ตอนที่ 77 – สมาคมนักเวทย์
ทั้งสามเดินตรงเข้าไปยังในเมือง และแน่นอนว่าทหารยามในเมืองนั้นก็ไม่คิดจะหยุดเขาเลยแม้แต่น้อยแถมพวกเขายังตั้งแถวต้อนรับอีกด้วย ในโลกแห่งนี้ พละกำลังคือสิ่งที่นับถือซึ่งกันและกัน
เมื่อพวกเขาผ่านประตูแล้วก็ต้องพบกับฉากที่สับสนวุ่นวาย ถนนที่กว้างเกือบเมตรนั้นเต็มไปด้วยคนที่เดินไปมาราวกับแมลงวัน ตามริมทางก็เต็มไปด้วยแผงลอยและร้านค้า ซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่มีแผนผังการจัดการที่แห่งนี้ ทุกคนต่างตระโกนเพื่อเรียกลูกค้าให้หยุดและซื้อของบางอย่างจากพวกเขา ซึ่งมันเป็นภาพที่ดูมีชีวิตชีวา
ผู้คนบนท้องถนนนั้นแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม บางคนนั้นเป็นเพียงแค่คนธรรมดาซึ่งใส่ผ้าลินิน บางคนก็ใส่เกราะหนังซึ่งเป็นชุดของนักรบ แต่แทบจะไม่มีใครสวมเสื้อคลุมบนท้องถนนเลยย
ทันใดก็มีเสียงร้องออกมา “ท่านนักเวทย์ ท่านต้องการจะเช่ารถม้าของข้าหรือไม่ มันนั้นทั้งสะดวกสบายและมีราคาถูก ข้าเติบโตขึ้นที่เมืองแห่งนี้ ฉะนั้นแล้วข้ารู้จักถนนทุกสายในเมืองแห่งนี้ ข้าสามารถที่จะไปส่งท่านได้ในทุกๆที่ ที่ท่านต้องการจะไป”
เจ่ามองไปรอบๆก็เห็นคนขับรถม้าที่อยู่บนรถม้าที่จอดไว้ รถท้าที่ถูกจูงโดยม้าแดงขนาดใหญ่ ในขณะที่ตัวรถนั้นก็ลงสีดำด้วยลวดลายที่สวยงาม
แม้ว่าเจ่าไห่นั้นจะไม่รู้ว่าม้านี้คืออะไร แต่กรีนนั้นรู้ทันที แม้ว่าม้านี้นั้นจะดูดีอย่างมาก แต่มันก็เป็นเพียงแค่สัตว์อสรูธรรมดา ซึ่งไม่เหมาะกับตัวตนของเจ่าไห่ในตอนนี้
แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว พวกเขาก็เพิ่งมาเมืองคาซ่าและยังไม่คุ้นชินกับเมืองแห่งนี้ และพวกเขาก็มีเงินไม่มากจึงทำให้ไม่สามารถที่จะซื้อรถม้าเป็นของตัวเองได้ และภายในเมืองก็ไม่สามารถที่จะใช้เวทย์อัญเชิญได้อย่างอิสระ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเรียกเอเลี่ยนออกมาได้ซึ่งทางเดียวที่เขาคิดได้คือการเช่ารถม้านี้นั้นเอง
กรีนนั้นไปหาคนขับรถและถามว่า “เจ้าชื่ออะไร? แล้วมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่สำหรับการจ้างเจ้าหนึ่งวัน?”
คนขับรถม้านั้นไม่คิดว่ามันจะราบรื่นเช่นนี้ เขานั้นรู้ว่านักเวทย์นั้นมีเงินทองมากมาย ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงไม่ค่อยนั่งรถม้าทั่วไป แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะถูกถามเรื่องราคา?
คนขับรถม้าจึงตอบอย่างรวดเร็ว “เรียนท่านนักเวทย์ สำหรับรถม้าของข้านั้นจ้างด้วยราคาเพียงแค่ 1 เหรียญเงิน และข้ามีชื่อว่าร็อคกี้”
กรีนจึงโยนเหรียญเงินให้และพูดว่า “ข้าจ้างเจ้าหนึ่งวัน” จากนั้นเขาก็หันไปหาเจ่าไห่และกล่าวว่า “นายท่าน เชิญเลยครับ”
เจ่าไห่พยักหน้าตอบ จากนั้นก็ขึ้นไปยังรถม้าพร้อมกับเม็ก ตัวรถม้านั้นมีขนาดใหญ่พอที่จะจุคนได้ถึงหกคน แต่ถึงอย่างนั้นกรีนก็ไม่เข้าไปในตัวรถและนั่งอยู่ข้างๆร๊อคกี้แทน “ไปส่งพวกเราที่สมาคมนักเวทย์”
สมาคมนักเวทย์นั้นเป็นองค์กรที่มีอยู่ในทวีปซึ่งแต่ละจักรวรรดินั้นก็จะมีสมาคมเป็นของตัวเอง เพราะสมาคมนักเวทย์นั้นสร้างมาเพื่อรับใช้ไม่ใช่การจัดระเบียบพวกเขา ในจักรวรรดิแล้วนักเวทย์นั้นมีฐานะเทียบเท่ากับขุนนาง ดังนั้นสมาคมเหล่านี้จึงไม่กล้าที่จะจัดการกับพวกเขา และทำเพียงแค่บริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆให้
นักเวทย์ทุกคนที่ทำการลงทะเบียนไว้กับสมาคมนั้นจะได้รับเงินสิบเหรียญทองต่อเดือนเป็นการสนับสนุน แน่นอนว่ามีนักเวทย์บางคนก็ต้องการเงินจำนวนเล็กน้อยนี้ แต่ว่าการลงทะเบียนกับสมาคมนั้นก็มีสิทธิประโยชน์อยู่หลายอย่าง อย่างเช่นตราสัญลักษณ์ซึ่งทำให้ได้รับการยกเว้นและป้องกันการปลอมตัว
ซึ่งการลงทะเบียนกับสมาคมนั้นง่ายมากเนื่องจากว่านโยบายของพวกเขานั้นมีความอิสระมากๆ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีการทดสอบอะไรมากมาย เพียงแค่ต้องโชว์เวทย์บางอย่างเพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นนักเวทย์ เพียงแค่นั้นคุณก็สามารถลงทะเบียนได้แล้ว
แน่นอนว่า การลงทะเบียนของนักเวทย์นั้นก็จะมีระดับที่แตกต่างกันไป ซึ่งถ้าหากคุณนั้นโชว์เวทย์เพียงเล็กน้อย คุณก็จะสามารถลงทะเบียนเป็นนันเวทย์ระดับพื้นฐานได้เท่านั้นซึ่งมีสิทธิได้เพียงแค่เงินสิบเหรียญทองและปลอดภาษี ซึ่งถ้าหาคุณนั้นโชวเวทย์ที่แข็งแกร่งขึ้นมา คุณก็สามารถลงทะเบียนในระดับที่สูงขึ้นได้และได้รับการบริการและสิทธิพิเศษที่มากขึ้น
ตัวอย่างเช่น ถ้าเจ่าไห่นั้นมีตราสัญลักษณ์นักเวทย์ระดับสูง เมื่อเข้าเมืองมาแล้ว ทางสมาคมก็จะจัดรถม้ามารับพวกเขาทันที ทุกอย่างนั้นจะถูกจัดเตรียมและค่าใช้จ่ายต่างๆก็จะได้รับการชดเชย และยังได้เงินรายเดือนระหว่างหนึ่งร้อยเหรียญทองถึงหนึ่งพันเหรียญทอง แน่นอนว่าการจะได้รับเหรียญตรานี้แล้วนั้น คุณก็ต้องแสดงเวทย์ที่มีพลังมากพอซึ่งอย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระดับที่หก
ซึ่งหนึ่งในเหตุผลที่กรีนนั้นมาที่เมืองนี้ก็เพราะว่าต้องการให้เจ่าไห่นั้นมารับตราสัญลักษณ์นักเวทย์ ซึ่งมันจะช่วยอำนวนความสะดวกให้กับพวกเขา
เมื่อกรีนนั้นบอกกับร๊อคกี้ว่าจะไปที่สมาคมนักเวทย์ เขาก็ขับรถม้าไปยังสมาคมทันที
สมาคมนักเวทย์นั้นมีฐานะพิเศษมากในจักรวรรดิ พวกเขานั้นได้รับเงินทุนจากส่วนบริหารโดยตรงเพื่อเป็นการสมนาคุณให้กับนักเวทย์ ในจักรวรรดินั้น นักเวทย์ถึงว่าเป็นอาชีพที่นิยม เพราะเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นนักเวทย์แล้ว ผู้คนมากมายก็พร้อมที่จะออกมาต้อนรับคุณยกเว้นก็เพียงแค่นักเวทย์มนตร์ดำ
เพราะว่านักเวทย์มนตร์ดำนั้นมีนิสัญที่แปลกประหลาด จึงทำให้คนชั้นสูงนั้นไม่ต้องการที่จะพบกับนักเวทย์เหล่านี้ จะมีก็เพียงแค่นักธุรกิจเพียงไม่กี่คนที่ติดต่อกับนักเวทย์มนตร์ดำดังนั้นแล้วนักเวทย์มนตร์ดำส่วนใหญ่จึงกลายเป็นทหารรับจ้าง ซึ่งทำให้พวกเขานั้นเป็นที่รู้จักกันอย่างมากในหมู่ทหารรับจ้าง
เมื่อเทียบกับนักเวทย์อื่นๆแล้ว ชีวิตของนักเวทย์มนตร์ดำนั้นอยู่ยากกว่าที่สุด ซึ่งท่าให้เทียบชัดเลยก็คือนักเวทย์อื่นๆนั้นถูกปฏิบัติเหมือนกับขุนนางแต่นักเวทย์มนตร์ดำนั้นพวกเขาก็เหมือนกับสามัญชน
ดังนั้นนักเวทย์มนตร์ดำส่วนใหญ่จึงได้รับเงินจากสมาคมนักเวทย์เพียงแค่สิบเหรียญทองแน่นอนว่าการเรียนเวทย์มนตร์นั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก เพราะคุณต้องซื้ออุปกรณ์เวทย์มนตร์ต่างๆและยังต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิตอีก ซึ่งทุกอย่างนั้นเป็นค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น
ตัวสมาคมนักเวทย์ในเมืองค่าซ่านั้นน่าประทับใจมาก ด้วยอาหารสามชั้นด้วยพื้นที่กว่าหนึ่งพันตาราเมตรและอยู่ห่างจากถนนหลักเพียงแค่สองบล๊อกเท่านั้น
ที่ด้านบนของประตูนั้นก็มีตราสัญลักษณ์ขนาดใหญ่สำหรับนักเวทย์นั้นคือรูปหกเหลี่ยมซึ่งรูปหกเหลี่ยมนี้ก็หมายถึงธาตุพื้นฐานทั้งหก ได้แก่ แสง ,ความมืด ,ดิน ,น้ำ ,ลม และไฟซึ่งเป็นสัญลักษณ์ให้กับนักเวทย์ทุกคน
หลังจากที่ร๊อคกี้นั้นหยุดรถม้าแล้ว กรีนก็กระโดดลงไปเปิดประตูให้เจ่าไห่และเม็กนั้นออกมาจากรถม้า จากนั้นพวกเขาก็เดินเข้าไปในอาคาร แต่ทันใดนั้นก็มีชายอ้วนวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว ชายคนนี้สวมเสื้อคนใช้ แต่ผ้านั้นทำมาจากผ้าไหมชั้นดี เมื่อมองดูร่างกายที่อ้วนและเสื้อผ้าแล้วนั้น เขาน่าจะเป็นขุนนางมากกว่าคนใช้ ช่างเป็นภาพที่ดูขัดแย้งกันเสียจริงๆ
ชายอ้วนคนนี้รีบเดินเข้าไปหาเจ่าไห่ก็จะโค้งคำนับ “เรียนท่านนักเวทย์ ข้าน้อยคาร์ลพร้อมที่จะรับใช้ท่านแล้ว”
เจ่าไห่นั้นยืนนิ่งตกใจ เขาไม่คิดเลยว่าทางสมาคมนั้นจะส่งคนใช้ออกมาต้อนรับนักเวทย์แต่เขายังจำสิ่งที่กรีนพูดได้ว่าเขานั้นต้องต้องเดินเข้าไปด้วยความภาคภูมิใจและสง่าผ่าเผย
ชั้นแรกของอาคารนั้นเป็นสถานที่พักผ่อน ซึ่งแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งนั้นมีที่นั่งและโต๊ะกาแฟ และอีกส่วนนั้นจะโต๊ะรับประทานอาหารตั้งอยู่ ซึ่งในส่วนนี้สมาคมนักเวทย์นั้นมีกฎว่า ซึ่งถ้าหากเป็นนักเวทย์ที่ลงทะเบียนแล้วนั้นสามารถพักผ่อนในโซนนี้ฟรี
เจ่าไห่เข้าไปนั่งพักที่โซฟาตัวหนึ่ง เมื่อคาร์คเป็นเจ่าไห่นั่งลง เขาก็เรียกคนรับใช้คนอื่นให้เขาไปในห้องครัว จากนั้นคนรับใช้นั้นก็เดินออกมาพร้อมกับหม้าน้ำชาและถ้วย
เมื่อว่างถ้วยลงแล้ว คาร์ลก็รินน้ำชาให้เจ่าไห่ก่อนจะคำนับและยืนอยู่ตรงนั้น “ท่านนักเวทย์ มีอะไรให้กระผมรับใช้อีกหรือไม่”
เจ่าไห่นั้นไม่แตะน้ำชาเลย ก่อนที่จะโบกมือเรียกกรีน และกรีนก็พูดว่า “คาร์ล พวกเรานั้นต้องการที่จะลงทะเบียนนักเวทย์ในวันนี้”
“ได้ครับท่าน กระผมยินดีรับใช้ท่านนักเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่” และคาร์ลก็พูดต่อไปว่า “ถ้าเช่นนั้นแล้ว โปรดตามกระผมมา กระผมจะพาท่านไปทำการลงทะเบียนนักเวทย์”
เจ่าไห่พยักหน้าเบาๆก่อนจะยืนขึ้น่ พวกเขานั้นเดินตามคาร์ลเข้าไปในห้องโถง ซึ่งทำให้พวกเขานั้นไม่เป็นประกายตาของคาร์ล ซึ่งเป็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช้คนรับใช้ทั่วไป
แม้แต่กรีนก็ไม่รู้ว่าสมาคมนักเวทย์นั้นมีการต้อนรับนักเวทย์เช่นนี้ นั้นก็เพราะว่าคาร์ลนั้นก็เป็นหน่วยข่าวกรองของตระกูลเพอร์เซลล์ ซึ่งเขานั้นรู้ว่าเจ่าไห่นั้นเข้ามาในเมืองแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าเขาต้องการที่จะรู้เรื่องเจ่าไห่มากขึ้นแล้ว โดยปกติพวกเขาก็จะไม่มายุ่งกับคนที่จะทำการลงทะเบียนนักเวทย์เช่นนี้