ตอนที่ 67 – อันเดต Level Up
คนของลอร่าเกือบทั้งหมดนั้นได้รับบาดเจ็บ ซึ่งคนเหล่านี้นั้นภักดีต่อลอร่า ไม่ใช่ตระกูลมาร์กี้ ตอนที่เธอนั้นยังเด็กนั้น ลอร่านั้นรู้ว่าคนที่ตระกูลนั้นให้กับเธอนั้นไว้ใจไม่ได้ ดังนั้นช่วงหลายปีนี้เธอนั้นพยายามที่จะสร้างกองกำลังของตัวเอง เพราะการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ ทำให้คนที่ภักดีต่อเธอนั้นเกือบจะเสียชีวิตจนหมด
หลังจากที่กองทัพอมตะบางคนนั้นถูกส่งเข้าไปในมิติ เขาก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือน [วัตถุประเภทหุ่นยนต์ระดับสูงถูกค้นพบในมิติ เริ่มทำการรีโปรแกรม ทำการรีโปรแกรมได้สำเร็จวัตถุประเภทหุ่นยนต์ไม่มีมีพิษ ตอนนี้ได้ทำการเสริมความแข็งแกร่งด้วยพิษแล้ว ทำการดึงโปรแกรมที่อยู่ในวัตถุประเภทหุ่นยนต์ระดับสูงนี้ วัตถุประเภทหุ่ยนต์ทั้งหมดได้เสริมพลังความแข็งแกร่งเรียบร้อย]
เจ่าไห่นั้นเข้าใจเสียงที่ดังออกมา ว่าเขานั้นได้ทำสำเร็จแล้ว เมื่ออันเดตทั้งหกของกองทัพอมตะนั้นเข้าไปในมิติ ตอนนี้พวกเขาก็กลายเป็นพวกเดียวกับพวกเราแล้ว นอกจากนี้แล้วพวกเขานั้นถูกเสริมความแข็งแกร่งด้วยพิษของบึงซากศพซึ่งทำให้เพิ่มพลังโจมตีของพวกเขาด้วย ไม่เพียงแค่ว่ามิตินั้นพบว่าอันเดตทั้งหกนั้นอยู่ในระดับที่สูงกว่าตัวอื่นๆ แต่มันยังเพิ่มระดับให้แก่อันเดตของเขาด้วย
เจ่าไห่นั้นยังไม่ทันจะมีเวลาที่จะรู้สึกยินดีเมื่อมีเงาสีน้ำเงินนั้นพุ่งตรงเข้าใส่เขาพร้อมกับเสียงตระโกนของกรีนที่ลากร่างสีดำสองคนมาด้วย “นายน้อย” ซึ่งนั้นก็คือสมาชิกที่เหลือของกองทัพอมตะ จากนั้นเจ่าไห่ก็ทำการเปิดประตูมิติก่อนที่กรีนจะโยนทั้งสองเข้าไปในมิติ จากนั้นก็มีเสียงแจ้งเตืองถึงกระบวนการรีโปรแกรมกับเขาอีกครั้งหนึ่ง
ทันใดนั้นอันเดตรอบๆตัวของเขาก็ประกายแสงเล็กๆ แสงที่เปล่งออกมานั้นทั้งเล็กและรวดเร็วซึ่งถ้าเจ่าไห่นั้นไม่ได้นั่งอยู่บนอันเดตของเขา เขาก็ไม่อาจจะสังเกตเห็นมันได้
หลังจากที่แสงที่เปล่งนั้นหายไป เจ่าไห่ก็พบว่าอันเดตนั้นเปลี่ยนไป ร่างกายของพวกมันนั้นมีสีเขียวที่เข้มขึ้นและดวงไฟสีแดงที่ตาก็ใหญ่ขึ้น
ร่างกายของอันเดตนั้นกลายเป็นสีเขียวเข้ม จะมีแค่ส่วนที่ต่างกันก็คือลวดลายสีขาวบนหัวซึ่งมีลักษณะเหมือนกับตา มันเป็นลวดลายที่ซับซ้อนที่หากจ้องนานจะทำให้คุณนั้นเวียนหัวเหมือนกับถูกสูบวิญญาณออกไป
นอกจากนี้แล้ว อันเดตของเขาก็ตัวใหญ่ขึ้น จากที่เดิมนั้นยาวสิบเมตร ตอนนี้มันยาวถึงสิบห้าเมตรแล้ว นี้ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเพียงอย่างเดียว ที่หน้าอกของอันเดตนั้นก็มีคริสตัลสีเขียวก่อตัวขึ้นมาระหว่างกระดูก ช่องว่างในหน้าอกตอนนี้นั้นสูงกว่าสองเมตรและยาวกว่าสี่เมตรและกว้างสามเมตร ซึ่งคุณไม่เพียงแค่สามารถที่จะนั่งในช่องอกนี้ได้ แต่ยังสามารถยืนและเดินไปรอบๆได้ด้วย
ซึ่งที่คอของอันเดตนั้นก็ปรากฎเกราะกระดูกแปลกๆ ซึ่งมันไม่ส่งผลอะไรกับอันเดตเพราะมันยังสามารถขยับคอได้ปกติ แต่เกราะกระดูกนั้นสร้างขึ้นมาเหมือนกับทางเดินที่สามารถไปยังปากได้จากอก เพราะปากนั้นมีขนาดใหญ่มาก ตราบใดที่มันอ้างปากแล้วมันจะมีพื้นที่กว้างประมาณสามเมตรและยาวถึงห้าเมตรและสูงหนึ่งเมตร ซึ่งสามารถที่จะทำให้คนที่นั่งอยู่นั้นเห็นสถานการณ์ข้างนอก
ส่วนด้านหลังของมันก็เดือยกระดูกที่มีสีเขียวประกายระยิบระยับ และที่หางก็มีเดือยแหลมออกมาทั้งซ้ายและขวา ซึ่งเพียงแค่มองก็รู้ได้ถึงพลังทำลายล้างของมัน เจ่าไห่และเม็กที่เห็นการเปลี่ยนแปลงของอันเดต พวกเขานั้นไม่รู้ว่ามันเป็นแบบนี้ได้อย่างไร ตอนนี้มันไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือที่ใช้การเดินทาง แต่ยังเป็นอาวุธที่ทรงอนุภาพอีกด้วย
เมอร์รินและกรีนเองก็รู้สึกประหลาดใจ การเปลี่ยนแปลงของอันเดตนั้นเกินกว่าที่พวกเขาจะจิตนาการไว้
เจ่าไห่ใช้ช่วงเวลานี้รวบรวมสติและคิด ก่อนที่จะเรียกอันเดตที่เหลือกลับเข้าไปในมิติ จากนั้นก็เรียกเมอร์รินและกรีน “ยายเมอร์ริน ปู่กรีน เข้ามาในปากอันเดตก่อนครับ”
อันเดตนั้นมีทางเข้าสองทาง ซึ่งก็ด้านหน้าคือทางปาก และอีกทางอยู่ด้านหลังคืออก เจ่าไห่ก็พบว่ามีเศษกระดูกซึ่งเขาสามารถใช้เปิดมันได้ ทำให้เขาเข้าไปในตัวเอเลี่ยนทางด้านหลัง อย่างไรก็ตามเจ่าไห่นั้นไม่ต้องการที่่จะเข้าไปจากทางด้านหลังเพราะว่ามันเป็นทางที่พวกสัตว์นั้นใช้ปล่อยสิ่งปฏิกูล เขาจึงไม่ต้องการที่จะเข้าทางนั้น
กรีนและเมอร์รินเมื่อเข้าไปในอันเดตกับเจ่าไห่แล้ว ซึ่งเอเลี่ยนก็เปิดปากทันทีเพื่อให้พวกเขาเข้าไป ตรงอกนั้นดูเหมือนจะถูกปิดสนิทแต่มันก็ยังมีลมผ่านเล็กๆน้อยๆ เมื่อเข้าไปข้างในเมอร์รินและกรีนก็รู้สึกตกใจ เขาไม่คาดคิดเลยว่าในทรงอกของมันจะเปลี่ยนไปขนาดนี้นี้ไม่เปลี่ยนแปลงมากเกินไปแล้ว
พวกเขามองที่เจ่าไห่ ซึ่งกำลังขำอยู่ “ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้หลังจากที่พวกเรานั้นส่งพวกกองทัพอมตระเข้าไปในมิติ มิตินั้นทำให้อันเดตนั้นแข็งแกร่งขึ้นซึ่งนี้เป็นสาเหตุว่าทำไมมันถึงเป็นเช่นนี้ พวกเราไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่ด้านนอกอีกแล้ว พวกเราสามารถที่จะนั่งอยู่ในนี้และมองข้างนอกแทนได้”
กรีนพยักหน้าก่อนจะมองไปรอบ “แม้ว่ามันจะมองเห็นข้างนอกได้ไม่มาก แต่พวกเราก็ยังพอมองเห็นอยู่บ้าง ดีเลยครับ นายน้อย มันจะเป็นการดีถ้าพวกเราไปหาตระกูลมาร์กี้แบบนี้”
เจ่าไห่ยิ้ม “ถ้าเช่นนั้นแล้ว พวกเราก็ไปหาพวกเขากันเถอะ” เขานั้นสั่งอันเดตปีนยังเนินเขา
ลอร่าและคนอื่นๆนั้นไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นที่ด้านหลังเนินเขานั้น สิ่งที่พวกเขาเห็นครั้งสุดท้ายคือพวกเขาเห็นเงาสีน้ำเงินพามนุษย์สองคนไปยังด้านหลังและหลังจากนั้นพวกอันเดตที่ช่วยพวกเขาก็หายไป ลอร่านั้นกำลังจะส่งคนไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทันใดนั้นก็มีโครงกระดูกจระเข้นั้นปีนขึ้นมาจากเนินเขา
โครงกระดูกจระเข้นั้นดูคุ้นมาก เพราะมันเหมือนกับที่นักเวทย์มนตร์ดำก่อนหน้านี้นั่งมา แต่มันดูเปลี่ยนไปและดูแข็งแกร่งกว่าเดิม ในขณะที่เธอนั้นมองรูปร่างของมัน เธอก็จำได้ชัดเจนเลยว่ามันไม่มีเดือยกระดูกที่ใหญ่ขนาดนี้อยู่บนหลัง แต่ว่าลอร่าก็มั่นใจว่าอันเดตตนนี้นั้นเป็นของนกัเวทย์มนตร์ดำที่ช่วยพวกเขา นั่นเป็นเพราะว่าเธอนั้นไม่เคยเห็นกองทัพอมตระใช้อันเดตเช่นนี้ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็คงใช้สิ่งนี้ต้องแต่ที่พวกเขาเริ่มโจมตีแล้ว
ลอร่าและคนของเธอนั้นเริ่มรู้สึกกังวล เพราะว่าอันเดตตัวนี้นั้นน่ากลัวมาก มันมีกระดูกสีเขียวเข้มที่เปล่งประกายใต้แสงอาทิตย์ ในขณะที่ปากของมันก็เต็มไปด้วยเขี้ยวที่แหลมยาวกว่าสีเมตร แม้ว่าขาของมันจะไม่ยาวมาก แต่ด้วยกรงเล็บที่แหลมคมนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันมีพลังทำลายล้างมากแค่ไหน
ปีศาจที่ค่อยเคลื่อนที่เขาหาพวกเขา มันเป็นสิ่งที่มนุษย์มิอาจจะดูถูกได้เลยแม้แต่น้อย
ลูกน้องของลอร่านั้นกำอาวุธไว้แน่นและล้อมรอบลอร่าไว้ แม้ว่าหัวใจเขาจะเต้นสั่นระรัวจากนั้นอันเดตก็หยุดลงห่างจากพวกเขาห้าเมตร ก่อนจะอ้าปากของมันออก ทำให้พวกเขานั้นรู้สึกหวาดกลัว แต่แล้วกรีนก็เดินออกมาจากปากของเอเลี่ยน