บทที่ 92 ตำรามุกหยินประลัยกัลป์
จั่วม่อตัวสั่นเหมือนตะแกรงร่อนทอง เส้นเลือดดำปูดโปนเขียวคล้ำบนหน้าผากและลำคอราวกับไส้เดือน น่าหวาดผวาเป็นอย่างยิ่ง
ผูเยาไม่ทราบออกมาตั้งแต่เมื่อใด เห็นสภาพของจั่วม่อ มันคล้ายตกใจระคนไม่คาดคิด
จั่วม่อร่างกายสั่นสะเทือนไม่หยุดยั้งเกือบครึ่งชั่วยาม ก่อนที่จะสิ้นสุดลง
จั่วม่อลืมตา หอบหายใจอย่างหนักหน่วง สายตามันมีแววกังขาบางประการ เวลานี้มันรู้สึกว่าสังขารร่างกายคล้ายเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย แต่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร มันก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ก้มหน้าตรวจสอบไปทั่วร่างอย่างรอบคอบ แต่ก็ยังไม่พบสิ่งใด
วัชรสูตรน้อยฉบับป้ายหินสุสานนี้ ไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่หรือไม่? จั่วม่ออดหัวใจไหวสะท้านไม่ได้
“ผู้ใดสอนวิชานี้ให้เจ้า?” เสียงของผูเยาดังมาจากทางด้านหลัง
จั่วม่อสะดุ้งสุดตัว หันขวับ พอเห็นเป็นผูเยาค่อยระบายลมหายใจอย่างโล่งอก “ตอนที่เจ้าได้รับบาดเจ็บ มันถูกเขียนไว้บนป้ายหินสุสาน”
ผูเยาดูคล้ายไม่แปลกใจแต่อย่างใด เพียงผงกศีรษะ “อืม ฝึกต่อไป”
จั่วม่อได้ยินคำผูเยา ในที่สุดค่อยวางใจลง ในเมื่อผูเยากล่าวว่าให้มันฝึกปรือต่อ เช่นนั้นสมควรไม่มีปัญหา แม้ว่ามันจะเคยประสบชะตากรรมเจ็บปวดแสนสาหัสในคราวที่ทะลวงผ่านขั้นลมหายใจแรก แต่มันมิอาจไม่ยอมรับว่าเคล็ดบำเพ็ญสูดปราณก่อนกำเนิดเป็นวิชาที่ล้ำเลิศอย่างแท้จริง จนกระทั่งถึงตอนนี้ จั่วม่อยังไม่เคยพบเคล็ดวิชาใดที่มีระดับสูงกว่าเคล็ดบำเพ็ญสูดปราณก่อนกำเนิดเลย
“เคล็ดหอมจรุงไม่ลืมเลือนคล้ายไม่เหมาะสมกับเจ้าจริงๆ” ผูเยากล่าวอะไรบางอย่างที่ทำให้จั่วม่อตกใจจนตาค้าง ซ้ำยังกล่าวต่อไปว่า “ข้าจะสอนวิธีใช้พลังจิตสำนึกแบบอื่นให้แก่เจ้า”
จั่วม่อเบิกตาจ้องมองผูเยาอยู่นาน สุดท้ายอดถามอย่างลังเลไม่ได้ “ผูเยา เจ้าสบายดีหรือไม่?”
ผูเยากลับไม่แยแสสนใจมัน กล่าวว่า “เจ้ายังมีไข่มุกหยินอยู่สิบกว่าเม็ด ทั้งยังควบคุมไฟได้ดี ข้าจะสอนวิธีหลอมสร้างมุกหยินประลัยกัลป์ให้”
เสร็จกัน เสร็จกัน ดูท่าคราวนี้ผูเยาจะได้รับบาดเจ็บที่สมองจริงๆ! ผูเยาคนเดิมต้องไม่ทำอะไรเยี่ยงนี้แน่ จั่วม่อมองผูเยาอย่างเวทนาจับใจ แน่นอนว่ามันไม่ได้กล่าวออกมา เมื่อจะได้รับบางอย่างจากผูเยาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หากไม่คว้าเอาไว้มันก็ปัญญาอ่อนแล้ว ผูเยายามนี้กำลังปัญญาอ่อน แต่มันจำเป็นต้องปัญญาอ่อนตามไปด้วยหรือไร?
จั่วม่อตั้งอกตั้งใจฟังเป็นอย่างยิ่ง กลัวจะตกหล่นคำใดไป
คราวที่แล้วไข่มุกหยินเป็นเหตุให้เกิดภัยพิบัติอย่างใหญ่หลวงในตงฝู อย่างไรก็ตาม สิ่งนั้นบอกจั่วม่ออย่างชัดเจนว่าไข่มุกหยินมีคุณค่ามากเพียงใด ไม่ต้องสงสัย ไข่มุกหยินเป็นสิ่งที่ดี! ของล้ำค่า! บางสิ่งบางอย่างที่กระทั่งยอดคนด่านจินตันถึงกับลงมือต่อสู้แย่งชิง จะไม่ใช่สิ่งที่ดีได้อย่างไร?
วิธีหลอมสร้างมุกหยินประลัยกัลป์ไม่ซับซ้อน แต่เนื้อหามีความยาวมาก เพียงครู่เดียวผูเยาก็หมดความอดทน และโยนลูกกลมแสงมายังจั่วม่อแทน ปล่อยให้มันอ่านตำรามุกหยินประลัยกัลป์ด้วยตัวเอง
เพื่อหลอมสร้างมุกหยินประลัยกัลป์ มีความต้องการอยู่สามประการ ประการแรกคือไข่มุกหยิน ประการถัดมาคือไฟ และประการสุดท้ายคือพลังแห่งจิตสำนึก ไข่มุกหยินยิ่งบริสุทธิ์และเข้มข้นมากเท่าใด ไฟยิ่งระดับสูงมากเท่าใด พลังแห่งจิตสำนึกยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าใด พลังอำนาจของมุกหยินประลัยกัลป์ที่หลอมสร้างออกมา ก็จะยิ่งร้ายกาจมากขึ้นเท่านั้น
ตำราทั้งเล่มครอบคลุมเรื่องราวทั้งสามประการนี้ การควบแน่นและหลอมสร้างไข่มุกหยิน สัมพันธ์กับระดับพลังบำเพ็ญเพียร การควบคุมจัดการพลังแห่งจิตสำนึก ซึ่งมีบทบาทสำคัญในกระบวนการหลอมสร้างมุกหยินประลัยกัลป์ แต่ในตำราทั้งหมด เนื้อหาส่วนใหญ่กลับเป็นรายละเอียดของเมล็ดพันธุ์ไฟและเปลวไฟทุกชนิด
ในตำราเล่มนี้ อธิบายถึงเมล็ดพันธุ์ไฟและเปลวไฟไว้อย่างละเอียดลออมาก ดูเหมือนจะจัดลำดับของเมล็ดพันธุ์ไฟและเปลวไฟที่สามารถนำมาใช้หลอมสร้างมุกหยินประลัยกัลป์ไว้ทั้งหมด หนึ่งในนั้นยังเป็นไฟที่จั่วม่อเฝ้าใฝ่ฝันถึง ไฟอีกาทองคำ เนื่องจากความแตกต่างกันของไฟแต่ละชนิด ผลลัพธ์ของมุกหยินประลัยกัลป์ที่หลอมสร้างออกมาก็จะแตกต่างกันทั้งหมด ไฟหายากและแปลกประหลาดทุกชนิด ช่วยเปิดหูเปิดตาจั่วม่อ ขยายขอบเขตความรอบรู้ของมัน และทำให้มันอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง
จนกระทั่งอ่านจบ มันยังคงรู้สึกหิวกระหายมากกว่านี้ มันไม่เคยคิดเลยว่าในโลกนี้จะมีไฟมากมายหลายชนิดถึงเพียงนี้ กระทั่งในหมู่เปลวไฟระดับต่ำ ยังมีเปลวไฟประหลาดที่ไม่เป็นที่รู้จักอีกมากมาย
ที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ นี่เป็นตำราเคล็ดวิชาที่มีรายละเอียดมากที่สุดและสมบูรณ์ที่สุด เท่าที่จั่วม่อเคยพบเห็นมา มันไม่ทราบว่าเคล็ดวิชานี้มาจากสำนักใด แต่เมื่อสามารถศึกษาคว้นคว้าเรื่องไฟจนลึกซึ้งถึงขั้นนี้ ฝีมือของพวกมันช่างน่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง!
คิดไปคิดมา ต้องรู้สึกคันหัวใจยากจะเกา มันอยากทดลองหลอมสร้างมุกหยินประลัยกัลป์ดูสักเล็กน้อย ตามที่บันทึกไว้ในเคล็ดวิชา ตราบเท่าที่มันสามารถหาไฟที่เหมาะสมได้ในเวลานี้ มุกหยินประลัยกัลป์ที่อาจหลอมสร้างขึ้นมา แม้แต่ผู้ฝึกตนด่านหนิงม่ายยังไม่อาจต้านติด ไข่มุกหยิน สิ่งนี้มีความสำคัญมากเกินไปจริงๆ แม้ว่ามันจะหลอมสร้างมุกหยินประลัยกัลป์ขึ้นมาได้ แต่จั่วม่อไม่อาจสุ่มสี่สุ่มห้าใช้งานโดยไม่ระวัง อย่างไรก็ตาม มันมีของนี้ติดตัวก็เท่ากับมีไพ่ตายซ่อนไว้ หากต้องเผชิญกับวิกฤติเป็นตายขึ้นมา บางทีอาจใช้ช่วยชีวิตได้
คิดถึงเรื่องนี้ จั่วม่อยิ่งกระหายอยากมากกว่าเดิม
ในทะเลแห่งจิตสำนึก ผูเยายืนอยู่เบื้องหน้าป้ายหินสุสาน แย้มยิ้มเย้ยหยัน “ในที่สุดเจ้าก็ไม่สามารถอดทนได้อีก! สามพันปี ความอดทนของเจ้าถึงขีดจำกัดแล้วใช่หรือไม่? กับเจ้าหนูผู้ไม่แยแสที่จะปฏิบัติตามกฎของเจ้าด้วยซ้ำ แต่กระทั่งคนหัวโบราณอย่างเจ้า ...เจ้าคิดประนีประนอมจริงๆ?”
ป้ายหินเงียบกริบ
ผูเยากลายเป็นดุเดือดอย่างกะทันหัน ดวงตาสีเลือดเสียดแทง ตะคอกดังสนั่น “เช่นนั้น ไฉนตอนนั้นเจ้าปฏิเสธที่จะประนีประนอม?”
ป้ายหินสุสานยังคงเงียบงัน
ผูเยาพริ้มตาลง เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง มันสงบจนดูคล้ายเป็นคนละคน ใบหน้าหล่อเหลาทรงเสน่ห์ทอแววดูหมิ่นจางๆ “เจ้าตายไปแล้ว แต่ยังคงต้องการทิ้งความปรารถนาของเจ้าไว้ เจ้ากลายเป็นโง่งมถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใด!” มันเชิดคาง จ้องมองป้ายหินสุสานอย่างเย็นชา “จะว่าไป ข้าจะยอมให้เจ้ากระทำตามอำเภอใจได้อย่างไร? เมื่อตายไปแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็ไม่สมควรทิ้งอะไรไว้ข้างหลัง! ฮิ นี่น่าเล่นจริงๆ ...”.
ป้ายหินสุสานเงียบสนิทดังเช่นปกติ
จั่วม่อเช็ดเหงื่อบนใบหน้า มันดูน่าอนาถมาก บนร่างปกคลุมไปด้วยโคลนและใบไม้แห้ง ภูเขาสุญตาเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาที่อุดมสมบูรณ์ สถานที่ซึ่งมีปราณธรรมชาติหนาแน่นอยู่บ้าง เป็นธรรมดาที่จะถูกยึดครองไว้หมดแล้ว สิ่งที่มีอยู่ดาษดื่นเหลือใช้คือพื้นที่รกร้างทุรกันดาร เหล่าซิวเจ่อไม่ได้สนใจแผ่นดินที่ไม่มีปราณธรรมชาติ พวกมันยังไม่ใช้งานต้นไม้ปกติสามัญที่ไม่มีประโยชน์กับพวกมัน และนอกเหนือจากสัตว์อสูรแล้ว สัตว์ป่าธรรมดาในสายตาของซิวเจ่อ ก็ไม่ต่างอันใดจากก้อนเนื้อ เวลานี้ทุกสำนักล้วนเลี้ยงสัตว์ปราณของพวกมันเอง ย่อมไม่มีผู้ใดสนใจจะไล่ล่าสัตว์ป่าสามัญเหล่านี้ ป่าไม้ที่ขาดแคลนปราณธรรมชาติ มักไม่มีผู้ใดใส่ใจดูแลพวกมัน
จั่วม่อยามนี้อยู่ในสถานที่ประเภทภูเขาแห้งแล้งน้ำย่ำแย่* เป็นหุบเขาแห่งหนึ่ง ต้นไม้เติบโตขึ้นทุกทิศทาง ส่วนใหญ่ยังปกคลุมแน่นขนัดด้วยเถาไม้เลื้อย ยอดเขาสูงปิดกั้นแสงแดด สถานที่แห่งนี้ไม่เคยเห็นดวงอาทิตย์มาชั่วนาตาปี ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นอับ คงหลายปีแล้วที่ไม่มีผู้ใดมาเยือนหุบเขาแห่งนี้ ใบไม้แห้งทับถมบนพื้นดินจนสูงและหนา สถานที่เช่นนี้มักก่อกำเนิดพิษได้อย่างง่ายดาย แต่จั่วม่อตระเตรียมมาก่อน หลอมกลั่นเม็ดยาแก้พิษระดับหนึ่งพกพามาด้วยจำนวนหนึ่ง ตราบเท่าที่ไม่พบพิษที่ร้ายแรงเกินไปนัก ย่อมไม่มีปัญหาอันใด
(*เป็นวลี หมายถึงไม่เหมาะที่จะอยู่อาศัย)
สองสามวันที่ผ่านมา มันท่องไปในป่ากว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ ระยะนี้เหล่าผู้อาวุโสของสำนักต่างออกไปจัดการธุระหรือปิดด่านกักตน ไม่มีผู้ใดสนใจมัน มันมีอิสระเสรีและไม่ถูกจำกัดไว้อีก ตั้งแต่ที่ได้เห็นวิธีอันสมบูรณ์แบบในการหลอมสร้างมุกหยินประลัยกัลป์ มันก็เกิดความคิดออกมาค้นหาเมล็ดพันธุ์ไฟ
สิ่งที่มันต้องการมากที่สุดย่อมเป็นไฟอีกาทองคำ ตำรามุกหยินประลัยกัลป์ยังให้การประเมินไฟอีกาทองคำไว้อย่างสูง มุกหยินประลัยกัลป์ที่หลอมสร้างขึ้นจากไฟอีกาทองคำ จะเป็นหยางสุดขั้วและแกร่งกร้าวถึงที่สุด มีพลังอำนาจสะท้านฟ้าสะเทือนดิน แต่ในช่วงระยะเวลาอันสั้น มันได้แต่คิดเพ้อฝันถึงไฟอีกาทองคำเท่านั้น ก่อนที่จะหาสมุนไพรปราณที่เหมาะสมชนิดใหม่ได้ มันก็ไม่สามารถทำสิ่งใด และแม้ว่าจะสามารถหาสมุนไพรทดแทนได้ แต่ก็ไม่ค่อยมั่นใจว่าจะประสบผลสำเร็จจริงๆ เป็นการดีกว่าที่จะเสาะหาเมล็ดพันธุ์ไฟระดับต่ำเสียก่อน สิ่งใดก็ได้ที่ดีกว่าค่ายกลยันต์เวทไฟหลีในกระถางหลอมกลั่น หากมันมีเมล็ดพันธุ์ไฟ มันย่อมสามารถก่อกำเนิดเปลวไฟแห่งใจ และหลอมสร้างมุกหยินประลัยกัลป์บางส่วน
ในตำรามุกหยินประลัยกัลป์แนะนำเมล็ดพันธุ์ไฟระดับต่ำไว้มากมายหลายชนิด จั่วม่อมีแรงผลักดันไม่น้อย
แต่สถานที่ที่สามารถให้กำเนิดเมล็ดพันธุ์ไฟ จะต้องเป็นสถานที่ที่มีปราณธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ หากเป็นในกาลก่อน มันแน่นอนว่าไม่มีปัญญาเสาะหา แต่ยามนี้มันมีแมลงทองทมิฬระดับสี่ แม้ว่าวิธีการนี้จะดูโง่เขลา แต่จั่วม่อรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก มันเต็มไปด้วยความมั่นใจในแมลงทองทมิฬตัวนี้ เจ้าดำน้อยนี้กระทั่งสถานที่ที่ถูกปิดซ่อนอย่างห้องศิลายังสามารถหาพบ หากในป่านี้มีเส้นชีพจรปราณปฐพีอยู่จริงๆ มันย่อมสามารถหาจนพบ
แต่โชคของจั่วม่อคราวนี้ไม่ค่อยดีนัก แม้จะเจาะจงเลือกสถานที่ภูเขาแห้งแล้งน้ำย่ำแย่ แต่ค้นหาในภูเขาอยู่เจ็ดแปดวันยังไม่พบพานสิ่งใด ในแต่ละวัน พอพระอาทิตย์ขึ้นมันก็จะเริ่มต้นค้นหาทันที บางครั้งยังถูกสัตว์ป่าคอยกวนใจ แต่ในมือก็ยังคงว่างเปล่า หากบอกว่าไม่ท้อแท้เลยคงเป็นเรื่องโกหก แต่เมื่อนึกถึงศิษย์พี่เหวยเสิ้ง จั่วม่อพลันรู้สึกว่าปัญหาเพียงเล็กน้อยนี้ไม่ได้นับเป็นอะไรเลย พอคิดถึงตรงนี้ก็โล่งใจขึ้นเล็กน้อย หากนี่เป็นสิ่งของที่สามารถค้นพบได้อย่างง่ายดาย เช่นนั้นยังจะมีโอกาสหลงเหลือมาถึงมือมันอีกหรือ
เหลือบมองภูมิประเทศไปรอบๆ จั่วม่อตกลงใจทดลองดูอีกครั้ง ปลดกระบอกไม้ไผ่ที่หนากว่านิ้วหัวแม่มือเล็กน้อยออกจากเอว มันเปิดจุก แล้วร่ายเวทวิชา
แมลงทองทมิฬไต่ออกมาจากระบอก หนวดสองเส้นบนหัวสะบัดไปมาอย่างปราดเปรียว จากนั้นเริ่มดิ่งลึกเข้าไปในหุบเขา
จั่วม่อในใจสั่นสะเทือนและตื่นตัว!
มีบางอย่าง!
ตลอดเจ็ดแปดวันมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าดำน้อยมีปฏิกิริยาเช่นนี้ ก่อนหน้านี้มันเกือบจะสงสัยอยู่แล้วเชียว ว่าเจ้าแมลงทองทมิฬใช่ความสามารถเสื่อมถอยลงแล้วหรือไม่
มันรีบติดตามด้านหลังเจ้าดำน้อยไป จวบจนได้ระยะเหมาะสมสำหรับควบคุมสถานการณ์รอบด้าน กระบี่หยดน้ำก็ทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทุกที่ที่มันบินผ่าน กิ่งก้านและเถาวัลย์ทั้งหมดถูกสับเป็นชิ้นๆ กวาดล้างเส้นทางอย่างหมดจด
วิ่งมาจนถึงใต้หน้าผาแห่งหนึ่ง จั่วม่อเห็นถ้ำสูงครึ่งตัวคน วัชพืชแน่นขนัดงอกงามสูงกว่าปากถ้ำ หากมันไม่ได้เข้ามามองในระยะประชิดเช่นนี้ เกรงว่ายากจะหาพบ จั่วม่อลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะก้มตัวลงและเบียดผ่านเข้าไป ภายในถ้ำกลับใหญ่โตและกว้างขวางมาก ลมเย็นเป่าเส้นผมจั่วม่อปลิวสะบัด มันกวาดมองไปรอบๆ ในครรลองสายตาเป็นหมู่หินงอกหินย้อยที่เกิดขึ้นมานานนับหมื่นปี เรียงรายเต็มไปหมด เสียงน้ำหยดเป็นจังหวะจะโคนอันพิสดาร ดังชัดเจนผิดปกติในถ้ำอันเงียบสงัดแห่งนี้
จั่วม่อพบเจ้าดำน้อยอย่างรวดเร็ว มันหยุดอยู่เหนือหินงอกที่ไม่เหมือนใครแท่งหนึ่ง
เมื่อเทียบกับหินงอกซึ่งมีรูปร่างน่าอัศจรรย์แท่งอื่นๆ แล้ว หินงอกแท่งนี้สูงเพียงครึ่งตัวคนเท่านั้น ไม่มีสิ่งใดสามารถดึงดูดสายตาผู้คน
จั่วม่อจดจำได้อย่างฉับพลัน เจ้าสิ่งนี้มีบันทึกไว้ อยู่ในส่วนหนึ่งของตำรามุกหยินประลัยกัลป์ มันกลายเป็นตื่นเต้นขึ้นมาทันที ค่อยๆ สูดลมหายใจลึก ระงับความตื่นเต้น ก่อนเดินตรงไปยังหินงอกแท่งนั้น
ภายใต้การควบคุมของมัน แมลงทองทมิฬปีนลงจากหินงอกอย่างอิดออด หลบไปอยู่ด้านหนึ่ง
จั่วม่อชูกระบี่หยดน้ำขึ้น จ่อเข้าที่ส่วนยอดของแท่งหินงอก ค่อยๆ แทงลงไป
กระบี่หยดน้ำแทงเข้าไปอย่างง่ายดาย จั่วม่อดวงตาทอแววปิติยินดีอย่างฉับพลัน
ดึงกระบี่หยดน้ำกลับมา เปลวไฟสีขาวน้ำนมทันใดนั้นก็พุ่งแลบออกมาจากรอยกระบี่!
เมล็ดพันธุ์ไฟระดับสองชนิดหายาก... ไฟหินงอก!
มองอย่างละโมบไปยังเปลวไฟสีขาวน้ำนมที่ลุกไหม้เงียบๆ จั่วม่อสะกดกลั้นความตื่นเต้นและความยินดีในใจ ผนึกพลังปราณไว้ที่ฝ่ามือ เอื้อมมือไปยังไฟหินงอก!
ตำรามุกหยินประลัยกัลป์บันทึกรายละเอียดเวทวิชาสำหรับรวบรวมเมล็ดพันธุ์ไฟไว้ ถึงกับมีประสิทธิภาพมากกว่าเวทวิชาที่จั่วม่อพบในห้องตำราของซือฟู่ด้วยซ้ำ จั่วม่อโคจรพลังปราณตามเคล็ดวิชา ฝ่ามือพลันบังเกิดแรงดึงดูดอันพิสดาร ภายใต้เสียงแปลกๆ คราหนึ่ง ไฟหินงอกนั้นก็เข้าสู่ร่างกายของมัน
ดวงตามันทันใดนั้นเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจังกว่าเดิม การดูดเอาเมล็ดพันธุ์ไฟเข้าสู่ร่างสำเร็จ ไม่ได้หมายความว่าจัดงานเลี้ยงฉลองได้แล้ว นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ขั้นต่อไปต่างหากจึงจะเป็นขั้นตอนสำคัญที่แท้จริง!
ต้องสยบเมล็ดพันธุ์ไฟให้เชื่องเท่านั้น จึงจะสามารถนำเปลวไฟมาใช้ได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าไฟหินงอกจะเป็นเพียงแค่ไฟระดับสอง แต่มันผ่านกาลเวลามายาวนานจนนับปีไม่ถ้วน ดูดซับปราณธรรมชาติไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร มากมายเหลือคณานับ กว่าจะก่อกำเนิดเติบโตขึ้นมาจนใหญ่โตถึงเพียงนี้
ไฟหินงอกนี้จะยอมจำนนง่ายๆ ได้อย่างไร?