ตอนที่แล้วตอนที่ 94 – ซุ่มโจมตี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 96 – เปลี่ยนชื่อ

ตอนที่ 95 – ทำให้มันจบ


ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะถามดรังค์เรื่องสถานการณ์ของบึงซากศพ ยังมีโอกาสอีกมากมายที่จะถามพวกเขาในภายภาคหน้า แต่ตอนนี้พวกเขามีเรื่องที่ต้องใส่ก่อนในตอนนี้

หลังจากเวลาผ่านไปกว่าสองชั่วโมงแล้ว บริกซ์ก็เดินทางไปถึงหุบเขา ที่หุบเขาแห่งนี้ เป็นสถานที่ที่เหมาะสมในการตั้งค่ายด้วยพื้นที่ราบระหว่างภูเขาพร้อมกับลำธารเล็กๆ ด้วยการที่อยู่บนพื้นที่ราบ ทำให้ศัตรูยากในการซ่อนตัวและซุ่มโจมตีพวกเขา

แต่ก็ไม่ใช่สำหรับเจ่าไห่ ไม่ว่าจะเป็นที่ใด เขาก็สามารถที่จะซุ่มโจมตีได้ เพราะเขานั้นสามารถที่จะทำให้กองทัพของเขานั้นปรากฎตัวออกมาได้ทันทีในหุบเขาแห่งนี้

เจ่าไห่และเมอร์รินนั้นเดินออกมาจากมิติและคอยสังเกตุภูมิประเทศของหุบเขา พวกเขานั้นไม่สามารถที่จะเห็นศัตรูได้ดีกว่านี้แล้ว เพราะมันไม่มีที่ให้ซ่อนตัวใกล้กว่านี้ และจุดนี้คือทางเลือกเพียงอย่างเดียว

เมอร์รินนั้นเข้าใจสถานการณ์ในสนามรบ ถ้าหากกองทัพนั้นเป็นเพียงแค่กลุ่มนักต่อสู้ที่มาร่วมกันแล้ว ด้วยพลังของเจ่าไห่นั้นก็ไม่ยากที่จะเอาชนะ แต่ถ้าหากเป็นกองทัพที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันภายใต้การบัญชาการของคนที่มีประสบการณ์แล้ว การจะกำจัดพวกเขาได้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคนพวกนี้รับมือได้ยาก

เมื่อเห็นพื้นที่ของหุบเขาแล้ว พวกเขาก็กลับไปยังมิติ

พวกเขานั้นไปยังห้องนั่งเล่นก่อนจะเปิดหน้าจอขึ้นมาดู หลังจากนั้นเจ่าไห่ก็เรียกดรังค์ให้บอกถึงสถานการณ์ของบึงซากศพ

ข่าวที่ดรังค์บอกเขานั้น ทำให้เจ่าไห่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแม้ว่าเขาจะคาดการณ์ไว้แล้วหน้าที่พวกเขาคือสำรวจพื้นที่รอบๆบึงซากศพ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ข้อมูลที่จำเป็นหรือหาอันเดตหรือสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งได้เลย และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาไม่พบพืชชนิดใดๆเลย เพราะพื้นที่ที่สำรวจนั้นมันเป็นบ่อโคลนขนาดใหญ่ทำให้ยากในการเดินทาง

ส่วนแรกของบึงซากศพนั้นเป็นบึงไร้ชีวิต โชคดีที่มีอันเดตที่เกิดในบึงซากศพนั้นนั้นตามพวกดรังค์และนักเวทย์มนตร์ดำออกมาด้วย อันเดตพวกนี้นั้นอยู่ในบึงซากศพมาตลอดชีวิตของมัน จนมันเดินทางในบึงด้วยเพียงแค่สัญชาตญาณ มันเกิด เติบโต ตาย และกลายเป็นอันเดต บึงซากศพคือบ้านของมัน

นั้นคือเหตุผลว่าทำไมบึงซากศพถึงเป็นแดนต้องห้าม สัตว์อสูรหลายตัวตายที่นี้และกลายเป็นอันเดตและยังเพิ่ม Lv ขึ้นเรื่อยๆ และแดนต้องห้ามอีกแห่งในทวีปที่มีความสามารถใกล้เคียงกันนั้นก็คือหุบเหวปีศาจ หลายคนเชื่อว่ามีปีศาจอาศัยอยู่ในหุบเหวปีศาจซึ่งสามารถที่จะกลับมามีชีวิตขึ้นมาใหม่ไดไ้หลังจากที่ตายไปแล้ว

เป็นเพราะบึงซากศพทำให้เกิดอันเดตขึ้นมาเรื่อยๆ จนทำให้ดินแดนแห่งนี้แข็งแกร่งๆขึ้นเรื่อยๆ เมื่อบึงซากศพนี้สามารถเปลี่ยนสัตว์ที่ตายเป็นอันเดตได้และมีนักสู้ที่เก่งกาจนั้นตายจำนวนมาก จนทำให้มันกลายเป็นแดนต้องห้ามในที่สุด

นี่คือเหตุผลที่ทำไมเจ่าไห่ถึงบอกให้ดรังค์นั้นระวังตัว พวกเขานั้นต้องการที่จะสำรวจเพื่อทำความเข้าใจให้มากขึ้นก่อนที่จะสร้างปัญหาใดๆ แม้ว่าครั้งนี้ดรังค์และนักเวทย์มนตร์ดำจะไม่ได้อะไรเลย แต่มันก็เป็นการเตรียมตัวเพื่อที่จะสามารเดินทางเข้าไปลึกขึ้นได้

หลังจากที่ดรังค์นั้นบอกทุกอย่างกับเจ่าไห่ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว แต่เมอร์รินก็สังเกตุเห็นว่าเจ่าไห่นั้นไม่ได้สนใจเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนหน้าจอ ซึ่งอาจจะเพราะสนใจคำพูดของดรังค์อยู่

“นายน้อยค่ะ แม้ว่าดรังค์นั้นจะไม่ได้อะไรกลับมา แต่อย่างน้อยพวกเราก็ไม่มีความสูญเสียใดๆ นี้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีแล้วที่สามารถกลับมาจากบึงซากศพได้เช่นนี้ มันมีเหตุผลที่ว่าทำไมที่แห่งนี้จึงกลายเป็นหนึ่งในห้าดินแดนต้องห้ามของทวีป”

“ผมไม่ได้โทษดรังค์และนักเวทย์คนอื่นๆ พวกเขาทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว” เจ่าไห่พูดขึ้นมา “ผมกำลังคิดว่าบึงซากศพนั้นจะเป็นภัยคุกคามเรามากแค่ไหน ถ้าหากเราต้องการที่จะสร้างฟาร์มและเลี้ยงสัตว์ในแดนทมิฬแห่งนี้ ผมต้องหาทางที่จะกำจัดมันให้ได้”

เมอร์รินขมวดคิ้วของเธอ “มันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ หลายปีที่ผ่านมานั้น ไม่เคยมีใครที่จะสามารถพิชิตบึงซากศพนี้ได้”

“แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะลองไม่ได้ ไม่ใช่เหรอครับ ไม่มีใครคิดที่จะพิชิตบึงซาพศพก็เพราะว่าไม่มีใครเคยมาอยู่ใกล้เช่นนี้แบบพวกเรา ดังนั้นพวกเราก็ควรจะลองดู”

เมอร์รินเข้าใจสิ่งที่เจ่าไห่พูด เหตุผลที่ไม่มีใครพิชิตบึงซาพศพก็เพราะว่าหนึ่ง มันอันตรายอย่างมาก และสอง คือไม่มีใครอยู่ใกล้กับดินแดนนี้ บึงซาพศพนั้นไม่ได้เป็นภัยคุกคามคนเหล่านั้น พวกเขาไม่ต้องผ่านความทุกข์ทรมานจากมัน แต่ตระกูลบูดานั้นต่างออกไปเพราะถ้าหากพวกเขาไม่สามารถที่จะจัดการบึงซากศพได้ ตระกูลบูดาก็ไม่สามารถที่จะยืดหยัดขึ้นมาได้ กองทัพอันเดตสัตว์อสูรสามารถที่จะลุกฮือออกมาจากบึงซากศพเพื่อทำลายทุกสิ่งที่ขวางทางมันได้จนไม่เหลือซาพ มันเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขา

บล๊อคและร๊อคนั้นฟังสิ่งที่เจ่าไห่พูดอยู่อย่างเงียบๆ เมื่อถึงจุดหนึ่ง บล๊อคก็พูดขึ้นมาว่า “นายน้อยครับ แม้ว่าบึงซากศพนั้นจะเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ แต่ตราบใดที่เรามีมิติ พวกเราก็ปลอดภัยไม่ใช่เหรอครับ มันอันตรายเกินไไปที่จะเข้าไปในบึงซากศพ ถ้าหากพวกเราตาย มันก็ไม่มีปัญหาใดๆ แต่ถ้าหากนายน้อยตาย พวกเราก็ไม่อาจที่จะไปสู้หน้าบรรพบุรุษตระกูลของพวกเรา คุณต้องคิดให้ดีๆกับเรื่องนี้

ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นของ ทำให้สีหน้าของเมอร์รินเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินสิ่งที่บล๊อคพูดช่วงที่ผ่านมานั้น ด้วยความสำเร็จของเจ่าไห่ที่น่าเหลือเชื่อ ทำให้เธอนั้นไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัยของเจ่าไห่ แต่ด้วยคำพูดของบล๊อคที่เตื่อนสติเธอว่า เจ่าไห่คือสายเลือดสุดท้ายของตระกูลบูดา ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาแล้ว ตระกูลบูดาก็จบสิ้นลงทันที

เจ่าไห่มองที่บล๊อคก่อนที่จะยิ้มออกมา “บล๊อค เจ้าคิดว่าข้านั้นอยากจะยุ่งกับบึงซากศพเพราะว่าข้าอยากทำอย่างงั้นเหรอ? มิตินั้นไม่สามารถที่จะปกป้องพวกเราได้ตลอดไป อย่าลืมว่าผมนั้นดื่มน้ำแห่งความว่างเปล่าไป ผมไม่สามารถที่จะเรียนเวทย์มนตร์หรือวรยุทธใดๆได้ และมีร่างกายที่อ่อนแอกว่าคนทั่วไป ถ้าหากวันหนึ่งผมป่วยและตายไป หรือแก่แล้วตายไป เจ้าคิดเหรอว่ามิติจะยังคงอยู่ เมื่อมิติหายไปแล้ว ตระกูลบูดาจะทำอย่างไรต่อไป จะสู้กับอันเดตของบึงซากศพอย่างงั้นเหรอ?”

คำพูดของเจ่าไห่ทำให้สีหน้าของทุกคนซีดเผือก จากนั้นเขาก็พูดต่อไปว่า “น้ำแห่งความว่างเปล่านั้นไม่ได้ส่งผลต่อผมเพียงอย่างเดียว แม้แต่ทายาทของผมอีก 12 รุ่นก็ไม่สามารถที่จะเรียนเวทย์มนตร์หรือวรยุทธได้ เมื่อผมจากไปแล้ว ผมกลัวว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลบูดานั้นจะหยุดยั้งการโจมตีของสัตว์อสูรได้ เราจำเป็นต้องแก้ไขสถานการณ์ของเรากับบึงซากศพเพื่อที่จะทำให้มันจบในครั้งเดียว”

เมอร์รินอ้าปากค้าง เธอนั้นต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป สิ่งที่เจ่าไห่พูดนั้นถูกแล้ว เจ่าไห่นั้นมีมิติที่เป็นสุดยอดเวทย์มนตร์ ซึ่งตระกูลบูดาพึ่งพาอาศัยมัน แต่ถ้าวันหนึ่งนั้น มิติจากไป พวกเขาก็คงจบสิ้น

ในสายตาของเจ่าไห่ เขาต้องการให้ตระกูลบูดานั้นยังคงอยู่ต่อไป ดังนั้นเขาจึงต้องกำจัดภัยคุกคามจากบึงซากศพ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด