ตอนที่ 66 – จู่โจม
แสงสีดำที่กำลังจะเข้าปะทะกับคนทั้งสีนั้น ทันใดนั้นก็มีโล่น้ำขึ้นมาปกป้องพวกเขาไว้ มันเป็นโล่ที่บางใส แต่แสงสีดำนั้นก็ไม่อาจจะทะลุผ่านมันไปได้
หลังจากที่แสงสีดำนั้นหายไป กรีนที่ยืนอยู่บนหัวของอันเดตนั้นก็พุ่งเข้าใส่ไปยังทิศทางที่แสงสำดำนั้นปล่อยออกมา แม้ว่าเขานั้นจะสวมชุดเกราะทั้งตัว แต่เขานั้นก็หายไปจากสายตาของทุกคนด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ
ในขณะนั้นเอง เมอร์รินก็บอกกับเจ่าไห่ว่า “นายน้อย ถอยไปก่อนค่ะ”
เจ่าไห่นั้นรู้ว่าต้องเชื่อฟังเมอร์รินในทันที ก่อนจะสั่งให้อันเดตนั้นถอยออกไป
จากนั้นก็มีแสงสีดำพุ่งเข้ามาใส่พวกเขา แต่เจ่าไห่ก็รู้ว่าแสงพวกนี้นั้นมาจากไหน เขาจึงสั่งให้กองทัพอันเดตนั้นพุ่งไปยังต้นตอที่ปล่อยแสงนี้ออกมา เพราะว่านักเวทย์มนตร์ดำทั้งแปดนั้นซ่อนตัวอยู่ในป่า
ทันใดนั้นเขาก็ฉายจอภาพให้ปรากฎต่อหน้าเขา ซึ่งก็พบจุดสีที่แตกต่างกัน ซึ่งสีแดงนั้นหมายถึงเขาและอันเดตที่เขานั้นเรียกออกมา ส่วนสีเขียวนั้นหมายถึงคนของขบวนสินค้าตระกูลมาร์กี้ และมีจุดดำนั้นซ่อนตัวอยู่ในป่า
ซึ่งมีด้วยกันแปดจุด แต่มีหนึ่งในนั้นอยู่ใกล้กับจุดแดง ซึ่งเมื่อมองก็จะพบว่านั้นเป็นทิศทางที่กรีนนั้นพุ่งไป และหนึ่งในจุดดำนั้นก็พุ่งเข้าไปหาทิศทางที่กรีนไปโดยทิ้ง จุดดำอีก 6 จุดไว้เบื้องหลัง
เจ่าไห่จึงสั่งอันเดตของเขาให้แบ่งเป็น 7 ทีม ซึ่งมี 6 ทีมซึ่งแต่ละทีมจะมีอันเดต 200 ตัวซึ่งส่งไปยังจุดดำทั้ง 6 ส่วนอันเดตที่เหลือ 157 ตัวนั้น เขาสั่งให้ประจำการอยู่กับเขา เม็กเองก็เตรียมพวกด้วยการร่ายคาถาซึ่งทำให้ลมรอบตัวนั้นมาห่อหุ้มเธอและเจ่าไห่ไว้ เพราะหน้าที่ของเธอคือการปกป้องเจ่าไห่
จุดดำทั้งหกนั้นก็มองแผนของเจ่าไห่ออก พวกเขาทั้งหมดจึงพุ่งเข้ามาหาเจ่าไห่แทน ในมุมมองของพวกเขาแล้ว การกำจัดเจ่าไห่นั้นคือทางเดียวที่จะชนะ เพราะหากพวกเขานั้นถูกล้อมด้วยอันเดตจำนวนมากขนาดนี้ ไม่ช้าพวกเขาก็จะถูกฆ่าอย่างแน่นอน
กองทัพอมตะนั้นเคยเผชิญหน้ากับอันตรายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่าตอนที่พวกเขานั้นเจอกับตระกูลเสี่ยหยาง ในตอนนั้นพวกเขานั้นเป็นนักเวทย์ระดับ 7 แต่ตระกูลเสี่ยหยางก็ยังสามารถที่จะฆ่าพวกเขาจนบีบให้พวกเขานั้นต้องการเป็นอันเดตจนได้ ตอนนี้พวกเขานั้นเป็นเพียงแค่นักเวทย์ระดับ 6 ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเวทย์มนตร์ดำซึ่งมีความแปลกประหลาดแล้วล่ะก็ พวกเขาก็คงไม่สามารถที่จะอาละวาดในทวีปแห่งนี้ได้
แต่ตอนนี้พวกเขานั้นก็ต้องเผชิญหน้ากับสถานการ์ที่อันตรายอย่างยิ่ง ไม่เพียงเพราะต้องเจอหน้ากับคนที่มีพลังต่อสู้ระดับ 8 แต่ยังต้องเผชิญหน้ากับกองทัพอันเดตอีกด้วย ซึ่งทำให้พวกเขานั้นรู้ว่าโอกาสชนะนั้นน้อยมาก
นั้นคือเหตุผลที่ว่าเขานั้นต้องโจมตีเจ่าไห่ มันไม่ใช่ว่าพวกเขานั้นคิดว่าจะสามารถฆ่าเจ่าไห่ได้ แต่เพราะว่าทางเดียวที่จะรอดคือการฆ่าเจ่าไห่ต่างหากล่ะ พวกเขานั้นมีประสบการร์ในการต่อสู้มาอย่างโชกโชน ซึ่งทำให้พวกเขานั้นรู้ว่าถ้าพวกเขาหนีไป เจ่าไห่ก็ยังจะตามล่าพวกเขาอยู่ดี ดังนั้นพวกเขาจึงต้องโจมตีเจ่าไห่ก่อน จากนั้นค่อยหาวิธีหลบหนี
แต่สิ่งที่พวกเขานั้นไม่รู้ก็คือ ถ้าพวกเขานั้นหนีไป เจ่าไห่เองก็จะไม่ตามพวกเขาไปเพราะเขานั้นไม่ชอบจัดการเรื่องยุ่งยาก
เจ่าไห่นั้นสังเกตเห็นว่าจุดดำนั้นเริ่มขยับเข้าใกล้มา “ยายเมอร์ริน พวกเขากำลังมาทางนี้”
เมอร์รินพยักหน้าตอบแม้ว่าเธอนั้นจะรู้ตำแหน่งของนักเวทย์มนตร์ดำดี ด้วยความแข็งแกร่งของนักเวทย์ระดับ 8 และประสบการณ์ต่อสู้ที่มากมาย ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าพวกเขากำลังมาทางนี้
อย่างไรก็ตาม เจ่าไห่นั้นรู้สึกตกใจ เพราะว่าเขานั้นรู้ว่ากองทัพอมตะนั้นกำลังใกล้เข้ามา แต่เขากลับไม่เห็นคนเหล่านั้นเอง แม้ว่าหน้าจอนั้นจะบอกอย่างชัดเจนว่าจุดสีดำนั้นอยู่ข้างนอกกองทัพอันเดตที่ปกป้องเขา แต่เขากลับไม่เห็นใครซักคนเดียวหรือแม้แต่เงา มันน่าแปลกจริงๆ
แม้ว่าเจ่าไห่นั้นจะสงสัยว่าทำไม แต่เขาก็รู้ดีว่านี้ไม่ใช่เวลาที่จะตั้งคำถาม เขาจึงเตือนเมอร์รินเพราะถ้าคนอื่นรู้ว่ากองทัพอมตะอยู่ไหน ตัวเจ่าไห่เองก็ไม่ต้องกังวลมากนัก
จุดสีดำก็เคลื่อนที่เข้ามา และตอนนี้พวกเขาก็อยู่ในดงกองทัพอันเดต แต่อันเดตกลับไม่รู้สึกถึงพวกเขาเลย ทำให้เจ่าไห่นั้นรู้ว่าคนเหล่านี้คงใช้เวทย์บางอย่างที่อำพรางพวกเขา จึงทำให้อันเดตนั้นหาพวกเขาไม่เจอ
แต่เจ่าไห่ก็ไม่ตกลงไปในความหวาดกลัว เขานั้นเชื่อในตัวเมอร์ริน ถ้าเธอนั้นไม่สามารถหาพวกเขาได้เจอ เธอก็ไม่ควรที่จะเรียกว่านักเวทย์ระดับ 8
นอกจากนี้แล้ว อันเดตของเจ่าไห่เองก็มีไพ่ตายไว้ใช้อีกด้วย
เพราะอันเดตของเขานั้นมีคุณสมบัติวิญญาณ จึงสามารถใช้พลังวิญญาณโจมตีได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักเวทย์กลัวกัน
เจ่าไห่จึงจ้องไปยังหน้าจอของเขาและเตรียมพร้อมที่จะลงมือทุกเวลา ตอนนี้เขานั้นดูลึกลับเพราะใส่ชุดของนักเวทย์มนตร์ดำ ด้วยการนั่งที่ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนท่ามกลางการต่อสู้
เมอร์รินนั้นรู้ว่าคนเหล่านี้เข้ามาใกล้แล้ว แต่เธอเองก็ยังไม่ลงมือ เธอนั้นไม่กังวลความปลอดภัยของเจ่าไห่ เพราะเธอนั้นมีเม็กอยู่ข้างๆ และถ้าเม็กเกิดพลาด เจ่าไห่ก็ยังหลบเข้าไปในมิติได้ ดังนั้นเธอจึงไม่กังวลเรื่องพวกนี้
ในตอนนี้เอง เจ่าไห่ก็พบว่าจุดดำนั้นหยุดอยู่ห่างจากเขานั้น 10 เมตร เขารู้ดีว่านี้ถึงเวลาแล้ว เขาจึงลุกขึ้นและตะโกนว่า “โจมตี!”
การสั่งพวกอันเดตนั้น จริงๆแล้วเขาไม่ต้องตะโกน แต่เขาเพียงแค่ออกคำสั่ง แต่เขานั้นต้องการปลุกกำลังใจตัวเองให้ฮึกเฮิม
เมื่อเขาตะโกน เมอร์รินก็ร่ายเวทย์ ในขณะที่เจ่าไห่ก็รู้สึกว่าอันเดตของเขานั้นปล่อยพลังวิญญาณที่รุนแรงออกมา
เมอร์รินนั้นรู้สึกตกใจ แต่เธอก็รู้ว่าเจ่าไห่ต้องการทำอะไร เธอจึงเปลี่ยนเวทย์ของตนเพราะเดิมนั้นเธอจะใช้เวทย์โจมตีใส่และจับพวกเขานั้นเข้าไปในมิติ แต่ตอนนี้เธอให้เอเลี่ยนโจมตีแทนเพราะเธอรู้ดีว่าการโจมตีทางวิญญาณสำหรับนักเวทย์แล้วมีผลอย่างไร
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเจ่าไห่นั้นรู้ตำแหน่งคนเหล่านี้ได้อย่างไร แต่เธอก็ไม่คิดอะไรมากและร่ายเวทย์อีกชนิดแทน จากนั้นก็มีมังกรน้ำ 6 ตัวปรากฎตัวขึ้นมาข้างเธอก่อนจะพุ่งเข้าใส่ชายทั้ง 6
ในตอนที่เมอร์รินนั้นเรียกมังกรน้ำออกมา ชายหกคนก็ปรากฎขึ้นรอบเจ่าไห่ในรู้ครึ่งวงกลมซึ่งอยู่ห่างจากเขานั้นสิบเมตร แน่นอนว่าพวกเขานั้นกำลังใช้เวทย์โจมตี แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็โดนพลังวิญญาณโจมตีทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บ
และเมื่อพวกเขานั้นปรากฎตัวขึ้นมา มังกรน้ำก็ห่อหุ้มตัวเขาทั้งหมด จากนั้นเจ่าไห่ก็เปิดประตูมิติ เมอร์รินก็ส่งพวกเขาเข้าไปข้างในทันที
เจ่าไห่และเมอร์รินก็โล่งใจ เพราะเวลาในการโจมตีของพวกเขานั้นสมบูรณ์แบบ เพราะก่อนที่คนเหล่านั้นจะร่ายเวทย์โจมตี พวกเขาก็โดนโจมตีด้วยพลังวิญญาณ ทำให้เมอร์รินมีโอกาศที่จะจับพวกเขาและโยนเข้าไปในมิติ
แต่ปัจจัยสำคัญคือภาพหน้าจอที่ฉายขึ้นมา เพราะแม้ว่าพวกเขานั้นจะหายตัวได้ แต่ก็ไม่สามารถที่จะหลบการตรวจจับของเจ่าไห่ได้ พร้อมกับการโจมตีทางวิญญาณที่ส่งผลต่อนักเวทย์เป็นสองเท่า