ตอนที่ 98 – ตรงกันข้าม
การ์รันและนักเวทย์คนอื่นกำลังนั่งอยู่ในเต็นท์ โดยที่การ์รันนั้นกำลังถือหนังสือที่ดูประหลาดอยู่ มันไม่ใช่หนังสือทั่วๆไป เพราะแต่ละหน้านั้นทำด้วยหนังแกะ และปกนั้นทำจากโลหะที่ประกายสีเงินแวววาว ถ้าหากมองผ่านๆมันก็เป็นหนังสือที่ไม่สำคัญอะไรเนื่องจากว่ามันมีความหน้าเพียงแค่ 5 หน้าเท่านั้น
เมื่อเห็นหนังสือนี้แล้ว กรีนและเมอร์รินก็อุทานขึ้นมาว่า “หนังสือผนึกเวทย์?”
นอกจากเจ่าไห่นั้น ดูเหมือนว่าทุกคนจะตกใจเมื่อได้ยินกรีนและเมอร์รินพูดขึ้นมา พวกเขานั้นดูตกใจกับหนังสือในมือของเจ่าไห่
เจ่าไห่นั้นไม่รู้ว่าหนังสือนี้อะไร แต่เมื่อมองดูจากปฏิกิริยาของทุกคนเขาก็รู้ว่ามันเป็นสิ่งของมีค่า “ปู่กรีน อะไรไรคือหนังสือผนึกเวทย์อย่างนั้นเหรอครับ?”
กรีนนั้นหายจากอาการตกใจ แต่ตาของเขาก็ยังคงมองที่หนังสือเล่มนั้น “หนังสือเล่มนี้นั้นถูกสร้างโดยอเคมิส ซึ่งใช้เวลากว่ายี่สิบปีในการสร้างอุปกรณ์เวทย์นี้ และการสร้างหนังสือเล่มนี้นั้นต้องใช้วัสดุที่ล้ำค่าอยากมากมาย ที่แม้ว่าจะรู้วิธีในการสร้าง ก็ยากจะสร้างขึ้นมาได้จริงๆ หนังสือเล่มนี้นั้นใช้ในการผนึกเวทย์ต่างๆเก็บลงไป ซึ่งเมื่อเวทย์นั้นถูกผนึกลงไปแล้วนั้น คุณก็สามารถที่จะใช้พลังเวทย์เพียงนิดเดียวในการปลดเวทย์นั้นออกมา ไม่ว่าเวทย์นั้นจะอยู่ในระดับไหนก็ตาม”
เจ่าไห่นั้นเข้าใจความหมายของมันทันที หนังสือเล่มนี้เหมือนกับปืนใหญ่ที่มีกระสุนไม่จำกัดและเพียงแค่กดปุ่มก็สามารถยิงกระสุนออกไปทันที ตราบใดที่มีแรงพอจะกดปุ่มนั้น คุณก็สามารถยิงได้ต่อเนื่อง
เมื่อกรีนพูดจบ เมอร์รินก็ยิ้ม “ดูเหมือนว่าคราวนี้เราจะได้สมบัติชิ้นสำคัญ แม้ว่าพวกจะไม่รู้ว่าตอนนี้ในหนังสือนั้นผนึกเวทย์อะไรอยู่ ซึ่งถ้าหากเป็นเวทย์ระดับสูงมันก็เป็นปัญหาสำหรับพวกเรา แต่ถ้าเราชิงหนังสือมาได้ มันก็จะทำให้พวกเราแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน”
เจ่าไห่พยักหน้าก่อนจะหันไปหาชิฟก่อนพูดขึ้นว่า “ชิฟ ตอนที่เราจะทำสงครามกันตอนเย็น อันดับแรกที่ต้องจัดการคือการ์รัน เจ้าต้องฆ่าเขาให้ได้ และจำไว้ด้วยว่าชายคนนี้ระวังตัวมาก เพราะนี้อาจจะเป็นกับดักก็ได้”
ชิฟโค้งคำนับก่อนตอบกลับว่า “ครับนายน้อย”
เจ่าไห่หันไปหากรีนและบอกว่า “ปู่กรีน เป้าหมายหลักของเราคือการ์รัน คนอื่นอาจจะหนีไปได้ แต่คนนี้ต้องตายที่นี้ ในเมื่อเขานั้นมีหนังสือหนึกเวทย์อยู่ในมือ นั้นแสดงว่าเขานั้นเป็นคนสำคัญในองค์กร เราอาจจะพบเบาะแสบางอย่างจากเขา”
กรีนพยักหน้า “โปรดวางใจครับนายน้อย การ์รันจะไม่มีทางหนีรอดไปได้”
เจ่าไห่มองที่เม็ก ซึ่งจ้องมองหนังสือผนึกเวทย์ด้วยความอิจฉา “เม็กถ้าหากพวกเราสามารถยึดหนังสือนี้มาได้ มันจะเป็นของเจ้า”
เม็กนั้นรู้สึกตกใจ ก่อนที่สีหน้าของเธอนั้นจะยิ้มแย้มออกมา “จริงๆเหรอค่ะ นายน้อย? คุณไม่ได้โกหกใช่ไหม?”
เจ่าไห่ “แน่นอนสิ ผมไม่โกหกเจ้าหรอก เม็กเป็นนักเวทย์ระดับหก แต่ก็ยังไม่มีไม้เท้าเวทย์มนตร์เลย ดังนั้นหนังสือผนึกเวทย์นี้จะเป็นของเจ้า จนกว่าพวกเราจะหาไม้เท้าเวทย์ให้เจ้าได้”
เม็กยิ้ม “ค่ะ ฉันจะรอจนถึงวันนั้น แต่นายน้อยค่ะ ถ้าคุณอยากหาไม้เท้าเวทย์ให้กับฉัน อย่างน้อยก็ขอแบบไม้เท้าผี ที่ดูสง่างามและเรียบง่ายนะค่ะ”
เจ่าไห่หัวเราะอีกครั้ง “ได้เลย ถ้ามีโอกาส ผมจะหาไม้เท้าเวทย์แบบนี้ให้”
เจ่าไห่รู้สึกมีความสุข ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขานั้นกลุ่มคนเหล่านี้ก่อน พวกเขาอาจจะโจมตีเจ่าไห่ได้สำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้น เจ่าไห่ก็คงจะไม่ได้รับความเสียหายมากเพราะเขานั้นมีมิติอยู่ แต่ในเมื่อเขาพบคนเหล่านี้ก่อน พวกเขาเองก็คงจะปล่อยให้กองทัพนี้รอดไปไม่ได้แม้ว่ากองทัพนี้จะแข็งแกร่งก็ตาม แต่อย่าลืมว่าตระกูลของเขาเองก็ไม่ได้อ่อนแอ ซึ่งเจ่าไห่นั้นก็มีกองกำลังเพียงพอที่จะต่อกรกับพวกเขา
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เจ่าไห่ต้องการฆ่าพวกเขาทั้งหมดเพื่อให้ดรังค์นั้นเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นอันเดต แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นอันเดตระดับสูง แต่เมื่อส่งเข้าไปในมิติแล้ว พลังกำลังของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นเอง จนทำให้เขานั้นมีกองทัพที่แข็งแกร่งขึ้น
แต่เขาก็ยังหวังว่าจะมีทางที่จะเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นอันเดตระดับสูงเพื่อที่จะต้องการรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
ด้วยความคิดนี้ เจ่าไห่จึงหันไปหาดรังค์ “ดรังค์ มีทางไหนบ้างที่จะเปลี่ยนให้การ์รันเป็นอันเดตระดับสูงหรือไม่”
ดรังค์ส่ายหัว “ผมไม่สามารถทำได้ครับ นายน้อย การ์รันเป็นนักเวทย์แสง ดังนั้นแล้วเขาเป็นได้มากสุดก็เพียงแค่อันเดตระดับต่ำ และไม่สามารถที่จะเพิ่มระดับขึ้นได้ เพราะเวทย์แสงนั้นเป็นธาตุตรงข้ามของเวทย์มนตร์ดำ อันเดตจึงไม่สามารถที่จะมีคุณสมบัติธาตุแสงได้”
เจ่าไห่รู้สึกเจ็บปวด “คนที่มีอำนาจสูงสุดในกองทัพคือการ์รัน เขานั้นน่าจะรู้ความลับมากที่สุด ถ้าหากไม่สามารถหาข้อมูลใดๆจากเขาได้ ก็ดูเหมือนว่าเราต้องหาข้อมูลจากที่อื่นแล้วดรังค์ เจ้าสามารถเปลี่ยนนักรบธรรมดาให้กลายเป็นอันเดตระดับสูงได้หรือไม่?”
ดรังค์จึงตอบว่าว่ามันเป็นไปได้ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียว แต่ถ้ารวมพลังกับนักเวทย์มนตร์ดำคนอื่นๆแล้ว มันก็เป็นไปได้
เจ่าไห่จึงหันไปหากรีนและพูดว่า “ปู่กรีน ปู่คิดว่าแฝดภูติหินผาทั้งสองนั้นจะเป็นคนของกองกำลังลึกลับนั้นหรือไม่ ถ้าหากเป็นเช่นนั้น เราควรลองเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นอันเดตระดับสูงไหม?”
ก่อนที่กรีนจะตอบนั้น ดรังค์ก็พูดแทรกว่า “นายน้อยครับ การเปลี่ยนคนให้กลายเป็นอันเดตระดับสูงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ว่าจะใช้พลังของทั้งแปดคน อย่างมากสุดพวกเราก็เปลี่ยนได้เพียงแค่หนึ่งคนในช่วงหนึ่งทศวรรษ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเปลี่ยนคนหลายๆคนให้กลายเป็นอันเดตระดับสูง”
เมื่อเจ่าไห่ไตร่ตรองดูแล้ว เขาก็พูดว่า “ถ้าเช่นนั้นก็ลืมเรื่องนี้ไปก่อน พวกเราสามารถที่จะหาเบาะแสจากทางอื่นได้อีก”
กรีนพยักหน้า “อ่าใช่ ข้ารู้สึกเสียใจจริงๆที่ศัตรูดูถูกเราเช่นนี้ ผมหวังว่าครั้งนี้ พวกเราจะหาเบาะแสบางอย่างได้ แต่นายน้อยครับ ผมมีข่าวดีจะบอก ว่าลอร่านั้นส่งข่าวผ่านทางตระกูลมาร์กี้ว่าเธอจะกลับมายังเมืองคาซ่าในอีกสามวัน และเธอจะมาหาพวกเราอย่างแน่นอน”
สีหน้าของเจ่าไห่ก็มีความสุขมากขึ้น “เยี่ยมๆ ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว”
ทันใดนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ได้ยินเสียงว่า “พี่ชาย ข้าต้องขอบคุณพวกท่านทั้งสองที่มาช่วยข้าในคราวนี้ ระหว่างทางที่มาเมืองคาซ่า ข้าได้ยินมาว่านักเวทย์มนตร์ดำที่ชื่อเจ่าไห่นั้นได้ร่วมมือกับกองทัพอมตะ สังหารคนในหมู่บ้านจำนวนมากก่อนจะโจมตีขบวนสินค้าของลอร่า โชคดีที่เธอนั้นได้รับการช่วยเหลือจากนักเวทย์ระดับสูงที่ผ่านทางมา ไม่เช่นนั้นแล้วเธอคงไม่รอดจากเงื้อมมือปีศาจร้ายนี้ พวกเราต้องจัดการคนเหล่านี้ให้ได้โดยเร็ว มันจะเป็นผลดีกับทวีปและคนอื่นๆ”
กรีน เจ่าไห่และคนอื่นๆนั้นถึงกับมึนงง กับคำพูดของการ์รัน ก่อนที่เจ่าไห่นั้นจะตะโกนออก “ไอ้เจ้าบ้านี้! ข้าไม่เคยเห็นใครหน้าด้านขนาดนี้มาก่อน! จากคนที่ช่วยชีวิต กลับกลายเป็นคนที่จะทำร้ายคนอื่น ถ้าหากหน้าไม่ด้านจริง คงทำอย่างนี้ไม่ได้แน่”
กรีนนั้นรู้สึกโมโหเมื่อได้ยินเช่นนั้น “นักเวทย์แสงนั้นมักจะเป็นพวกหลงตัวเองอยู่แล้วพวกเขานั้นทำเป็นว่ามีศีลธรรมอันดี ช่างน่าขยะแขยง”
“ช่างเป็นคนที่น่าขยะแขยงเสียจริงๆ” เมอร์รินกล่าวออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของการ์รัน
ทันใดนั้น หนึ่งในแฝดภูติหินผาก็พูดขึ้นมาว่า “ท่านการ์รันช่างมีจิตใจที่ดียิ่งนัก ในทวีปของเรานั้น คุณมีชื่อเสียงในการสังหารปีศาจแห่งความชั่วร้าย การได้ช่วยคุณนั้นถือว่าเป็นเกียรติแก่สองพี่น้องเรา”
“พี่ชาย ท่านกล่าวชมเกินไปแล้ว” การ์รันยิ้ม “ข้าเคยเผชิญหน้ากับกองทัพอมตะครั้งหนึ่งหลายปีที่แล้ว ตอนนั้นข้าเป็นเพียงแค่นักเวทย์ระดับหก แม้ว่าจะทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บ แต่พวกเขาก็หนีไปได้ คราวนี้ข้าหวังว่าข้าจะพบเบาะแสบางอย่างจากเจ่าไห่เพื่อที่จะหากองทัพอมตะ”
แฝดภูติหินผานั้นรู้สึกสนใจเรื่องนี้ ก่อนที่พวกเขาจะพูดว่าเกิดอะไรขึ้น การ์รันนั้นพูดว่าเขานั้นต่อสู้กับกองทัพอมตระอย่างไรตอนที่พบกันในครั้งแรก
เจ่าไห่นั้นไม่อยากรู้เรื่องนี้ จึงย้ายภาพนั้นไปยังเต็นท์นักรบระดับสูง แต่ก็ต้องผิดหวัง เมื่อนักรบทั้งสามนั้นไม่ทำอะไรเลยนอกจากนั่งสมาธิ
เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งสามก็ยังคงนั่งสมาธิอยู่ เจ่าไห่นั้นไม่พบอะไรเลยจากพวกเขา ดูเหมือนว่าทั้งสามคนนี้จะไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
จากนั้นเจ่าไห่ก็เปลี่ยนภาพไปยังเต็นท์ของผู้บัญชาการซึ่งเป็นนักรบธรรมดา เจ่าไห่รู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นชายคนนี้นั่งในเต็นท์และจ้องมองแผนที่ โดยที่เขานั้นไม่ได้พูดอะไรเลย
เจ่าไห่จึงขยายภาพและสังเกตสิ่งที่อยู่บนแผนที่ ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นแผนที่รอบๆภูเขาหิน
เมื่อกรีนมองแผนที่แล้วก็ถอนหายใจ ก่อนที่จะหันไปหาเจ่าไห่ “นายน้อย ผมคิดว่ามันคงไร้ประโยชน์ที่จะให้ดรังค์เปลี่ยนชายคนนี้ให้กลายเป็นอันเดตระดับสูง เขาเป็นเพียงแค่นักรบรับจ้างทั่วไป ไม่ได้เป็นคนของการ์รัน”
เจ่าไห่พยักหน้าก่อนจะเปลี่ยนหน้าจอกลับไปยังนักรบระดับสูงเพื่อดูว่าจะหาเบาะแสอะไรได้บ้าง เมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เขาจึงถามขึ้นมาว่า “ชิฟ เจ้าคิดจริงๆไหมว่าสามคนนี้คุ้มเคยกับเจ้ามาก?”
ชิฟพยักหน้า “ใช่ครับนายน้อย ผมรู้สึกว่าคุ้นเคยกับพวกเขามาก”