TWO Chapter 90 การเข้าร่วม
TWO Chapter 90 การเข้าร่วม
ในห้องโถงประชุม ค่ายผู้อพยพ หลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่าย ได้ทักทายกัน พวกเขาก็เริ่มพูดคุยกันเรื่องหัวข้อในวันนี้
โอหยางโชวไม่ต้องการวางท่า เขากล่าวออกไปตรงๆว่า “พวกท่านมีผู้มีความสามารถเพียงเล็กน้อย มันเป็นเรื่องปกติที่พวกท่านจะเป็นห่วงผู้อพยพทั่วไป ตัวข้านั้นไม่ได้มีความสามารถและฉลาดมากนัก ดังนั้น ข้าขอเชิญชวนทุกท่านและผู้อพยพทั้งหมดในค่ายเข้าร่วมกับเมืองซานไห่ และพัฒนาไปพร้อมกัน ข้าอยากรู้ว่าพวกท่านคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“ความตั้งใจที่ดีของท่านนั้นพวกเรายอมรับ ขออภัยที่ข้าต้องถามอะไรที่ไมสุภาพ ถ้าเราเข้าร่วมกับเมืองซานไห่ เราจะได้รับการดูแลเช่นไร?” อาวุโสสู่ถามออกไป
โอหยางโชวพยักหน้า เขาหัวเราะแล้วกล่าวว่า “แม้ว่าท่านจะไม่ถาม ข้าก็กำลังจะอธิบายให้ทุกคนทราบ เดือนที่ผ่านมา เมืองซานไห่ได้ปฏิรูปเสร็จสิ้นแล้ว ผู้ที่พักอาศัยทุกคน จะได้รับสวัสดิการขั้นพื้นฐาน ได้แก่ ธัญพืช 100 หน่วย, เนื้อสัตว์ 20 หน่วย, เสื้อผ้าขั้นพื้นฐาน และเงิน 20 เหรียญเงิน มันเพียงพอจะให้ทุกคนอยู่ได้นาน 3 เดือน”
“ถ้าผู้อพยพในค่ายเข้าร่วมกับเมืองซานไห่ พวกเขาสามารถหางานทำได้ตามความเชี่ยวชาฯของพวกเขา ในบรรดาผู้ที่ต้องการจะเป็นเกษตรกร รัฐบาลจะมอบที่ดินและจัดหาเครื่องมือทำการเกษตรให้ฟรี ผู้ที่ต้องการเป็นชาวประมง ก็สามารถเช่าเรือออกไปหาปลาได้ ผู้ที่ต้องการใช้แรงงาน ในดินแดนมีทั้งเหมืองแร่ เหมืองหิน และลานไม้ นอกจากนี้ ดินแดนมีโรงผลิตที่แตกต่างกันเป็นจำนวนมาก มีทั้งโรงงานและร้านค้า แต่สถานที่ทั้งหมดเหล่านี้จะรับเพียงผู้มีพรสวรรค์ สำหรับผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ สามารถหางานทำในโครงการก่อสร้างได้”
“ดังนั้น ตราบเท่าที่พวกท่านยินดีจะเข้าร่วมกับเมืองซานไห่ พวกท่านก็ไ่ม่ต้องกังวลว่า จะไม่สามารถหางานทำ เพื่อเลี้ยงปากท้องของครอบครัวได้ ถ้าพวกท่านขยันทำงาน เป็นธรรมดาที่พวกท่านทุกคน จะสามารถมีบ้านเป็นของตัวเองและมีอาหารที่อุดมสมบูรณ์ หน่วยงานของรัฐบาลและกองทัพ ยินดีจะต้อนรับพวกท่านเสมอ”
ดวงตามของเก่อหงเหลียงและสู่เจิ้นชาง(Xu Zhenchang)เปล่งประกาย พวกเขากำลังคิดตามสิ่งที่โอหยางโชวอธิบาย การแสดงออกของพวกเขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ‘ถ้ามันเป็นจริงตามที่กล่าว มันย่อมดีกว่าที่จะอยู่ในค่ายโทรมๆนี้’
ซุนเถิงเจียวไม่ได้แสดงอาการใดๆ ก่อนจะกล่าวออกมาเสียงดังว่า “ข้าขอถามบ้างได้หรือไม่?”
“เชิญถาม!” โอหยางโชวยิ้ม เขาสามารถบอกได้ว่าเก่อหงเหลียงทำหน้าที่เป็นผู้นำใจดี ขณะที่ซุนเถิงเจียวทำหน้าที่ผู้นำที่เข้มงวด ทั้ง 2 คน จะถามคำถามที่แตกต่างกัน
“ถ้าเราเข้าร่วมกับเมืองซานไห่ แล้วพวกท่านจะจัดการกับกองกำลังของเราอย่างไร?” ซุนเถิงเจียวถามในเรื่องละเอียดอ่อนเกี่ยวกับการจัดการทหาร
“สถานการณ์ปัจจุบันของพวกทหารเป็นเช่นไร?” โอหยางโชวไม่เร่งรีบที่จะตอบ เขาเลือกที่จะถามรายละเอียดก่อน
ซุนเถิงเจียวพยักหน้า ในขณะที่เข้ารู้สึกถึงความจริงใจที่อยู่ในคำพูดของโอหยางโชว ถ้าโอหยางโชวไม่ถาม และให้คำตอบในทันที เขาจะไม่เชื่อใจโอหยางโชว “ในค่ายมีทหาร 150 คน เนื่องจากเราขาดแคลนม้า พวกเขาส่วนใหญ่จึงเป็นทหารราบ แต่พวกเขาได้รับการฝึกการยิงธนูและการขี่ม้า ตราบเท่าที่พวกเขามีม้า พวกเขาก็เป็นทหารม้าได้”
ซุนเถิงเจียวมั่นใจอย่างมากสำหรับเหล่าทหารที่เขาเป็นคนฝึก หลินยี่ที่อยู่ด้านข้างหัวเราะ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อในคำพูดของซุนเถิงเจียว
โอหยางโชวพยักหน้า “ข้าเชื่อในเหล่าทหารของท่าน ข้าจะให้พวกเขาทหารม้า 1 กองร้อย ภายใต้การดูแลของท่าน ส่วนที่เหลืออีก 50 คน จะเป็นทหารสำรอง เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม พวกเขาจะได้เลื่อนเป็นทหารประจำการ ท่านพอใจหรือไม่?”
กองทหารสำรองถือเป็นความพยายามอย่างที่สุดที่โอหยางโชวจะให้ได้แล้ว และเมืองซานไห่ก็ไม่มีองทหารสำรอง ซุนเถิงเจียวเข้าใจความหมายของคำตอบนี้ดี เขาจะได้เพียงกองร้อยทหารม้า 1 กองร้อยเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะถูกตัดทิ้งไป
เมื่อคำนึงถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และผู้ที่มีภาวะขาดสารอาหาร ทำให้สมรรถภาพร่างกายลดลง พวกเขาแทบจะไม่สามารถเติมเต็มกองร้อยทหาร 100 คนได้ ดังนั้น ซุนเถิงเจียวจึงไม่ขออะไรมากไปกล่าวนี้อีก
หลังจากโอหยางโชวตอบคำถามของทั้ง 2 เขาก็หันไปหาเก่อหงเหลียง เพื่อรอความคิดเห็นของเขา
เก่อหงเหลียง และซุนเถิงเจียวเปลี่ยนสายตา และยิ้มออกมา “ท่านมีวคามจริงใจและเมตตา พวกเราดิ้นรนเพื่อให้ได้อยู่รอดในเขตทุรกันดาร พวกเราต่อสู้เพื่อให้มีชีวิตรอดในทุกๆวัน การได้รับความช่วยเหลือของท่าน ถือเเป็นโชควาสนาของพวกเรา ข้าขอขอบคุณในนามของผู้อพยพในค่ายทั้ง 1500 คน”
“ด้วยความช่วยเหลือของพวกท่าน ข้าก็เหมือนกับเสือติดปีก” โอหยางโชวหัวเราะ
หลังจากที่ทั้งคู่ได้ตกลงกันแล้ว โอหยางโชวก็ถือโอกาสตรวจสอบค่าสถานะของทั้ง 3 คน
ชื่อ : เก่อหงเหลียง(ระดับทอง)
อัตลักษณ์ : ชาวเมืองซานไห่
อาชีพ : นักวางกลยุทธ์
ความจงรักภักดี : 75
ความเป็นผู้นำ : 35
กำลัง : 15
สติปัญญา : 55
การเมือง : 60
ความเชี่ยวชาญพิเศษ : ยุทธวิธี(พลังต่อสู้ของทหารเพิ่มขึ้น 5%), ความเชี่ยวชาญกลยุทธ์(ความเร็วในการเคลื่อนที่ของทหาร เพิ่มขึ้น 10%)
การประเมิน : เกิดมาเป็นนักวิชาการ มีสติปัญญาสูง มีความสามารถในการวางกลยุทธ์ และมีความจงรักภักดีสูง
ชื่อ : สู่เจิ้นชาง(ระดับเงิน)
อัตลักษณ์ : ชาวเมืองซานไห่
อาชีพ : ข้าราชการ(จูเหริน)
ความจงรักภักดี : 75
ความเป็นผู้นำ : 15
กำลัง : 12
สติปัญญา : 40
การเมือง : 50
ความเชี่ยวชาญพิเศษ : ละเอียดถี่ถ้วน(รายได้จากภาษีในดินแดน เพิ่มขึ้น 5%)
การประเมิน : ผู้การผ่านการทดสอบของจักรวรรดิ, มีบุคลิกภาพรอบคอบ ตรงไปตรงมา มีประสบการณ์ด้านการเมือง และมีความสามารถพิเศษเกี่ยวกับรัฐบาลที่หาได้ยาก
ชื่อ : ซุนเถิงเจียว(ระดับเงิน)
อัตลักษณ์ : ชาวเมืองซานไห่
อาชีพ : นายทหารขั้นต้น
ความจงรักภักดี : 75
ความเป็นผู้นำ : 35
กำลัง : 35
สติปัญญา : 20
การเมือง : 20
ฝึกฝน : วิชาทวนกองทัพ (6 รูแบบ)
การประเมิน : ทหารที่เกิดมาพร้อมกับความแข็งแกร่งระดับพระเจ้า, ใช้ทวนบนหลังม้าได้ดี
ดูเหมือนว่าซุนเถิงเจียวจะไม่ธรรมดา ทวนบนหลังม้า ถือเป็นอาวุธเจาะทะลวงที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคอาวุธเย็น มันยากมากที่จะฝึกฝนและทำความเข้าใจ ผู้ที่ฝึกสำเร็จต้องฝึกฝนมาหน้กมาก
ทั้ง 3 คน มีความสามารถที่เมืองซานไห่กำลังขาดแคลน ทำให้โอหยางโชวยินดีเป็นอย่างยิ่ง การอพยพผู้ลี้ภัยมีเรื่องให้ทำจำนวนมาก แต่สิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ที่เก่อหงเหลียงต้องจัดการ
มันสายมากแล้ว ดังนั้น โอหยางโชวจึงออกจากค่ายผู้อพยพ เขาทิ้งสานโก่วฉีไว้ เพื่อให้เขาคอยช่วยประสานงาน และทำกองร้อยทหารม้าที่ 1 กลับเมืองซานไห่
การเพิ่มจำนวนประชากรถึง 1500 คน เป็นสิ่งที่เมืองซานไห่ต้องเตรียมความพร้อม โชคดีที่เมืองซานไห่ในตอนนี้แตกต่างจากเดิม กรมคลังวัสดุมีทรัพยากรเพียงพอสำหรับการสร้างบ้านให้กับผู้อพยพเหล่านี้ โอหยางโชววางแผนที่จะส่งผู้อพยพ 400 คน ไปยังหมู่บ้านฉิวซุ่ย เพื่อช่วยให้พวกเขาอัพเกรดเป็นเมืองขนาดเล็กระดับ 1
……………………………………………………………………………………………………..
ไกอา ปีที่ 1 เดือนที่ 3 วันที่ 15
ผู้อพยพทยอยเดินทางมาเมืองซานไห่ โอหยางโชวสั่งให้กองร้อยทหารม้าที่ 1 คอยดูแลความปลอดภัยให้กับพวกเขา
เวลา 11.00 น. โอหยางโชวนำเหล่าเจ้าหน้าที่ไปที่หน้าประตูเมืองซานไห่ เพื่อรอต้อนรับเก่อหงเหลียง ในตอนนี้สิ่งอำนวยความสะดวกบนกำแพงเมืองทั้งหมดสร้างเสร็จแล้ว
ประตูเมืองหลักของเมืองซานไห่ คือ ประตูด้านทิศเหนือของเมือง สามารถมองเห็นมองเห็นหอคอยอิฐตั้งตระหง่าน และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย นอกจากนี้มันยังมีนำมันร้อนเก็บไว้เป็นจำนวนมาก รวมถึงทรัพยากรสงครามต่างๆ ด้านบนหอคอยมีทหารธนู 2 คน ประจำการอยู่
ด้านหน้าหอคอยมีธงซานไห่จำนวนมากปีกอยู่ ธงได้รับการออกแบบโดยโอหยางโชว ตัวธงถูกแบ่งด้วยเส้นทองเป็น 2 ส่วน พื้นที่ด้านบนเป็นภูเขาไฟที่กำลังปะทุ และมีมังกรทองพันรอบภูเขาไฟนั้น มันดูดุร้ายและน่าเกรงขาม ส่วนพื้นหลังและพื้นที่ด้านล่างทั้งหมดเป็นสีนำเงินของมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
ประตูเมืองมีความกว้าง 6 เมตร ด้านบนสลักคำว่า ‘ซานไห่’ ประตูทั้งข้าง 2 ทำจากไม้ขนาดใหญ่และถูกห่อหุ้มด้วยโลหะขนาดใหญ่ โดยมีหอกเหล็กถูกติดเข้าไป ทำให้มันดูเหมือนสัตว์ร้าย ที่ด้านข้างของแต่ข้างเป็นประตูรอง ประตูรองแต่ละข้างกว้าง 4 เมตร สูง 5 เมตร ภายใต้สถานการณ์ปกติ ประตูหลักจะถูกปิด และผู้คนจะใช้เพียงประตูรองในการสัญจร
ถัดจากประตูรองเป็นคูน้ำ 2 ชั้น ชั้นบนมีช่องทางน้ำ 6 ช่อง ชั้นล่างมี 5 ช่อง บริเวณคูน้ำแต่ละชั้น มีประตูน้ำที่สามารถเปิด-ปิดได้ คูน้ำยังมีทางน้ำอีก 3 ช่อง ยามไปถึงแม่น้ำมิตรภาพ นี่จะช่วยพวกเขา ในการป้องกันผู้บุกรุก คูน้ำแบบผสมเป็นส่วนหนึ่งของกำแพงเมือง ทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยอยู่ภาบในมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น
ที่ด้านหน้าประตูเมือง เป็นสะพานชัก กว้าง 6 เมตร ยาว 9 เมตร มีรอกติดกับผนัง สามารถดึงขึ้นและปล่อยลงได้ นอกจากช่วงเวลาสงครามแล้ว ในสถานการณ์ปกติ มันจะถูกปล่อยลงมา และเพื่อให้แน่ใจว่า ใช่วงเวลาสงคราม สะพานชักยังใช้งานได้ พวกเขาจะทดอสอบมันทุกๆสัปดาห์ มองออกไปทางแม่น้ำมิตรภาพ จะมองเห็นสะพานไม้ขนาดใหญ่ ทอดยาวข้ามไปอีกฝั่งของแม่น้ำ โดยตัวสะพานมีความกว้างถึง 8 เมตร
เมื่อเหล่าผู้อพยพเห็นกำแพงเมืองที่ตั้งตระหง่าน ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้าง เมื่อเทียบกับกำแพงของค่ายที่พวกเขาอาศัยอยู่แล้ว มันทำให้พวกเขารู้สึกสงบและปลอดภัยมากขึ้น ความไม่พอใจของผู้อพยพค่อยๆลดลง เหล่าผู้นำมองไปที่กันและกัน วันที่ยากลำบากของพวกเขาได้สิ้นสุดลงแล้ว
เก่อหงเหลียงตกใจมาก ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นกำแพงที่สูงใหญ่มาก่อน ในความเป็นจริงถ้าเอาไปเทียบกับกำแพงเมืองหลวงของจักรวรรดิ กำแพงนี้ก็ไม่มีอะไรเลย
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ เมืองซานไห่ที่เป็นเพียงเมืองขนาดเล็ก มีความสามารถในการสร้างโครงสร้างที่แข็งแรง และมั่นคงได้อย่างไร เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงความสามารถของลอร์ดของเขา
แฟนเพจ : TWOแปลไทย