ตอนที่ 94 – ซุ่มโจมตี
เจ่าไห่บอกกับบริกซ์ให้หาข้อมูลเกี่ยวกับกองกำลังนี้มากขึ้น บริกซ์จึงตอบกลับไปว่า “นายท่าน ผมคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่าย ฝ่ายตรงข้ามนั้นมีนักฆ่าจำนวนมาก และผมนั้นเป็นอันเดต ผมเกรงว่าจะลอบเข้าไปนั้นคงจะเป็นไปได้ยาก”
เจ่าไห่พยักหน้า “แค่ให้แน่ใจว่าพวกเขานั้นจะตั้งค่ายกันที่ไหนวันพรุ่งนี้ก็พอแล้ว”
บริกซ์นั้นเชื่อฟังและทันใดนั้นเสียงก็หายไป
เจ่าไห่จึงรีบเข้าไปในวิลล่าพร้อมกับตะโกนออกมา “ยายเมอร์ริน ยายเมอร์ริน!”
เมอร์รินที่กำลังพักอยู่นั้น เมื่อได้ยินเจ่าไห่เรียกก็ออกมาหาเขา “นายน้อยมีอะไรอย่างงั้นเหรอค่ะ?”
เม็กก็ออกมาจากห้องของเธอเมื่อได้ยินเสียงตะโกน ซึ่งมันขัดจังหวะการทำสมาธิของเธอเม็กนั้นพยายามที่จะเพิ่มความเร็วและความแข็งแกร่งเพื่อปกป้องเจ่าไห่
เมื่อเจ่าไห่เห็นเมอร์ริน เขาก็ทักทายก่อนจะพูดขึ้นว่า “ยายเมอร์ริน ผมได้รับข้อความจากนักเวทย์มนตร์ดำ ว่ามีกองทัพบุกมายังภูเขาหิน ”ซึ่งประกอบด้วยนักเวทย์สามคน และนักรบระดับสูงสามคน พร้อมกับนักรบระดับกลางกว่าสามร้อยคน และนักฆ่ากว่าหนึ่งร้อยคนซึ่งคาดว่าจะมาโจมตีในวันพรุ่งนี้ตอนมืด”
สีหน้าของเมอร์รินก็เต็มไปด้วยความตกใจ ดวงตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่พร้อมจะทำลายทุกสิ่ง “นายน้อย คุณรู้หรือไม่ว่าพวกเขาคือใคร?” แน่นอนว่าเมอร์รินนั้นได้ติดตามพ่อของอดัมไปสนามรบ แม้ว่าเธอนั้นจะอารมณ์ดี แต่หากใครมายุ่งกับเธอแล้วล่ะก็ เธอเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน ซึ่งใครจะกล้าล่วงเกินนักเวทย์ระดับแปดกัน
เจ่าไห่ส่ายหัว “ไม่ทราบครับ เพราะว่าพวกเขามีนักฆ่า ทำให้บริกซ์นั้นไม่สามารถเข้าไปใกล้ๆได้ เนื่องจากว่าเขาเป็นอันเดตทำให้ไม่สามารถที่จะปะปนกับคนในค่ายได้ แม้ว่ามันจะเป็นไปได้ยากที่จะรู้ว่ากองทัพนี้เป็นของใคร แต่ผมก็บอกให้คอยสังเกตการณ์เคลื่อนไหวของพวกเขาไไว้ ผมต้องการที่จะรู้ว่าพวกเขาจะตั้งค่ายกันที่ไหนเพื่อที่พวกเราจะเข้าโจมตีวันพรุ่งนี้”
เมอร์รินนั้นหยุดคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เจ่าไห่พูดจากนั้นเธอก็พยักหน้า “นั่นเป็นแผนการที่ดีค่ะตอนนี้พวกเรามีพละกำลังที่น้อยเกินไป ฉันคิดว่าพวกเราควรเรียกดรังค์กลับมาพร้อมกับนักเวทย์มนตร์ดำคนอื่นๆกลับจากงานของพวกเขา พวกเราต้องการพวกเขาช่วยงานนี้วันพรุ่งนี้”
เจ่าไห่ตกลง จากนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป “ยายเมอร์ริน แล้วปู่กรีนล่ะครับ? คนพวกนั้นจะไม่ส่งคนไปจัดการเขางั้นเหรอ? ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
เมอร์รินยิ้ม “นายน้อยไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ มันมีเหตุผลที่ตาแก่นั้นถึงอยู่ได้มาถึงตอนนี้ โปรดวางใจค่ะ เดี๋ยวเขาก็กลับมา”
เมื่อเขารู้สึกดีขึ้นแล้วเจ่าไห่ก็พูดขึ้นมาว่า “ถ้าอย่างนั้น ผมจะเรียกนักเวทย์มนตร์ดำและเรียกพวกทาสเข้าไปในมิติ”
“บอกให้พวกเขากลับมาเลยค่ะ พวกเราต้องเตรียมตัวกันแล้ว” เมอร์รินพูดขึ้นมา
เจ่าไห่พยักหน้า “ผมจะรวบรวมคนแล้ว ยายเมอร์รินไปนั่งสมาธิต่อได้เลยครับ”
เมอร์รินกลับไปยังห้องของเธอ ก่อนที่เธอจะเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดสำหรับการต่อสู้
เจ่าไห่ส่งข้อความไปหาครังค์ สำหรับพวกทาสแล้ว เขานั้นไม่รีบที่จะส่งพวกเขาไปยังมิติ แต่เลือกที่จะรออีกวันเพื่อที่จะไม่รบกวนการนอนของพวกเขา และการอยู่ที่ปราสาทภูเขาเหล็กก็เพียงพอแล้วสำหรับตอนนี้
เช้าวันรุ่งขึ้น เจ่าไห่ให้บล๊อคและร๊อคนั้นนำพวกทาสเข้าไปในมิติ
ซึ่งเมื่อถึงตอนเที่ยง เจ่าไห่ก็ไดไ้ข่าว ซึ่งบริกซ์นั้นบอกกับเขาว่าพวกศัตรูนั้นตั้งค่ายกันอยู่ที่หุบเขาทางตอนใต้ของภูเขาหิน เมื่อได้รับข้อความแล้ว เจ่าไห่ก็สั่งให้บริกซ์นั้นแอบกลับมายังคฤหาสน์ เนื่องจากว่าศัตรูอาจมีคนจับตามองภูเขาหินอยู่ก็เป็นได้
นักฆ่าเหล่านี้ไม่ได้อ่อนแอเลย แม้ว่าพวกเขานั้นจะแตกต่างจากพวกนักรบทั่วไไปเนื่องจากวิชาก่อนต่อสู้ที่เน้นวิชาตัวเบา และเทคนิคในการสังหารทำให้พวกเขานั้นซ่อนตัวได้เป็นอย่างดี
ซึ่งสำหรับผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องการซ่อนตัวนั้นก็เป็นหนึ่งในคุณสมบัติความมืด ซึ่งตั้งแต่บริกซ์นั้นกลายเป็นอันเดต ทั่วทั้งตัวเขานั้นก็เป็นหนึ่งเดียวกับความมืดแล้ว ซึ่งมันทำให้เขานั้นสามารถที่จะซ่อนตัวได้เหมือนกับนักฆ่ามืออาชีพ เนื่องจากว่าเขานั้นไม่จำเป็นต้องหายใจด้วยซ้ำ
เมื่อบริกซ์นั้นเขามาอยู่ในอาณาเขตของคฤหาสน์ ก็มีประตูมิติเปิดขึ้นมาก่อนที่บริกซ์จะเข้าไป จากนั้นเขาก็ทำความเคารพเจ่าไห่
จากนั้นเจ่าไห่ก็ถามขึ้นว่า “ถ้าต้องการจะหลบหลีกผู้คน จะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่จะไปถึงหุบเขา?”
บริกซ์ก็ตอบกลับมาว่า “ก่อนมืดครับ”
เจ่าไห่พยักหน้าก่อนจะส่งไม้เท้าผีให้กับบริกซ์ “นำไม้เท้านี้ตรงไปยังหุบเขานั้น และไม่ต้องทำอะไรหลังจากนั้น”
บริกซ์นั้นก็ทำตามคำสั่ง เขานั้นถือไม้เท้าผีซึ่งยาวกว่าครึ่งเมตรออกไปจากมิติ เมื่ออยู่นอกมิติแล้วเขาก็ตรงไปยังหุบเขาทันที
ไม้เท้าผีนั้นเป็นผลประโยชน์หนึ่งที่ได้จากการที่ Lv Up มันเป็นของเจ่าไห่เพียงผู้เดียวทำให้คนอื่นๆไม่สามารถใช้มันไได้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าบริกซ์ไม่สามารถที่จะถือติดตัวไปได้
เมอร์รินนั้นยืนข้างเจ่าไห่นั้น แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงให้ไม้เท้าไปแต่เธอก็ไม่ถามเขา เธอเชื่อว่าเจ่าไห่รู้ดีในสิ่งที่เขาทำ
เจ่าไห่จึงกลับไปยังวิลล่าก่อนจะเปิดหน้าจอขึ้นมาดูในห้องนั่งเล่น พวกเขาจึงเห็นภาพข้างนอกที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ด้วยสิ่งที่เมอร์รินรู้เกี่ยวกับมิตินั้น หน้าจอนี้สามารถที่จะฉายภาพในรัศมีห้าร้อยเมตรจากจุดศูนย์กลาง เพราะเหตุนี้ภาพบนหน้าจอจึงไม่เปลี่ยนไปมากนัก แต่เมื่อเห็นว่าภาพนั้นเปลี่ยนไป นั้นแสดงให้เห็นว่าจุดศูนย์กลางนั้นกำลังเคลื่อนที่
บริกซ์นั้นเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ซึ่งพวกเขาก็สามารถเห็นได้ผ่านทางหน้าจอ แต่เขานั้นไม่ได้วิ่งเป็นเส้นตรง แต่หลบหลีกไปมา ซึ่งเขาจะเลือกเส้นทางที่ถูกเห็นได้ยาก อย่างเช่นบริเวณที่มีสิ่งบังสายตา อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนที่นั้นก็เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว
บริกซ์นั้นเคลื่อนที่ไปรอบภูเขา ด้วยภาพที่เปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็วทำให้เจ่าไห่นั้นรู้สึกมึนหัว ก่อนที่จะหลับตาลง ก่อนจะลืมขึ้นมาพร้อมกับมองไปทางอื่น ทันใดนั้นเขาก็ลุกออกไปจากห้อง
เมอร์รินก็เดินตามเขาออกไป “มีอะไรเหรอค่ะนายน้อย?”
“ไม่มีอะไรครับ พวกดรังค์และนักเวทย์มนตร์ดำคนอื่นๆกลับมาแล้ว ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะกลับมาเร็วกันขนาดนี้”
นักเวทย์มนตร์ดำนั้นทำหน้าที่สำรวจพื้นที่โดยรอบของบึงซากศพ เมื่อเจ่าไห่เรียกพวกเขากลับมา แม้ว่าเขาจะคาดการณ์ไว้ว่าพวกเขาจะกลับมาทันเวลา แต่ก็ไม่คิดว่าจะรวดเร็วเช่นนี้
จากนั้นเขาก็ดึงพวกนักเวทย์เข้ามาในมิติโดยไม่ลังเลเลย แต่ว่าพวกเขาก็ไม่สามารถจับสัตว์อันเดตสัตว์อสูรใดๆกลับมาได้เลย ดังนั้นกองทัพของพวกเขาจึงไม่เพิ่มขึ้น