ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 131 ความโดดเดี่ยวคือแก่นแท้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 133 ขอบคุณที่ให้ข้าฆ่าเจ้า

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 132 วิญญาณหญ้าหอม


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 132 วิญญาณหญ้าหอม

บนเนินเขา ไป่หนิงปิงจ้องมองลงมายังการต่อสู้แห่งชีวิตและความตายด้านล่างด้วยความสนใจ

หมาป่าสายฟ้าเดือดเริ่มเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ขณะที่ผู้ใช้วิญญาณสองคนปิดเส้นทางของมันเอาไว้

ด้านหลังพวกเขา ซ่งซานนั่งอยู่บนพื้นและใช้มือซ้ายจับมือขวาที่กางออกเป็นกรงเล็บเล็งไปทางหมาป่าสายฟ้าเดือด

"ขโมยวิญญาณ!" เขาตะโกนเสียงดังพร้อมกับส่งพลังวิญญาณให้กับวิญญาณหัวขโมย

พลังอำนาจที่มองไม่เห็นปะทุขึ้นขณะที่กรงเล็บของเขาคว้าจับอากาศราวกับกำลังขโมยวิญญาณออกมาจากร่างของฝ่ายตรงข้าม

แต่วิญญาณในกำมือของเขากลับดิ้นรนต่อสู้และขัดขืนการจับกุม

"มันมีโอกาสประสบความสำเร็จน้อยมาก แต่ข้าต้องทำให้สำเร็จ มิฉะนั้นพวกเราจะตายอยู่ที่นี่" เขาตะโกนเสียงดังขณะที่เส้นเลือดดำปูดโปนขึ้นบนหน้าผาก

เวลานี้ซ่งซานไม่มีทางเลือกอื่น เพราะความล้มเหลวก็คือความตาย

ภายใต้แรงกดดัน เขาส่งพลังวิญญาณทั้งหมดให้กับวิญญาณหัวขโมยเพื่อเพิ่มแรงดึงดูดเข้าไปในมือขวา หมาป่าสายฟ้าเดือดรู้สึกถึงความผิดปกติและเริ่มเห่าหอนก่อนจะพุ่งเจ้าโจมตีอย่างบ้าคลั่ง

ผู้ใช้วิญญาณทั้งสองต่อต้านอย่างยากลำบาก

แต่เพียงเมื่อซ่งซานรู้สึกว่าการขโมยวิญญาณกำลังจะประสบความสำเร็จ การแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนแปลงไป

"บัดซบ! พลังวิญญาณของข้าไม่เพียงพอ" เขากระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรง เมื่อการขโมยวิญญาณล้มเหลว เขาจึงได้รับผลกระทบย้อนกลับ นี่เป็นข้อเสียของวิญญาณหัวขโมย

"อะวู้..."

หลังจากการขโมยวิญญาณหยุดลง หมาป่าสายฟ้าเดือดจึงส่งเสียงเห่าหอนขึ้นสู่ท้องฟ้า

วิญญาณที่อยู่ในร่างของมันทำให้เขี้ยวของมันส่องประกายก่อนที่สายฟ้าจะยิงออกมาจากช่องปากหมาป่าและพุ่งผ่านผู้ใช้วิญญาณสองคนด้านหน้าเข้ากลืนกินร่างกายของซ่งซานที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านหลังด้วยความเร็วสูง

ซ่งซานไม่มีเวลาแม้แต่จะกรีดร้องเมื่อสายฟ้าเปลี่ยนร่างของเขาให้กลายเป็นเถ้าถ่านสีดำในพริบตา

"วิ่ง!" ผู้ใช้วิญญาณสองคนที่เหลือสูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ไปอย่างสิ้นเชิงและวิ่งแยกยายกันไปในสองทิศทาง

หมาป่าสายฟ้าเดือดไล่ตามหนึ่งในสองและพุ่งเข้างับลำคอเหยื่ออย่างไร้ปรานี

ผู้ใช้วิญญาณคนสุดท้ายจากตระกูลไป่สามารถเพียงล่าถอยไปทางหน้าผาสูงชันเท่านั้น

"อา...ข้ากำลังจะตาย" เมื่อมาถึงสุดขอบหน้าผา เขากรีดร้องออกมาด้วยความสิ้นหวังและหวาดกลัว

แต่ทันใดนั้นเขากลับมองเห็นไป่หนิงปิงที่นั่งอยู่บนเนินเขาฝั่งตรงข้าม

"ท่านไป่หนิงปิง? เขาคือท่านไป่หนิงปิงจริง' เขาตกตะลึงก่อนจะเริ่มตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น

"โอ้ ข้าถูกค้นพบแล้ว" ไป่หนิงปิงหัวเราะเบาๆก่อนจะยกมือขวาขึ้น

เขาชี้นิ้วลงไปก่อนที่แท่งน้ำแข็งจะพุ่งออกจากนิ้วของเขา

แท่งน้ำแข็งเจาะทะลวงศีรษะของผู้ใช้วิญญาณที่กรีดร้องขอความช่วยเหลืออย่างแม่นยำ

"อา..." ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของเขาแข็งค้างขณะที่ร่างของเขาล้มลงกับพื้น

หมาป่าสายฟ้าเดือดตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้

มันจ้องมองไป่หนิงปิงขณะที่สายฟ้าแลบลั่นอยู่ในช่องปากของมัน

"สัตว์อสูรที่โง่เขลา" ไป่หนิงปิงกระโดดลงมาจากเนินเขาสูงห้าเมตร

กลางอากาศ เขาตบมือทั้งสองข้างเข้าหากัน มวลอากาศที่หนาวเย็นระเบิดออกมาก่อนที่ดาบน้ำแข็งยาวหนึ่งเมตรเจ็ดสิบเซนติเมตรจะก่อกำเนิดขึ้นในมือของเขา

หมาป่าสายฟ้าอ้าปากยิงสายฟ้าขึ้นไปเบื้องบนขณะที่ไป่หนิงปิงหัวเราะขบขันและพ่นไอน้ำสีขาวออกมาจากจมูก

ไอน้ำหมุนวนรอบตัวไป่หนิงปิงก่อนจะเปลี่ยนเป็นลูกบอลน้ำล้อมรอบร่างกายของเขาเอาไว้

สายฟ้าพุ่งปะทะเกราะน้ำ ขณะที่บอลน้ำดูดกลืนกระแสไฟฟ้าเข้าไปทั้งหมด

เมื่อบอลน้ำสลายไป ร่างของไป่หนิงปิงจึงปรากฏขึ้นอีกครั้ง

"ตาย!" รูม่านตาของไป่หนิงปิงเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีฟ้าราวกับคริสตัลที่งดงามแต่ปราศจากอารมณ์ความรู้สึก

ดาบน้ำแข็งส่องประกายขณะที่ไป่หนิงปิงฟาดมันลงมา เลือดพุ่งกระจายออกจากศีรษะหมาป่าสายฟ้าเดือดที่ยืนนิ่งราวกับรูปปั้น

หมาป่าสายฟ้าเดือดล้มลงกับพื้น วิญญาณสายฟ้าบินออกมาจากซากร่างของหมาป่าสายฟ้าเดือด

ด้วยการสะบัดมือ ดาบน้ำแข็งฟาดไปยังวิญญาณสายฟ้าเป็นเหตุให้วิญญาณดวงตาสายฟ้าแตกสลายไปในทันที

ไป่หนิงปิงเดินตรงไปยังซากศพของซ่งซาน

"วิญญาณดวงอื่นเป็นวิญญาณทั่วไป แต่วิญญาณหัวขโมยกลับน่าสนใจเล็กน้อย" จากซากศพของซ่งซาน ไป่หนิงปิงดึงวิญญาณหัวขโมยออกมา

แม้ทั้งสามตระกูลจะมีข้อตกลงร่วมกัน หลังจากผู้ใช้วิญญาณตาย วิญญาณของพวกเขาจะต้องถูกส่งคืนตระกูล แต่ไป่หนิงปิงไม่แยแสกฎนี้

อย่างไรก็ตามแม้ตระกูลจะค้นพบเรื่องนี้ แล้วอย่างไร?

ไป่หนิงปิงเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลไป่ ไม่ว่าอย่างไรตระกูลไป่ก็ต้องปกป้องเขา

กับเรื่องนี้ เขามั่นใจอย่างมาก

"คลื่นหมาป่าที่น่าเบื่อหน่าย" เขาใช้มือลูบคมดาบน้ำแข็งและเผยสายตาเย็นเยียบ

"มันอาจสนุกขึ้นหากข้าสามารถแข่งขันกับบางคน" เขาอ้าปากหาวด้วยความเบื่อหน่าย "ข้าหวังว่าฉิงซู ซ่งหลี่ หรือคนอื่นๆจะสามารถทำบางสิ่ง พวกเขาก้าวหน้าขึ้นบ้างหรือไม่? หลังจากปิดประตูฝึกตนมาอย่างยาวนาน ข้าหวังว่าพวกเขาจะทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจได้บ้าง"

หลายวันต่อมา

ลานกว้างกลางหมู่บ้าน ฟางหยวนจ้องมองไปยังป้ายผ้าผืนใหญ่

บนป้ายผ้าปรากฏตัวอักษรน้ำที่เขียนข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากรของทั้งสามตระกูลเอาไว้

ทรัพยากรเหล่านี้ถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มกว้างๆ เช่น อาหารของวิญญาณ สิ่งของเครื่องใช้ของมนุษย์ วิญญาณ และหินวิญญาณ

ด้านหลังชื่อทรัพยากรเหล่านี้ยังปรากฏตัวเลขบางอย่าง แน่นอนว่ามันเป็นจำนวนคะแนนผลงานที่ต้องทำมาแลกเปลี่ยน

ดวงตาหมาป่าหนึ่งดวงสามารถแลกคะแนนผลงานได้สิบแต้ม ห้าแต้มสามารถแลกข้าวสารขนาดห้าร้อยกรัมได้หนึ่งถุง สำหรับหินวิญญาณหนึ่งก้อน พวกเขาต้องแลกด้วยคะแนนผลงานยี่สิบห้าแต้ม

ไม่นานมานี้คลื่นหมาป่าทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นเหตุให้ทั้งสามตระกูลนำทรัพยากรออกมาเพื่อกระตุ้นจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของผู้ใช้วิญญาณเป็นจำนวนมาก

ดังนั้นรายชื่อทรัพยากรที่ปรากฏบนป้ายผ้าจึงเป็นสิ่งที่ปกติแล้วจะไม่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป

นี่ทำให้ฟางหยวนเกิดความสนใจในบางสิ่ง

"วิญญาณหญ้าหอม" เขาพึมพำขณะจ้องมองไปยังป้ายผ้า

วิญญาณหญ้าหอมเป็นวิญญาณที่ฟางหยวนจำเป็นต้องมีเพราะมันช่วยในการเคลื่อนไหวและสามารถทำให้ความเร็วในการวิ่งของเขาพุ่งสูงขึ้น

กล่าวตามตรง หลายวันที่ผ่านมา ทรัพยากรบนป้ายผ้ามีวิญญาณชนิดใหม่เพิ่มเข้ามาทุกวัน แต่มีเพียงวิญญาณหญ้าหอมที่ฟางหยวนให้ความสนใจ

อย่างไรก็ตามนี่เป็นวิญญาณที่ไม่ง่ายในครอบครอง เพราะมันเป็นทรัพยากรชนิดหนึ่งที่ต้องใช้คะแนนผลงานสูงมาก

'หากข้าใช้ความแข็งแกร่งที่แท้จริง ข้าสามารถหาคะแนนผลงานมาแลกเปลี่ยนวิญญาณหญ้าหอมได้อย่างไม่มีปัญหา แต่หากข้าทำเช่นนั้น มันจะเป็นการดึงดูดความสนใจจากตระกูลและนั่นเป็นสิ่งที่ข้าไม่ต้องการ'

ฟางหยวนคิดอยู่อย่างเงียบๆ

'ยังมีวิธีอื่น หากข้าผลิตใบไม้แห่งชีวิตให้มากขึ้นและขายให้กับตระกูล ข้าสามารถแลกเปลี่ยนมันกับคะแนนผลงาน แต่วิธีนี้ช้าเกินไป ก่อนที่ข้าจะสามารถรวบรวมคะแนนผลงานมาได้ วิญญาณหญ้าหอมอาจถูกแลกเปลี่ยนไปเรียบร้อยแล้ว'

ฟางหยวนส่ายศีรษะและคิดว่าวิธีการนี้มีข้อบกพร่องที่จะนำไปสู่ความล้มเหลว

แล้วเขาควรทำอย่างไร?

เขาจ้องมองไปยังป้ายผ้า คะแนนผลงาน และครุ่นคิดอยู่กับตนเอง

เกี่ยวกับคะแนนผลงาน ฟางหยวนเข้าใจมันลึกซึ้งกว่าผู้คนรอบข้าง เพราะมันก็ไม่ต่างจากเงินตราแลกเปลี่ยน

ในวันเวลาที่สงบสุข หินวิญญาณก็คือเงินตราแลกเปลี่ยนสิ่งของและเป็นสกุลเงินที่แข็งค่า ดังนั้นมูลค่าของมันจึงไม่เคยลดลง

แต่เมื่อคลื่นหมาป่าถาโถมเข้ามา ความต้องการหินวิญญาณพุ่งสูงขึ้นอย่างมากและไม่สามารถใช้มันเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนได้อีกต่อไป ดังนั้นสกุลเงินฉุกเฉินจึงต้องถูกจัดตั้งขึ้นมาแทนที่

นี่คือจุดเริ่มต้นของคะแนนผลงาน

'ด้วยสกุลเงินสำรองเช่นคะแนนผลงาน มันสามารถป้องกันการล่มสลายของระบบเศรษฐกิจได้ชั่วคราว บนโลกมนุษย์ เมื่อสงครามเกิดขึ้น รัฐบาลจะพิมพ์เงินกระดาษออกมาจำนวนมากเพื่อให้เงินเฟ้อ คะแนนผลงานก็ไม่ต่างกัน ยิ่งอัดฉีดออกมามากเท่าใด มูลค่าของมันก็จะลดลงเท่านั้น แต่ระหว่างสถานการณ์ชีวิตและความตายของหมู่บ้าน ปราศจากคะแนนผลงานและอาศัยเพียงหินวิญญาณ มันจะทำให้ระบบพังทลายลง แต่มันก็สามารถดูดซับพิษเศรษฐกิจได้เพียงชั่วคราว ดังนั้นหลังจากคลื่นหมาป่าผ่านไป ระบบเศรษฐกิจมักจะยุบตัวลงเสมอ'

'เห้อ ความรุนแรงของระบบเศรษฐกิจไม่ใช่สิ่งที่ข้าสามารถกล่าวถึง หากข้าเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสาม ข้าสามารถเดินเล่นไปรอบๆ แต่น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งของข้ายังไม่เพียงพอ ข้าจึงไม่สามารถรับความเสี่ยง หากข้าออกไป มันก็ไม่ต่างจากการเล่นกับไฟ'

ฟางหยวนถอนหายใจ

ประเด็นก็คือการบ่มเพาะของเขายังไม่สูงพอ ความแข็งแกร่งของเขายังไม่เพียงพอ

ปราศจากความแข็งแกร่ง เพียงสติปัญญา มันไร้ประโยชน์

ดังนั้นในตำนานของมนุษย์คนแรก เขาจึงเลือกวิญญาณความแข็งแกร่ง แม้จะพ่ายแพ้ให้กับวิญญาณสติปัญญา

นั่นเป็นเพราะความแข็งแกร่งคือรากฐาน

อย่างไรก็ตามฟางหยวนเริ่มครุ่นคิดบางสิ่งเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยของผู้คน

"พวกเจ้ารู้หรือไม่? ไป่หนิงปิงทุบตีผู้คนอีกครั้ง"

"กระไรนะ? แล้วครั้งนี้ผู้เคราะห์ร้ายเป็นผู้ใด?"

"มันเป็นซ่งหลี่ของตระกูลซ่ง"

"เห้อ...ไป่หนิงปิงผู้นี้กำลังทำสิ่งใด? คราก่อน ซื่อซานก็ถูกทำร้าย มาตอนนี้เขายังโจมตีซ่งหลี่ คลื่นหมาป่าทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่เขากลับทำเรื่องโง่เง่าไปรอบๆ"

"เขาทำในสิ่งที่ตนเองต้องการเสมอ เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสามแต่ยังสร้างปัญหาให้กับผู้ใช้วิญญาณระดับสอง กล่าวตามตรง เขาใช้วิญญาณเพียงเพื่อกดขี่ผู้คน เขาเป็นบุคคลที่เข้าใจได้ยากจริงๆ"

'ไป่หนิงปิง ฮืม บุคคลที่แกว่งเท้าหาโลงศพ แต่มันก็ทำให้ข้านึกบางสิ่งขึ้นมาได้' เมื่อฟางหยวนได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ หัวใจของเขากลับเกิดระลอกคลื่นขึ้นเล็กน้อย

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าจะหาคะแนนผลงานจำนวนมากมาจากที่ใด