SH -- 2 วิญญาณร้าย ?
SH -- 2 วิญญาณร้าย ?
ใครจะรู้ว่านักบุญท่านนี้จะดึงม้านั่งออกแล้วนั่งลงที่กลางห้องนั่งเล่นและบอกพวกเขาว่า “อามิตตาพุทธ ! อาตมาไม่สามารถทำงานได้ตอนท้องว่าง อย่างแรกทำอาหารมาให้อาตมาทานก่อน”
เหยี่ยต้ากงตกตะลึงกับคำขอของนักบุญ แต่เขายังคงสั่งลูกสะใภ้ของเขาให้ทำอาหารมาให้ ในขณะที่เธอกำลังเตรียมอาหารอยู่นั้น เหยี่ยต้ากงได้นำลูกชายของเขามาใกล้ๆเพื่อที่จะถามเขาเกี่ยวกับนักบุญคนนั้น
“ผมทำตามคำสั่งของพ่อ ในระหว่างที่ผมกินมื้อเที่ยงอยู่ ผมก็คิดหาวิธีหาช่วยลูกของคุณไปด้วย ผมได้นั่งข้างนักบุญคนนั้นพริบตาเดียว เขาบอกว่าเขาเห็นผมมีเบาะแสเกี่ยวกับศพของซี่รอบๆตัวผม หลังจากนั้นเขาก็บอกผมว่าจะช่วยผม ผมเลยพาเขากลับมาบ้านด้วย”
เหยี่ยต้ากงไม่ตอบคำถามของเขาแค่กลับถามกลับว่า “เขาต้องการเงินรึเปล่า?”
“แน่นอน เขาต้องการเงิน เขาพูดว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาทำงานเสร็จแล้ว เขาต้องการเงิน 5000 หยวน”
เงินจำนวน 5000 หยวนถือว่าเป็นเงินค่อนข้างเยอะมากในสมัยนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่บ้านเล็กๆเช่นนี้ แม้ว่าในความคิดของเหยี่ยต้ากง ไม่มีอะไรมีค่ามาเกินกว่าชีวิตของหลายชายเขาได้ แม้แต่ชึวิตของเขาเองก็ไม่มีค่าพอที่จะเปรียบเทียบกันได้ แต่ถ้านักบุญนี้เป็นนักต้มตุ๋นขึ้นมา ไม่เพียงแต่พวกเขาจะเสียเงินไปเปล่าๆเท่านั้น แต่ยังเสียเวลาที่มีค่าสำหรับชีวิตหลานชายของเขาอีกด้วย
เหยี่ยต้ากงรู้สึกสับสนอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงเดินกลับไปยังห้องนั่งเล่นและรินน้ำชา หลังจากนั้นก็นั่งตรงข้ามกับนักบุญและพยายามชวนเขาคุย เหยี่ยต้ากงหวังว่าเขาจะสามารถจับข้อมูลอะไรได้บ้างจากนักบุญคนนั้น แต่นักบุญไม่สนใจเขาเลย นักบุญเพียงแต่พูดด้วยความไม่เต็มใจว่าเขามีชื่อว่า ‘ชิงหยุ่นซื่อ’ และเขามาจากหม่าวซาน เหยี่ยต้ากงยิ่งสงสัยชายผู้นี้มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะถามไปมากกว่านี้ได้
เมื่ออาหารพร้อมแล้ว ชิงหยุ่นซื่อ ได้รีบกระโจนเข้าไปทานอาหาร แต่ถึงกระนั้นเขาก็ได้สั่งเหยี่ยบิงให้ไปซื้อเหล้าที่ดีที่สุดมาให้เขาด้วย หลังจากเพลินเพลินไปกับมื้ออาหารนานกว่าชั่วโมง ในที่สุดเขาก็พร้อม เขายืดหลังตรงและเริ่มให้คนนำทางเขาไปยังห้องของหลายชาย
เหยี่ยต้ากงถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา เมื่อเขาเห็นนักบุญเดินโซซัดโซเซอย่างคนเมาไปยังห้องหลานชายของเขา
หลังจากที่เขาเข้าไปในห้องแล้ว ชิงหยุ่นซื่อ ก็ประเมินอาการอย่างรวดเร็วเขาเห็นว่าเด็กมีอาการดวงตาแดงก่ำ และสีหน้าหมองคล้ำ เมื่อรวมกับเรื่องที่ได้ยินมาจากเหยี่ยบิง เขาได้ข้อสรุปบางอบ่าง ชิงหยุ่นซื่อ เดินไปหาเด็กชายเพื่อตรวจอาการของเขา เมื่อเขาเอื้อมมือไปสัมผัสหน้าผาก เขาประเมินอวัยวะภายในด้วยพลังปราณปั๋งของเขา แต่เขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ร่างกายของเด็กชายเหมาะสมอย่างมากที่จะฝึกเข้าลัทธิเต๋า
ยิ่งเขาตรวจสอบเด็กชายมากเท่าไหร่ เขาพบว่าร่างกายของเด็กคนนี้ เหมาะสมและเข้าเงื่อนไขที่จะเหมาะสำหรับการฝึกมาก ฝ่ามือของเขามีเส้นชีวิตและเส้นเต๋าที่แข็งแรงและโดดเด่น ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ เขาตื่นเต้นมาก นี้จะต้องเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เขา ทำให้เขาพบกับเด็กหายากแบบนี้ผ่านทางการพบกับเหยี่ยบิง
“ขอบคุณสวรรค์สำหรับของขวัญที่แสนวิเศษชิ้นนี้ นิกายหม่าวซาน จะได้มีผู้สืบทอดสักที ฮี่ฮี่”
ชิงหยุ่นซื่อ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับการค้นพบครั้งนี้ แต่เขารีบหันกลับมาให้ความสนใจกับอาการของเด็กคนนี้อย่างรวดเร็ว เขาพบว่าแขนขาของเด็กคนนี้เย็นมาก แต่ร่างกายกลับร้อนอย่างกับไฟ เมื่อ ชิงหยุ่นซื่อ จับมือขึ้นมาดู ฝ่ามือของเขาดำเหมือนน้ำมันดิน มีชั้นวุ้นที่ให้ความรู้สึกขรุขระอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นมันเริ่มที่จะขยายไปยังข้อมือของเด็กน้อยแล้ว
“พิษจากศพที่มีพลังมากขนาดนี้เลยเรอะ !”
ชิงหยุ่นซื่อ รีบนำข้าวเหนียวบางส่วนออกมาจากกระเป๋าของเขาและกดมันลงไปที่ฝ่ามือของเด็กชาย ที่ที่เป็นสาเหตุของเสียงประหลาด หลังจากนั้นมีกลุ่มควันสีเขียวเริ่มพุ่งออกมาจากที่ที่เขากดข้าวไว้ ในที่สุดข้าวเหนียวก็กลายเป็นสีดำ
“ท่านนักบุญเต๋า นี้มัน...?” เหยี่ยต้ากงรู้สึกช็อค และความสงสัยในตัวชายคนนี้ก่อนหน้านี้ของเขาหายไปในทันที ตอนนี้เหยี่ยต้ากงเรื่มเชื่อแล้วว่า ชายผู้นี้มีพลังจริงๆและสามารถรักษาหลานชายเขาได้
ชิงหยุ่นซื่อ ไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่เขาบอกเหยี่ยบิงให้ไปนำถ้วยจีนมาแทน หลังจากนั้นเขานำกระดาษยันต์สีเหลืองออกมาและเขียนยันต์ลงไปด้วยหมึกตะกั่วแดง เมื่อเสี้ยวของยันต์ติดไฟเขาปล่อยให้มันไหม้จนกลายเป็นขี้เถ้า เขานำขี้เถ้ามาผสมน้ำแล้วนำไปให้เด็กชายดื่ม
เด็กชายลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ ด้วยอาการมึนงง หลังจากนั้นเขาเริ่มร้องไห้และบ่นว่าหนาว ชิงหยุ่นซื่อ บอกเหยี่ยบิงให้นำผ้าหมมาให้เด็กชายทันที และปล่อยให้เขาพักผ่อน เมื่อเขาออกคำสั่งไป เขานำเข็มทิศจีนออกมาและเริ่มสวดมนต์ ลูกศรของเข็มทิศเริ่มหมุน หลังจากนั้นไม่นาน มันหยุดและชี้ไปยังหัวเตียงนอน
ชิงหยุ่นซื่อ เดินไปหาของต้องสงสัยอย่างรวดเร็ว แต่เขาไม่เจออะไรเลย แต่หลังจากเขาเอื้อมมือไปใต้เตียงที่สกปรก และเริ่มหาอีกครั้ง เมื่อเขาเอามันออกมา เขารู้สึกถึงบางอย่างที่รุนแรง มันเหมือนกับเวทมนต์ เขานำยาก้อนกลมๆสีแดงออกมาจากแขนเสื้อ และยื่นมันไปให้เหยี่ยบิง “ไปหา เหล้าหมักจากข้าว 1 กิโล สารหนูเล็กน้อย และตะกั่วแดง 500 กรัม นำทุกอย่างมาผสมกัน รวมกับยาที่อาตมาให้นี้ นำมันไปละลายน้ำอุ่น ให้เขาดื่ม 500 กรัม ทุกๆครึ่งชั่วโมง เพื่อล้างพิษ”
เหยี่ยบิงขอบคุณแล้วรีบไปทำตามคำสั่งเขาอย่างรวดเร็ว
ชิงหยุ่นซื่อ เดินกลับไปห้องนั่งเล่นแล้วนั่งบนม้านั่งอีกครั้ง เขานำเหล้าหมักออกมาและเริ่มดื่มมันอย่างช้าๆ ดูเหมือนว่ามันจะช่วยรักษาความขุ่นมัวในใจเขาได้ เหยี่ยต้ากง รีบเดินมาหา ชิงหยุ่นซื่อ อย่างรวดเร็ว พร้อมประสานมือเข้าหากัน การกระทำของ ชิงหยุ่นซื่อ ทำให้เขาเชื่ออย่างหมดหัวใจว่า นักพรตคนนี้มีพลังเหนือธรรมชาติ
“ท่านอาจารย์ ท่านสามารถ .. รักษาหลานชายผมได้รึเปล่า?”
ชิงหยุ่นซื่อ วางถ้วยลงและมองไปที่เหยี่ยต้ากงด้วยดวงตาแวววาวราวกับลูกแก้วที่กลมโต “ครอบครัวของนายมีศัตรูที่ไหนรึเปล่า?”
“ศัตรู?” เหยี่ยต้ากงส่ายหัวเขารู้สึกประหลาดใน “ผมเป็นหัวหน้าหมู่บ้านมา 30 ปี ผมอาจจะทำให้บางคนไม่พอใจผมบ้าง แต่ไม่มีใครเกลียดผมแน่นอน”
“นายคิดให้ดีๆ เพราะนี้ไม่ใช่การเกลียดชังแบบธรรมดา คนคนนั้นต้องการจะฆ่านายทั้งครอบครัว!”
เหยี่ยต้ากงสูดหายใจเข้าลึกๆ คิดถึงชื่อที่น่าจะเป็นไปได้ทั้งหมด แต่ดูเหมือนจะไม่มีเลย “เราไม่มีศัตรูจริงๆ เราเป็นตระกูลที่ซื่อสัตย์ ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้ทำความดีอะไรมากมายให้แก่หมู่บ้านมากนัก แต่พวกเราไม่เคยทำสิ่งเลวร้ายอะไร ดังนั้น ได้โปรดบอกพวกเราทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ท่านนักบุญเต๋า”
“นี้เป็นสิ่งที่อาตมาเจออยู่ใต้เตียงหลานชายนาย นี้เป็นสิ่งที่กำลังฆ่าหลานของนายอยู่”
ติดตามตอนต่อไป.........