ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 134 ล่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 136 ความแตกต่างระหว่างมัดกล้ามเนื้อกับสมอง

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 135 สุดยอดกายาทั้งสิบ


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 135 สุดยอดกายาทั้งสิบ

"กระไรนะ!?" ซ่งหลินตะลึง

"วิญญาณหัวขโมย? มีเพียงผู้เดียวบนภูเขาชิงเหมาที่ครอบครองวิญญาณหัวขโมยและมันก็คือญาติผู้พี่ของข้า ซ่งซาน" ใบหน้าของซ่งเจียงกลายเป็นมืดครึ้ม

ดวงตาของซ่งหลี่ส่องประกายเย็นเยียบ แม้ทุกคนจะหวาดกลัวไป่หนิงปิง แต่มันไม่ได้แสดงถึงความอ่อนแอหรือขี้ขลาด ซ่งหลี่สาบานที่จะเสียสละตนเองเพื่อตระกูลมานานแล้ว ตอนนี้เขาจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะต่อสู้กับไป่หนิงปิง

"ไป่หนิงปิง วิญญาณหัวขโมยอยู่กับเจ้างั้นหรือ?" ซ่งหลี่ก้าวเข้าไปเผชิญหน้ากับไป่หนิงปิงและอนุญาตให้ฟางหยวนวิ่งผ่านเขาไป

ไป่หนิงปิงหัวเราะเสียงเย็น "แล้วอย่างไร?"

ใบหน้าของซ่งเจียงยิ่งมืดครึ้มก่อนกล่าว "บอกข้า ญาติผู้พี่ของข้าตายได้อย่างไร? แล้วเหตุใดวิญญาณของเขาจึงอยู่กับเจ้า?"

ซ่งหลินถามต่อ "เดิมทีข้าเคารพเจ้าในฐานะผู้อาวุโส แต่เจ้ากลับลอบเก็บวิญญาณของสมาชิกตระกูลซ่งเอาไว้โดยไม่ส่งคืน นี่เป็นการละเมิดข้อตกลงพันธมิตรสามตระกูล!"

หลังจากกล่าวจบคำเขาก็ยกมือขึ้นด้านบน ด้วยเสียง "บึม!" พลุสัญญาณระเบิดขึ้นบนท้องฟ้า

แสงหลากหลายสีสันส่องลงบนใบหน้าของไป่หนิงปิง เขาหัวเราะก่อนกล่าว "ข้าไม่สนข้อตกลงใดทั้งสิ้น ข้าเห็นว่าวิญญาณหัวขโมยค่อนข้างน่าสนใจ ดังนั้นข้าจึงเก็บมันเอาไว้"

ซ่งเจียงไม่สามารถระงับความโกรธเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาตะโกนเสียงดังขณะเดียวกันก็พุ่งเข้าโจมตีไป่หนิงปิง "ไป่หนิงปิง เจ้ายืนนิ่งมองญาติผู้พี่ของข้าตายโดยไม่ให้ความช่วยเหลือ เจ้าสารเลว!"

ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด กลุ่มคนทั้งห้าต่างรู้สึกไม่สามารถอยู่ร่วมโลกกับไป่หนิงปิงอีกต่อไป

การต่อสู้กลายเป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยง มันกลายเป็นฉากละครที่ชุลมุนวุ่นวาย

ด้านหนึ่งไป่หนิงปิงหันไปโจมตีกลุ่มของซ่งหลี่ อีกด้านหนึ่งพวกเขาถูกล้อมรอบไปด้วยฝูงหมาป่า

ฟางหยวนออกจากสนามรบและยืนมองอยู่ในระยะไกล

ฝูงหมาป่าเคลื่อนที่อยู่รอบๆผู้ใช้วิญญาณทั้งหกที่อยู่ในการต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย ความประมาทเพียงเล็กน้อยอาจทำให้พวกเขาตายอยู่ในปากของหมาป่า

ซ่งเจียงใช้วิญญาณผีดิบ ดวงตาสีเขียวของเขามองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าของไป่หนิงปิง การต่อสู้สามฝ่ายปะทุขึ้นอย่างรุนแรงในสนามรบ

ภายใต้พลังอำนาจของวิญญาณผีดิบ การป้องกันของซ่งเจียงยกระดับขึ้นโดยเฉพาะการโจมตีจากน้ำและน้ำแข็ง ซ่งหลี่ใช้วิญญาณหมียักษ์ ด้วยพลังอำนาจของหมีสองตัว กำปั้นของเขาทรงพลังไม่เป็นสองรองผู้ใด กระทั่งเกราะน้ำของไป่หนิงปิงก็ยังถูกทำลายลงด้วยการโจมตีของเขา

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่สมาชิกอีกสามคนในกลุ่มจะแทรกแซงการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขาทำได้เพียงต่อต้านฝูงหมาป่า หมาป่าสายฟ้าเดือดที่ถูกล่อลวงมาโดยฟางหยวนเดิมทีพวกเขาสามารถจัดการได้ไม่ยาก แต่เวลานี้มันกลายเป็นภัยคุกคามสำหรับพวกเขา

"ไป่หนิงปิง เจ้าจะต้องชดใช้ในสิ่งที่เจ้าทำ!" ซ่งเจียงตะโกนเสียงดังไปยังไป่หนิงปิง

"อาศัยเพียงเจ้า?" ไป่หนิงปิงเผยรอยยิ้มบาง เขากระโดดถอยหลังสร้างระยะห่างออกไปและปลดปล่อยแท่งน้ำแข็งออกจากนิ้วทั้งห้า

แท่งน้ำแข็งทะลวงร่างของซ่งเจียง แต่เขาไม่รู้สึกเจ็บปวด เมื่อเขากลายเป็นผีดิบ แม้แขนขาของเขาจะหักสะบั้นลง เขาก็ไม่มีความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น

แท่งน้ำแข็งอาจสามารถหยุดหรือชะลอการเคลื่อนไหวของคนทั่วไป แต่ความเย็นไม่มีผลกับซ่งเจียงในสภาพผีดิบ แม้มันจะมีความต้านทานต่ำต่อแสงหรือกระแสไฟฟ้า แต่มันมีประสิทธิภาพสูงมากในการต่อต้านความเย็น

"ไป่หนิงปิง เจ้ายังล้อเล่นในสถานการณ์เช่นนี้อีกงั้นหรือ? แสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเจ้าออกมา!" ซ่งหลี่ตะโกนเสียงดัง

ไป่หนิงปิงกดพลังของตนเองให้อยู่ในระดับสอง วิญญาณที่เขาใช้ก็เป็นวิญญาณระดับสองเท่านั้น

ซ่งหลี่รู้สึกราวกับถูกดูหมิ่น มันทำให้ความโกรธยิ่งปะทุขึ้นในหัวใจของเขา

"ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ามีคุณสมบัติพอให้ข้าใช้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงงั้นหรือ?" ไป่หนิงปิงหัวเราะขบขัน การโจมตีของเขารุนแรงขึ้นแต่เขายังกดพลังอยู่ในระดับสองและไม่ได้ใช้เพียงวิญญาณระดับสาม

ฟางหยวนยืนมองอยู่ในระยะไกลด้วยความเข้าใจ

'ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการใช้ความแข็งแกร่งที่แท้จริง แต่เขาไม่สามารถใช้ เพราะเขาครอบครองกายาน้ำแข็งแห่งความมืด'

ตามตำนานที่เก่าแก่ที่สุด มนุษย์ทุกคนล้วนเป็นลูกหลานของมนุษย์คนแรก

แต่หากจะกล่าวไป มังกรยังมีบุตรเก้าตัวที่แตกต่างกัน ไม่มีคนสองคนที่เหมือนกันทุกประการ แม้แต่ฝาแฝดยังมีความแตกต่าง

ในโลกใบนี้สิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้คนแตกต่างกันก็คือ พรสวรรค์

บุคคลที่มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะจะกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณที่โดดเด่น คนที่ไม่มีพรสวรรค์ในการเป็นผู้ใช้วิญญาณก็คือมนุษย์ธรรมดา ชนชั้นล่างสุดของระบบสังคมที่จะถูกเหยียบย่ำเสมอ

พรสวรรค์ของผู้ใช้วิญญาณถูกแบ่งเป็นสี่ระดับคือ นภาที่หนึ่ง สอง สาม และสี่ นี่คือสิ่งที่ทุกคนรู้ดี

แต่แท้จริงแล้วยังมีระดับพรสวรรค์ที่สูงกว่านภาที่หนึ่ง

นี่เป็นความลับที่ตระกูลไม่เคยพูดถึง มีเพียงตัวตนระดับสูงเท่านั้นที่ล่วงรู้ความลับนี้

ด้วยสถานะของซ่งหลี่ เขาไม่รู้ความลับเรื่องนี้ หรือกระทั่งผู้อาวุโสของตระกูลก็อาจไม่รู้ แต่ฟางหยวนที่เคยเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับหกในชีวิตก่อนหน้า ร่างมนุษย์ของเขาถูกยกระดับเป็นผู้อมตะ เป็นธรรมดาที่เขาจะล่วงรู้

มีพรสวรรค์อีกสิบประเภทที่เหนือกว่าพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง พวกมันถูกเรียกว่า สุดยอดกายาทั้งสิบ

'ก่อนมนุษย์คนแรกจะตาย เขาให้กำเนิดบุตรธิดาสิบคน บุตรชายคนแรกคือ หยางเมิ้ง บุตรสาวคนรองชื่อ อวี๋หยินฮวง ในบรรดาบุตรธิดาทั้งสิบ มีเด็กผู้หนึ่งถูกเรียกว่า เป่ยหมิงปิงโป๋ ชื่อของเขาหมายถึง น้ำแข็งแห่งความมืด ตำนานของมนุษย์คนแรกไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ มันก็มีความเกี่ยวข้องกับการบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณ บุตรธิดาทั้งสิบของมนุษย์คนแรกก็คือตัวแทนของสุดยอดกายาทั้งสิบ' ฟางหยวนคิด

'ผู้ที่ครอบครองสุดยอดกายาทั้งสิบล้วนเหนือกว่าผู้มีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง ทะเลวิญญาณของผู้มีพรสวรรค์นภาที่หนึ่งสามารถบรรจุระดับน้ำได้สูงสุดเพียงเก้าสิบเก้าส่วน แต่สุดยอดกายาทั้งสิบจะมีระดับน้ำในทะเลวิญญาณหนึ่งร้อยส่วนเต็ม'

'อย่างไรก็ตาม การครอบครองทะเลวิญญาณหนึ่งร้อยส่วนเต็มเป็นสิ่งที่สมบูรณ์แบบมากเกินไป สวรรค์จึงไม่อนุญาตให้พวกเขาใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายมากนัก ตัวอย่างเช่นเรื่องราวของมนุษย์คนแรก เด็กทั้งสิบมีชีวิตอยู่เพียงไม่นาน ในความเป็นจริงเด็กที่ครอบครองสุดยอดกายาทั้งสิบจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานและมักจะตายตั้งแต่เยาว์วัย แน่นอนว่าหากพวกเขาสามารถเติบโตขึ้น พวกเขาจะกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับหกหรือกระทั่งสูงกว่า'

'ไป่หนิงปิงครอบครองหนึ่งในสุดยอดกายาทั้งสิบ กายาน้ำแข็งแห่งความมืด ทะเลวิญญาณของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณ แต่เมื่อมันมีมากเกินไป มันก็พร้อมที่จะระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา เพื่อลดความเสี่ยงนี้ ไป่หนิงปิงต้องใช้พลังวิญญาณของเขาออกมาอย่างสม่ำเสมอและยังต้องสร้างกำแพงที่แข็งแกร่งเพื่อห่อหุ้มทะเลวิญญาณของตนเองเอาไว้ นี่เป็นความลับที่ทำให้การบ่มเพาะของเขารวดเร็วและโดดเด่นอย่างที่สุด'

'แต่ยิ่งการบ่มเพาะสูงเท่าใด มันหมายความว่าพลังวิญญาณของเขาจะยิ่งเข้มข้นและสร้างภาระให้แก่ทะเลวิญญาณอย่างมหาศาล มันเหมือนกับไป่หนิงปิงอยู่บนเรือร้างกลางทะเล เขาสามารถดื่มได้เพียงน้ำทะเลเพื่อดับกระหาย แต่น้ำทะเลเต็มไปด้วยแร่ธาตุมากมายและมันจะดูดน้ำในร่างกายของเขาและทำให้เขายิ่งกระหายมากขึ้น'

'การบ่มเพาะที่สูงขึ้นก็คือการเข้าใกล้ความตายมากขึ้น แต่เขาไม่สามารถเลือกที่จะไม่บ่มเพาะเพราะผู้คนตระกูลไป่ต่างคาดหวังในตัวเขา เขายังต้องเผชิญหน้ากับการลอบสังหารจากนักฆ่าของตระกูลซ่งกับตระกูลแสงจันทร์เช่นกัน ทั้งหมดมันบังคับให้เขาต้องเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการครอบครองกายาน้ำแข็งแห่งความมืด เขาเข้าใจสถานการณ์ของตนเองเป็นอย่างดี เขารู้ว่าเวลาในชีวิตของเขาเหลืออยู่ไม่มาก ดังนั้นมันจึงหล่อหลอมให้เขามีบุคลิกเช่นนี้'

ฟางหยวนถอนหายใจเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

สุดยอดพรสวรรค์แท้จริงแล้วไม่ได้นำผู้ใช้วิญญาณทะยานสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่เป็นผู้ร้ายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความตายของพวกเขา

มากเกินไปไม่ดี น้อยเกินไปก็ไม่ได้ ผู้คนจำเป็นต้องดื่มน้ำกินอาหาร แต่หากพวกเขากินดื่มมากเกินไป พวกเขาก็อาจจะตาย

ไม่ว่าจะเป็นโลกใบใด ความสมบูรณ์แบบไม่เคยมีอยู่จริง ไม่มีความรักที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีงานที่ไร้ที่ติ

สมบูรณ์แบบมากเกินไปอาจนำไปสู่หายนะ

ในชีวิตก่อนหน้า สามปีหลังจากเหตุการณ์คลื่นหมาป่า การบ่มเพาะของไป่หนิงปิงบรรลุสู่ระดับสี่ แต่ทะเลวิญญาณของเขาไม่สามารถรองรับพลังวิญญาณอันเปี่ยมล้นของเขาทำให้มันเกิดการระเบิดขึ้นในที่สุด

สุดยอดกายาทั้งสิบเป็นทั้งพรและหายนะจากสวรรค์ การระเบิดตัวเองของเขาทำลายล้างสามตระกูลและเปลี่ยนภูเขาชิงเหมาให้กลางเป็นนรกเยือกแข็งไปอย่างสมบูรณ์

เดิมทีในชีวิตก่อนหน้า เนื่องจากฟางเจิ้งสร้างความยากลำบากให้กับฟางหยวนกระทั่งเขาไม่มีทางเลือกนอกจากเดินทางไปกับขบวนสินค้า เมื่อการระเบิดตัวเองของไป่หนิงปิงเกิดขึ้น ฟางหยวนจึงสามารถรอดชีวิตมาได้ด้วยเหตุนี้

เพื่อชะลอเวลาตาย ไป่หนิงปิงอาศัยวิญญาณเจือจางซึ่งเป็นวิญญาณระดับสามในการเจือจางพลังวิญญาณของตนให้อยู่ในระดับสอง เวลาเดียวกันเขาก็ไม่ค่อยใช้วิญญาณระดับสาม

นั่นเป็นเพราะวิญญาณระดับสามจะดูดกลืนทะเลวิญญาณสีทองแดงของผู้ใช้วิญญาณระดับสองอย่างรวดเร็ว มันจะเป็นประโยชน์กว่าหากเขาใช้วิญญาณระดับสอง

นี่เป็นเหตุผลที่แท้จริงที่ไป่หนิงปิงกดการบ่มเพาะของตนเองให้อยู่ในระดับสอง

หากมิใช่เพราะเรื่องนี้ เขาจะมัดมืดมัดเท้าของตนเองเพื่อเผชิญหน้ากับอันตรายเช่นนั้นหรือ? นี่เป็นบางสิ่งที่มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะกระทำ

ทั้งหมดทำให้เขาไม่สามารถหลอมรวมเป็นหนึ่งกับตระกูลและนำตนเองเข้าสู่เส้นทางสายปีศาจ

ไป่หนิงปิงถือเป็นเด็กที่น่าสงสาร เดิมทีฟางหยวนไม่ต้องการกำจัดเขา แต่เป็นเขาที่ต้องการกำจัดฟางหยวนก่อน ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องลบเขาออกไป

การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป

แต่สถานการณ์กลับเปลี่ยนไปเรียบร้อยแล้ว

หมาป่าสายฟ้าเดือดถูกสังหารโดยไป่หนิงปิง ฝูงของมันแยกย้ายกันไปแล้ว ผู้ใช้วิญญาณสายรักษาของกลุ่มซ่งหลี่กลายเป็นเหยื่อคมดาบน้ำแข็งของไป่หนิงปิงแต่เขาก็ต้องจ่ายด้วยแขนขวาที่กลายเป็นด้านชาจากการโจมตีของซ่งหลี่

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ทำให้ไป่หนิงปิงเสียเปรียบ

ซ่งหลี่เป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสองที่มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับเดียวกับฉิงซูและซื่อซาน ซ่งเจียงเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ของตระกูลซ่ง ซ่งหลินเป็นอัจฉริยะของปีที่ผ่านมา แต่กระทั่งพวกเขาร่วมมือกัน พวกเขาก็ยังไม่สามารถเหนือกว่าไป่หนิงปิง

ต้องรู้ว่าไป่หนิงปิงต่อสู้ด้วยทะเลวิญญาณสีทองแดง นอกจากนั้นเขายังสังหารหมาป่าสายฟ้าเดือดและผู้ใช้วิญญาณสายรักษาอีกหนึ่งคน ขณะเดียวกันเขาก็ไม่สามารถใช้แขนขวา เขาต้องใช้มือซ้ายถือดาบน้ำแข็ง ด้วยทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันทำให้พลังการต่อสู้ของเขาลดลงครึ่งหนึ่ง

แต่เขายังได้เปรียบในสถานการณ์นี้ นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงพลังอำนาจที่น่าตกตะลึงของเขา

"มันเป็นเพราะกายาน้ำแข็งแห่งความมืด แม้เขาจะใช้วิญญาณเจือจางกดการบ่มเพาะของตนเองเอาไว้ แต่ความเร็วในการกู้คืนพลังวิญญาณของเขายังไม่ลดลง เขาจะได้เปรียบในการต่อสู้ที่ยาวนาน" ฟางหยวนถอนหายใจขณะที่จ้องมองเข้าไปในสนามรบ

"พลังการต่อสู้ของข้าในปัจจุบันยังไม่สามารถเอาชนะเขา" ฟางหยวนยอมรับในจุดนี้

เพราะกระทั่งกลุ่มของซ่งหลี่ยังพบกับความยากลำบากในการต่อสู้กับไป่หนิงปิง ดังนั้นหากเป็นฟางหยวนที่มีพรสวรรค์นภาที่สาม มีระดับน้ำในทะเลวิญญาณสี่สิบสี่ส่วน มันจะกลายเป็นเรื่องยากยิ่งกว่า

"แต่...ไม่สามารถเอาชนะไม่ได้หมายความว่าไม่สามารถสังหาร" ฟางหยวนยิ้มเยาะ

นี่คือภูมิปัญญาที่เขาสะสมมานานนับห้าร้อยปี

แม้พวกเขาคล้ายจะเป็นภาพสะท้อนของกันและกัน แต่เมื่อเทียบกับปีศาจเฒ่าที่ผ่านวันเวลามานานหลายศตวรรษ ไป่หนิงปิงก็เป็นเพียงปีศาจน้อยที่ถูกบังคับด้วยโชคชะตาที่โหดร้ายเท่านั้น