ตอนที่ 075 – Level Up
มาร์คกำลังซุ่มเงียบอยู่ในป่า ซึ่งป่านี้มันขนาดไม่ใหญ่มาก และส่วนใหญ่จะมีเพียงแค่พุ่มไม้ แต่เพราะว่าพุ่มไม้เหล่านี้นั้นโตจนสูงและแน่นหนา จนมันกลายเป็นสถานที่สำหรับซ่อนตัวชั้นดี
มาร์คเพอร์เซลล์นั้นถูกฝึกให้เป็นนักฆ่า วิธีการฝึกสำหรับพวกเขาแล้วนั้นไม่เหมือนกับนักรบทั่วไป เพราะพวกเขานั้นเน้นเรื่องของการย่องเบา ,การปลอมตัว และการลอบสังหารนี้คือทางเลือกการฝึกสำหรับตระกูลใหญ่ให้กับคนที่ไม่กลัวตาย
ซึ่งงานที่ตระกูลได้มอบงานที่ง่ายดายแก่เขา ซึ่งก็คือการสังเกตุการณ์ภูเขาหินเพราะว่ามีข่าวลือว่านักเวทย์มนตร์ดำเจ่าไห่ที่เลื่องลือนั้น ถูกซื้อโดยนักเวทย์คนนี้ และตระกูลเองก็ต้องการที่จะรู้ว่าเจ่าไห่นั้นมาที่นี้ทำไม
มาร์คนั้นอยู่ระหว่างทางขึ้นไปยังบนภูเขาซึ่งทำให้เขาเห็นกองหินที่กระจัดกระจายทั่วไป
แม้ว่าเขานั้นจะไม่เห็นสถานการณ์ในคฤหาสน์ แต่พื้นที่โดยรอบนั้นไม่อาจเล็ดลอดสายตาของเขาไปได้ซึ่งแม้ว่าเขานั้นอยากจะเป็นสถานการณ์ในคฤหาสน์ก็ไม่อาจะทำได้เพราะมีหมอกดำปกคลุมไว้อยู่ ซึ่งเขารู้ชัดเจนเลยว่านี้ไม่ใช่หมอกปกติที่อยู่รอบภูเขาหินนี้ แต่มันถูกสร้างมาจากนักเวทย์มนตร์ดำ ซึ่งภายในหมอกดำนั้นเขาก็เห็นอันเดตมากมายที่เดินไปรอบภูเขาอยู่ ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่และสีเขียวเข้มพร้อมกับด้วยตาไฟสีแดง แม้ว่ามาร์คจะเป็นนักฆ่ามืออาชีพ แต่เขานั้นก็กลับรู้สึกกลัวขึ้นมา
มันเป็นเพราะว่าอันเดตเหล่านี้จึงทำให้มาร์คนั้นไม่กล้าเขาไปสำรวจใกล้ๆ แม้ว่าเขานั้นจะเก่งในเรื่องของการซ่อนตัว แต่เขาก็เกรงว่าอันเดตเหล่านี้อาจจะสัมผัสได้ถึงตัวตนของเขาแม้ว่าพวกมันจะไม่เห็นเขาก็ตาม เพราะทุกคนในทวีปรู้ดีว่าอันเดตนั้นต้องการเนื้อสดๆของสิ่งมีชีวิต ดังนั้น ตราบใดที่คุณเป็นสิ่งมีชีวิต คุณก็ไม่อาจที่จะหลอกพวกอันเดตเหล่านี้ได้
มาร์คนั้นอยากที่จะรู้สถานการณ์ของคนบนภูเขา แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้และทำได้เพียงแค่รออยู่ที่นี้
เจ่าไห่นั้นไม่สามารถที่จะใช้เวทย์มนตร์ดำได้ ซึ่งหมอกดำนี้เป็นเวทย์ของดรังค์ การที่มีพวกของดรังค์มานั้น ทำให้เจ่าไห่นั้นมั่นใจมากยิ่งขึ้น
ตอนนี้เจ่าไห่ให้ชื่อภูเขาลูกนี้ว่า หมู่บ้านภูเขาหินฟ้า ซึ่งพวกทาสก็ถูกปล่อยออกมาจากมิติและกำลังยุ่งอยู่กับการทำความสะอาดคฤหาสน์ด้วยอุปกรณ์ต่างๆ
ที่นี้นั้นไม่เหมือนกับภูเขาเหล็ก ซึ่งแทบจะไม่มีต้นไม้และทำเหมืองหินได้ยาก เพราะภูเขาเหล่านั้นถูกขุดไปแล้วโดยคนแคระ ซึ่งถ้าหากทำอะไรซุ่มซ่ามก็อาจจะทำให้เหมืองถล่มได้
แต่ภูเขาหินนี้ต่างออกไป ภูเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยหินฟ้าที่พวกเขานั้นสามารถใช้ได้ แต่ยังมีภูเขารอบๆที่เต็มไปด้วยป่าไม้ ถ้าหากว่ามันไม่ใช่สมบัติของคนอื่นๆ พวกเขาก็สามารถที่จะตัดต้นไม้เหล่านี้มาใช้ได้ ดังนั้นตอนนี้พวกเขาก็สามารถวางใจได้เพราะมีวัสดุมากพอที่จะสร้างเครื่องมือต่างๆ
อย่างไรก็ตาม เจ่าไห่ก็ยังไม่ส่งคนไปยังภูเขารอบๆเพื่อตัดต้นไม้ในทันที เพราะอย่างไรแล้วต้นไม้เหล่านี้ก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้ ตอนนี้เขาให้อันเดตนั้นรวบรวมหินและขนมันกลับมายังคฤหาสน์และให้แอนและทาสคนอื่นๆใช้มัน ซึ่งทำให้พวกเขานั้นทำหินโม่ได้หลายแผ่น แต่ว่าเจ่าไห่ก็คิดว่ามันยังเพียงพอ พวกเขานั้นมีข้าวโพดจำนวนมาก และมีแผ่นโม่เพียงไม่กี่แผ่น และยังมีอุปกรณ์อีกหลายอย่างที่ต้องสร้าง
ซึ่งเจ่าไห่ก็ไม่คิดว่าเมื่อพวกเขามาถึงภูเขาหินนี้แล้ว ก็มีคนมาคอยจับตาพวกเขาทันที แต่เขาก็ไม่สนใจเรื่องนี้ เพราะเขานั้นชินกับเรื่องเหล่านี้แล้ว
เมอร์รินนั้นแนะนำว่าให้ใช้หมอกแห่งความมืดปกคลุมคฤหาสน์ไว้ เพราะอย่าลืมว่าตัวตนของเจ่าไห่คือนักเวทย์แห่งความมืด จึงต้องทำคนอื่นๆรู้สึกถึงความลึกลับ
คฤหาสน์นั้นไม่ใหญ่มาก ด้วนจำนวนคนกว่าหนึ่งร้อยคน พวกเขาก็ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งวันในการทำความสะอาดจนเสร็จ เมื่อพวกเขานั้นทำเสร้๗แล้ว เจ่าไห่ก็เลือกห้องสำหรับเขาซึ่งเจ้าของเดินนั้นก็นับว่าฉลาดมาก เพราะเขาได้สร้างคฤหาสน์ที่นำน้ำรอ้นผ่านเข้ามาในห้องจนสร้างเป็นบ่อน้ำร้อนภายใน ซึ่งเป็นห้องที่เจ่าไห่เลือกนั้นเอง
ซึ่งแหล่งน้ำเดียวของภูเขาหินลูกนี้คือบ่อน้ำพุร้อน เจ้าของเดิมนั้นจึงวางแผนต่างๆมากมาย เพื่อที่จะแบ่งน้ำออกเป็นหลายๆส่วน ซึ่งมีไว้สำหรับอาบน้ำ ,สำหรับดื่มและสุดท้ายนั้นไว้สำหรับเลี้ยงปลา
แม้ว่ารูปร่างของคฤหาสน์นั้นจะไม่ได้ดูดีมาก แต่ภายนั้นนั้นถูกออกแบบโดยผู้เชียวชาญที่มีความสามารถ
เนื่องจากทุกคนนั้นกำลังยุ่ง เจ่าไห่จึงยังไม่มีเวลาในการแช่น้ำร้อน ซึ่งทำให้เขานั้นต้องรอจนถึงตอนเย็น ซึ่งหลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว เจ่าไห่ก็กลับไปยังห้องของเขาและถอดเสื้อคลุมนักเวทย์มนตร์ดำออกก่อนจะแช่น้ำร้อน
ทั้งคฤหาสน์นั้นจะมีห้องของเขานั้นใหญ่ที่สุด และมีบ่อน้ำร้อนที่ใหญ่ที่สุดกว่าสิบตารางเมตร เพราะห้องอื่นๆนั้นเป็นเพียงแค่บ่อเล็กๆที่ยาวสองเมตรและกว้างหนึ่งเมตรเท่านั้น
แต่คฤหาสน์นี้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างดี ซึ่งทุกๆห้องนอนก็จะมีบ่อน้ำร้อนเป็นของตัวเอง ซึ่งมันพิเศษมาก และมีการระบายน้ำที่ยอดเยี่ยม ซึ่งถ้าหากเขานั้นอาบน้ำเสร็จแล้ว ก็แค่ดึงจุกออก ก็ทำให้น้ำนั้นระบายออกไป ซึ่งนอกจากจะสะดวกสะบายแล้วยังสะอาดอีกด้วย
เจ่าไห่ที่แช่อยู่ในบ่อนั้นก็ถอดหายใจด้วยความรู้สึกสบาย เขานั้นไม่รู้ว่าครั้งสุดท้ายที่อาบน้ำนั้นเมื่อไหร่ ในแดนทมิฬนั้นเขามีของจำกัดที่มากมาย ซึ่งทำให้เขาทำความสะอาดได้โดยเพียงแค่การเช็คตัว ซึ่งมันไม่สบายเท่ากับการอาบน้ำ แต่ตอนนี้เขาก็มีโอกาศนั้นในที่สุด
เจ่าไห่ที่กำลังตีน้ำอยู่นั้นก็พูดขึ้นมาว่า “โอ้ มันช่างสบายจริงๆที่ได้อาบน้ำอุ่นเช่นนี้ อยากรู้จริงๆว่าจะเป็นยังไงถ้าเอาน้ำนี้เข้าไปในมิติ ลองตรวจสอบคุณภาพน้ำซักหน่อยดีไหมนะ”
จากนั้นเขาก็เปิดประตูมิติขึ้นมา ก่อนที่น้ำนั้นจะเข้าไปในประตูมิติก่อนจะปิดลง โชคดีที่วันนี้พวกทาสนั้นหลับข้างนอกมิติ ไม่งั้นแล้วเจ่าไห่ก็คงทำให้พวกเขานั้นตื่นขึ้นมา
เมื่อน้ำร้อนเข้าไปในมิติก็มีเสียงแจ้งตื่นขึ้นมา [น้ำร้อนคุณภาพชั้นยอด ประกอบไปด้วยแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่างๆ ทำการแยกแร่ธาตุมีประโยชน์ น้ำสเปเทียลได้ทำการปรับปรุง Lv Up เป็นระดับ 6 มิติได้ทำตามเงื่อนไขครบแล้ว ทำการเพิ่มบ่อน้ำพุร้อน คุณจะได้รับของรางวัลเป็น ถุงของเมล็ดบรอคโคลี่ 1 ถุง และพื้นที่ในการเพาะปลูก สอง มู่]
เจ่าไห่นั้นตัวแข็งทื่อไปสักครู่ เขานั้นรู้ว่ามันจะต้องเกิดอะไรขึ้นบางอย่างเมื่อใส่น้ำพุร้อนเข้าไปในมิติ เหมือนกับตอนที่ใส่น้ำทะเลสาบใต้ดินเข้าไป แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะดีเช่นนี้เอ๋ เมื่อกี้มันมีแจ้งเตือนเรื่องบ่อน้ำพุร้อนด้วยนิ? นั้นหมายความว่าอย่างไร? เจ่าไห่ไม่รอช้าเขาเข้าไปในมิติด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่านั้น
เจ่าไห่ก็พบว่ามิตินั้นเปลี่ยนไป เพราะนอกจากจะมีบ่อน้ำสเปเทียลที่หน้ากระท่อมเขาแล้วนั้น มันยั้งมีบ่อน้ำพุดที่มีไออุ่นออกมา ซึ่งดูเหมือนว่ามันมีอุณหภูมิที่ไม่น้อยเลย
โชคดีที่ไม่มีใครนั้นอยู่ในมิติเพราะเจ่าไห่นั้นไม่ได้ใส่อะไรอยู่เลยก่อนที่เขาจะวิ่งไปยังบ่อน้ำพุร้อน มันเป็นบ่อน้ำพุที่น่าสนใจ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะสัมผัสมัน ด้วยไออุ่นที่ปล่อยออกมา เขานั้นกลัวว่าน้ำนั้นจะมีอุณหภูมิที่สูงมากซึ่งอาจจะสูงถึงแปดสิบองศา
ด้วยอุณหภูมิที่สูงเช่นนี้ มันอาจจะต้นไข่ได้เลย ดังนั้นเจ่าไห่จึงไม่กล้าที่จะจุ่มมือลงไปในน้อย ซึ่งถ้าหากเขานั้นต้องการที่จะแช่น้ำร้อนแล้วเขาก็ยังกลับไปยังที่ห้องพักของเขา
ก่อนที่จะมองไปรอบๆมิติเพื่อดูว่ามีอะไรที่เปลี่ยนไปอีกไหม ซึ่งก็ดูเหมือนว่าต้นน้ำมันนั้นจะเติบโตอย่างดี และข้าวโพดที่น่ากิน ซึ่งเขาอาจจะสามารถเก็บเกี่ยวมันได้ในวันพรุ่งนี้
เจ่าไห่ก็ออกไปจากมิติกลับไปยังห้องพักของเขา ก่อนจะแช่ในบ่อน้ำร้อนและคำนวณเลขด้วยมือ
ตอนนี้เขามีหัวไชเท้า 120,000 กก. พร้อมด้วยผลต้นน้ำมันรอบที่ 11 ซึ่งจะทำให้เขานั้นมีผลน้ำมันประมาณ 2.5 ล้านกก. พร้อมกับข้าวโพดกว่า 150,000 กก. ซึ่งนอกจากนี้แล้วเขาก็หยุดที่จะปลูกข้าวโพดเพิ่มและเริ่มปลูกข้าว กะหล่ำปลีและมะเขือแทนด้วย ซึ่งทำให้เขานั้นมี 1,600 กก. มีมะเขือ 10,000 กก. และมีกะหล่ำปลี 10,000 กก. พร้อมกับเงินในมิติ 600 เหรียญทองพร้อมด้วยถุงเมล็ดผักบรอคโคลี่ ซึ่งเมล็ดพันธุ์พืชที่เหลือนั้นก็เป็นเมล็ดหล้าซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เจ่าไห่มีทั้งหมดในตอนนี้