บทที่ 91 ผสานเจตจำนงกระบี่
เมื่อผูเยาเห็นจั่วม่อ มันก็เอาแต่หัวร่อ
“ผูเยา เคล็ดวิชาสวะนี่ข้าไม่ต้องการ หากไม่คืนจิงสือก็เปลี่ยนเป็นเคล็ดวิชาอื่นมา!” จั่วม่อตาแดงก่ำ เหมือนผีดิบผอมแห้งที่บ้าคลั่ง ถลึงจ้องผูเยาอย่างขุ่นแค้น
“ฮิ” ผูเยาหัวร่อเบาๆ คล้ายเสียงขู่ของอสรพิษ ลากเสียงกล่าวว่า “ที่นี่ไม่มีคืนเงินหรือแลกเปลี่ยนสินค้า”
“ต่อไปอย่าหวังจะได้จิงสือจากข้า!” จั่วม่อตะโกนอย่างดุเดือด
ผูเยาไม่สะทกสะท้าน มันเชิดคาง ใบหน้างดงามสุดเปรียบปานเต็มไปด้วยแววเย้ยหยัน ตอบโต้อย่างผ่อนคลายและเฉยเมยว่า “ข้าก็ไม่ต้องการความยินยอมของเจ้าอีกต่อไป”
จั่วม่อพอได้ยินถึงกับหยุดหายใจ ในที่สุดมันค่อยนึกออก ดูเหมือนว่ามันยังไม่เคยมีปัญญาควบคุมเจ้าผู้นี้ได้มาก่อน
แต่มันไม่ยินยอม ไม่ยินยอมพร้อมใจ!
จั่วม่อกัดฟันกรอดๆ ขุ่นแค้นชิงชังอย่างยิ่ง แต่ก็อับจนหนทาง
ถูกผูเยาเล่นงานไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ หากมันสามารถได้รับสิ่งดีๆ จากผูเยาต่างหาก นั่นจึงเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อ
การหลอมกลั่นเม็ดยาอีกาทองคำสะดุดลง บุปผาแดงคะนองในทุ่งปราณก็ยังไม่โตเต็มที่ จั่วม่อสูญเสียเส้นทางทำกำไรทั้งหมดอย่างฉับพลัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้มันไม่มีเงินติดตัว ไม่มีจิงสือ มันก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลย
จั่วม่อได้แต่อยู่เฝ้าลานน้อยลมตะวันตก ฝึกฝีมือบำเพ็ญเพียร และไปดูแลท้องทุ่งปราณที่เช่าไว้ เวลาอื่นๆ นอกจากนี้ มันจะไปยังเรือนขิงหอมเพื่อฝึกหลอมกลั่นโอสถ แม้ว่าไม่สามารถหลอมกลั่นเม็ดยาอีกาทองคำ แต่โอสถปราณชนิดอื่นไม่ได้รับผลกระทบไปด้วย โชคดีที่ชื่อเสียงของมันดีงาม ในเมื่อซือฟู่ปิดด่านหลอมกลั่นโอสถ สวี่ฉิงก็เปิดวงเงินกู้ยืมวัตถุดิบให้มันมากกว่าเดิม
แต่น่าเสียดายที่มันไม่สามารถหาเม็ดยาประเภทที่ขายง่ายกำไรดี เฉกเช่นเม็ดยาอีกาทองคำ ดูจากบันทึก หนี้สินของมันยิ่งพอกพูนขึ้นทุกที โชคดีที่สวี่ฉิงไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้ เพราะนี่เป็นเรื่องปกติ หากผู้คนสามารถทำกำไรจิงสือได้ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นที่ร่ำเรียนวิชาหลอมกลั่น เช่นนั้นทุกผู้คนไม่แห่มาเรียนวิชาหลอมกลั่นกันหมดแล้วหรือ
จั่วม่อนึกถึงซือฟู่ย้ำเตือนมันให้ใช้เวลาฝึกปรือกระบี่มากกว่าเดิม
ประโยคนี้จั่วม่อจดจำขึ้นใจ ความหมายเบื้องหลังวาจาคือสิ่งใด ไม่จำเป็นต้องกล่าวให้มากความ!
ประเสริฐ ในเมื่อไม่มีปัญญาทำกำไรจิงสือ เช่นนั้นมันจะฝึกปรือกระบี่ เพลงกระบี่เพลิงธาราของมันบรรลุถึงระดับที่น่าพอใจมาก แต่ก็เผชิญกับคอขวดเสียแล้ว ทั้งยังไม่สามารถสัมผัสเบาะแสของแนวทางที่จะพัฒนาไปข้างหน้า สิ่งเดียวที่คิดได้ในตอนนี้ คือดูว่าจะหาวิธีผสานเจตจำนงกระบี่กระแสธารของอาจารย์ลุงซินหยาน เข้ากับเจตจำนงกระบี่เพลิงธาราได้หรือไม่
มันได้ความคิดนี้มาจากแม่น้ำกระบี่ในทะเลแห่งจิตสำนึก ตั้งแต่ตอนที่แม่น้ำสายนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน
อย่างไรก็ตาม การผสานรวมเจตจำนงกระบี่สองชนิดที่แตกต่างกันเข้าด้วยกันเป็นเรื่องยากมาก โชคยังดีที่ม้วนหยกส่วนใหญ่ในสำนักได้เปิดกว้างสำหรับมัน รวมถึงเคล็ดกระบี่มังกรน้ำแข็งของอาจารย์ลุงซินหยานด้วย
เวลานี้การเปิดให้เข้าถึงม้วนหยกอย่างอิสระ ยังไม่ได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างมากนัก ศิษย์พี่เหวยเสิ้งยังคงอยู่ในถ้ำกระบี่ ศิษย์พี่สวี่อี้จมอยู่กับการหลอมสร้างยุทธภัณฑ์ ศิษย์พี่หญิงกงซุนฉิงกำลังเก็บข้าวของเพื่อเดินทางไปหาคู่หมั้นของนาง ศิษย์พี่หลัวหลียังปิดด่านฝึกตน ซวีอีเซี่ยกับห่าวหมิ่นไม่ค่อยสนใจในด้านกระบี่นัก ส่วนศิษย์พี่ใหญ่ฉินเฉิง กำลังเดินทางจัดการเรื่องราวด้านนอกสำนัก
คำนวณแล้ว คนที่สนใจม้วนคัมภีร์หยกเหล่านี้มากที่สุดย่อมเป็นจั่วม่อ และม้วนหยกที่จั่วม่อสนใจมากที่สุดก็คือเคล็ดกระบี่มังกรน้ำแข็ง อันที่จริง ในบรรดาม้วนหยกที่เปิดให้เข้าถึงทั้งหมดในคราวนี้ นี่เป็นม้วนหยกที่ทำให้มันประหลาดใจมากที่สุด แม้แต่วิชานี้ยังปล่อยออกมาด้วย?
เคล็ดวิชาที่ทรงพลังที่สุดของสำนักย่อมเป็นเคล็ดกระบี่สุญตา แต่เคล็ดกระบี่มังกรน้ำแข็ง กลับเป็นวิชาที่ร้ายกาจที่สุดในใจจั่วม่อ มันไม่เคยเห็นว่าเคล็ดกระบี่สุญตาแข็งแกร่งเพียงใด แต่กับเจตจำนงกระบี่มังกรน้ำแข็งอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงของอาจารย์ลุงซินหยาน กลับได้สัมผัสมาเป็นการส่วนตัวหลายครั้งหลายครา ทิ้งความประทับใจให้แก่มันอย่างลึกล้ำ
สามารถได้ยลเคล็ดกระบี่มังกรน้ำแข็งฉบับสมบูรณ์ เป็นเรื่องที่ทำให้จั่วม่อรู้สึกตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม มันค้นพบในทันทีว่าเคล็ดกระบี่มังกรน้ำแข็งม้วนนี้ เป็นเช่นเดียวกันกับม้วนหยกบางม้วนในเรือนขิงหอม เนื้อความที่ท่านสามารถดูได้ ขึ้นอยู่กับระดับพลังบำเพ็ญเพียรของท่านเอง หากพลังบำเพ็ญเพียรของท่านไม่สูงพอ ท่านก็ไม่อาจได้ชื่นชมเนื้อความท่อนต่อๆ ไปได้ นี่เป็นมาตรการเพื่อความปลอดภัย ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ที่พลังบำเพ็ญเพียรไม่เพียงพอ ฝืนฝึกปรือจนเป็นอันตรายขึ้นมา
จั่วม่อย่อมเห็นเนื้อหาได้ไม่มากนัก เฉพาะเคล็ดลับประทับรอยวิญญาณในกระบี่บินและเคล็ดความที่ค่อนข้างตื้นเขินบางส่วนเท่านั้น เห็นเช่นนี้ มันอดถอนหายใจไม่ได้ กระบี่หยดน้ำแม้ระดับสูงกว่ากระบี่ผลึกน้ำแข็งมาก แต่หากใช้ฝึกปรือเคล็ดกระบี่มังกรน้ำแข็งกลับไม่เหมาะสมเท่ากระบี่ผลึกน้ำแข็ง สิ่งนี้ยิ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นในการผสานรวมเจตจำนงกระบี่ทั้งสองแบบของจั่วม่อ ไม่ต้องกล่าวถึงว่า เพื่อกระบี่หยดน้ำแล้วนี่ก็คุ้มค่าที่จะทดลองทำดู
เคล็ดกระบี่มังกรน้ำแข็งใช้ถ้อยคำที่ลึกซึ้งคลุมเครือไม่น้อย แต่ในเมื่อจั่วม่อมีความเข้าใจเจตจำนงกระบี่มังกรน้ำแข็งอยู่บ้าง จึงใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง จนสามารถเข้าใจเนื้อหาส่วนใหญ่ได้ หลังจากอ่านครบถ้วนละเอียดลออเท่าที่เปิดให้มันอ่านได้แล้ว จั่วม่อก็วางม้วนหยกลง จมดิ่งลงสู่ห้วงฌานอย่างลึกล้ำ
การเข้าฌานอย่างลึกล้ำหนนี้ กินเวลายาวนานถึงสิบวัน!
จั่วม่อไม่กิน ไม่ดื่ม ไม่หลับ ไม่นอน และไม่พักผ่อนตลอดทั้งสิบวัน!
ในวันที่สิบ จั่วม่อจู่ๆ ก็ลืมตา สะบัดมือขึ้น ประกบนิ้ว ปราณกระบี่พวยพุ่งออกมาสายหนึ่ง!
ฟุ่บ!
ลำแสงเย็นเยือกทว่าดุดันสายหนึ่ง ประจุเต็มไปด้วยความคมกริบของกระบี่ ทิ่มแทงใส่พื้น ทิ้งหลุมลึกไว้หลุมหนึ่ง บนขอบหลุมยังมีเศษน้ำแข็งอยู่เป็นจำนวนมาก
น่าเสียดาย จั่วม่อได้แต่บังคับผสานรวมทั้งสองเข้าด้วยกันเช่นนี้ เจตจำนงกระบี่ใหม่ยังมีอีกหลายจุดที่จั่วม่อรู้สึกว่าคลุมเครือมาก ไม่ราบลื่นชัดเจน คงได้แต่ต้องรอจนกว่ามันจะเข้าใจเคล็ดกระบี่มังกรน้ำแข็งลึกซึ้งกว่านี้ และทำการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อค่อยๆ บรรลุความเข้าใจ จนกลายเป็นแตกฉานในที่สุด
เจตจำนงกระบี่ใหม่ โดยพื้นฐานแล้วเป็นการใช้เจตจำนงกระบี่เพลิงธาราเป็นแก่นหลัก และใช้เจตจำนงกระบี่มังกรน้ำแข็งเป็นส่วนเสริม เดิมทีเจตจำนงกระบี่มังกรน้ำแข็งนั้นระดับสูงกว่าเจตจำนงกระบี่เพลิงธารา สมควรใช้เจตจำนงกระบี่มังกรน้ำแข็งเป็นแก่นหลัก และใช้เจตจำนงกระบี่เพลิงธาราเป็นส่วนเสริม แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อจั่วม่อเข้าใจเจตจำนงกระบี่เพลิงธาราอย่างลึกล้ำกว่าเจตจำนงกระบี่มังกรน้ำแข็งมาก
อย่างไรก็ตาม หลังจากเจตจำนงกระบี่ทั้งสองแบบผสานรวมกันสำเร็จ พลังอำนาจของปราณกระบี่ก็พุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด!
หากเทียบกันแล้ว การผสานกระบวนท่ากลับง่ายดายกว่าการผสานเจตจำนงกระบี่มาก ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดกระบี่มังกรน้ำแข็งหรือเคล็ดกระบี่เพลิงธารา ล้วนแล้วแต่ไม่มีกระบวนท่าอันซับซ้อนหรือลึกซึ้งเกินไป
น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดมาเสาะหามัน ให้มันได้ทดสอบกระบี่ จั่วม่อจู่ๆ ก็คิดถึงศิษย์พรรคอัจฉริยะปราณเหล่านั้นขึ้นมาจับใจ หากบางครั้งบางคราว มีผู้คนมาเสาะหามัน เพื่อให้มันทดสอบกระบี่ของมัน ทั้งยังพกพายุทธภัณฑ์เวทชั้นยอดมาพร้อมประเคนให้ด้วย ไม่ทราบจะดีงามถึงเพียงไหน!
ครั้นเมื่อจั่วม่อพบว่าการเข้าฌานของมันครานี้ถึงกับใช้เวลาไปสิบวัน ต้องสะดุ้งสุดตัว รีบกระโดดขึ้นหลังห่านจะงอยเทา ตรงดิ่งไปยังท้องทุ่งปราณโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด สิ่งที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง คือสภาพของบุปผาแดงคะนองและสมุนไพรอื่นๆ ยังคงดีเยี่ยม ไม่มีความเปลี่ยนแปลงอันใดมากนัก มันในที่สุดค่อยระบายลมหายใจยาว
เหน็ดเหนื่อยแทบตาย จั่วม่อล้มตัวลงนอนกลางพื้นหญ้าในท้องทุ่งปราณ และหลับไหลไป
ตงฝูฟื้นตัวจากความวุ่นวายเมื่อไม่นานมานี้อย่างสมบูรณ์ สถานที่แห่งนี้กลับกลายเป็นที่ชุมนุมของเหล่าซิวเจ่อระดับต่ำอีกครั้ง เมื่อปราศจากเหล่ายอดคนซิวเจ่อชั้นสูงเหล่านั้น ความกดดันในใจของซิวเจ่อระดับต่ำทั้งหลายก็ถูกกวาดออกไปในทันที เมืองตงฝูกลายเป็นคึกคักมีชีวิตชีวาตามเดิม
“ได้ยินข่าวหรือไม่? ชุมนุมวิจารณ์กระบี่แห่งตงฝูกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!”
“ฟังว่าขอเพียงเจ้าเข้าถึงด่านจู้จี ก็สามารถเข้าร่วม นี่นับว่ากำหนดคุณสมบัติในการเข้าร่วมไว้ต่ำมากจริงๆ อ้า!”
“ครั้งนี้หอตงฝูทุ่มเททรัพยากรเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจัดสรรค์รางวัลไว้มากมาย ช่างใจกว้างอย่างแท้จริง!”
“จุ๊จุ๊ เช่นนั้นหรือ? ท้ายก็สุดก็จะเป็นหวีป๋ายได้รับไป นี่เพียงแค่ย้ายจากกระเป๋าซ้ายไปกระเป๋าขวาเท่านั้น”
“นั่นก็ไม่แน่ ไม่ใช่ว่าสำนักกระบี่สุญตามีสุดยอดอัจฉริยะที่เรียกว่าเหวยเสิ้งผู้หนึ่งหรอกหรือ? ข้ารู้สึกว่ามันอาจเป็นม้ามืด!”
“เหวยเสิ้ง? เรื่องเกี่ยวกับมันข้าก็ฟังมาไม่น้อย แต่ว่ากันว่าสำนักกระบี่สุญตายังมีตัวอันตรายอีกผู้หนึ่ง เรียกว่าผีดิบจอมลอกคราบ ดุดันอำมหิตเป็นพิเศษ!”
“ผู้ใดดุดันอำมหิต? กล่าวถึงความดุดันอำมหิต หวีป๋าย จงหมิงเอี้ยน พวกมันล้วนดุดันอำมหิต!”
“นั่นก็จริง...”
การประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่แห่งตงฝูที่กำลังจะเริ่มขึ้น กลายเป็นหัวข้อข่าวที่ร้อนแรงที่สุดในตงฝู ของรางวัลสำหรับการประลอง ไม่ว่าจะเป็นจำนวนหรือคุณภาพ ก็เพียงพอจะทำให้ผู้คนตะลึงพรึงเพริด ไม่มีผู้ใดเข้าใจว่าเทียนซงจื่อกำลังคิดอันใด ไฉนต้องทุ่มเทด้วยราคาอันใหญ่โตเช่นนี้ เพื่อจัดงานชุมนุมวิจารณ์กระบี่ขึ้นมา
กระบี่ยอดสนขจี ระดับสี่ ,เข็มขัดร้อยสัตว์มงคล ระดับสี่ , มงกุฎทองพลัดพราก ระดับสี่ , แขนเสื้อเมฆวารี ระดับสาม , เสื้อทอฟ้าสวรรค์ ระดับสาม , เกราะปราณอสรพิษเย็น ระดับสาม...
บอกได้เพียงว่ากระบวนท่านี้ของเทียนซงจื่อมีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง รางวัลมหาศาลเหล่านี้ กระตุ้นความกระตือรือร้นของเหล่ายอดยุทธ์รุ่นเยาว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าศิษย์ของสำนักเล็กๆ ชั่วชีวิตชองพวกมัน จะหาจิงสือจากที่ใดมาซื้อยุทธภัณฑ์เวทเหล่านี้ได้? ดังนั้นล้วนพากันจ้องมองของรางวัลน้ำลายไหลยืด
เมื่อข่าวประกาศออกไป ผู้คนแห่แหนมาลงชื่อเป็นจำนวนมาก ในเมื่อเรื่องนี้ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ หากไม่ลงชื่อเข้าร่วมเสียหน่อย พวกมันก็นับว่าโง่งมมากแล้ว และหากพวกมันมีโชค อาจสามารถคว้ายุทธภัณฑ์เวทได้สักชิ้น หรือหากพ่ายแพ้ก็หาได้เสียสิ่งใดไม่ อย่างไรก็ตาม พวกมันต้องเริ่มต้นจากการประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่รอบคัดเลือกเสียก่อน เมื่อเอาชนะได้หลายรอบตามที่กำหนด จึงจะสามารถเข้าสู่การประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่รอบจริงได้
หลายสำนักที่มีความสำคัญในตงฝูได้รับการจัดสรรค์ที่ว่างจำนวนหนึ่ง พวกมันสามารถเข้าร่วมการประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่รอบจริงได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านรอบคัดเลือก
แม้ว่าได้รับการปฏิบัติแตกต่างกัน แต่เหล่าผู้เข้าร่วมก็ไม่ได้บ่นว่ามากนัก ยิ่งเป็นซิวเจ่อระดับต่ำมากเท่าใด ก็ยิ่งเข้าใจความเป็นจริงของโลกใบนี้มากขึ้นเท่านั้น ในเมื่อโลกก็เป็นเช่นนี้เอง พวกมันยังจะบ่นว่าหาอันใด?
ไม่เพียงแต่เหล่าผู้ฝึกตนรอบๆ ตงฝูเท่านั้น การประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่ครั้งนี้ ยังดึงดูดยอดฝีมือจำนวนมากจากสิบสองเมืองใหญ่อื่นๆ อีกด้วย!
ภายใต้รางวัลล่อใจที่หนักพอ ย่อมมีคนหาญกล้าขันอาสา!
เนื่องจากการประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่นี้เอง ตงฝูกลายเป็นคึกคักวุ่นวายผิดปกติ
จั่วม่อเมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็ล่วงเข้าวันที่สองแล้ว แสงแดดแผดจ้าปลุกมันขึ้นจากการนิทราอันแสนจะสำราญใจ
ด้วยร่างกายที่ผ่านการพักผ่อนอย่างเต็มที่ มันกลับมาแข็งแรงกระปรี้กระเปร่าเหมือนเช่นเคย เมื่อกลับไปถึงลานน้อยลมตะวันตก ก็เริ่มสะสางทุ่งปราณในหุบเขาของมัน คัดแยกพืชหญ้าปราณที่เติบโตได้ที่แล้วออกมา ตั้งใจว่าจะไปยังตงฝูสักครา หญ้าปราณเหล่านี้สามารถแลกเป็นจิงสือกลับมาได้บ้าง
จากนั้นก็เหมือนเช่นปกติ มันมุดเข้าไปยังห้องศิลา เพื่อฝึกปรือเคล็ดบำเพ็ญสูดปราณก่อนกำเนิดและวัชรสูตรน้อย
สองชั่วยามให้หลัง จั่วม่อเปิดตาขึ้น ในดวงตาทอแววยินดี ในเวลานี้พลังบำเพ็ญเพียรของมันทะลวงผ่านไปยังด่านจู้จีขั้นที่สี่ ผิดกับพลังแห่งจิตสำนึกที่ชะงักงันอยู่ตรงจุดคอขวดก่อนเข้าสู่ขั้นลมหายใจที่สาม พลังปราณของมันเพิ่มพูนรวดเร็วมาก ภายในระยะเวลาสั้นๆ ก็สามารถทะลวงไปยังด่านจู้จีขั้นที่สี่ ความเร็วนี้สมควรเรียกได้ว่าน่าสะพรึงกลัว
แน่นอน ความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเรื่องนี้ต้องยกให้เส้นชีพจรปราณปฐพี หากไม่มีเส้นชีพจรปราณปฐพี จั่วม่ออาจยังคงวนเวียนอยู่แถวๆ ด่านจู้จีขั้นที่สอง
อาศัยระดับความเร็วนี้ สมควรอีกไม่นานที่มันจะทะลวงผ่านไปยังด่านหนิงม่าย เมื่อถึงยามนั้น ในที่สุดมันก็พอจะมีความสามารถในการป้องกันตัวเองบ้างเล็กน้อย
ในอาณาจักรนภาจันทร์ ยอดคนด่านจินตันไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นตัวตนระดับสูงสุด ระดับต่ำลงมาอีกหน่อยคือด่านหนิงม่าย อย่างไรก็ตาม สำหรับซิวเจ่อด่านหนิงม่าย ในระหว่างซิวเจ่อด่านหนิงม่ายด้วยกันก็มักจะมีความแตกต่างกันอย่างใหญ่หลวง แต่ไม่ว่าจะอย่างไร หากมันเข้าสู่ด่านหนิงม่าย ในที่สุดก็จะได้หลุดพ้นจากสถานะของซิวเจ่อชั้นต่ำเสียที
หากไม่มีความทะเยอทะยานมากนัก ซิวเจ่อด่านหนิงม่ายก็สามารถใช้ชีวิตสุขสบายในอาณาจักรนภาจันทร์ ผลประโยชน์และการยกย่องที่ผู้ฝึกตนด่านหนิงม่ายได้รับนั้น เป็นคนละระดับกับซิวเจ่อด่านจู้จีอย่างสิ้นเชิง
หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกปรือเคล็ดบำเพ็ญสูดปราณก่อนกำเนิด จั่วม่อก็ต่อด้วยวัชรสูตรน้อย ส่วนเคล็ดหอมจรุงไม่ลืมเลือน มันโยนทิ้งไปทางหนึ่งอย่างไม่แยแส
จะให้ศึกษาอิสตรี มิสู้ไปค้นคว้าค่ายกลเขาวงกตเสียเลยไม่ดีกว่าหรือ!
วัชรสูตรน้อยที่จั่วม่อฝึกปรือในเวลานี้เป็นฉบับป้ายหินสุสาน หลังจากทดลองฝึกมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง มันก็ค้นพบความแตกต่างระหว่างทั้งสองฉบับ ที่กว้างใหญ่ขึ้นๆ กว้างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ในสภาวะเข้าฌาน จั่วม่อนั่งเหยียดตรง ตลอดทั้งร่างนิ่งสนิทดุจรูปปั้นที่หลอมขึ้นจากทองคำสีเข้ม
ทันใดนั้น ร่างกายมันเริ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรง