ตอนที่แล้วตอนที่ 72 ไล่ล่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 74 ใบอนุญาติเรียนวิชาระดับ s ของเซนท์

ตอนที่ 73 ลานประลอง


เมื่อหานเซิ่นเดินทางกลับไปถึงสตีลอาเมอร์ ในตอนแรกเขาคิดว่าจะต้องโดยซินเสวียนเอาเรื่อง เพราะว่าเขาหายไปหลายวัน แต่ทว่าเขาไม่พบซินเสวียนเลย ไม่ใช่เพียงแค่ซินเสวียน แต่เกือบทุกคนบนถนน เมืองสตีลอาเมอร์เหมือนกลายเป็นเมืองร้าง

ในที่สุดเขาก็เจอคนวิ่งออกมาด้วยท่ารีบร้อน หานเซิ่นรีบเดินเข้าไปถาม

"เพื่อน เกิดอะไรขึ้น? ทุกคนหายไปไหนหมด?"

"นายนั่นเองไอ้โรคจิต"

ชายคนนั้นจำหานเซิ่นได้ตั้งแต่เห็นครั้งแรก

"เพื่อน บอกผมหน่อยว่าตอนนี้ทุกคนไปไหนกันหมด?"

หานเซิ่นลูบไปที่จมูกของตัวเอง

ชายคนนั้นยิ้มให้หานเซิ่นและพูด

"ทุกคนจะไปไหนได้ล่ะ? ก็ต้องเป็นที่ลานประลองแน่นอนอยู่แล้ว การประลองศิลปะการต่อสู้ประจำปีเริ่มขึ้นแล้ว ทุกคนในก็อตแซงชัวรี่ต่างก็พูดถึงนายไม่รู้หรอ?"

"เอ่อ ดูเหมือนว่าผมจะนอนป่วยมาหลายวัน และเกือบจะพลาดงานใหญ่นี้ไป ผมยังสมัครทันอยู่ไหม?" หานเซิ่นถาม

"ฮาฮา นายคงต้องซ่อนตัวจากเซินเทียนจื่อสินะ"

ชายคนนั้นยิ้ม "รีบหน่อย นายยังสมัครทันอยู่"

"ขอบคุณสำหรับข้อมูล"

หานเซิ่นรีบกลับไปที่ห้องของเขา เพื่อเก็บกระเป๋าสัมภาระที่เต็มไปด้วยแบล็คสตริงเกอร์กลายพันธ์ จากนั้นเขาก็รีบวิ่งไปที่ลานประลองประจำเมืองทันที

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าลานประลองประจำเมืองจะต้องถูกสร้างขึ้นมาอย่างดี มันดูเหมือนโคลอสเซี่ยมในกรุงโรมไม่มีผิด มันสามารถจุผู้ชมได้อย่างน้อยๆ 1 แสนคน สิ่งที่มันแตกต่างจากโคลอสเซี่ยมของจริงคือมันถูกสร้างมาจากเหล็ก ซึ่งดูเหมือนกับกรงขังสัตว์ร้าย

หานเซิ่นเดินเข้าไปที่ประตูทางเข้าของลานประลอง มีประตูจำนวนมากอยู่รอบๆลานประลอง ทุกประตูสามารถเดินเข้าไปในลานประลองได้

ตอนนี้เกือบทุกคนในสตีลอาเมอร์อยู่ในลานประลองเรียบร้อยแล้ว หานเซิ่นเลือกเดินไปที่ประตูแบบสุ่มๆ เมื่อเขาวางฝ่ามือลงบนประตูเหล็กก็มีตัวเลขปรากฏขึ้น

"88888!" หานเซิ่นประหลาดใจ และตระหนักว่านี่ต้องเป็นหมายเลขของผู้เข้าร่วมประลอง เขาคงจะเป็นคนที่ 88888 ที่เข้าร่วมการประลอง

ทุกคนที่เข้าร่วมการประลองครั้งแรกจะถูกจัดหมายเลขให้ และในครั้งต่อๆไปก็ต้องใช้หมายเลขเดิมไปตลอด

เมื่อประตูเหล็กเปิดออก หานเซิ่นเดินเข้าไปตามทางเดินที่เหมือนกับอุโมงค์ เมื่อเขาเดินออกมา เขาพบว่าลานประลองมันใหญ่กว่าในกรุงโรมซะอีก มีผู้คนจำนวนมากยืนอยู่เต็มไปหมด เหนือลานประลองมีแผ่นป้ายที่ทำจากแก้วคริสตัลขนาดใหญ่ ในแผ่นป้ายมีหมายเลขของผู้ประลองในแต่ละกลุ่ม ที่ถูกจัดให้อยู่ในแมทเดียวกัน

หานเซิ่นรู้จากที่โรงเรียนว่าการประลองนี้จะถูกจัดขึ้นแบบอัตโนมัติ โดยมนุษย์ไม่มีสิทธิเข้าไปขัดขวาง รอบแรกจะเป็นการต่อสู้แบบรอบละ 100 คน และคนที่อยู่รอดเป็นคนสุดท้ายจะผ่านเข้ารอบต่อไป

นี่เป็นการคัดเลือกที่ต้องใช้เวลา เนื่องจากมีคนสมัครเป็นจำนวนมาก บางทีรอบแรกอาจจะต้องใช้เวลาถึง 3 วัน หานเซิ่นอาจจะไม่ต้องทำอะไรจนถึงพรุ่งนี้

หานเซิ่นมองไปรอบๆเพื่อหากลุ่มของซินเสวียนและคนอื่นๆ แต่ก่อนที่เขาจะหากลุ่มซินเสวียนพบ กลุ่มของเซินเทียนจื่อก็เดินผ่านมาพอดี

"อย่าให้ฉันได้อยู่กลุ่มเดียวกับแกนะ ไม่งั้นแกตาย"

หลัวเทียนหลางมองไปที่หานเซิ่นด้วยสายตาอาฆาต

ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเจอกัน หลัวเทียนหลางถูกหานเซิ่นเล็งธนูใส่ ในตอนนั้นเขาแสดงความกลัวออกมา ทำให้เขารู้สึกเสียหน้าอย่างมาก

เซินเทียนจื่อเองก็มองมาที่หานเซิ่น แต่เขาไม่ได้พูดอะไร หานเซิ่นรู้ว่าพวกเซินเทียนจื่อจะต้องพยายามฆ่าเขาแน่ ถ้าเกิดได้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน

"ผมเกรงว่าต้องทำให้พวกคุณผิดหวังแล้ว ผมไม่ได้เข้าร่วมการประลองครั้งนี้ด้วย" หานเซิ่นพูดพร้อมกับยักไหล่

หานเซิ่นเข้าร่วมการประลองครั้งนี้โดยใช้ชื่อดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้เขาแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมาได้

"แกไม่มีค่าพอที่จะเรียกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ น่าอายจริงๆ แกมันขี้ขลาด!"

หลัวเทียนหลางพูดดูถูกหานเซิ่น

ระหว่างที่พวกเขาคุยกันอยู่ กลุ่มของซินเสวียนก็เดินผ่านมาพอดี

เซินเทียนจื่อไม่สนใจหานเซิ่น เขาเดินเข้าไปหาซินเสวียน พร้อมกับยิ้ม และพูด

"คุณพัฒนาขึ้นมาก ดูเหมือนว่าปีนี้คุณก็คงเป็นแชมป์อีกแน่นอน"

"นายเองก็ใช่ย่อย แล้วแถมการประลองครั้งนี้อาจจะมีดอลลาร์เข้าร่วมด้วยก็ได้ มันคงไม่ง่ายเหมือนปีที่ผ่านมา" ซินเสวียนพูดอย่างสบายๆ

หานเซิ่นหันไปเห็นซินเสวียน หยางม่านลี่ และคนอื่นๆในกลุ่มของซินเสวียน หยางม่านลี่ขมวดคิ้วแล้วมองมาที่เขา

หลังจากพูดกับซินเสวียน เซินเทียนจื่อก็พาคนของเขาเดินจากไป ซินเสวียนหันมองมาที่หานเซิน ขณะที่หยางม่านลี่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

"ปรกติฉันคิดว่านายแค่ขี้อาย ไม่อยากแสดงฝีมือ แต่ฉันไม่คิดเลยว่านายจะขี้ขลาดแบบนี้ นายนี้มันไม่มีความเป็นลูกผู้ชายเลย"

หลังจากพูดจบ หยางม่านลี่ก็เดินไปพร้อมกับซินเสวียน โดยไม่หันกลับมามองเขาอีก

เมื่อลิ่วฮงทาวเดินผ่านหานเซิ่น เขาจับของหานเซิ่น พร้อมกับยิ้มและพูด

"หานเซิ่น นายทำถูกแล้วล่ะ ผู้ชายบางครั้งมันก็ต้องยอมถอยบ้าง อย่าเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงโดยไม่จำเป็นจะดีกว่า"

เหมือนจะเป็นคำเตือนที่ดี แต่แววตาแห่งความดูถูกเผยให้เห็นอย่างชัดเจน

สมาชิกคนอื่นๆก็ต่างผิดหวังในตัวหานเซิ่น พวกเขาส่วนใหญ่อยู่โรงเรียนทหาร พวกเขารับไม่ได้กับการที่หานเซิ่นแสดงความขี้ขลาดออกมา

หานเซิ่นไม่ได้อธิบายอะไร การที่ทุกคนคิดว่าเขาไม่เข้าร่วม เพราะกลัวหลัวเทียนหลาง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเขา จะไม่มีใครตั้งคำถามขึ้นมาว่าทำไมเขาไม่เข้าร่วมหรือทำไมเขาไม่อยู่ในเมื่อดอลลาร์ปรากฏตัว

'ผมไม่สนว่าคนอื่นจะมองยังไง สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือการทำให้ครอบครัวของผมมีชีวิตที่ดีและมั่นคง' หานเซิ่นคิดในใจ

กลุ่มสตาร์รี่นั้นมีอิทธิพลมาก หานเซิ่นไม่มีอะไรจะไปต่อกรกับกลุ่มสตาร์รี่ได้ ถ้าเซินเทียนจื่อรู้ว่าหานเซิ่นคือดอลลาร์ละก็ เขาจะต้องหาทางเล่นงานหานเซิ่นในกาแลคซี่แน่ แล้วอาจจะส่งผลถึงครอบครัวของเขาด้วย

'ผมต้องมีพลังมากกว่านี้' หานเซิ่นออกจากลานประลอง เขาไม่มีเหตุผลที่ต้องอยู่ที่นั้น มันยังไม่ถึงรอบของเขาจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้

หลังจากที่เขาเทเลพอร์ตกลับมาที่สถานี ซินเสวียนก็หยุดเขาไว้ และเรียกเขาไปพบที่ห้องทำงาน

"นายกลัวเซินเทียนจื่องั้นหรอ?"

ซินเสวียนมองไปที่เขา แววตาของเธอเหมือนกับมีดที่สามารถแทงลงไปในจิตใจของเขาได้

"ใช่" หานเซิ่นพยักหน้า

เมื่อได้ยินคำตอบของหานเซิ่น ซินเสวียนไม่ได้แสดงท่าทางแปลกใจแม้แต่น้อย แต่เธอถามต่อ

"เป็นเพราะว่านายห่วงครอบครัวของนายใช่ไหม?"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด