TWO Chapter 89 ค่ายผู้อพยพ
TWO Chapter 89 ค่ายผู้อพยพ
ไกอา ปีที่ 1 เดือนที่ 3 วันที่ 13
หลังจาก 5 วันแห่งการเตรียมความพร้อม หลินยี่นำกองร้อยทหารม้าที่ 1 และเจ้าซีฮูนำกองร้อยทหารราบที่ 1 ร่วมกันไปกวาดล้างค่ายโจรขนาดกลางที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตของดินแดน พวกเขายึดทรัพยากรและทรัพย์สินได้เป็นจำนวนมาก รวมถึงเงินกว่า 216 เหรียญทอง
โอหยางโชวใช้เงิน 150 เหรียญทอง ในการเปลี่ยนขั้นทหารให้กับกองร้อยทหารม้าที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่ และหลี่หมิงเหลียงก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการกองร้อยทหารม้าที่ 2 อย่างเป็นทางการ หลังจากออกจากค่ายทหารโอหยางโชวก็มุ่งหน้าไปที่ตลาดขั้นกลาง ใช้เงิน 20 เหรียญทอง ซื้อแบบแปลนโรงถลุงแร่ พร้อมมอบมันให้กับฝ่ายก่อสร้าง เพื่อให้พวกเขาเริ่มก่อสร้างมันโดยเร็วที่สุด
การเจรจาระหว่างกรมคลังวัสดุและเผ่าซวนเหนียวเป็นไปอย่างราบรื่น เทียนเหวินจิงประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวซีซี่อ๋อง ให้เลิกประเพณีล่าสัตว์ของชนเผ่า ผู้ใหญ่ในเผ่า 1500 คน จะกลายเป็นคนงานเหมืองแร่หลางซาน ในขณะเดียวกัน เมืองซานไห่จะจัดหาธัญพืช 10000 หน่วย ให้กับเผ่า และสอนพวกเขาถึงทักษะการเพาะปลูก
โอหยางโชวไม่รู้ว่า เป็นเพราะเหตุผลใดที่การเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่น ในความจริงแล้ว มันเป็นนเพราะยอดหมอผีของเผ่าซวนเหนียวได้ตกลงรับเงื่อนไขอย่างเงียบๆ มิฉะนั้น บุคคลที่เคร่งจารีตประเพณีอย่างซีซี่อ๋องคงจะไม่ถูกโน้มน้าวได้ง่ายเช่นนี้
หน่วยทหารรักษาการณ์หลางซาน ได้ถูกจัดตั้งขึ้น ประกอบด้วยกองร้อยทหาร 2 กอง นำโดยนักล่าที่ดีที่สุดของเผ่าอย่างซีเปา(Shi Bao) และซีหลาง(Shi Lang) โอหยางโชวมอบชุดอุปกรณ์จากคลังแสง ให้กับทหารทั้ง 2 กองร้อย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรบให้กับพวกเขา
นั่นไม่ใช่ข่าวดีเพียงอย่างเดียวของโอหยางโชว เหล้า 3 ดอกไม้ที่ทำโดยตู่ชุน ได้ถูกจัดเป็นสินค้าท้องถิ่นของซานไห่โดยระบบ ระบบได้ตั้งชื่อมันว่า ‘เหล้าเหลียนโจว 3 ดอกไม้’ และสามารถจำหน่ายผ่านร้านขายของชำได้ โดยเสียภาษีเพียงครึ่งหนึ่งของขายที่ตลาดเท่านั้น
โดยเฉลี่ยแล้วธัญพืช 3 หน่วย จะสามารถผลิตเหล้า 3 ดอกไม้ได้ 1 หน่วย, เหล้า 3 ดอกไม้มีราคาขายหน่วยละ 1 เหรียญเงิน หักค่าใช้จ่ายจากค่าธัญพืช กำลังคน และภาษีแล้ว มันได้กำไรสุดธิถึง หน่วยละ 40 เหรียญทองแดง กำไรที่สูงเช่นนี้ทำให้โอหยางโชวมีความสุขอย่างมาก
โดยไม่ได้คิดนาน โอหยางโชวตัดสินใจดึงโรงผลิตเหล้าไปใว้ภายใต้การดูแลของกรมการเงิน ในขณะเดียวกัน เพื่อเพิ่มผลกำไร เขาได้อัพเกรดโรงผลิตเหล้า ให้เป็นโรงงานขนาดใหญ่ สำหรับคนงาน 1000 คน
โรงงานผลิตเหล้าขนาดใหญ่นี้ มีอัตราการผลิตต่อเดือนสูงถึง 50,000 หน่วย/เดือน มันจะทำให้โอหยางโชวมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 200 เหรียญทอง/เดือน นอกเหนือจากผลกำไรแล้ว เหล้าเหลียนโจว 3 ดอกไม้ยังทำให้โอหยางโชวประหลาดใจกับผลที่มีต่อดินแดนของมันอีกด้วย
เหล้าเหลียนโจว 3 ดอกไม้ : เหล้าพิเศษจากซานไห่ +โอกาสในการดึงดูดผู้ชื่นชอบเหล้า(เครื่องดื่ม) 15%
ตู่ชุนเป็นผู้ที่ทำให้มันเกิดขึ้นทั้งหมด แน่นอนว่าเขาได้รับรางวัลจากโอหยางโชวจำนวนมาก โอหยางโชวเสนอให้เขาได้รับเงินเดือนสูงถึง 1 เหรียญทอง/เดือน ทำให้เขากลายเป็น 1 ในคนที่ได้รับเงินเดือนสูงที่สุดในซานไห่ และที่สำคัญที่สุด ด้วยความช่วยเหลือของเหล้าเหลียนโจว 3 ดอกไม้ ตู่ชุนได้เลื่อนเป็นคนหมักเหล้าขั้นมาสเตอร์ เขาเป็นคนที่ 2 ที่เลื่อนขั้นเป็นขั้นมาสเตอร์ ต่อจากมู่ฉิงซี
……………………………………………………………………………………………………………
ไกอา ปีที่ 1 เดือนที่ 3 วันที่ 14
ขณะที่ฝ่ายข่าวกรองกำลังสอดแนมค่ายโจรทั่วดินแดน พวกเขาได้ค้นพบค่ายผู้อพยพ ห่างจากเมืองซานไห่ 15 กิโลเมตร สานโก่วฉีไม่ล่าช้า เขารีบรายงานให้โอหยางโชวทราบในทันที
“ค่ายผู้ลี้ภัยหรือ? มีขนาดเท่าใด?” โอหยางโชวประหลาดใจอย่างยิ่งหลังจากได้ฟังข่าวนี้
“เรียนนายท่าน มีผู้อพยพประมาณ 1,500 คน ขอรับ”
“ด้วยจำนวนขนาดนี้ พวกเขาอยู่รอดในเขตทุรกันดารได้อย่างไร? มีใครเป็นผู้นำหรือไม่?”
โอหยางโชวรู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับค่ายผู้อพยพพวกเขาเป็นสิ่งที่หายากมากในเขตทุรกันดารเป็นการยากอย่างมากที่จะพบเจอพวกเขา
เพื่อความอยู่รอด พวกผู้อพยพต้องเดินไปรอบๆเพื่อหาดินแดนของลอร์ด หรืออาศัยอยู่ในหมู่บ้านอย่างเงียบๆ ดังเช่น เจ้าเต๋อเสี้ยนจากหมู่บ้านเจ้า ซึ่งเป็นดั่งสวรรค์ที่อยู่ห่างไกลโลกภายนอก อีกกลุ่มหนึ่งจะอยู่ภายในค่ายโจรต่างๆในเขตทุรกันดาร
ค่ายผู้อพยพไม่ได้ใกล้เคียงกับทั้ง 3 กลุ่มที่ว่ามาเลย มันไม่ได้เหมือนคนที่ย้ายไปเรื่อยๆเพื่อหาที่พักที่มั่นคง ไม่เหมือนสวรรค์อันสงบเงียบ มันตั้งอยู่ในเขตทุรกันดาร แต่ไม่ถูกบุกรุกโดยพวกโจร
ค่ายผู้อพยพทุกค่ายจะเกิดขึ้นโดยบังเอิญ พวกเขาพบแหล่งอาหารที่เพียงพอจะเลี้ยงตนเอง หรือพวกเขามีผู้นำที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะนำพวกเขาปกป้องตัวเองจากการรุกรานของพวกโจร
“มีขอรับ ผู้นำของค่ายชื่อว่า เก่อหวงเหลียง(Ge Hongliang)” อายุ 35 ปี เป็นอดีตทหารที่อาศัยอยู่ในเขตทุรกันดาร เขามีความสามารถที่ยอดเยี่ยม สามารถรวบรวมผู้อพยพที่ไร้ที่อยู่มาอยู่ด้วยกันได้ พวกได้ฝึกฝนให้พวกเขาสามารถมีชีวิตอยู่ในเขตทุรกันดารได้ สานโก่วฉีรายงานเกี่ยวกับเก่อหงเหลียงโดยละเอียด
“แม้ว่าพวกเขาจะสามารถปกป้องตนเองจากพวกโจรได้ แต่ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะมีการใช้ชีวิตที่ดีนัก ใช่หรือไม่?” แม้โอหยางโชวจะถามออกไป แต่เขาก็มั่นใจมากในเรื่องนี้ แม้แต่ผู้เล่นลอร์ดที่ได้รับการดูแลจากระบบ ก็ยังยากที่จะอยู่รอดได้ในเขตทุรกันดาร ไม่ต้องกล่าวถึงพวกชาวบ้านที่อยู่นอกระบบ พวกเขาจะอยู่รอดได้อย่างไรหากไม่มีการซื้อขายจากตลาด
สานโก่วฉีมองโอหยางโชวด้วยสายตาบูชา เขาพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “นายท่านคาดการได้ถูกต้องแล้ว เนื่องจากไม่มีธัญพืชและเครื่องมือทำไร่ไถนา พวกเขาจึงไม่สามารถทำการเพาะปลูกพืชได้ ค่ายนี้อยู่รอดได้ด้วยการล่าสัตว์และตกปลา ดังนั้น แหล่งอาหารของพวกเขาจึงไม่แน่นอน บางครั้งพวกเขาต้องกินผักหญ้าจากป่าเพื่อประทังชีวิต”
“ยิ่งกว่านั้น ตั้งแต่ผู้เล่นลอร์ดได้ก่อตั้งดินแดนของตนในถิ่นทุรกันดาร จำนวนสัตว์ป่าก็ลดน้อยลง ซึ่งมันส่งผลให้พวกเขาได้รับอาหารน้อยลงตามไปด้วย ตอนนี้ พวกเขาใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว พวกเขาใกล้จะเปลี่ยนพวกตนเป็นโจรเพื่อที่จะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป”
โอหยางโชวพยักหน้า เขายิ้มแล้วกล่าวว่า “นี่ถือเป็นโอกาส แม้มันจะดูไร้ศีลธรรม แต่ถ้าเราสามารถดึงผู้อพยพมายังดินแดนของเราได้ มันคงจะช่วยพวกเราได้บ้าง”
“มันคงเป็นเกียรติแล้ว ที่พวกเขาได้เป็นส่วนหนึ่งของเมืองซานไห่ ไม่มีความจำเป็นที่นายท่านต้องรู้สึกแย่สำหรับเรื่องนี้” สานโก่วฉียิ้ม นับตั้งแต่ที่เขาได้เรียนในวิทยาลัยเหลียนโจว ทักษะการพูดของเขาก็พัฒนาไปมาก ดูเหมือนการเรียนการสอนจะประสบผลสำเร็จมากที่เดียว
“ฝ่ายข่าวกรองได้ไปเจรจากับเก่อหงเหลียงแล้วหรือไม่?” โอหยางโชวถาม
“ไปแล้วขอรับ พวกเราพูดคุยเพียงสั้นๆเกี่ยวกับเมืองซานไห่ และความชื่มชมผู้มีความสามารถพิเศษของนายท่าน เฮะ! เฮะ! จากสิ่งที่ข้าเห็นจากเขา เขาอยากย้ายมาที่นี่ แต่ในฐานะที่เป็นผู้นำค่าย เขาไม่เต็มใจที่จะเป็นคนเริ่มเปิดปากกล่าวถึงเรื่องนี้”
“ดี ข้าจะไปพบพวกเขาเป็นการส่วนตัวเอง” โอหยางโชวกล่าว หลังจากที่เขาเข้าใจสถานะการณ์
การเดินทางไปค่ายผู้อพยพในครั้งนี้ ก็เพื่อก่อให้เกิดสันติภาพ ไม่ใช่สงคราม ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นการไม่ฉลาดที่จะนำกองทัพไปพร้อมกับเขา โอหยางจึงมาพร้อมกับทหารฝ่ายข่าวกรอง และกองร้อยทหารม้าที่ 1
บ่าย 3 โมง โอหยางโชวและทหารของเขาก็มาถึงหน้าค่ายผู้อพยพ ค่ายมีพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร มีรั้วไม้ล้อมรอบ มียาม 2 คน ยืนอยู่ด้านข้างหน้าประตูคนละข้าง เมื่อพวกเขาเห็นโอหยางโชว พวกเขาก็กังวลเป็นอย่างมาก หนึ่งในพวกเขาตะโกนว่า “ผู้บุกรุก บอกชื่อมา?”
“ข้าคือลอร์ดแห่งเมืองซ่านไห่ โปรดบอกท่านผู้นำของท่านว่า ข้ามาขอพบ!” โอหยางโชวนั่งอยู่บนวายุดำขณะที่ตอบเสียงดัง
ยามคนนั้นตกใจ เขาจำคำสั่งของผู้นำเมื่อเช้าได้ เขารีบตอบว่า “ท่านโปรดรอซักครู่ ข้าจะรีบไปบอกท่านผู้นำในทันที!”
“ขอบคุณ!” โอหยางโชวสั้งให้ทุกคนลงจากม้า และรออย่างอดทนที่หน้าประตู
หลังจากผ่านไป 10 นาที ก็มีนักวิชาการวัยกลางคนเดินออกมาจากค่าย เขามีรูปร่างผอมและสมส่วน ไหล่กว้าง แม้ว่าใบหน้าของเขาจะซีดเซียวและมอมแมม เขาก็มีสายตาคม สวมเสื้อผ้าหยาบๆ ด้านหลังของเขาตามมาด้วยช่ายหนุ่มทั้งรุ่นเยาว์และรุ่นใหญ่ พวกเขาทั้งหมดสวมเสื้อผ้าหยาบ หน้าตาซีดเซียวและมอมแมม
ก่อนที่เขาจะเดินมาถึงโอหยางโชว เขาได้เปิดปากพร้อมกล่าวว่า “ท่านลอร์ดได้มาเยี่ยมเยือนพวกเราเช่นนี้ พวกเรายินดีต้อนรับท่านเป็นอย่างยิ่ง”
โอหยางโชวมองไปที่สานโก่วฉี โดยใช้ดวงตามถามเขาว่า นักวิชาการคนนี้คือเก่อหงเหลียงใช่หรือไม่ สานโก่วฉีพยักหน้าเล็กน้อย เพื่อยืนยันสถานะของนักวิชาการ โอหยางโชวยิ้มแล้วกล่าวว่า “ต้องขอโทษสำหรับการมาเยียมเยือนอย่างกระทันหัน ข้าหวังว่าพวกท่านจะยกโทษให้ข้า”
เหล่าผู้อพยพที่อยู๋ด้านหลังเก่อหงเหลียง ได้มองไปที่ทหารม้าที่มีอุปกรณ์ครบครัน ในดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พวกเขากลัวมากจริงๆ
“เชิญท่านลอร์เข้ามาคุยข้างใน” เก่อหงเหลียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
โอหยางโชวพยักหน้า เขาสั่งให้คนอื่นๆรออยู่ด้านนอก เขานำเพียงหลินยี่และสานโก่วฉีติดตามเขาเข้าไป ขณะที่พวกเขากำลังเดินอยู่ในค่าย ผู้อพยพก็ออกมาจากบ้านของตน และมองมาที่พวกเขาอย่างประหลาดใจ ผู้อยพส่วนใหญ่เป็นผู้พลัดถิ่น พวกเขาไม่ได้มีเสื้อผ้าดีๆใส่ มีเพียงเสื้อผ้าหยาบๆที่ขาดรุ่งริ่งเท่านั้น ใบหน้าของพวกเขาก็เหมือนกันคนอื่นๆ ซีดเซียวและมอมแมม
ก่อนที่โอหยางโชวจะเข้ามาในค่ายผู้อพยพ เขาสวมชุดเกราะและเหน็บดาบไว้ข้างตัว แต่งตัวคล้ายเจ้าหน้าที่รัฐ เขาดูเหมือนวีรบุรุษผู้รุ่งโรจน์ ทั้ง 2 คน ที่เดินข้างเขามีอุปกรณ์ครบครัน เมื่อเทียบกับผู้อพยพ พวกเขาต่างกันราวสวรรค์กับโลก
โอหยางโชวมองไปที่อุปกรณ์ของทหารในค่ายผู็อพยพ พวกเชามีเพียงอาวุธและชุดเกราะแบบง่ายๆ หยาบๆ เขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่า เก่อหงเหลียงสั่งการผู้ลี้ภัยเหล่านี้ปกป้องตัวเองจากผู้อพยพได้อย่างไร เขาได้ประเมินคุณค่าของเก่อหงเหลียงใหม่อีกครั้ง ดูเหมือนเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้โดยใช้กลยุทธ์
เมื่อพวกเขาเข้าไปในห้องประชุมและนั่งลง ผู้อพยพคนอื่นๆนอกเหนือจาก เก่อหงเหลียง ชายชราคนหนึ่ง และชายหนุ่มอีกคนหนึ่งแล้ว พวกเขาได้ออกไปโดยอัตโนมัติ “ข้าขอแนะนำพวกเขาให้ท่านลอร์ดรู้จัก” เก่อหงเหลียงกล่าวขณะที่ชี้ไปที่ชายชรา “นี่คือผู้อาวุโสสู่(Xu) เขาเป็นอดีตเจ้าหน้าที่กรมการเงินในย่าเหมิน(Ya Men)” จากนั้นก็ชี้ไปที่ชายหนุ่ม “เขาเป็นนายทหารของเรา ซุนเถิงเจียว(Sun Tengjiao) เขาเป็นอดีตนายทหารในกองทัพ”
โอหยางโชวยิ้มให้พวกเขาพร้อมแนะนำหลินยี่ และสานโก่วฉีให้พวกเขารู้จัก เขาสังเกตเห็นว่า ตอนที่เขาแนะนำหลินยี่ สายตาของซุนเถิงเจียวเต็มไปด้วยความตื่นเต้น สำหรับสานโก่วฉี ผู้อพยพเหล่านี้ได้พบกับเขาก่อนหน้านี้แล้ว มันจึงเป็นเรื่องง่ายในการแนะนำเขา
เมื่อรู้ว่าสานโก่วฉีเป็นหัวหน้าฝ่ายข่าวกรอง ดวงตาของเก่อหงเหลียงก็เปล่งประกายอย่างฉับพลัน เขารู้ดีว่าฝ่ายนี้มีหน้าที่อะไร
เมื่อตอนที่โอหยางโชวแนะนำสานโก่วฉี เขารู้สึกอายเล็กน้อย สำหรับชื่อของหัวหน้าฝ่ายข่าวกรองของซานไห่ เขามีชื่อนี้จริงๆ มันไม่เหมาะเอาเสียเลย (หมายเหตุ : ความหมายของชื่อก็ประมาณหัวหน้าหมา)
ถ้ามีโอกาส ในอนาคต เขาจะลองดูว่าจะสามารถเปลี่ยนชื่อได้หรือไม่
แฟนเพจ : TWOแปลไทย