ายนายบอกว่าหัวหน้าห้องเฉินหมิงได้หยุด หยางซิ ที่เป็นหนอนหนังสือ?" ชิเล่ยถาม
"อืม ใช่แล้ว!" ลิไคพยักหน้า "หยางซิ ที่เป็นหนอนหนังสือ ไม่คิดเลยว่าเขาจะโทรแจ้งตำรวจ ถ้าไม่ใช่เพราะหัวหน้าห้องเฉินหมิงหยุดไว้ทันละก็ ผมกลัวว่าถ้าแจ้งความเท็จกับตำรวจ ได้เกิดปัญหาใหญ่แน่!"
ตาของชิเล่ยค่อยๆหรี่ลง
'มันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆงั้นเหรอ?'
'เฉินหมิงอ่าหมิงหมิง ก่อนหน้านี้ฉันได้ให้บทเรียนนายไปแล้วแต่นายก็ยังไม่หลาบจำสินะ ดี!'
'พี่ชิโตะคนนี้จะทำให้นายเละเป็นโจ๊กเลยคอยดูเถอะ!'
"พลัมน้อย ทำไมนายไม่อธิบายของเล่นพวกนี้ของนายหน่อยซิ?" ชิเล่ยชี้ไปที่กลางห้องนั่งเล่นที่มีชิ้นส่วนเครื่องจักรเกลือนกลาดเต็มไปหมด
"พี่ชิโตะ พวกนี้.....พวกนี้.....เป็นชิ้นส่วนเฮลิคอปเตอร์บังคับแบบเชื้อเพลิง!" ลิไคหัวเราะอย่างงุ่มง่าม
ชิเล่ยมองไปที่ลิไค "พลัมน้อย เฮลิคอปเตอร์ของเล่นของนาย ควรทำให้เร็วกว่านี้สักหน่อยนะ"
"ถ้าห้องของเรายังเละแบบนี้ ฉันจะชวนสาวๆมาเล่นในห้องได้ไงละเนี่ย!"
"พี่ชิโตะ พี่บอกว่าจะชวนสาวๆมาห้อง?" ดวงตาของลิไคก็สว่างวาบทันที
ชิเล่ยพูดต่อ "ไม่ใช่พลัมน้อย ฉันหมายถึงถ้าห้องยังเป็นแบบนี้อยู่ ก็คงไม่มีสาวที่ไหนกล้าเข้ามาในห้องของพวกเราหรอก!"
ลิไคพูดอย่างตื่นเต้นว่า "พี่ชิโตะฉลาดที่สุด!"
ชิเล่ยโบกมือ "เอาละพลัมน้อย นายจัดการไปละกัน! ฉันไปดูห้องตรงข้ามก่อน!"
ห้องตรงข้ามที่ว่าก็คือ ห้อง 502 ห้องของมู่งชวงและหลิงยูโม่
"ก็อก ก็อก ก็อก ~ ~"
ในห้อง เสียงที่เย็นชาก็ดังออกมา "ใคร?"
ชิเล่ยยิ้มและหัวเราะแล้วตอบว่า "มู่ชวง ฉันเองเปิดประตูเร็วเข้า!"
มู่ชวงพ่นลมหายใจออกมา "ห้องของผู้หญิง ผู้ชายห้ามเข้า!"
ชิเล่ยพูดอย่างหน้าด้านว่า "มู่ชวง ฉันขอโทษที่มารบกวนเธอ! เสี่ยวโม่อยู่ไหม?"
มู่ชวงหันไปมองไปที่ประตูห้องของหลิงยูโม่ที่ปิดอยู่แล้วถอนหายใจเล็กน้อยจากนั้นก็เปิดประตู
"ชิเล่ย ถึงแม้ว่าฉันจะไม่พอใจที่ให้คุณเข้ามา"
"อย่างไรก็ตามฉันเห็นแก่หน้าของยูโม่ ครั้งนี้ฉันจะทำเป็นไม่สนใจ! ช่วยเข้ามาปลอบยูโม่ที!"
ชิเล่ยหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย "เสี่ยวโม่เป็นอะไร?"
มู่ชวงชี้ไปที่ประตูที่ปิดสนิท "ถามเธอดูสิ!" หลังจากพูดจบ มู่ชวงก็เดินกลับไปที่ห้องของตัวเองและปิดประตูลง
ชิเล่ยก็เดินมาถึงประตูห้องของหลิงยูโม่และเคาะประตู "เสี่ยวโม่ นี่พี่ชิโตะเอง"
ในห้องได้ยินเสียงสะอื้นเล็ดออกมา
แม้ว่าเสียงจะเบามาก แต่ชิเล่ยก็ได้ยิน
"เสี่ยวโม่เธอเป็นอะไร? เปิดประตูให้ฉันเร็วเข้า"
หลิงยูโม่ไม่ได้ตอบกลับมา
"เสี่ยวโม่เกิดอะไรขึ้น? ใครรังแกเธอ? บอกพี่ใหญ่ชิโตะมา พี่ใหญ่ชิโตะจะไปช่วยเธอเพื่อระบายความโกรธให้เธอเอง!"
เสียงร้องไห้เริ่มชัดเจนขึ้น หลิงยูโม่เดินมาเปิดประตูแง้มออกมาเล็กน้อย
ชิเล่ยดันประตูออกอย่างระมัดระวัง
หลิงยูโม่ฟุบหน้าร้องไห้อยู่ที่ข้างเตียง
"พิสดารหิน ฉันขอโทษ!"
ชิเล่ยงงงวย "เสี่ยวโม่ มาขอโทษฉันทำไม?"
หลิงยูโม่ที่กำลังร้องไห้เสียงดัง เล่าว่าเธอกับหวังมินคุยกันถึงเรื่องของชิเล่ย แล้วตัวแทนชั้นเฉินหมิงที่นั่งอยู่ด้านหลังได้ยิน แล้วเขาเอาไปแต่งเรื่องไปเล่าให้คนทั้งห้องฟัง
ขณะที่เล่าเรื่องก็แอบมองหน้าชิเล่ยอย่างระมัดระวัง และพบว่ารอยยิ้มที่ไม่แยแสบนใบหน้าของชิเล่ยไม่ได้หายไป เขาไม่ได้โกรธสักนิดเลยไม่เหมือนกับที่เธอคิดไว้
"พิสดารหิน นายไม่โกรธฉันหรอ?"
ชิเล่ยมานั่งข้างหลิงยูโม่ และแกล้งทำหน้าจริงจัง "โกรธ โกรธมากเลยละ!"
ผิวของหลิงยูโม่กลายเป็นซีดขึ้นเล็กน้อย
ชิเล่ยหัวเราะและยิ้ม มือทั้งสองข้างวางบนไหล่ของหลิงยูโม่ "เสี่ยวโม่ ที่ฉันว่าบอกว่าโกรธก็คือ ฉันโกรธ โกรธที่เฉินหมิงแต่งเรื่องไปเล่าให้คนทั้งห้องฟังแล้วทำให้เสี่ยวโม่ของฉันร้องไห้ พี่ใหญ่ชิโตะโกรธ ฉันจะทำให้รู้ว่าผลที่ตามมาของการกระทำของมันจะต้องร้ายแรง ร้ายแรง มากๆ!"
รู้สึกถึงอุณหภูมิมือของชิเล่ย ทำให้หลิงยูโม่หัวเราะทั้งน้ำตา
"พิสดารหิน อย่าไปต่อยเขา! ถ้านายไปทำเขา เขาจะไปฟ้องมหาลัย นายจะเจอปัญหาเอาได้นะ!"
ชิเล่ยมองไปที่หลิงยูโม่
"เสี่ยวโม่ พี่ชิโตะเหมือนพวกชอบความรุนแรง?"
"เหมือน!" หลิงยูโม่พูดอย่างขี้เล่นและกระพริบตา แต่ก็ยังมีคราบน้ำตาติดอยู่
ชิเล่ยกลอกตาของเขา "เสี่ยวโม่ เธอได้ยินเกี่ยวกับการแข่งประกวดออกแบบซอฟต์แวร์มหาลัยใช่มั้ย?"
"พี่ชิโตะกำลังเตรียมตัวลงแข่งประกวดออกแบบซอฟต์แวร์มหาลัย แล้วเอาชนะมัน เพื่อแก้แค้นให้เธอไง!"
หลิงยูโม่พยักหน้าอย่างตื่นเต้น
"ฉันได้ยินว่าเฉินหมิงก็ลงประกวดออกแบบซอฟต์แวร์มหาลัยและบอกว่าจะได้ที่หนึ่งแน่นอน พิสดารหินนายต้องเอาชนะเขาได้!"
ชิเล่ยยกหัวขึ้นเล็กน้อยและมีความมั่นใจในตัวเอง "ไม่ต้องห่วง! ในสายตาของพี่ชิโตะ เฉินหมิงมันก็แค่พวกไร้ค่าที่จำเป็นต้องพูดถึง!"
ตอนบ่าย ในห้องเรียน คาบเรียนวิชาแรก ชิเล่ยและหลิงยูโม่นั่งอยู่ด้วยกัน
พลัมน้อยที่ชอบเก็บตัว ไม่คิดเลยว่าเขาจะไปให้กำลังใจเลขานุการของชั้นหวังมินด้วย
หวังมินก็ไม่มีอะไรน่าสนใจเป็นพิเศษ แต่เธอก็ไม่เลว ยิ่งไปกว่านั้นเธอหุ่นดีมาก
หลังจากที่ชิเล่ยคิดอยู่ในใจที่กำลังหมั่นไส้พลัมน้อยอยู่ ยิ้มให้หลิงยูโม่และคุยกับเธอ
เฉินหมิงไอ้สารเลวน้อยนี่ เดินมานั่งอยู่ด้านหลังหลิงยูโม่อีกครั้ง
ชิเล่ยได้หันศีรษะอย่างฉับพลันไปหามันและยิ้มให้อย่างเย็นชา
"เฉินหมิง ไอ้ขยะเปียก ฉันอยากจะเตือนนายสักอย่าง ให้อยู่ห่างๆจากแฟนของฉันไว้!"
เฉินหมิงพยักหน้าดูถูก เหมือนว่าเขาควบคุมได้ทุกอย่าง "ชิเล่ย นายค่อนข้างอารมณ์อ่อนไหวง่ายนะ! ยูโม่เป็นแฟนนายจริงๆ?"
"นายมันก็แค่ไม้แขวนเสื้อที่สกปรก นายคู่ควรกับหลิงยูโม่?"
ชิเล่ยก็เผยรอยยิ้มน่าขนลุกออกมา
"เฉินหมิง มันคงไม่เป็นตามที่นายคิดไว้หรอก"
ในตาของเฉินหมิงก็เผยให้เห็นความเย็นชา
"ชิเล่ย นายกล้าเดิมพันกับฉันมั้ยละ?"