ตอนที่แล้วตอนที่ 68 – ไอดอล?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 70 – กองกำลังลึกลับ

ตอนที่ 69 – แผนการของพวกเขา


มันรู้สึกประหลาดมาก ลอร่าไม่เคยคิดว่านักเวทย์นี้จะมีกลิ่นเช่นนี้ ทำให้เธอนั้นคิดถึงสิ่งต่างๆนานา กลิ่นที่มาจากร่างกายของเจ่าไห่นั้นเหมือนกับน้ำทะเลซึ่งทำให้เธอนั้นรู้สึกดีขึ้น

ลอร่านั้นยืนนิ่งอยู่ชั่วซึ่งขณะนั้นเองเจ่าไห่ก็หันมามองใบหน้าของเธอ “คุณลอร่ามีอะไรอย่างงั้นหรือ?”

เมื่อลอร่าได้สติ หน้าของเธอก็แดงก่อนจะปล่อยเสื้อคลุมเจ่าไห่ “ดิฉันขออภัยท่านนักเวทย์ ฉันแค่ต้องการจะรู้ชื่อของท่านได้หรือไม่?”

“ได้สิ ข้าชื่อเจ่าไห่” เจ่าไห่นั้นเลือกที่จะใช้ชื่อชีวิตของเขาบนโลก เพราะถ้าหาเขาใช้ชื่ออดัมบูดา เขาก็กลัวว่าจะถูกตามล่า ซึ่งเขาก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น

ลอร่าจึงนำเหรียญตราทองจากออกของเธอและถือมันไว้ในมือ “ท่านเจ่าไห่ นี้เป็นเหรียญตราสำหรับแขกคนสำคัญสำหรับตระกูลมาร์กี้ของเรา ซึ่งสามารถแสดงมันเพื่อจะได้รับส่วนลดยี่สิบเปอร์เซนต์ในการซื้อของจากตระกูลของเรา นอกจากนี้แล้วถ้าท่านต้องการจะขายสิ่งใดในเขตการปกครองตระกูลเพอร์เซลล์แล้ว ตราบใดที่ท่านมีสิ่งนี้อยู่ ตระกูลของเราพร้อมที่จะซื้อสินค้านั้นในราคาเต็ม ดิฉันนั้นรู้ดีว่าการตอบแทนแค่นี้นั้นไม่อาจเทียบได้กับความมีน้ำใจของท่าน แต่เพื่อให้ดิฉันนั้นรู้สึกสบายใจ ได้โปรดรับสิ่งนี้ไว้ด้วย” จากนั้นลอร่าก็โค้งคำนับพร้อมกับยื่นเหรียญตราทองให้เจ่าไห่

ซึ่งเจ่าไห่เองก็ต้องการเหรียญตราทองนี้เช่นกัน เพราะมันจะทำให้เขาสะดวกสบายขึ้นในอนาคต เขานั้นเห็นว่าในตอนนี้ ลอร่านั้นกำลังมีธุระบางอย่างที่สำคัญ ไม่เช่นนั้นแล้วเธอก็คงจะไม่รู้สึกกังวลที่จะไปป้อมปราการมอนเตเนโก แม้ว่ากองขบวนสินค้าของเธอจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่เธอก็ยังไม่กลับไปยังตระกูล แต่เลือกที่จะตั้งแคมป์ที่นี้และเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น

เจ่าไห่นั้นไม่คิดจะอยู่ที่นี้ เขาจึงเพียงแค่รับเหรียญตราทองและพูดว่า “ข้าขอบคุณ คุณลอร่าอย่างมาก” ข้าจะดูแลเหรียญตราทองนี้เป็นอย่างดี เมื่อเขามองไปที่เหรียญตราทองขนาดฝ่ามือนี้ มันถูกสร้างมาจากทองบริสุทธิ์ และรอยสะลักของดอกบาน่าและตรงกลางมีคำว่าตระกูลมาร์กี้

เมื่อเจ่าไห่นั้นรับเหรียญตราทองแล้ว เธอก็ยืนตรงและถอนหายใจ เพราะเธอนั้นกลัวว่าเจ่าไห่นั้นจะไม่รับเหรียญตราทองนี้

ลอร่านั้นไม่ได้ให้เหรียญตราทองนี้สำหรับการขอบคุณ แต่เป็นเพราะต้องการจะสร้างสายสัมพันธ์กับเธอและเจ่าไห่ เขานั้นเป็นถึงนักเวทย์มนตร์ดำระดับสูง และมีอายุน้อย พร้อมกับกรีนซึ่งเป็นนักรบระดับสูงเช่นกัน ถ้าหากเธอนั้นสามารถมีสัมพันธ์กับเจ่าไห่ได้ มันก็จะเป็นการดี

ในทวีปอาร์คนั้น ความแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้รับการยกย่อง ซึ่งถ้าหากลอร่าสามารถเป็นเพื่อนกับเจ่าไห่ซึ่งเป็นนักเวทย์มนตร์ดำระดับสูง มันก็จะส่งผลต่อตำแหน่งในตระกูลของเธอ ซึ่งเมื่อเธอนั้นเห็นว่าเจ่าไห่รับเหรียญตราทอง มันจึงทำให้เธอนั้นโล่งใจ ตราบใดที่เจ่าไห่ใช้เหรียญตราทองนี้ เธอก็สามารถที่จะหาเขาได้ และสร้างมิตรสัมพันธ์ได้ใกล้ชิดขึ้น

หลังจากที่มองเหรียญตราทองแล้ว เจ่าไห่ก็เก็บมันเขาไปในแขนเสื้อและส่งมันไปยังมิติโดยที่ไม่ให้ใครได้เห็น

เมื่อเขานั้นเก็บเหรียญตราทองแล้ว เจ่าไห่ก็พูดว่า “คุณลอร่า ผมมั่นใจว่าคุณนั้นมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำ ซึ่งผมก็จะไม่รบกวนคุณแล้ว แต่ผมคิดว่าพวกเราคงจะมีโอกาสได้เจอกันอีกในภายหลัง”

เจ่าไห่ก็หันหลังไปซึ่งคราวนี้ลอร่าไม่ได้หยุดเขาแต่กลับพูดทิ้งท้ายไว้ว่า “ถ้าท่านเจ่าไห่ต้องการจะพบกับดิฉัน แค่บอกชื่อของข้ากับร้านสาขาของตระกูลมาร์กี้ พวกเขาก็จะบอกว่าข้าอยู่ที่ไหน”

เจ่าไห่นั้นไม่ได้หันกลับไปเพียงแค่โบกมือเบาก่อนจะเข้าไปในป่าของเอเลี่ยน ซึ่งเม็กและกรีนก็ตามเจ่าไห่เข้าไปก่อนที่เอเลี่ยนจะเดินทางออกไป

ลอร่าเองก็กำลังมองอันเดตที่กำลังเดินจากไป เมื่อมันพ้นสายตาของเธอ ลอร่าก็ถอนหายใจออกมา จากนั้นเด็กสาวอายุสิบห้าที่สวมชุดสาวใช้ก็มายืนข้างลอร่าพร้อมกับถือกล่องไม้ที่ใส่เนโครออร์ปไว้

เมื่อเด็กสาวนั้นเดินมาข้างลอร่าและก็พูดขึ้นว่า “นายหญิง เราจะตั้งแคมป์กันที่นี้จริงๆงั้นเหรอค่ะ?”

ลอร่ามองไปยังศพและโครงกระดูกในสนามรบ ในตาของเธอนั้นก็ประกายถึงความเยือกเย็น “แน่นอน พวกเราจะพักกันที่นี้คืนนี้ พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะเดินทางไปยังป้อมปรากรามอนเตเนโกให้เร็วที่สุด ส่งบางคนไปดูลาดราวด้านหลังเนินเขาด้วย”

นักรบก็ทำความเคารพก่อนจะวิ่งไปยังหลังเนินเขา ลอร่าจึงหันไปมองเด็กหญิงที่ใส่ชุดสาวใช้และพูดว่า “เนียร์ เจ้ากลัวหรือไม่?”

หน้าของเนียร์นั้นซีดเผือกแต่เธอก็ส่ายหัว แต่ลอร่านั้นก็ยังคงเห็นความกระวนกระวายบนใบหน้าของเธอ ลอร่าจึงเอามือลูบหัวของเธอและพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไป เนียร์ เจ้าไม่ต้องกลัวอะไร ข้าจะไม่ปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า”

แม้ว่าเนียร์นั้นจะเป็นสาวใช้ของลอร่า แต่ทั้งสองก็เติบโตมาด้วยกัน ด้วยเหตุนี้ลอร่าจึงรู้สึกว่าเนียร์นั้นเหมือนกับน้องสาวของเธอ ลอร่าจึงพยายามที่จะทำให้เธอนั้นสบายใจขึ้น

อย่างไรก็ตาม ลอร่านั้นก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่านี้คือเวลาที่พวกเขาต้องกลัวบางอย่าง เพราะการเดินพันในการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ มีเพียงแค่ไม่กี่คนในตระกูลที่รู้เรื่องนี้ แต่กองทัพอมตะก็ดักรอโจมตีพวกเขา ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่ากองทัพอมตระนั้นรู้ถึงแผนการนี้

กองทัพอมตะนั้นไม่ใช่พวกหมอดู พวกเขานั้นเพียงแค่ปล้นสะดมเท่านั้น ดังนั้นต้องมีใครบางคนบอกพวกเขาเกี่ยวกับแผนการนี้

ในตอนนี้เองลอร่าานั้นก็ไม่แน่ว่าคนนั้นคือใคร แต่อย่างน้อยเธอก็พอจะตีกรอบได้ว่ามีใครบาง ซึ่งลอร่านั้นเข้าใจว่าคนในตระกูลบางคนต้องการให้เธอนั้นตาย พ่อของเธอนั้นเป็นทายาทคนที่สองของตระกูล แต่ว่าเขานั้นไม่สนใจในเรื่องของธุรกิจ แต่ว่าเธอนั้นเป็นคนดูแลแทน ซึ่งทำให้ตำแหน่งพ่อของเธอที่เป็นทายาทลำดับที่สองนั้นมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นการกดดันทายาทคนอื่นๆ

ในตระกูลใหญ่ๆนั้น อะไรขึ้นสิ่งที่โหดร้ายที่สุดอย่างงั้นเหรอ? ไม่ต้องสงสัยเลยว่านั้นคือการแข่งขันกันของคนในตระกูลนั้นโหดร้ายมากที่สุด แม้ว่าลอร่านั้นจะยังเด็กแต่เธอนั้นก็เข้าใจความจริงนี้อย่างดีเลยตั้งแต่ที่เธอนั้นเข้ามาดูแลธุรกิจในครอบครัว แต่เธอนั้นก็ไม่คิดว่าคนในตระกูลจะทำกันถึงขนาดนี้

ในตอนนี้ เธอนั้นรู้แล้วว่าในอนาคต ไม่ว่าจะอย่างไร เธอไม่สามารถที่จะพึ่งพาตระกูลได้อีกแล้ว

ซึ่งนี้ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ลอร่าถึงพยายามเอาชนะใจของเจ่าไห่ เพราะถ้าหากว่าเธอนั้นไม่สามารถที่จะพึ่งพาตระกูลของเธอได้ เธอยังมีการสนับสนุนจากเจ่าไห่ซึ่งเป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งทำให้เธอนั้นสามารถที่จะออกจากตระกูลโดยที่ไม่ต้องกลัวพวกเขา

เจ่าไห่นั้นรู้ว่าถึงความหมายที่ลอร่านั้นต้องการจะสื่อ เพราะเขานั้นไม่รู้ว่ากองทัพอมตระนั้นต้องการจะขโมยสิ่งใด แต่เขาก็จะรู้ในไม่ช้า

หลังจากที่เจ่าไห่และทุกคนนั้นออกไปจากสนามรบ กรีนและพวกเขาก็ไปรวมกันในตัวของเอเลี่ยน เจ่าไห่จึงมองเหรียญตราทองให้กับกรีน “ปู่กรีน ดูเหรียญตราทองนี้สิ ด้วยสิ่งนี้ แผนการของพวกเราน่าจะประสบความสำเร็จมากขึ้นใช่ไหมครับ”

กรีนจึงมองไปที่เหรียญตราทอง “ใช่แล้วครับ ด้วยเหรียญตราทองนี้ กับความใจดีของลอร่า มันจะช่วยพวกเราช่วยพวกเราได้มาก ในตระกูลมาร์กี้ ลอร่านั้นเป็นทายาทลำดับที่สอง เธอนั้นเป็นคนดูแลธุรกิจของตระกูลในเขตการปกครองตระกูลเพอร์เซลล์ซึ่งเป็นประโยชน์กับเราอย่างมาก”

เจ่าไห่ขมวดคิ้ว “จะมีคนสงสัยพวกเราหรือป่าว?”

กรีนส่ายหัว “พวกเขาไม่น่าจะทันได้สังเกต ถ้านายน้อยรีบขายหัวไชเท้าและรีบกลับไปยังแดนทมิฬ และปล่อยให้กองทัพอมตระเข้าไปในบึงซากศพเพื่อสร้างอันเดต และปล่อยอันเดตที่เรามี เพราะถ้าอันเดตจากบึงซากศพนั้นเดินไปรอบๆแดนทมิฬแล้ว ผมคิดว่าคงจะไม่มีใครกล้าเข้ามาในดินแดนแห่งนี้ และทำให้พวกเรานั้นปลอดภัยมากขึ้น”

เจ่าไห่พยักหน้า จากนั้นเขาก็เรียกกองทัพอันเดตทั้งแปดคนออกมา โชคดีที่ห้องในตัวเอเลี่ยนนั้นไม่เล็ก จึงทำให้มีพื้นที่มากพอที่จะจุคนได้

ทั้งแปดคนนั้นสวมเสื้อคลุมคล้ายกับเจ่าไห่แต่พวกเขานั้นไม่มีไม้เท้าเวทย์ในมือ ซึ่งเมื่อทั้งแปดออกมาก็รีบทำความเคารพเจ่าไห่และพูดพร้อมกันว่า “นายท่าน”

เจ่าไห่พยักหน้าและกล่าวว่า “ถอดหมวก” จากนั้นทั้งแปดก็ถอดหมวกและปรากฎหัวกะโหลกทั้งแปด หัวกะโหลดนั้นมีสีเขียวเข้มพร้อมกับดวงไฟสีแดงที่ตาของพวกเขา ซึ่งอาจจะทำให้คนที่พบเห็นนั้นรู้สึกประหลาดใจ

“ทำไมพวกเจ้าถึงโจมตีลอร่า?” เจ่าไห่ถาม

พวกเขาทั้งแปดนั้นไม่ได้สูญเสียสติปัญญาของตนไป หนึ่งในนั้นจึงตอบทันทีว่า “นายท่าน พวกเราได้ข่าวมาจากคนในตระกูลมาร์กี้ว่าลอร่านั้นมีเนโครออร์ปซึ่งใช้เสริมพลังของอันเดต”

“ใครในตระกูลมาร์กี้เป็นคนบอกข่าวนี้กับเจ้า?” เจ่าไห่ถาม

จู่ๆกรีนก็ถามขึ้นว่า “นายน้อย นี้คุณสามารถพูดคุยกับพวกเขาได้อย่างงั้นเหรอครับ?”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด