ตอนที่แล้วตอนที่ 60 – ตัวตนที่แท้จริงของ”เจ้าของโรงแรม”
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 62 – หมู่บ้านที่แปลกประหลาด

ตอนที่ 61 – การรวมกลุ่มที่แสนจะประหลาด


มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? การที่จะส่งสารไปทั่วทั้งทวีปนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? อย่างลืมนะว่าที่นี้คือทวีปอาร์คซึ่งพวกเขานั้นไม่ได้อยู่ในยุดข้อมูลข่าวสาร พวกเขาไม่มีโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ตเหมือนกับโลกของเจ่าไห่

แต่ว่าตระกูลมาร์กี้ก็สามารถที่จะทำได้ ซึ่งเป็นพิสูจน์แล้วว่าพวกเขานั้นมีความสามารถมากเพียงใดในทวีปอาร์ค แม้แต่จักรวรรดิเองก็ไม่กล้าที่จะมีเรื่องกับพวกเขา

เมื่อเจ่าไห่ตั้งใจฟังกรีนก็พบว่าเขานั้นดูถูกโลกแห่งนี้มากเกินไป แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า แต่พวกเขาก็มีวิธีการที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ความเข้าใจโลกใบนี้ของเขานั้นยังตื้นเกินไป

กรีนยิ้ม “นายน้อย ไม่ว่าพวกเราจะไปที่ไหนแล้ว นักเวทย์มนตร์ดำจะถูกจับตามองเสมอโดยเฉพาะพวกเราที่มาปรากฎตัวที่ป้อมมอนเตเนโก ยิ่งเป็นที่จับตามองของพวกเขา”

เจ่าไห่พยักหน้า “แล้วพวกเราจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้?”

“ใช่แล้วครับนายน้อย พวกเราจะออกเดินทางวันพรุ่งนี้ ซึ่งแม้ว่านายน้อยอยากจะอยู่ที่นี้ต่อ แต่ผมก็เกรงว่าพวกเราจะไม่สามารถที่จะจ่ายค่าห้องได้”

เจ่าไห่ก็อดยิ้มไม่ได้ การไม่มีเงินช่างเป็นปัญหาจริงๆ ไม่รู้ว่าถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้พวกเขาจะคิดยังไง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่มีโชคเหลือเลย เพราะพวกเขานั้นมีแต่ดินแดนที่ใช้การไม่ได้ มีคนกว่าร้อยคนที่ต้องดูแล และยังไม่พูดถึงเรื่องที่โดยสัตว์อสูรบุกโจมตีอีก แม้ว่าพวกเขานั้นจะมีมิติที่สร้างเงินได้มหาศาล แต่ตอนนี้พกวเขาก็ยังคงจนและไม่สามารถที่จะจ่ายเงินค่าห้องพักได้มากนัก

กรีนรู้ว่าเจ่าไห่นั้นรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์ปัจจุบันก่อนจะปลอบว่า “นายน้อย เมื่อพวกเราขายหัวไชเท้าได้แล้ว พวกเราก็จะมีเงิน นายน้อยไม่จำเป็นต้องโศกเศร้าอะไรอีกแล้ว”

เจ่าไห่นั้นไม่รู้ว่าจะอธิบายอะไรกับกรีน ก่อนจะส่งยิ้มให้เขา “ผมไม่เป็นไร เอาล่ะ หลังจากที่พวกเรานั้นออกจากโรงแรมนี้ไปแล้ว พวกเราจะหาสถานที่นอกเมืองและเข้าไปพักในมิติแทน”

กรีนพยักหน้า “ได้ครับ แต่ว่าพวกเรานั้นต้องอยู่ที่นี้วันนี้ก่อน เพื่อดึงความสนใจจากตระกูลมาร์กี้”

เจ่าไห่พยักหน้าก่อนจะมองไปยังรอบๆห้อง เพราะห้องนี้ไม่ได้มีขนาดเล็กเลย มีห้องนั่งเล่น, 5 ห้องนอนและยังมีห้องอาบน้ำอีกด้วย ซึ่งมันสะดวกสบายจริงๆ

จากนั้นก็มีเสียงเคาะประตู กรีนจึงยืนขึ้นและไปเปิดประตู บริกรที่อยู่ข้างนอกก็นำถาดอาหารขนาดใหญ่เข้ามา ซึ่งประกอบไปด้วยขนมปังและอาหารที่น่าอร่อยสามจาน

กรีนหยิบจานก่อนจะให้ทิปกับบริกรและบอกให้เขากลับไป ซึ่งบริกรคนนั้นก็ไม่รู้อะไรอีกเลยหลังจากที่เขานั้นปิดประตูลง ซึ่งบริกรก็ลงบรรไดไปยังห้องที่สงบก่อนจะเคาะประตูก่อนจะมีเสียงของเจ้าของโรงแรมดังออกมา “เข้ามา”

เมื่อบริกรนั้นผลักประตูเข้าไป มันก็เป็นห้องนอนที่เรียบง่ายมีเพียงแค่เตียงและโต๊ะเล็กๆพร้อมกับเก้าอี้ ซึ่งมีเจ้าของโรงแรมนั้นนั่งอยู่ใบเก้าอี้ที่ถือปากกาที่กำลังเขียนอะไรบางอย่างอยู่

แม้ว่าจะมีเสียงเปิดประตูแต่เขาก็ไม่เงยหน้าขึ้นมามอง “เจ้าพบอะไรบ้าง”

บริกรยืนด้วยความเคารพ “ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ใช่คนธรรมดา และมีแนวโน้มว่าพวกเขานั้นจะเป็นขุนนางแต่ว่าพวกเขาตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก ผมเพียงแค่ส่งอาหารธรรมดาแก่พวกเขา แต่พวกเขากลับไม่พูดอะไรถึงมันเลย และก็ยังให้ทิปกับผมด้วยแม้ว่าจะไม่ได้มากมายอะไรนัก”

บรกรนั้นตั้งใจจะส่งอาหารที่ไม่ได้มีคุณภาพที่ดีมากเพื่อพยายามหาว่าเจ่าไห่นั้นเป็นใครโดยดูจากปฏิกิริยาของพวกเขา

ซึ่งในทวีปแห่งนี้นั้น จะมีเพียงแค่ขุนนางที่จะให้ทิปกับบริกร โดยไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนก็ตาม พวกพ่อค้าก็จะไม่ให้ทิปแม้แต่นิดเดียว ซึ่งจากจุดนี้เองทำให้เขานั้นรู้ว่าเจ่าไห่นั้นอาจจะเป็นขุนนาง แต่พวกขุนนางปกติแล้วต้องการอาหารที่เลิศรส แต่เจ่าไห่นั้นกลับไม่ต้องการอะไรพิเศษ และนอกจากนี้แล้ว พวกเขายังทิปเพียงแค่ไม่กี่เหรียญทองแดง ซึ่งทำให้บริกรนั้นเชื่อว่ากลุ่มคนเหล่านี้นั้นอยู่ในสถานการณ์ที่วิกฤต

แม้ว่าจะรู้เรื่องราวเหล่านี้ แต่เจ้าของโรงแรมจ้ำหม่ำนั้นก็ยังไม่สามารถที่จะตรวจสอบว่าพวกเขาเป็นใครได้

จากนั้นเจ้าของโรงแรมก็เขียนทุกอย่างลงไป ก่อนจะเปิดประตูลับซึ่งนำทางไปยังห้องลับในห้องลับนั้นมีกรงเรียบกันอยู่ซึ่งขังสัตว์อสูรประเภทนกไว้ ซึ่งสัตว์อสูรนี้เรียกกว่าเหนี่ยวเวหา ซึ่งเป็นสัตว์อสูรที่บินได้เร็ว และเมื่อฝึกมันแล้วก็จะสามารถที่จะส่งสารต่างๆได้

ซึ่งเจ้าของโรงแรมก็ให้อาหารก่อนจะค่อยๆม้วนข้อมูลที่เขียนใส่กับกระบอกไม้ไผ่ที่ติดอยู่กับกรงเล็บ และส่งมันออกไป

ตระกูลมาร์กี้นั้นใหญ่มากจึงไม่ส่งใจเกี่ยวกับข่าวเล็กๆ แต่การปรากฎตัวของนักเวทย์มนตร์ดำนั้นทำให้เขาต้องส่งสารไปถึงตระกูลเกี่ยวกับเรื่องนี้

สำหรับผู้คนแล้ว นักเวทย์มนตร์ดำนั้นเหมือนกับตัวแทนของความมืดและอันตราย เมื่อพวกเขาปรากฎตัวขึ้นที่ไหน พวกเขาจะถูกจับตามองและไม่ต้องการที่จะปัญหากับคนเหล่านี้ ซึ่งทำให้เจ้าของโรงแรมนั้นต้องจับตาเจ่าไห่ไว้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่กรีนนั้นคาดคิดไว้แล้ว แต่เมื่อเจ่าไห่นั้นปลอมตัวเป็นนักเวทย์มนตร์ดำแล้ว นี้ก็คือผลที่พวกเขาต้องการเพราะการปรากฎตัวเช่นนี้ ทำให้คนอื่นไม่มีใครคิดว่าพวกเขาคือตระกูลบูดา ซึ่งทำให้พวกเขานั้นปลอดภัยมากขึ้น

หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว เจ่าไห่และทุกคนก็พักผ่อน พวกเขานั้นไม่ได้เดินไปรอบป้อมมอนเตเนโกเพราะว่าเจ่าไห่ตอนนี้เป็นนักเวทย์มนตร์ดำ ซึ่งคนพวกนี้มักจะไม่ค่อยเดินออกไปซื้อข้าวของเท่าไหร่และพวกเขาเองก็ไม่อยากจะไปสร้างปัญหากับใครๆ

โชคดีที่เจ่าไห่นั้นเป็นเด็กเนิร์ดซึ่งไม่ค่อยชอบไปซื้อของเท่าไหร่อยู่แล้วเพราะมันทำให้เขานั้นรู้สึกไม่สบายใจ และเขานั้นเหนื่อยจากการเดินทางและรู้สึกว่าการนอนพักที่นี้นั้นเป็นเรื่องที่ดีที่สุด

วันนี้ผ่านไปอย่างสงบ เพราะทุกคนรู้ว่ามีนักเวทย์มนตร์ดำอาศัยอยู่แถวนี้

เช้าวันต่อมา พวกเขาก็เดินทางออกไปจากป้อมมอนเตเนโก เจ่าไห่นั่งอยู่บนเอเลี่ยนทำให้พวกนักผจญภัยรู้สึกอิจฉา ซึ่งจากป้อมมอนเตเนโกไปก็เจอทางแยกสามทาง ซึ่งทางซ้ายนั้นพาไปยังพื้นที่การเพราะปลูกของเขตการดูแลตระกูลเพอร์เซล์ ซึ่งมีภูมิประเทศเป็นที่ราบซึ่งเหมาะแก่การปลูกข้าว ซึ่งมีทาสจำนวนมากทำงานอยู่ที่นั้น

ถนนทางขวานั้นนำไปสู่ป่าซึ่งเป็นพื้นที่ตัดไม้สำหรับเขตเพอร์เซลล์และยังเป็นแหล่งรายได้หลักของตระกูลเพอร์เซลล์ ซึ่งปกติแล้ว จะมีน้อยคนที่จะเลือกสองทางนี้เพราะว่าที่นั้นมีที่เพียงแค่ที่พักสำหรับทาสของตระกูลเพอร์เซลล์เท่านั้น แต่ถนนสายกลางนั้นจะมุ่งตรงไปยังเมืองหลวงของเขตการปกครองตระกูลเพอร์เซล์ เรียกว่า เมืองคาซ่าซึ่งถูกขนานนามว่าไข่มุกทางเหนือ

ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาคงไม่ได้ไปในเขตการเพราะปลูกหรือตัดไม้ เพราะว่าพวกเขานั้นต้องการที่จะไปขายหัวไชเท้าจึงตรงไปยังเมืองคาซ่าซึ่งเป็นเมืองที่มีตลาดที่คึกคัก

ตลอดการเดินทางในช่วงที่ผ่านมา มันไม่เหมือนกับช่วงเวลาสามวันที่พวกเขาเดินทางในแดนทมิฬซึ่งไม่มีผู้คนเลยและมีเพียงแค่ดินสีดำ ตอนนี้พวกเขาอยู่ในเขตการปกครองตระกูลเพอร์เซลล์ซึ่งมีคนมากมายผ่านไปมาและตลอดทางก็มีป่าและฟาร์ม แต่เพราะอันเดตของเจ่าไห่ที่ดูแข็งแกร่ง ทำให้เมื่อผู้คนเห็นมัน พวกเขาก็จะหลบทันที ทำให้เจ่าไห่นั้นรู้สึกสบายใจ เพราะอย่างน้อยเขาก็เห็นผู้คนไม่เหมือนกับการเดินทางที่หน้าเบื่อก่อนหน้านี้

เมื่อคิดดูแล้ว การที่มีนักรบนั่งอยู่บนหัวของโครงกระดูกยักษ์และที่กลางลำตัวก็มีนักเวทย์มนตร์ดำซึ่งมีสาวงามที่นั่งอยู่เคียงข้างแล้ว มันช่างเป็นการรวมกลุ่มที่แสนจะประหลาด

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อพกวเขานั้นผ่านเมืองเล็กๆ พวกเขาจะไม่เข้าไปในเมืองและหาสถานที่ที่ไม่มีผู้คนก่อนจะกลับเข้าไปในมิติทำให้ซึ่งทำให้คนที่แกะรอยพวกเขาหาไม่เจอ จนกลายเป็นความลึกลับอีกอย่างสำหรับพวกเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด