เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 132 วิญญาณหญ้าหอม
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 132 วิญญาณหญ้าหอม
บนเนินเขา ไป่หนิงปิงจ้องมองลงมายังการต่อสู้แห่งชีวิตและความตายด้านล่างด้วยความสนใจ
หมาป่าสายฟ้าเดือดเริ่มเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ขณะที่ผู้ใช้วิญญาณสองคนปิดเส้นทางของมันเอาไว้
ด้านหลังพวกเขา ซ่งซานนั่งอยู่บนพื้นและใช้มือซ้ายจับมือขวาที่กางออกเป็นกรงเล็บเล็งไปทางหมาป่าสายฟ้าเดือด
"ขโมยวิญญาณ!" เขาตะโกนเสียงดังพร้อมกับส่งพลังวิญญาณให้กับวิญญาณหัวขโมย
พลังอำนาจที่มองไม่เห็นปะทุขึ้นขณะที่กรงเล็บของเขาคว้าจับอากาศราวกับกำลังขโมยวิญญาณออกมาจากร่างของฝ่ายตรงข้าม
แต่วิญญาณในกำมือของเขากลับดิ้นรนต่อสู้และขัดขืนการจับกุม
"มันมีโอกาสประสบความสำเร็จน้อยมาก แต่ข้าต้องทำให้สำเร็จ มิฉะนั้นพวกเราจะตายอยู่ที่นี่" เขาตะโกนเสียงดังขณะที่เส้นเลือดดำปูดโปนขึ้นบนหน้าผาก
เวลานี้ซ่งซานไม่มีทางเลือกอื่น เพราะความล้มเหลวก็คือความตาย
ภายใต้แรงกดดัน เขาส่งพลังวิญญาณทั้งหมดให้กับวิญญาณหัวขโมยเพื่อเพิ่มแรงดึงดูดเข้าไปในมือขวา หมาป่าสายฟ้าเดือดรู้สึกถึงความผิดปกติและเริ่มเห่าหอนก่อนจะพุ่งเจ้าโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
ผู้ใช้วิญญาณทั้งสองต่อต้านอย่างยากลำบาก
แต่เพียงเมื่อซ่งซานรู้สึกว่าการขโมยวิญญาณกำลังจะประสบความสำเร็จ การแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนแปลงไป
"บัดซบ! พลังวิญญาณของข้าไม่เพียงพอ" เขากระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรง เมื่อการขโมยวิญญาณล้มเหลว เขาจึงได้รับผลกระทบย้อนกลับ นี่เป็นข้อเสียของวิญญาณหัวขโมย
"อะวู้..."
หลังจากการขโมยวิญญาณหยุดลง หมาป่าสายฟ้าเดือดจึงส่งเสียงเห่าหอนขึ้นสู่ท้องฟ้า
วิญญาณที่อยู่ในร่างของมันทำให้เขี้ยวของมันส่องประกายก่อนที่สายฟ้าจะยิงออกมาจากช่องปากหมาป่าและพุ่งผ่านผู้ใช้วิญญาณสองคนด้านหน้าเข้ากลืนกินร่างกายของซ่งซานที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านหลังด้วยความเร็วสูง
ซ่งซานไม่มีเวลาแม้แต่จะกรีดร้องเมื่อสายฟ้าเปลี่ยนร่างของเขาให้กลายเป็นเถ้าถ่านสีดำในพริบตา
"วิ่ง!" ผู้ใช้วิญญาณสองคนที่เหลือสูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ไปอย่างสิ้นเชิงและวิ่งแยกยายกันไปในสองทิศทาง
หมาป่าสายฟ้าเดือดไล่ตามหนึ่งในสองและพุ่งเข้างับลำคอเหยื่ออย่างไร้ปรานี
ผู้ใช้วิญญาณคนสุดท้ายจากตระกูลไป่สามารถเพียงล่าถอยไปทางหน้าผาสูงชันเท่านั้น
"อา...ข้ากำลังจะตาย" เมื่อมาถึงสุดขอบหน้าผา เขากรีดร้องออกมาด้วยความสิ้นหวังและหวาดกลัว
แต่ทันใดนั้นเขากลับมองเห็นไป่หนิงปิงที่นั่งอยู่บนเนินเขาฝั่งตรงข้าม
"ท่านไป่หนิงปิง? เขาคือท่านไป่หนิงปิงจริง' เขาตกตะลึงก่อนจะเริ่มตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น
"โอ้ ข้าถูกค้นพบแล้ว" ไป่หนิงปิงหัวเราะเบาๆก่อนจะยกมือขวาขึ้น
เขาชี้นิ้วลงไปก่อนที่แท่งน้ำแข็งจะพุ่งออกจากนิ้วของเขา
แท่งน้ำแข็งเจาะทะลวงศีรษะของผู้ใช้วิญญาณที่กรีดร้องขอความช่วยเหลืออย่างแม่นยำ
"อา..." ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของเขาแข็งค้างขณะที่ร่างของเขาล้มลงกับพื้น
หมาป่าสายฟ้าเดือดตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้
มันจ้องมองไป่หนิงปิงขณะที่สายฟ้าแลบลั่นอยู่ในช่องปากของมัน
"สัตว์อสูรที่โง่เขลา" ไป่หนิงปิงกระโดดลงมาจากเนินเขาสูงห้าเมตร
กลางอากาศ เขาตบมือทั้งสองข้างเข้าหากัน มวลอากาศที่หนาวเย็นระเบิดออกมาก่อนที่ดาบน้ำแข็งยาวหนึ่งเมตรเจ็ดสิบเซนติเมตรจะก่อกำเนิดขึ้นในมือของเขา
หมาป่าสายฟ้าอ้าปากยิงสายฟ้าขึ้นไปเบื้องบนขณะที่ไป่หนิงปิงหัวเราะขบขันและพ่นไอน้ำสีขาวออกมาจากจมูก
ไอน้ำหมุนวนรอบตัวไป่หนิงปิงก่อนจะเปลี่ยนเป็นลูกบอลน้ำล้อมรอบร่างกายของเขาเอาไว้
สายฟ้าพุ่งปะทะเกราะน้ำ ขณะที่บอลน้ำดูดกลืนกระแสไฟฟ้าเข้าไปทั้งหมด
เมื่อบอลน้ำสลายไป ร่างของไป่หนิงปิงจึงปรากฏขึ้นอีกครั้ง
"ตาย!" รูม่านตาของไป่หนิงปิงเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีฟ้าราวกับคริสตัลที่งดงามแต่ปราศจากอารมณ์ความรู้สึก
ดาบน้ำแข็งส่องประกายขณะที่ไป่หนิงปิงฟาดมันลงมา เลือดพุ่งกระจายออกจากศีรษะหมาป่าสายฟ้าเดือดที่ยืนนิ่งราวกับรูปปั้น
หมาป่าสายฟ้าเดือดล้มลงกับพื้น วิญญาณสายฟ้าบินออกมาจากซากร่างของหมาป่าสายฟ้าเดือด
ด้วยการสะบัดมือ ดาบน้ำแข็งฟาดไปยังวิญญาณสายฟ้าเป็นเหตุให้วิญญาณดวงตาสายฟ้าแตกสลายไปในทันที
ไป่หนิงปิงเดินตรงไปยังซากศพของซ่งซาน
"วิญญาณดวงอื่นเป็นวิญญาณทั่วไป แต่วิญญาณหัวขโมยกลับน่าสนใจเล็กน้อย" จากซากศพของซ่งซาน ไป่หนิงปิงดึงวิญญาณหัวขโมยออกมา
แม้ทั้งสามตระกูลจะมีข้อตกลงร่วมกัน หลังจากผู้ใช้วิญญาณตาย วิญญาณของพวกเขาจะต้องถูกส่งคืนตระกูล แต่ไป่หนิงปิงไม่แยแสกฎนี้
อย่างไรก็ตามแม้ตระกูลจะค้นพบเรื่องนี้ แล้วอย่างไร?
ไป่หนิงปิงเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลไป่ ไม่ว่าอย่างไรตระกูลไป่ก็ต้องปกป้องเขา
กับเรื่องนี้ เขามั่นใจอย่างมาก
"คลื่นหมาป่าที่น่าเบื่อหน่าย" เขาใช้มือลูบคมดาบน้ำแข็งและเผยสายตาเย็นเยียบ
"มันอาจสนุกขึ้นหากข้าสามารถแข่งขันกับบางคน" เขาอ้าปากหาวด้วยความเบื่อหน่าย "ข้าหวังว่าฉิงซู ซ่งหลี่ หรือคนอื่นๆจะสามารถทำบางสิ่ง พวกเขาก้าวหน้าขึ้นบ้างหรือไม่? หลังจากปิดประตูฝึกตนมาอย่างยาวนาน ข้าหวังว่าพวกเขาจะทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจได้บ้าง"
หลายวันต่อมา
ลานกว้างกลางหมู่บ้าน ฟางหยวนจ้องมองไปยังป้ายผ้าผืนใหญ่
บนป้ายผ้าปรากฏตัวอักษรน้ำที่เขียนข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากรของทั้งสามตระกูลเอาไว้
ทรัพยากรเหล่านี้ถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มกว้างๆ เช่น อาหารของวิญญาณ สิ่งของเครื่องใช้ของมนุษย์ วิญญาณ และหินวิญญาณ
ด้านหลังชื่อทรัพยากรเหล่านี้ยังปรากฏตัวเลขบางอย่าง แน่นอนว่ามันเป็นจำนวนคะแนนผลงานที่ต้องทำมาแลกเปลี่ยน
ดวงตาหมาป่าหนึ่งดวงสามารถแลกคะแนนผลงานได้สิบแต้ม ห้าแต้มสามารถแลกข้าวสารขนาดห้าร้อยกรัมได้หนึ่งถุง สำหรับหินวิญญาณหนึ่งก้อน พวกเขาต้องแลกด้วยคะแนนผลงานยี่สิบห้าแต้ม
ไม่นานมานี้คลื่นหมาป่าทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นเหตุให้ทั้งสามตระกูลนำทรัพยากรออกมาเพื่อกระตุ้นจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของผู้ใช้วิญญาณเป็นจำนวนมาก
ดังนั้นรายชื่อทรัพยากรที่ปรากฏบนป้ายผ้าจึงเป็นสิ่งที่ปกติแล้วจะไม่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป
นี่ทำให้ฟางหยวนเกิดความสนใจในบางสิ่ง
"วิญญาณหญ้าหอม" เขาพึมพำขณะจ้องมองไปยังป้ายผ้า
วิญญาณหญ้าหอมเป็นวิญญาณที่ฟางหยวนจำเป็นต้องมีเพราะมันช่วยในการเคลื่อนไหวและสามารถทำให้ความเร็วในการวิ่งของเขาพุ่งสูงขึ้น
กล่าวตามตรง หลายวันที่ผ่านมา ทรัพยากรบนป้ายผ้ามีวิญญาณชนิดใหม่เพิ่มเข้ามาทุกวัน แต่มีเพียงวิญญาณหญ้าหอมที่ฟางหยวนให้ความสนใจ
อย่างไรก็ตามนี่เป็นวิญญาณที่ไม่ง่ายในครอบครอง เพราะมันเป็นทรัพยากรชนิดหนึ่งที่ต้องใช้คะแนนผลงานสูงมาก
'หากข้าใช้ความแข็งแกร่งที่แท้จริง ข้าสามารถหาคะแนนผลงานมาแลกเปลี่ยนวิญญาณหญ้าหอมได้อย่างไม่มีปัญหา แต่หากข้าทำเช่นนั้น มันจะเป็นการดึงดูดความสนใจจากตระกูลและนั่นเป็นสิ่งที่ข้าไม่ต้องการ'
ฟางหยวนคิดอยู่อย่างเงียบๆ
'ยังมีวิธีอื่น หากข้าผลิตใบไม้แห่งชีวิตให้มากขึ้นและขายให้กับตระกูล ข้าสามารถแลกเปลี่ยนมันกับคะแนนผลงาน แต่วิธีนี้ช้าเกินไป ก่อนที่ข้าจะสามารถรวบรวมคะแนนผลงานมาได้ วิญญาณหญ้าหอมอาจถูกแลกเปลี่ยนไปเรียบร้อยแล้ว'
ฟางหยวนส่ายศีรษะและคิดว่าวิธีการนี้มีข้อบกพร่องที่จะนำไปสู่ความล้มเหลว
แล้วเขาควรทำอย่างไร?
เขาจ้องมองไปยังป้ายผ้า คะแนนผลงาน และครุ่นคิดอยู่กับตนเอง
เกี่ยวกับคะแนนผลงาน ฟางหยวนเข้าใจมันลึกซึ้งกว่าผู้คนรอบข้าง เพราะมันก็ไม่ต่างจากเงินตราแลกเปลี่ยน
ในวันเวลาที่สงบสุข หินวิญญาณก็คือเงินตราแลกเปลี่ยนสิ่งของและเป็นสกุลเงินที่แข็งค่า ดังนั้นมูลค่าของมันจึงไม่เคยลดลง
แต่เมื่อคลื่นหมาป่าถาโถมเข้ามา ความต้องการหินวิญญาณพุ่งสูงขึ้นอย่างมากและไม่สามารถใช้มันเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนได้อีกต่อไป ดังนั้นสกุลเงินฉุกเฉินจึงต้องถูกจัดตั้งขึ้นมาแทนที่
นี่คือจุดเริ่มต้นของคะแนนผลงาน
'ด้วยสกุลเงินสำรองเช่นคะแนนผลงาน มันสามารถป้องกันการล่มสลายของระบบเศรษฐกิจได้ชั่วคราว บนโลกมนุษย์ เมื่อสงครามเกิดขึ้น รัฐบาลจะพิมพ์เงินกระดาษออกมาจำนวนมากเพื่อให้เงินเฟ้อ คะแนนผลงานก็ไม่ต่างกัน ยิ่งอัดฉีดออกมามากเท่าใด มูลค่าของมันก็จะลดลงเท่านั้น แต่ระหว่างสถานการณ์ชีวิตและความตายของหมู่บ้าน ปราศจากคะแนนผลงานและอาศัยเพียงหินวิญญาณ มันจะทำให้ระบบพังทลายลง แต่มันก็สามารถดูดซับพิษเศรษฐกิจได้เพียงชั่วคราว ดังนั้นหลังจากคลื่นหมาป่าผ่านไป ระบบเศรษฐกิจมักจะยุบตัวลงเสมอ'
'เห้อ ความรุนแรงของระบบเศรษฐกิจไม่ใช่สิ่งที่ข้าสามารถกล่าวถึง หากข้าเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสาม ข้าสามารถเดินเล่นไปรอบๆ แต่น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งของข้ายังไม่เพียงพอ ข้าจึงไม่สามารถรับความเสี่ยง หากข้าออกไป มันก็ไม่ต่างจากการเล่นกับไฟ'
ฟางหยวนถอนหายใจ
ประเด็นก็คือการบ่มเพาะของเขายังไม่สูงพอ ความแข็งแกร่งของเขายังไม่เพียงพอ
ปราศจากความแข็งแกร่ง เพียงสติปัญญา มันไร้ประโยชน์
ดังนั้นในตำนานของมนุษย์คนแรก เขาจึงเลือกวิญญาณความแข็งแกร่ง แม้จะพ่ายแพ้ให้กับวิญญาณสติปัญญา
นั่นเป็นเพราะความแข็งแกร่งคือรากฐาน
อย่างไรก็ตามฟางหยวนเริ่มครุ่นคิดบางสิ่งเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยของผู้คน
"พวกเจ้ารู้หรือไม่? ไป่หนิงปิงทุบตีผู้คนอีกครั้ง"
"กระไรนะ? แล้วครั้งนี้ผู้เคราะห์ร้ายเป็นผู้ใด?"
"มันเป็นซ่งหลี่ของตระกูลซ่ง"
"เห้อ...ไป่หนิงปิงผู้นี้กำลังทำสิ่งใด? คราก่อน ซื่อซานก็ถูกทำร้าย มาตอนนี้เขายังโจมตีซ่งหลี่ คลื่นหมาป่าทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่เขากลับทำเรื่องโง่เง่าไปรอบๆ"
"เขาทำในสิ่งที่ตนเองต้องการเสมอ เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสามแต่ยังสร้างปัญหาให้กับผู้ใช้วิญญาณระดับสอง กล่าวตามตรง เขาใช้วิญญาณเพียงเพื่อกดขี่ผู้คน เขาเป็นบุคคลที่เข้าใจได้ยากจริงๆ"
'ไป่หนิงปิง ฮืม บุคคลที่แกว่งเท้าหาโลงศพ แต่มันก็ทำให้ข้านึกบางสิ่งขึ้นมาได้' เมื่อฟางหยวนได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ หัวใจของเขากลับเกิดระลอกคลื่นขึ้นเล็กน้อย
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าจะหาคะแนนผลงานจำนวนมากมาจากที่ใด