ตอนที่ 72 – ภูมิทัศน์
แต่อย่างไรก็ตามการอัญเชิญอันเดตแบบนี้มีข้อเสียอยู่อย่างเดียว : ระยะเวลา
เพราะถ้าหากคุณอัญเชิญอันเดตจากโลกอื่น มันจะมีเวลาอยู่ในทวีปอาร์คอย่างจำกัด ซึ่งขีดจำกัดนั้นจะขึ้นอยู่กับระดับของนักเวทย์มนตร์ดำและระดับของอันเดตที่ถูกอัญเชิญออกมา
ในทางทฤษฎี สำหรับคนที่มีพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งนั้น สามารถที่จะอันเชิญอันเดตระดับสูงให้อยู่ในทวีปอาร์คได้เป็นเวลานาน แต่ส่วนมากแล้วมันจะคงอยู่ได้ไม่นาน
แต่มันก็มีข้อยกเว้น ถ้าหาว่าคุณนั้นเชิญอันเดตที่แข็งแกร่งออกมา คุณสามารถที่จะให้มันอยู่ในทวีปอาร์คได้นานขึ้นถ้าหากคุณนั้นยอมที่จะเสียพลังชีวิตของตน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วนักเวทย์มนตร์ดำไม่ค่อยใช้วิธีการอัญเชิญจากโลกอื่นมา เพราะสำหรับอันเดตระดับสูงบางชนิดนั้นจำเป็นต้องใช้พลังชีวิตของตนด้วย ถ้าหากคุณอยากให้มันอยู่ในทวีปอาร์คเป็นเวลานาน แสดงว่าคุณนั้นไม่เสียดายชีวิตเลยแม้แต่น้อย
หรืออีกวิธีนั้นก็เหมือนกับกองทัพอมตะ นั้นคือการสร้างอันเดตเป็นของตัวเอง
เพราะตราบใดที่นักเวทย์นั้นฆ่าคนและสัตว์อสูรแล้ว พวกเขาสามารถเปลี่ยนมันเป็นอันเดตได้ แต่วิธีการนี้ก็ไม่เหมาะเพราะการเปลี่ยนสิ่งนั้นให้เป็นอันเดตนั้นจะลดระดับพลังของมันเป็นอย่างมาก
ซึ่งทำให้คนที่คอยจับตามองเจ่าไห่นั้นประหลาดใจอย่างมาก เพราะถ้าอันเดตตนนี้เป็นการอัญเชิญโดยตรงแล้ว มันก็คงจะกลับไปแล้ว
เมื่อดูจากพลังการรบของเอเลี่ยนแล้ว พวกเขารู้ได้ทันทีว่ามันแข็งแกร่งมาก ดังนั้นถ้าอันเดตนี้เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น พลังความแข็งแกร่งก่อนหน้านี้ของมันจะอยู่ในระดับไหนกันแน่? นี้คือสิ่งที่ทำให้พวกเขานั้นสงสัย
นักเวทย์มนตร์ดำทั่วไปแล้วจะสามารถสร้างได้แค่อันเดตระดับต่ำ เพราะการจะสร้างอันเดตระดับสูงนั้นต้องใช้พลังชีวิตของตน ถ้านักเวทย์มนตร์ดำนั้นสามารถที่จะสร้างอันเดตระดับสูงเช่นนี้แล้ว ทำไมเขาถึงยังมีชีวิตอยู่ได้?
ทวีปอาร์คนั้นเป็นทวีปที่กว้างใหญ่แต่ก็มีสถานที่ไม่มากที่จะสามารถสร้างอันเดตระดับนี้ได้ เพราะมันมีเพียงแค่สองสถานที่เท่านั้นที่จะมีอันเดตที่เกิดขึ้นมาเอง นั้นก็คือบึงซากศพและหุบเหวปีศาจ ซึ่งเป็นสองในห้าของแดนต้องห้าม ในช่วยหลายศตวรรษที่ผ่านมานั้นยังไม่เคยมีใครที่สามารถมีชีวิตรอดออกมาจากพื้นที่เหล่านี้ได้ แม้ว่าในช่วงพันปีที่ผ่านมาพวกเขาจะสามารถรอดกลับมาได้ ก็ตายลงในเวลาเพียงแค่ 5 ปี
ด้วยเหตุผลนี้เองบึงซากศพและหุบเหวปีศาจจึงเป็นแดมต้องห้ามของจริง ที่ไม่มีใครกล้าจะเข้าไป เพราะคงไม่มีใครอยากจะตาย
ซึ่งนี้ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เจ่าไห่นั้นปล่อยให้อันเดตนั้นคงอยู่ข้างนอกมิติ เขานั้นปรากฎตัวที่ป้อมปราการมอนเตเนโกเพื่อที่จะให้พวกเขานั้นเชื่อมโยงมันกับบึงซากศพ ดังนั้นแล้วพวกเขาก็จะคิดว่าเจ่าไห่คือนักเวทย์มนตร์ดำที่บ้าพอจะเข้าไปในบึงซากศพ และจะทำให้ไม่มีใครคิดว่าเขาคืออดัม
วันถัดไป เจ่าไห่นั้นเดินทางไปเรื่อยๆ ซึ่งจะให้พูดตรงๆ พวกเขาจงใจเดินทางช้าลงด้วยซ้ำเพราะถ้าหากพวกเขาต้องการที่จะร่วมมือกับตระกูลมาร์กี้แล้ว พวกเขาต้องการคนที่จะไว้ใจได้ ซึ่งคนที่เหมาะสมที่สุดคือ ลอร่า แต่ว่าเธอเองคงยังไม่ได้กลับจากป้อมปราการมอนเตเนโก ดังนั้นเจ่าไห่อาจจะไปถึงก่อนเธอได้หากเดินทางด้วยความเร็วเท่าเดิม และพวกเขานั้นก็ไม่ได้กังวลในเรื่องของการไปถึงเมืองที่ล่าช้า
เพราะในขณะที่เขาเดินทางไปอย่างช้าๆนั้น กรีนก็เดินทางไปถึงเมืองคาซ่าแล้ว และตอนนี้คนที่อยู่บนหัวอันเดตและสวมเกราะของกรีนนั้นเป็นเพียงแค่ทาสคนหนึ่ง
กรีนนั้นเดินทางไปยังเมืองคาซ่าเพื่อทำการซื้อที่ดินเพื่อเตรียมการบางอย่างไว้ ในขณะที่เจ่าไห่นั้นเป็นเป้าสายตาของหลายๆคน กรีนก็ทำสิ่งต่างๆมากมายโดยไม่มีใครสนใจ
แน่นอนว่าถ้าหากไม่มีกรีนแล้ว เจ่าไห่ก็ไม่หลงทางเพราะแผนที่ที่ให้ไว้ ซึ่งมีทั้งลักษณะภูมิประเทศและถนนสายต่างๆ ความเข้าใจในโลกใบนี้ของเขานั้นยังมีน้อย และเขาต้องการเขาใจสิ่งต่างๆที่อยู่รอบๆ เพราะว่าตอนนี้กรีนไม่ได้อยู่กับพวกเขาแล้ว เจ่าไห่จึงต้องระวังตัวมากขึ้น เขานั้นกลัวว่าจะมีใครบางคนนั้นต้องการที่จะทดสอบตัวเขา แม้ว่าจะมีเมอร์รินช่วยในการต่อสู้ก็ตาม แต่ด้วยการที่ขาดกรีนไปนั้น ทำให้กำลังรบของเขานั้นหายไปเกือบครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
แต่เจ่าไห่นั้นก็คิดมากเกินไป เพราะด้วยตัวตนของนักเวทย์มนตร์ดำนั้นไม่มีใครกล้าที่จะลองดีกับพวกเขา โดยเฉพาะเมื่อเห็นเอเลี่ยน
ซึ่งอาจจะพูดได้ว่าเจ่าไห่นั้นดูถูกตัวตนของนักเวทย์มนตร์ดำต่อทหารรับจ้างและนักผจญทั่วไป พวกเขานั้นกล้าที่จะมีเรื่องกับนักรบที่แข็งแกร่งมากกว่านักเวทย์มนตร์ดำเสียอีกเพราะถ้าต่อสู้กับนักรบ ท้ายที่สุดพวกเขาก็แค่ตาย แต่ถ้ากล้ามีเรื่องกับนักเวทย์มนตร์ดำ พวกเขาจะต้องถูกทรมานจนตายหรือกลายเป็นอันเดตที่ต้องต่อสู้ตลอดไป
นักผจญภัยและทหารรับจ้างนั้นไม่กล้วที่จะตายและยอมที่จะกลายเป็นอาหารให้กับสัตว์อสูรซึ่งดีกว่ากลายเป็นอันเดตเสียอีก
ด้วยเหตนี้จึงไม่มีใครกล้าที่จะมีเรื่องกับนักเวทย์มนตร์ดำ โดยเฉพาะกับนักเวทย์ที่สามารถอัญเชิญอันเดตที่แข็งแกร่งได้
แม้ว่าเจ่าไห่นั้นจะเดินทางอย่างช้าๆ แต่พวกเขาก็ยังเป็นที่จับตามองของคนในเขตการปกครองตระกูลเพอร์เซลล์ ไม่ว่าพวกเขานั้นจะเดินพบกับขบวนสินค้าบนถนนหรือจะเป็นคนเดินทาง พวกเขาก็ยังเป็นจุดสนใจเพราะว่าข่าวลือที่พวกเขานั้นต่อสู้กับกองทัพอมตะ
กองทัพอมตะนั้นมีชื่อเสียงอย่างมาก จนไม่มีใครกล้าจะต่อกรกับพวกเขา แต่เมื่อได้ยินข่าวที่นักเวทย์มนตร์ดำเจ่านั้นต่อกรกับกองทัพอมตะและยังไม่ถูกฆ่า มันทำให้พวกเขานั้นสนใจเรื่องนี้อย่างมาก
ซึ่งไม่มีใครคิดว่าเจ่าไห่นั้นจะจับพวกเขาทั้งกลุ่มแทน ในความคิดของคนอื่นๆนั้นคือมันเป็นไปไม่ได้เคยที่กองทัพอมตะจะพ่ายแพ้ พวกเขานั้นรอดจากการต่อสู้มาได้หลายครั้งแม้แต่กระทั่งตอนที่ต่อสู้กับตระกูลเสี่ยหยางจนเกือบถูกทำให้สิ้นชื่อ พวกเขาก็ยังคงรอดกลับมาได้ แม้ว่าเจ่าไห่นั้นจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะทัดเทียมกับกองทัพอมตะ
ตอนนี้ทุกคนนั้นสนใจกับเจ่าไห่ที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับกองทัพอมตะ
แต่ทุกคนก็เริ่มที่จะไม่สนใจเรื่องนี้แล้ว เพราะการเดินทางของเจ่าไห่ยังสงบสุขเหมือนกับว่ากองทัพอมตะนั้นหายไปแล้ว เจ่าไห่นั้นไม่เจอกับปัญหาใดๆเลย จนเหมือนกับว่านี้ไม่ใช้วิธีการของกองทัพอมตะ
ภายใต้การจับตามองของทุกคนในเขตการปกครองตระกูลเพอร์เซลล์นั้น เจ่าไห่เดินทางไปยังเมืองคาซ่าอย่างราบรื่นและชมทิวทัศน์ต่างๆ จนทำให้พวกเขานั้สงสัย
แต่เจ่าไห่ก็บรรลุเป้าหมายของพวกเขาที่สามารถดึงสายตาของทุกคนมาจับจ้องที่เขาแทนตระกูลบูดา จนกระทั่งไม่มีใครรู้ว่าที่นอกเมืองคาซ่านั้นมีคฤหาส์น์เล็กๆบนภูเขาลูกหนึ่งได้ทำการซื้อขายกันไปแล้ว
คฤหาสน์เล็กๆนี้เดิมเป็นของพ่อค้าคนหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ห่างจากมืองคาซ่า มันเป็นเนินเขาที่แห้งแล้งจนไม่สามารถที่จะปลูกอะไรได้ เพราะมีสิ่งเดียวที่มันทำได้คือการสร้างเป็นสปา
แน่นอนว่าพ่อค้าคนนี้ต้องการปรับปรุงพื้นที่นี้เป็นบ่อน้ำพุร้อนสำหรับการพักผ่อนของเขาแต่น่าเสียดายที่เขานั้นล้มละลาย แต่ด้วยมันเป็นพื้นที่ห่างไกลจึงไม่มีใครอยากจะซื้อมันเมื่อกรีนนั้นพบสิ่งนี้ เขาก็ตัดสินใจซื้อมันด้วยราคาหนึ่งร้อยเหรียญทองทันที