บทที่ 2 โศกนาฎกรรมต้องไม่เกิดขึ้นอีก (รีไรท์อ่านฟรี)
บทที่ 2 โศกนาฎกรรมต้องไม่เกิดขึ้นอีก
เฝิงหยู่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าและพบเงินอั่งเปาซึ่งเป็นของขวัญปีใหม่อยู่ใต้หมอนของเขา ในสมัยนี้ อมยิ้มมีราคาแค่สองเซ็นต์และไอศกรีมราคาเพียงแค่สามเซ็นต์ เงินจำนวนนี้จึงถือว่ามากโขทีเดียว
เฝิงหยู่อวยพรให้พ่อแม่มีความสุขในวันปีใหม่ เมื่อตนกินเกี๊ยวเสร็จจึงไปเรียกเหวินตงจุนเพื่ออวยพรวันปีใหม่ที่บ้านของเขาทันที
เหวินตงจุนเดินอยู่ด้านหน้าอย่างเริงร่าพร้อมกับธูปหนึ่งอัน เขาจุดปะทัดและปาไปรอบๆอยู่บ่อยครั้ง เฝิงหยู่ไม่สนใจสักนิดและรู้สึกว่ามันเป็นการละเล่นของเด็กน้อย
“ตงจุน....พวกเราเดินมาเกือบครึ่งหมู่บ้านแล้วจะพักนานหรือครู่เดียวก็ไม่ต่างกัน...พวกเรากลับไปหาเฮียเหลียงเเล้วเล่นไพ่โปกเกอร์กันดีกว่า”
แม้ว่าหมู่บ้านจะเล็กและมีบ้านไม่เกินร้อยหลังคาเรือนแต่เฝิงหยู่ไม่สามารถฝืนทนท่ามกลางความหนาวเหน็บในฤดูหนาวเช่นนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขากำลังใส่เสื้อแจ็คเก็ตและกางเกงนวมซึ่งทำด้วยฝ้าย เขาจึงคิดถึงชุดชั้นในและเสื้อแจ็คเก็ตชั้นในที่กักความร้อนในชีวิตครั้งที่แล้วของเขา
“ก็ได้...ไปหาเฮียเหลียงกัน”
“ตงจุน...เสี่ยวหยู่...สองคนนี้จะไปไหนกัน?”
เด็กชายอายุสิบเจ็ดปีคนหนึ่งเข้ามาทักทายพวกเขา เฝิงหยู่หรี่ตามอง เขาสู้อุตส่าห์เดินเลี่ยงเส้นทางผ่านหน้าบ้านของครอบครัวนี้ไปตั้งนานแล้วนะแต่หมู่บ้านมันคงเล็กเกินไปจริงๆ
“เฮียฉวน...เรากำลังไปหาเฮียเหลียงเพื่อเล่นไพ่โปกเกอร์กัน..อยากจะไปด้วยกันไหม?”
“ฮึ!...เล่นไพ่โปกเกอร์จะเล่นเมื่อไรก็ได้..บ่ายนี้ฉันจะไปล่าสัตว์อยากไปด้วยกันไหมล่ะ?”
หลิวซู่ฉวนออกปากเชื้อเชิญ
พอได้ยินคำว่าล่าสัตว์ เหวินตงจุนดวงตาเป็นประกายปกติแล้วพ่อของเขามักจะไม่ให้เขาแตะต้องปืนแต่ตอนนี้เป็นช่วงปีใหม่และพ่อก็กำลังจะไปข้างนอกเขาคงแอบ“หยิบยืม” มาได้
“ไป!...ฉันอยากไป”
“ไม่ไป”
ทั้งเหวินตงจุนและเฝิงหยู่ต่างตะโกนขึ้นมาพร้อมๆกัน เฝิงหยู่ไม่มีทางปล่อยให้เหวินตงจุนไปเป็นอันขาด เมื่อไปแล้วเขาจะต้องสูญเสียขาข้างหนึ่งไปและเศร้าโศกเสียใจไปตลอดชีวิต! ชีวิตในอดีตของ เหวินตงจุนค่อยๆขาดการติดต่อกับตัวเขาเพราะบาดแผลจากการล่าสัตว์ในครั้งนั้น
“เสี่ยวหยู่...นายไม่อยากไปหรือ?...ถ้างั้น..ตงจุน!นำปืนของนายมาที่บ้านของฉันในตอนบ่าย.. เราจะไปที่คูน้ำเลี้ยงเป็ดทางทิศเหนือด้วยกัน..ถึงจะล่าหมาจิ้งจอกไม่ได้แต่ไก่ฟ้ากับเป็ดก็มีให้ล่าไม่น้อย....ฉันจะกลับไปเอาปืนมา..เจอกันอีกทีตอนบ่ายเลยนะ”
เสี้ยววินาทีที่หลิวซู่ฉวนหมุนตัวกลับไป เฝิงหยู่มองเห็นอารมณ์ขุ่นเคืองในดวงตาของหลิวซู่ฉวน เขาตระหนักได้ในทันทีว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุแต่อาจจะเป็นแผนที่เตรียมไว้ล่วงหน้า?
หลังจากหลิวซู่ฉวนเดินจากไปแล้ว เหวินตงจุนก็มองเฝิงหยู่และเอ่ยออกมาอย่างกระตือรือร้น
“เราไปล่าสัตว์ด้วยกันนะ...นายอยากจะจับปืนมาโดยตลอดไม่ใช่หรือไง?”
“ตงจุน !...นายฟังฉันนะ... เราสองคนจะไปเล่นไพ่โปกเกอร์กันและไม่ไปล่าสัตว์อะไรทั้งนั้น... การล่าสัตว์ตอนปีใหม่จะทำให้เราซวย”
“ช่วงนี้มีคนน้อย...ถ้าเป็นช่วงก่อนปีใหม่คงมีคนเข้าไปล่าสัตว์เยอะมากแล้วจะไม่มีอะไรเหลือให้เราล่าได้...ช่วงนี้นี่ล่ะเหมาะสมที่สุด...ไปด้วยกันเถอะนะ...มันต้องสนุกแน่!”
ตอนนี้เหวินตงจุนวาดฝันถึงภาพที่ตนสามารถล่าสัตว์ได้เป็นจำนวนมากและจะนำรางวัลที่ได้นี้กลับไปโชว์พ่อของตน
“ฉันไม่อยากไปจริงๆและนายก็ไม่ต้องไปด้วย...ปกตินายก็ไม่เล่นกับพวกนั้นนี่นาและเราก็ไม่ได้สนิทกับคนพวกนั้นเป็นพิเศษสักหน่อย”
“แล้วมันยังไง?... เราอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันนะถึงแม้จะไม่คุ้นเคยกันแต่เราก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าต่อกันเสียหน่อย...ยิ่งไปกว่านั้น..ป๊าของฉันเป็นผู้นำของหมู่บ้านนี้...อาป๊าของเฮียฉวนเขายังต้องมาหาป๊าของฉันเพื่อขออนุญาตให้ยืมรถแทร็คเตอร์ของหมู่บ้านไปใช้เพื่อไปพัฒนาพื้นที่รกร้างนั่น”
ตอนนี้เฝิงหยู่เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดหลิวซื่อฉวนจึงขุ่นเคืองตงจุนเป็นเพราะพ่อของเหวินตงจุน คือเหวินเต๋อกวางผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านซึ่งไม่เห็นด้วยที่ครอบครัวของหลิวซื่อฉวนจะมายืมรถแทร็คเตอร์ของหมู่บ้านนั่นเอง
“ตงจุน...อย่าพึ่งไปเล่นไพ่โปกเกอร์กันตอนนี้เลย...ฉันรู้สึกคอแห้งแล้ว..เราไปบ้านนายกันดีกว่าแล้วเอาชาดีๆของพ่อนายมาให้ฉันดื่มด้วยนะ”
“ไม่มีปัญหา...เราไปทานข้าวกลางวันที่บ้านฉันด้วยเลยก็ได้.เดี๋ยวฉันจะอวดปืนของป๊าฉันให้ดู”
ระหว่างทางเหวินตงจุนยังคงพูดคุยไม่หยุดแต่เฝิงหยู่ไม่ได้สนใจกับสิ่งที่เขาพูดเลยสักนิด ภายในหัวของเขาคิดถึงแต่วิธีที่จะบอกลุงเหวินซึ่งเป็นพ่อของตงจุนถึงเรื่องนี้ให้ได้
เมื่อเปิดประตูเข้าไปในบ้านของเหวินตงจุนลมอุ่นๆก็พัดโชยมาต้อนรับพวกเขาทันที ก่อนจะถอดหมวกขนสุนัขและถุงมือหนังกระต่ายออกไปและวางไว้บนโต๊ะ เหวินตงจุนรีบวิ่งออกไปหาชาของพ่อเขาทันที
“เสี่ยวหยู่...กินของหวานสิ..มีถั่วและเมล็ดแตงโมด้วย”
ถางจิง แม่ของตงจุนอยู่ที่บ้านในตอนนี้พอเห็นเฝิงหยู่มาเยี่ยมเธอก็กระตือรือร้นยกขนมเทศกาลปีใหม่มาเสิร์ฟให้เขา
“สวัสดีปีใหม่ครับอาโกว....ว่าแต่อาแปะเหวินไปไหนล่ะครับ?”
“อ้อ...เขาไปเยี่ยมผู้ช่วยจ้าวนะ...อีกเดี๋ยวคงกลับมา”
เฝิงหยู่นั่งลงที่เก้าอี้และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“อาโกว..พวกเราเจอหลิวซื่อฉวนเมื่อครู่นี้..ครอบครัวของเขาอยากจะขอยืมแทร็คเตอร์ของหมู่บ้านเพื่อไปใช้งานในที่ดินรกร้างข้างนอกเขื่อนหรือครับแล้ว..อาแปะเหวินตกลงหรือเปล่า?”
ถางจิงยิ้มแล้วส่ายหัว “ต้องไม่ตกลงแน่นอนอยู่แล้ว ..ตอนนี้หมู่บ้านของเราไม่ได้มีกฎให้นำไปใช้ในที่ดินส่วนตัว...แทร็คเตอร์ของหมู่บ้านใช้เพื่อส่วนรวมจะยืมไปใช้เป็นการส่วนตัวไม่ได้...เมื่อเช้านี้ตาเฒ่าหลิวก็มาที่นี่..มายืนเถียงกับโกวเหวินของเจ้าตั้งนาน”
หัวใจของเฝิงหยู่ร่วงตกไปที่ตาตุ่ม นี่จะเป็นสาเหตุที่ทำให้หลิวซื่อฉวนชักชวนตงจุนไปล่าสัตว์จนทำให้ตงจุนเหยียบเข้ากับกับดักหมีจนเป็นเหตุให้เขาต้องพิการ คนอื่นๆอาจคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุแม้แต่ตัวของเหวินตงจุนเองก็คิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุเช่นกันแต่จริงๆแล้วมันจะเป็นอุบัติเหตุจริงๆหรือเปล่านะ?
“มาๆๆๆ...ดื่มชากันดูสีแดงสวยของชานั่นซิ”
เหวินตงจุนรินชาที่ตนภูมิใจเสนอลงไปในถ้วยชาของเฝิงหยู่ ถางจิงมองด้วยรอยยิ้มเท่านั้นและไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
“ม๊า...ไปบ้านอาโกวหวางสิ...ไปแวะคุยกับเธอบ้าง..เดี๋ยวผมจะอยู่เฝ้าบ้านเองอีกสักพักจะมีคนมาเล่นไพ่โป็กเกอร์ด้วย” เหวินตงจุนร้องบอกแม่ของตนออกมา
“ดีเลย...เดี๋ยวม๊าจะแวะไปเยี่ยมอาโกวหวางหน่อยแล้วกัน...ยังมีเกี๊ยวอยู่ในหม้อนะยกมากินกันเองก็แล้วกัน”
หลังจากส่งแม่ของตนออกจากบ้านแล้ว ตงจุนก็รีบมุดเข้าไปใต้เตียงและลากเอากล่องไม้ออกมา มันมีปืนและกระสุนอยู่ในนั้นหนึ่งโหล
“ตงจุน!...อย่าไปเลย...ไม่ได้ยินที่อาโกวพูดหรือ? ครอบครัวของหลิวซื่อฉวนเพิ่งทะเลาะกับอาแปะเหวินมา...ฉันเกรงว่าลูกๆของพวกเขาจะมีเจตนาไม่ดี”
เฝิงหยู่คว้ามือของตงจุนแล้วหยุดเขาไว้ เขาไม่ต้องการให้เกิดโศกนาฎกรรมซ้ำอีกครั้ง
“เมื่อก่อนก็มีคนตั้งเยอะแยะที่เคยทะเลาะกับป๊าของฉัน...ครั้งสุดท้ายก็อากงลีที่ใช้ไม้เท้าตีป๊าของฉันเพราะเถียงกันเรื่องเมล็ดพันธ์...แต่เกิดอะไรขึ้นตอนหลังนายรู้ไหม?...ในช่วงเก็บเกี่ยวป๊าของฉันก็ส่งคนไปช่วยเก็บเกี่ยวในที่ดินของอากงลีเสียก่อน...อากงลีก็เลยใจเย็นลง”
เหวินตงจุนตอบอย่างไม่แยแสและปัดมือของเฝิงหยู่ออกก่อนจะเอาปืนและกระสุนหกลูกใส่ในกระเป๋าของตน
“ตงจุน..ฟังฉันนะ!.. อย่าไปเลยหลิวซื่อฉวนเคยมีเรื่องชกต่อยกับคนที่โรงเรียน..ฉันเกรงว่าครั้งนี้ เขาอาจจะมีเจตนาร้ายกับนาย”
“ฉันไม่กลัวเขาหรอก..ดูซิ!.. อะไรอยู่ในมือฉัน?...เขาจะกล้าเล่นงานอะไรฉันได้..ปืนกระบอกนี้ไม่ได้มีเอาไว้อวดนะ”
เฝิงหยู่จนหนทางไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไรตงจุนก็ยืนกรานจะไปให้ได้ ถึงจะมีเหตุผลอยู่บ้างที่ว่าหลิวซื่อฉวนชอบทะเลาะชกต่อยอยู่บ่อยครั้งแต่เขาก็ไม่ได้ใช้อาวุธเลยแล้วระหว่างปืนกับหมัดคิดว่าใครต้องกลัวใครกันแน่?
เมื่อเหลียวมองดูนาฬิกาที่แขวนบนผนังห้อง เหวินตงจุนก็ลุกขึ้นยืนทันที
“เอาล่ะ!...ถึงเวลาแล้ว..นายกลับบ้านไปเถอะ..ฉันจะออกไปหาหลิวซื่อฉวนแล้ว”
เฝิงหยู่ครุ่นคิดอยู่ชึ่วครู่ดูเหมือนชีวิตในอดีตของหลิวซื่อฉวนไม่ได้ใช้ปืนเลย จนกระทั่ง เขาได้เป็นทหารและออกจากหมู่บ้านไป... ถ้าเฝิงหยู่ตามไปด้วยเขาก็น่าจะช่วยตงจุนให้หลบกับดักหมีได้หรือเปล่านะ? “ตงจุน...รอฉันสักพักแล้วกัน..ฉันจะไปกับนายด้วย”
“จริงหรือ? ฉันรู้อยู่แล้วว่านายก็อยากไปด้วย!...เร็วๆเข้า..รีบไปขโมยปืนที่บ้านนายออกมา...อย่าลืม ใช้กระสอบพันปืนไว้ด้วยล่ะและบอกม๊าของนายแค่ว่าเราจะไปจับไก่ฟ้ากัน”
เหวินตงจุนทำท่าทางเหมือนรู้ทันเฝิงหยู่และเร่งเฝิงหยู่ให้รีบเข้า
เฝิงหยู่ถอนหายใจออกมาและวิ่งกลับบ้านอย่างเร่งรีบ หวังว่ามันจะเป็นแค่อุบัติเหตุจริงๆ และครั้งนี้มันจะไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้นอย่างแน่นอน