ตอนที่แล้วตอนที่ 59 – ทหารรับจ้างและนักผจญภัย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 61 – การรวมกลุ่มที่แสนจะประหลาด

ตอนที่ 60 – ตัวตนที่แท้จริงของ”เจ้าของโรงแรม”


ในสถานการ์ปกติแล้วที่ทวีปแห่งนี้ ความแข็งแกร่งของนักเวทย์นั้นจะเป็นไปตามอายุของพวกเขา ซึ่งต่างจากนักรบ นักรบหนุ่มทั้งหมดนั้นต้องการที่จะมีร่างกายที่แข็งแรงและแข็งแกร่งขึ้นภายใต้การฝึกของนักรบที่มีประสบการณ์

การฝึกวรยุทธนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันจำเป็นต้องใช้ความแข็งแกร่งของร่างกาย แต่การจะกลายเป็นักเวทย์นั้นยากยิ่งกว่า ซึ่งตอนเด็กๆนั้น พวกเขาจะถูกส่งไปตรวจสอบว่าพวกเขานั้นมีความสามารถทางเวทย์มนตร์หรือไม่ ซึ่งถ้าใครคนใดมี พวกเขาจะถูกฝึกให้เป็นนักเวทย์ แต่ถ้าไม่ พวกเขาก็จะถูกส่งกลับบ้านและพยายามฝึกที่จะเป็นนักรบแทน

ซึ่งอายุนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการเป็นนักเวทย์ เพราะถ้าพวกเขานั้นอายุยังต่ำกว่าสิบสองปี พวกเขาจะยังไม่สามารถที่จะฝึกเวทย์มนตร์ได้ จากการวิจัยมาหลายปี ก็พบว่าถ้าคนที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปีหรืออายุ 12 ปีนั้น พวกเขายังมีพลังจิตที่ยังไม่แข็งแกร่งพอจะเรียนเวทย์มนตร์ได้ ซึ่งอาจส่งผลให้พวกเขานั้นเกิดอาการสมองตายและเสียชีวิตในขณะที่ฝึกเวทย์มนตร์

นี้จึงเป็นเหตุผลที่ว่านักเวทย์ที่แข็งแกร่งส่วนใหญ่นั้นจะไม่ใช่คนที่มีอายุน้อย ซึ่งเม็กนั้นเป็นถึงนักเวทย์ระดับหก ซึ่งจัดได้ว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์อย่างมาก

มีน้อยคนในทวีปที่จะรู้ถึงความแข็งแกร่งของเม็ก เพราะมันถูกปิดเป็นความลับ แม้แต่คนในตระกูลบูดาเองก็ตาม เพราะว่าเม็กนั้นจัดว่าแข็งแกร่งมากสำหรับคนอายุรุ่นเดียวกันกับเธอ ซึ่งถ้าหากข่าวนี้หลุดออกไป จะส่งผมไม่ทางใดทางหนึ่ง นั้นก็คือ พวกเขาต้องการที่จะควบคุมเม็กหรืออาจจะสังหารเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตระกูลบูดานั้นไม่ต้องการ

ซึ่งนักเวทย์นั้นมีอายุที่ยืนยาวกว่านักรบ แม้ว่านักรบระดับแปดนั้นจะสามารถมีอายุได้ยืนยาวถึงสองร้อยปี แต่นักเวทย์ระดับแปดนั้นมีอายุถึงสองร้อยห้าสิบปี นี้คือสิ่งที่เป็นข้อได้เปรียบสำหรับนักเวทย์ เพราะพวกเขานั้นสามารถที่จะอยู่ปกป้องทวีปได้ยาวนานกว่า

ส่วนที่โลกในอดีตของเจ่าไห่นั้น แม้ว่าจะมีกษัตริย์ที่มีอายุยืนยาว แต่พวกเขาก็ปกครองประเทศของพวกเขาเพียงไม่กี่ปี ซึ่งมันแตกต่างกันในทวีปอาร์ค เพราะจักรพรรดิส่วนใหญ่นั้นจะปกครองจักรวรรดิได้ยาวนานกว่าร้อยปี และจักรพรรดิที่ปกครองน้อยที่สุดก็สามารถปกครงได้หลายทศวรรษ ซึ่งนี้ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมการพัฒนาในทวีปนั้นถึงช้า และพวกเขานั้นไม่มีเครื่องจักรหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ และยังคงใช้แรงงานทาสอยู่

ซึ่งนี้ก็เป็นเหตุผลที่กรีนนั้นไม่ต้องการให้เจ่าไห่นั้นพูดอะไรออกไป โดยเฉพาะคนที่เป็นหน่วยข่าวกรอง ตราบใดที่คนเหล่านี้ได้ยินเสียงของเจ่าไห่แล้ว พวกเขาจะสามารถบอกอายุคราวๆของพวกเขาได้

พนักงานนั้นพาเจ่าไห่เข้าไปในโรงแรมซึ่งตกแต่งอย่างสวยงาม เมื่อเดินผ่านประตูก็เป็นทางเดินยาวกว่าสี่สิบฟุตซึ่งติดตะเกียงเวทย์ไว้ แม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลากลางวันอยู่ แต่ก็เปิดตะเกียงเวทย์ เมื่อถึงทางเข้าก็พบกับหนังงานสาวสวยของคนพร้อมกับชายจ้ำหม่ำชายคนนี้แต่งตัวด้วยผ้าไหมชั้นดีพร้อมกับที่อกนั้นมีป้ายสัญลักษณ์รูปดอกบานะ ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะเป็นเจ้าของโรงแรมนี้

เมื่อเจ้าของโรงแกรมเห็นเจ่าไห่ เขาจึงรีบเดินมาหาก่อนจะหยุดตรงหน้าพร้อมกับโค้งคำนับ “ยินดีต้อนรับ ท่านนักเวทย์ นับเป็นเกียรติที่ท่านมาใช้บริการของเรา เชิญนั่งรอตรงนี้ก่อน กระผมจะรีบเตรียมน้ำชาให้พวกท่าน”

เจ่าไห่นั้นไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะเดินไปยังโซฟาที่ตั้งไว้เป็นที่พักชั่วคราว เมื่อเขานั่งลง พนักงานก็เดินมาพร้อมกับน้ำชาและถ้วยและวางลงบนโต๊ะหน้าเจ่าไห่ จากนั้นก็ดื่มชาและเรียกเม็กให้มายืนข้างๆเขา เพราะไม่เช่นนั้นแล้วด้วยเสื้อคลุมสีดำและไม่ค่อยพูดออกเขา จะทำให้ตัวเขานั้นกลมกลืนไปกับโลกจนไม่มีใครสังเกตุเห็นเขา จึงต้องให้เม็กนั้นมายืนข้างๆ

เจ้าของโรงแรมนั้นคอยดูแลเจ่าไห่อย่างดี และรู้สึกได้ถึงนิสัยที่แปลกของเขา แต่สีหน้าของเขาก็ยังไม่เปลี่ยนไป ก่อนจะเข้าไปหาเจ่าไห่อีกครั้ง “เรียนท่านนักเวทย์ ห้องของท่านนั้นจัดเตรียมอย่างเรียบร้อยแล้ว เชิญไปที่ชั้นสามได้ ผมจะเป็นคนนำทางให้ท่าน”

เจ่าไห่พยักหน้าและลุกขึ้นยืน เขาเดินตามเจ้าของโรงแรมไปยังชั้นสามซึ่งไม่เหมือนกับชั้นหนึ่งและสอง เพราะชั้นที่สามนั้นไม่มีห้องโถง เนื่องจากว่ามีห้องเพียงไม่กี่ห้อง

ซึ่งเจ้าของโรงแรมก็พาพวกเขาไปยังห้อง 601 และเปิดประตูให้ เมื่อเจ่าไห่และพวกเขาเดินเขาไป ในขณะที่เจ้าของโรงแรมนั้นยืนอยู่ข้างนอก “เรียนท่านนักเวทย์ ถ้าหาท่านต้องการสิ่งใด ได้โปรดสั่งกระดิ่งเพื่อเรียกพนักงาน อาหารของท่านจะเสร็จในไม่ช้า ห้องนี้มีห้าห้องนอนซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับผู้ติดตามของท่าน ถ้าหากไม่เป็นที่พอใจของท่าน ข้าสามารถเปลี่ยนห้องให้ท่านได้”

เจ่าไห่นั้นไม่ได้พูดอะไรก่อนจะมองไปรอบๆ ซึ่งกรีนเข้าใจความหมายของเจ่าไห่ก่อนจะพูดกับเจ้าของโรงแรม “พวกเราพอใจห้องนี้อย่างมาก”

เจ้าของโรงแรมจึงโค้งคำนับ “มันเป็นเกียรติที่ได้รับใช้นักเวทย์ที่ยิ่งใหญ่อย่างท่าน ตอนนี้ข้าขอตัวก่อน” ก่อนจะปิดประตูอย่างระมัดระวังก่อนจะจากไป

เมื่อเจ้าออกโรงแรมออกไป เจ่าไห่ก็ถอนหายใจและถอดหมวกออก “ผมไม่คิดเลยว่าชุดนี้จะได้ผลขนาดนี้ เจ้าของโรงแรมเหมือนจะเคารพพวกเราจริงๆ”

กรีนก็ถอดหมวกของเขาออกเช่นกัน “นานน้อย คุณยังอ่อนต่อโลก เจ้าของโรงแรมนั้นยังไม่เปิดเผยสีหน้าที่แท้จริง เขานั้นเป็นมืออาชีพอย่างมาก คุณอาจจะไม่รู้ว่า โรงแรมแห่งนี้เป็นของตระกูลมาร์กี้ และเจ้าของโรงแรมนั้นเป็นหน่วยของกรองของตระกูลมาร์กี้ ผมเชื่อว่าไม่นาน ตระกูลมาร์กี้จะต้องรู้เรื่องของเราอย่างแน่นอน”

เจ่าไห่นั้นรู้สึกตกใจ “ตระกูลมาร์กี้เป็นเจ้าของโรงแรมนี้อย่างงั้นเหรอ? ปู่กรีน ทำไมคุณถึงให้พวกเรามาอยู่ที่นี้ล่ะ?”

กรีนยิ้มเล็กน้อย “นายน้อยครับ บางครั้งการทำตัวเงียบๆก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป ในเมื่อคุณสามารถที่จะอัญเชิญอันเดตออกมาได้ นั้นแสดงว่าคุณเป็นนักเวทย์มนตร์ดำจริง ดังนั้นพวกเขาจะสงสัยถ้าพวกเราไม่แสดงพลังของพวกเรา และมันยังทำให้หลายคนนั้นไม่สงสัยว่าพวกเรามาจากตระกูลบูดา เพราะว่าตระกูลบูดาคงจะไม่มีความกล้าหาญที่จะทำเช่นนี้”

“ปู่กรีน ปู่รู้ได้อย่างไรว่าโรงแรมนี้เป็นของตระกูลมาร์กี้ แล้วทำไมตระกูลมาร์กี้ถึงมาเปิดโรงแรมในที่แห่งนี้ล่ะ?”

“มันไม่ได้เป็นความลับเช่นนั้น ที่ข้างนอกโรงแรมนั้นก็มีสัญลักษณ์ดอกบานะซึ่งเป็น สัญลักษณ์ของตระกูลมาร์กี้ ด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลพวกเขานั้น ทำให้ไม่มีใครในทวีปนั้นอยากจะมีปัญหากับพวกเขา ดังนั้นพวกเราจึงไม่ต้องกังวลเวลาที่พักอยู่ที่นี้” จึงกรีนเสริมขึ้นอีกว่า “นอกจานี้แล้วพวกเขายังค่อยรวบรวมสิ่งของต่างที่ได้จากสัตว์อสูรบนภูเขาในราคาถูกด้วย นั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตระกูลมาร์กี้ถึงมาเปิดโรงแรมที่นี้”

เจ่าไห่พยักหน้าตอบ เขาได้เรียนรู้จากหนังสือความรู้ทั่วไปว่าวัสดุส่วนใหญ่ในทวีปนั้นมาจากสัตว์อสูร สัตว์อสูรนั้นมีร่างกายที่แข็งแกร่งและยังมีพลังเวทย์แฝงอยู่ด้วย ทำให้มันใช้ในการแปรธาตุหรือทำยา ซึ่งทหารรับจ้าง และนักผจญภัยส่วนใหญ่จะล่าสัตว์อสูรเพื่อเลี้ยงชีพ

อย่างไรก็ตามเจ่าไห่นั้นยังสงสัยเพราะว่าในหนังสือนั้นไม่เคยกล่าวถึงองค์กรของนักผจญภัยเลย ซึ่งเขานั้นเห็นบ่อยในนิยายตามเว็บต่างๆ “ปู่กรีน พวกนักผจญนั้นจะรับงานได้จากที่ไหน? หรือว่าพวกเขาจะล่าสัตว์อสูรเพียงอย่างเดียว?”

“ไม่แน่นอน” กรีนจึงเล่าต่อไปว่า “สำหรับนักผจญภัยแล้วพวกเขาจะรับงานจากร้านอุปกรณ์,โรงแรม หรือคำสั่งจากเมืองใหญ่ๆ และแม้ว่างานนั้นจะไม่เหมาะสม พวกเขาก็จะไปหาจากที่อื่น ตัวอย่างเช่น ตระกูลมาร์กี้ต้องการของบางสิ่งก็จะกระจายงานไปยังสาขาต่างๆทั่วทวีป เหมือนกับที่ป้อมปราการมอนเตเนโกแห่งนี้ แล้วพวกเขาจะบริหารงานต่างๆ ก่อนที่จะหานักผจญออกไปทำได้”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด