ตอนที่ 262: ลองเสี่ยง (1)
ชายชุดคลุมดำกลับมาที่ดาดฟ้าหลังจากที่พักผ่อน เรย์ไลน์และแม่มดสองคนก็ยืนอยู่ข้างราวกำลังตรวจสอบสถานการณ์
แองเจเล่รวมตัวกับคนทั้งสี่ใกล้ๆเสาหลัก
"เจ้าพบผู้รอดชีวิตคนอื่นๆไหม" เรย์ไลน์ถาม
"ไม่ เราเป็นเพียงคนห้าคนที่ยังรอดอยู่" แองเจเล่ส่ายหัวด้วยความหดหู่ "เรือเหาะจะถึงรังของผึ้งเมฆาในไม่ช้านี้ เราต้องคิดแผนให้ออกเพื่อไม่ให้พวกเราทั้งหมดถูกฆ่า ข้าหวังว่าจะมีเวลามากกว่านี้ ข้าต้องการศึกษาร่างกายของพวกมันและคิดให้ออกว่าพวกมันหาเป้าหมายของพวกมันได้อย่างไร" แองเจเล่ลูบขมับของเขา
"ใช่ เราต้องการข้อมูลเกี่ยวกับผึ้งเมฆามากขึ้น" เรย์ไลน์พยักหน้า "ข้ารู้ว่ามันยากแต่ความแข็งแกร่งของพวกมันเกินความคาดหมายของข้า"
ส่วนที่เหลือก็ยังคงเงียบ มีพ่อมดมากมายเพิ่งตาย พวกเขาพยายามคิดแผนให้ออกเนื่องจากตอนนี้พวกเขากำลังเข้าใกล้รังผึ้ง
"ทำไมเราไม่กลับไปที่โนล่า" ฮิคาริก้มหน้าลงและแนะนำ
"กลับโนล่าหรือ มันเป็นไปไม่ได้เลย มีผึ้งเมฆามากมายในบริเวณนี้ พวกมันเพิ่งบุกเรือของเราและคิดว่าเราทุกคนถูกฆ่าทั้งหมด ถ้าทิศทางของเรือเหาะเปลี่ยนไปมากเกินไปพวกมันก็จะตระหนักว่ายังมีคนรอดชีวิตและจะกลับมาหาเรา" เรย์ไลน์ส่ายหัว
"แล้วเราควรทำอะไร" ฮิคาริเริ่มกังวล
"เราต้องเดินหน้าต่อไป พวกเรามีเพียงห้าคนเท่านั้น เราต้องลองหลบซ่อนในเรือเหาะ" ทันใดนั้นชายชุดคลุมดำก็พูดขึ้นมา
"ข้าขอโทษด้วยแต่เจ้าเป็นใคร" เรย์ไลน์หันมาหาเขา
"ชื่อของข้าคือสติกม่าริโคเวิร์ตต้า เรียกว่าสติกม่าก็พอ" ใบหน้าของชายคนนี้ยังซีด เห็นได้ชัดว่าเขายังต้องการเวลาเพื่อฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บ
สติกม่ามองไปที่พ่อมด เขารู้ว่าพ่อมดที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นผู้นำที่ชื่อกรีนและเขามั่นใจว่าผู้นำกำลังซ่อนอะไรบางอย่างจากคนอื่นๆ
สติกม่ารู้สึกถึงบางอย่างที่อันตรายจากกรีน เขารอดจากการต่อสู้กับผึ้งเมฆาและยังช่วยผู้รอดชีวิตในลักษณะที่สงบหลังจากที่การต่อสู้จบ
'ทำไมเขาถึงไม่ใช้คาถาที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อฆ่าผึ้งเมฆา เขาอาจจะช่วยพ่อมดได้อีกหลายคน....' สติกม่าหรี่ตา
"กรีน เจ้าคิดอย่างไร" เขาหันไปมองแองเจเล่แล้วก็ถาม
แองเจเล่ขบริมฝีปาก
"เจ้าพูดถูก เราสามารถไปข้างหน้าได้เท่านั้นและหวังว่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ถ้าเราเปลี่ยนเส้นทางของเราเราก็จะถูกโจมตีด้วยผึ้งเมฆา เราควรปล่อยศพของผึ้งเมฆาไว้บนดาดฟ้าด้วยเช่นกันดังนั้นพวกมันจะได้คิดว่าไม่มีอะไรที่มีค่าเหลืออยู่บนเรือเหาะ"
เขาหยุดชั่วครู่และพูดต่อ "มีเพียงปัญหาเดียวก็คือข้าไม่แน่ใจว่าผึ้งเมฆาเป็นสัตว์อสูรบินเพียงชนิดเดียวในพื้นที่นี้หรือไม่"
"มันนอกหัวข้อเล็กน้อยแต่ด้วยเหตุบางอย่างพลังจิตของข้าได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลังจากต่อสู้" ฮิคาริขัดจังหวะ
"มันเป็นเรื่องปกติ การต่อสู้ที่รุนแรงจะเพิ่มความแข็งแกร่งทางจิตใจของเจ้า" แองเจเล่พยักหน้า "เอาล่ะ ทุกคนมีคำถามหรือคำแนะนำเพิ่มเติมหรือไม่ ถ้าไมมีข้าก็จะไปเพิ่มความเร็วของเรือเหาะเพื่อให้เราผ่านรังได้เร็วขึ้น"
"เราได้แต่หวังว่ามันจะดีที่สุดเท่านั้น" ฮิคาริถอนหายใจ "ข้าจะไปพักผ่อน" เธอหันกลับไปและเดินไปที่บันได
"รอก่อนสติกม่า มีบางอย่างที่ข้าจะต้องคุยกับเจ้า" แองเจเล่มองไปที่สติกม่า
เรย์ไลน์และมอร์ริสซ่าพยักหน้าและเดินจากไป พวกเขาตัดสินใจที่จะอยู่ในห้องโดยสารของเรือเหาะลำแรก
มีเพียงแองเจเล่และสติกม่าที่อยู่บนดาดฟ้า
สายลมหนาวพัดผ่านใบหน้าของพวกเขาและเสียงที่เกิดจากบอลลูนก็ดังก้องอยู่ในท้องฟ้า
แองเจเล่เดินไปที่ราว เขามองลงไปที่ทะเลต้นไม้สีขาวที่ไร้ที่สิ้นสุด ไม่มีสิ่งมีชีวิตบินได้ชนิดอื่นใกล้เรือเหาะ สถานที่นี้ว่างเปล่า
สติกม่าตามหลังแองเจเล่และยืนอยู่ข้างราว
แองเจเล่มองไปที่สติกม่า "ข้ารู้ว่าเจ้ารอดจากการโจมตีได้อย่างไร เจ้าลากศพของผึ้งเมฆาไว้บนตัวเจ้าใช่ไหม ข้าคิดว่าเจ้ารู้วิธีป้องกันตัวเองตั้งแต่แรก" เขาส่งคำพูดโดยใช้อนุภาคพลังงาน
"กรีน...." สติกม่าดูตกใจ
"อย่าพยายามหลอกข้า ข้ารู้ว่าผึ้งเมฆาไม่ได้ตกลงไปที่ทางเจ้าแต่ของเหลวจากร่างกายของมันถูกทิ้งเป็นรอยไว้บนดาดฟ้า หน้าอก มือและเท้าของเจ้าปกคลุมไปด้วยของเหลวนั้น ข้าไม่คิดว่าข้าจะต้องพูดอะไรอีก" แองเจเล่จ้องไปที่สติกม่า "ตอนนี้บอกข้ามาว่าเจ้าเป็นใครและเจ้ารู้เรื่องผึ้งได้อย่างไร"
การแสดงออกของสติกม่าเริ่มเคร่งเครียด เขาจ้องไปที่แองเจเล่ชั่วครู่และในที่สุดเขาก็เปิดปากพูด
"ข้าควรจะทำให้ดีกว่านี้แต่ข้าไม่ได้คาดหวังว่าเจ้าจะตรวจสอบรายละเอียด มันดูเหมือนว่าเจ้าไม่ได้กังวลเรื่องผึ้ง"
"ข้ารู้ว่าข้าสามารถรอดจากการต่อสู้นั้นได้อย่างแน่นอน" แองเจเล่พยักหน้า "แต่ข้าต้องการรู้เรื่องเจ้าและทำไมเจ้าถึงไม่แบ่งปันข้อมูลนี้กับลูกเรือ นอกจากนี้เจ้ายังพยายามซ่อนมันตั้งแต่แรก บอกข้ามาว่าเจ้าเป็นใคร"
"ข้าสามารถบอกเจ้าได้แต่" สติกม่าเดินมาหาแองเจเล่และพูดต่อ "กรีน เจ้าต้องเก็บความลับนี้ไว้"
"ข้าไม่สามารถสัญญาอะไรกับเจ้าได้แต่ข้าก็เก่งในเรื่องการเก็บความลับ" แองเจเล่ยิ้ม "อย่าหลอกข้า ข้าเกลียดเมื่อมีคนโกหกข้า" เขาเริ่มปล่อยคลื่นพลังจิตออกไปโดยไม่ได้ปิดบัง
สติกม่าขมวดคิ้ว เขาสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับคลื่นพลังจิตของแองเจเล่ มันแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้ เขาพบว่ามันยากที่จะเชื่อ
'ชายคนนี้กำลังซ่อนพลังที่แท้จริงด้วยเช่นกัน...' เขาคิด
การลดจำนวนลูกเรือจะเพิ่มโอกาสของเรือเหาะในการไปถึงโอแมนดิส
สติกม่ารู้ว่าแองเจเล่กำลังบังคับให้เขาพูดความจริง ถ้าเขาโกหกแองเจเล่จะฆ่าเขาโดยไม่ลังเล
แองเจเล่ได้ฆ่าผึ้งเมฆาหลายตัวด้วยตัวเองระหว่างการต่อสู้ในขณะที่ลูกเรือที่เหลือฆ่าผึ้งเมฆาได้เพียงสองตัวเท่านั้น
สติกม่ากัดปาก
"เจ้าต้องการข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์อสูรต่างๆที่เราจะเจอใช่ไหม"
"เจ้ารู้วิธีจัดการกับผึ้งเมฆาดังนั้นเจ้าควรรู้วิธีจัดการกับสัตว์อสูรตัวอื่นๆด้วยเช่นกัน" แองเจเล่ยักไหล่
ดาบปลายโค้งต้องสาปได้ดูดวิญญาณของผึ้งเมฆาสองตัว ค่าสถานะของเขาในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้ เขามั่นใจว่าเขาสามารถอยู่รอดในพื้นที่ต่อไปได้
อย่างไรก็ตามเขายังต้องการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับผึ้งเมฆา
สติกม่ายังคงเงียบ
แองเจเล่อดทนรออย่างใจเย็น
ประมาณสิบนาทีต่อมาสติกม่าก็เปิดปากแต่เขาส่งคำพูดโดยใช้อนุภาคพลังงาน
แองเจเล่วางมือไว้บนราวและมองไปรอบๆ การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปหลายครั้งเมื่อได้ยินสิ่งที่สติกม่าพูด นอกจากนี้เขายังถามคำถามหลายคำถามระหว่างการสนทนา
หลายชั่วโมงต่อมาบทสนทนาของพวกเขาก็จบลง สติกม่าถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า
"นั่นคือทั้งหมดที่ข้ารู้ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความจริง ถ้าเจ้ามีคำถามเพิ่มเพียงแค่มาถามข้าในห้องโดยสาร" เขาหันกลับไปและเดินไปที่บันได
สติกม่าหันหัวกลับไปในขณะที่เขาหายตัวไปในความมืด เขาเห็นแองเจเล่ยังยืนอยู่ข้างราวกำลังคิดเรื่องบางอย่าง
ด้วยเหตุผลบางอย่างสติกม่ารู้สึกถึงความคุ้นเคยจากผู้นำที่ชื่อกรีน มันเป็นความรู้สึกที่น่าสะพรึงกลัว บางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดแต่เขาจำไม่ได้ว่าพวกเขาเคยพบกันมาก่อนหรือไม่
สติกม่าได้ใช้เวลาหลายวันในการเฝ้าดูพ่อมดบนเรือเหาะแต่เขาไม่เคยพบว่ากรีนสามารถทำอะไรได้
เขารู้ว่าแองเจเล่เป็นพ่อมดที่แข็งแกร่งและนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้ขอให้แองเจเล่ไปซุ่มโจมตีบารอนกับเขา อย่างไรก็ตามเขาตระหนักว่าแองเจเล่แข็งแกร่งกว่าเขาหลังจากที่แองเจเล่ชนะการต่อสู้กับฮิคาริและเรย์ไลน์
แองเจเล่ไม่ได้เปิดเผยพลังที่แท้จริงของเขาในการต่อสู้กับผึ้งเมฆา
ชายคนนี้ทำให้สติกม่านึกถึงอาจารย์ของเขา พ่อมดลึกลับที่ถูกนับถือโดยผู้อาวุโสหลายคน
สติกม่าส่ายหัวและเดินลงบันไดจากนั้นเขาก็เข้าไปในห้องว่างห้องหนึ่ง
แองเจเล่ยืนอยู่ข้างราวคนเดียวกำลังคิดถึงข้อมูลที่สติกม่าเพิ่งบอกเขา
คำพูดของสติกม่าน่าแปลกใจ เขาคิดว่าชายคนนี้เป็นพ่อมดที่เคยรอดชีวิตจากการเดินทางไปโอแมนดิสแต่ความจริงนั้นต่างออกไป
สติกม่าเป็นสมาชิกของตระกูลจากโอแมนดิส
อย่างไรก็ตามตำแหน่งของเขาในตระกูลนั้นไม่ได้สำคัญ เขาถูกจับได้ในช่วงการต่อสู้ระหว่างผู้สืบทอดตระกูลกับศัตรูจากตระกูลอื่น สติกม่ากระโดดขึ้นเรือเหาะไปฝั่งตะวันตกเพื่อหนี เขาหมดสติในห้องโดยสารและเมื่อเขาตื่นขึ้นมาเขาก็ตระหนักว่าเรือเหาะกำลังมุ่งหน้าไปที่ฝั่งตะวันตก
แม้ว่าพ่อของสติกม่าจะเป็นผู้นำตระกูลแต่เขาก็ไม่แข็งแกร่งพอที่จะได้รับเป็นผู้สืบทอด ยังคงมีคนหลายคนที่เขาคิดถึงในโอแมนดิสเช่นน้องสาว เพื่อน แม่และผู้หญิงคนหนึ่งที่เขารัก สติกม่ายังอยากจะไปพบกับคนรักอีกครั้ง...
เขาได้ใช้เวลาหลายปีในองค์กรและในที่สุดก็ได้รับโอกาสที่จะถูกส่งไปยังโอแมนดิส
ข้อมูลเรื่องตระกูลของสติกม่าไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับแองเจเล่ เขาต้องการรู้วิธีหลีกเลี่ยงการพบกับสัตว์อสูรที่อันตราย
สติกม่าถึงฝั่งตะวันตกได้สำเร็จจากโอแมนดิสและแองเจเล่ถามเขาว่าทำไมมีเรือเหาะส่งไปยังฝั่งตะวันตก เขาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อมดคนอื่นๆบนเรือเหาะลำนั้น
สติกม่าพูดว่าเขาไม่รู้รายละเอียด เขาบอกว่าไม่มีใครถามเขาว่าเขาขึ้นเรือทำไม เขาไม่อยากมีปัญหา
แองเจเล่ยังถามสติกม่าเรื่องเรย์ไลน์พ่อมดที่สมบูรณ์แบบของหอคอยหกวงแหวน เขาสงสัยว่าทำไมพ่อมดที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ถึงได้เดินทางไปโอแมนดิส มันดูเหมือนว่าเขากำลังซ่อนอะไรบางอย่างจากลูกเรือ
สติกม่าบอกแองเจเล่เกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐานของโอแมนดิสและเรื่องราวบางอย่างในตระกูลของเขา
แองเจเล่มีความคิดที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับสัตว์อสูรตัวอื่นที่พวกเขาอาจจะพบระหว่างการเดินทาง ตอนนี้เขารู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการทำให้มันไปถึงอีกด้านหนึ่ง