ตอนที่ 49 – การเปลี่ยนแปลงของวิญญาณอันเดต
เจ่าไห่จ้องมองไปที่อันเดตตัวนี้ เขานั้นไม่รู้จริงๆว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร แม้ว่าจะมีเรื่องราวของซอมบี้ต่างๆในชีวิตในโลกของเขา แต่มันก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล่า แต่นี้เป็นของจริง
โครงกระดูกจระเข้นั้นเคลื่อนที่ไปมาในห้องโถง มันสะบัดหางไปมาราวกับว่ามันยังมีชีวิตอยู่ แต่ร่างกายนั้นมีแต่โครงกระดูก และทิ้งรอยข่วนไว้ตามกำแพง
แต่สิ่งที่เจ่าไห่สังเกตุเห็นคือดาวตาทั้งสองที่กระพริบออกมาเป็นเปลวไฟสีเขียว
จระเข้ตัวนี้นั้นมีความยาวประมาณ 15 เมตรและสูงประมาณ 3 เมตร และกรงเล็บที่ยาวถึง 5 เมตร ถ้าหากว่าประตูปราสาทนั้นไม่ใหญ่พอ เจ้านี้ก็คงเข้ามาในปราสาทแห่งนี้ไม่ได้ เพราะมันคงจะไม่สามารถที่จะปีนข้ามกำแพงมาได้
เมื่อเปลี่ยนกลับไปยังแผนที่สามมิติ เจ่าไห่ก็เห็นส่วนหลักของปราสาท นอกจากกจระเข้นี้แล้วก็ยังมีสัตว์อสูรตัวอื่นๆอีกอย่างเช่นหนูกระดูกที่วิ่งไปมาอยู่ชั้นบน
จากนั้นเจ่าไห่ก็เปลี่ยนหน้าจอไปยังห้องนั่งเล่นอีกครั้งเพื่อสังเกตุจระเข้กระดูกนี้ “ปู่กรีน คุณคิดว่าเจ้านี้นั้นแข็งแกร่งแค่ไหน”
“นี้ไม่ใช่ สัตว์อสูรระดับสูง และเป็นเพียงแค่จระเข้น้ำตื้นธรรมดา ดังนั้นจึงไม่แข็งแกร่งมากซึ่งน่าจะอยู่ที่ระดับ 4 แต่เพราะมันเป็นอันเดต ดังนั้นมันจึงไม่ต้องกลัวตาย และจัดการลงได้ยาก นอกจากนี้แล้วโครงกระดูกนั้นก็มีพิษอยู่ด้วย ดังนั้นจึงต้องระวังมันอย่างมาก” กรีนกล่าว
เจ่าไห่พยักหน้า “ยายเมอร์ริน ช่วยดูด้วยว่าจะสามารถจับเจ้านี้เข้ามาในมิติได้หรือไม่ ผมต้องการจะสังเกตุมันอย่างละเอียด”
“นั้นง่ายมากเลยค่ะ ฉันสามารถทำมันได้” เมอร์รินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจก่อนจะยืนขึ้นและเดินออกไปข้างนอกกระท่อม
จากนั้นทุกคนก็เดินตามเธออกไป ก่อนที่เมอร์รินจะหันมายังเจ่าไห่ “นายน้อยช่วยเปิดประตูมิติให้หน่อยค่ะ”
จากนั้นประตูมิติก็ถูกเปิดขึ้นมา จากนั้นเมอร์รินก็ร่ายคาถาก่อนที่จะมีแสงสีฟ้าพุ่งเข้าไปในประตูมิติ แสงสีฟ้านั้นคล้ายกับเชือกขนาดใหญ่เข้ามัดตัวจระเข้กระดูกก่อนจะถูกดึงเข้ามาในมิติ
เจ่าไห่นั้นมองจระเข้ที่ถูกดึงเข้ามา บิดตัวไปมาบนพื้นดิน แสงสีฟ้านั้นมัดตัวจระเข้กระดูกไว้อย่างแน่นหนา จนมันไม่สามารถที่จะใช้กรงเล็บ,หางหรือปากได้เลยแม้แต่น้อย
เขานั้นไม่เคยเห็นซอบบี้ใกล้ขนาดนี้มาก่อน เขาจึงเห็นมันได้อย่างชัดเจนเลยว่าไม่มีเนื้อหนังใดๆนั้นติดอยู่บนกระดูกสีเขียวมรกตนี้เลย แต่มันกลับให้ความสวยงามที่ดูแปลกประหลาด
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงสะท้อน [การค้นพบวัตถุที่ไม่รู้จัก ทำการการสแกน การสแกนเสร็จสิ้นวัตถุชนิดหุ่นยนต์ที่มีพิษรุนแรง ทำการสกัดสารพิษ ทำการเสริมความรุนแรงของพิษในมิติ] [วัตถุมีความคลั่ง ไม่เป็นไปตามความต้องการของมิติ เริ่มทำการรีโปรแกรม ทำการรีโปรแกรมได้สำเร็จ] [สารพิษนั้นอาจมีผลต่อมนุษย์ในมิติ และต้องการภูมิคุ้นกันที่แข็งแกร่ง น้ำสเปเทียลนั้นสามารถล้างพิษได้ โปรดดื่มน้ำสเปเทียลให้เร็วที่สุด]
ทุกคนนั้นได้ยินเสียงเช่นกันถึงแม้ว่าพวกเขานั้นจะไม่เข้าใจคำว่าวัตถุชนิดหุ่นยนต์ หรือการสกัดพิษ และอื่นๆ เพราะนี้เป็นครั้งแรกที่เข้าได้ยินประกาศเช่นนี้ และดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจความหมายนั้นเลย
เจ่าไห่เองก็เข้าใจความหายของข้อความเพียงบางส่วนเท่านั้น ซึ่งสิ่งที่เขารู้ก็คือว่ามิติแห่งนี้จัดว่าพวกอันเดตนั้นเป็นหุ่นยนต์ ซึ่งก็อาจจะไม่ผิดสักทีเดียว
อย่างแรกเลยโครงกระดูกนั้นไม่มีเนื้อหนังและเลือด มันไม่มีหัวใจให้เต้น ดังนั้นจึงไม่จัดเป็นสิ่งมีชีวิต อย่างที่สองคือมันถูกควบคุมด้วยดวงวิญญาณซึ่งเหมือนกับหุ่นยนต์ที่ถูกควบคุมโดยสมาร์ทชิป ดังนั้นมิติจึงจัดมันเป็นหุ่นยนต์
ทั้งหมดนี้นั้นไม่น่าแปลกใจสำหรับเจ่าไห่ เพราะว่าเขาเองก็ไม่คิดเลยว่ามิติจะสามารถทได้ขนาดนี้ มันรู้ว่าพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อทุกคนในที่นี้จึงทำการสกัดและปรับปรุงน้ำสเปเทียล ทำให้เมื่อคนในมิติดื่มแล้ว พวกเขาก็ไม่ต้องกว่าสารพิษนี้แล้ว
ส่วนที่เจ่าไห่ไม่เข้าใจคือมิติบอกถึงเรื่องการรีโปรแกรมวัตถุ และการเพิ่มความแข็งแกร่งของสารพิษ นั้นหมายความว่าอย่างไร? มิติแห่งนี้มีสิ่งที่เป็นสารพิษด้วยงั้นเหรอ?
แต่เจ่าไห่ก็สังเกตุเห็นว่าโครงกระดูกนั้นหยุดดิ้นแล้ว และนอนลงอย่างเงียบสงบ และด้วยไฟสีเขียวก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
เมื่อมองไปยังดวงไฟ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าการรีโปรแกรมวัตถุคืออะไร
การรีโปรแกรมวัตถุก็คือเปลี่ยนดวงวิญญาณของอันเดตนั้นให้กลายเป็นพันธมิตร ซึ่งเขาจำได้ว่าสีเขียวบนหน้าจอนั้นหมายถึงศัตรูและสีแดงหมายถึงมิติ
แต่มันก็ต้องได้การทดสอบเพื่อยืนยันก่อน ดังนั้นเจ่าไห่จึงพูดกับเมอร์ริน “ยายเมอร์ริน ลองปล่อยเจ้านี้หน่อยครับ ดูเหมือนว่ามิตินั้นจะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นมิตรกับพวกเราแล้ว”
เมอร์รินนั้นรู้สึกประหลาดใจ แต่ก่อนที่เธอจะปล่อยมัน ทุกคนก็ล้อมเจ่าไห่ไว้ เพราะซอมบี้ตัวเดียนี้ไม่สามารถที่จะจัดการพวกเขาได้อย่างแน่นอน
เมอร์รินจึงคลายเวทย์มนตร์ของเธอ จากนั้นโครงกระดูกก็วิ่งตรงไปหาเจ่าไห่ แต่มันเหมือนกับสุนัขที่วิ่งไปหาเจ้าของด้วยความดีใจ
“หยุด!” เจ่าไห่พูดขึ้นอย่างรวดเร็ว
เขานั้นกลัวว่ามันจะเข้ามาใกล้จนเกินไปเพราะเขานั้นยังไม่ได้ดื่นน้ำสเปเทียลเพื่อป้องกันพิษของมัน ซึ่งถ้าไปสัมผัสมัน เขาก็จะติดพิษ นอกจากนี้แล้วเขาต้องการรู้ว่ามันจะฟังคำสั่งเขาหรือไม่
กรีนนั้นมองไปยังโครงกระดูด้วยความวิตกกังวลและพร้อมจะโจมตีใส่มัน แต่ความกลัวก็ลดลงเมื่อเจ่าไห่ออกคำสั่งและมันหยุดลงทันที แม้ว่ามันจะยังคงดูน่ากลัวแต่มันก็รู้สึกน่าสงสารไม่น้อย
เจ่าไห่นั้นไม่เคยคิดเลยว่าซอมบี้ที่ชั่วร้ายนั้นจะทำให้คนนั้นรู้สึกเช่นนี้
ทันใดนั้นเมอร์รินจึงกล่าวขึ้นมาทันทีว่า “ดูเหมือนว่าวิญญาณของซอมบี้นั้นจะเปลี่ยนไป ดูเหมือนว่าเราจะเก็บสมบัติมาได้จริงๆ”
เจ่าไห่นั้นงงกับคำพูดของเมอร์ริน “การเปลี่ยนแปลงของวิญญาณซอมบี้คืออะไรง้นเหรอครับยายเมอร์ริน?”
“การเปลี่ยนแปลงของวิญญาณอันเดตนั้นเป็นเรื่องที่พบได้ยาก เพราะถ้าอันเดตตนนี้ยังสามารถที่จะเคลื่อนไหวได้ มันก็สามารถที่จะพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นไปได้ นอกจากนี้แล้วมันอาจจะสามารถใช้พลังวิญญาณโจมตีได้อีกด้วย และพวกมันก็จะค่อยได้ความสามารถที่มันเคยมีตอนมีชีวิตอยู่คืนมา ตัวอย่างเช่นตอนนี้จระเข้นี้มีชีวิตอยู่มันเป็นจระเข้พิษ และเมื่อกลายเป็นอันเดตในตอนแรกมันเป็นเพียงแค่จระเข้กระดูกธรรมดา แต่เมื่อเวลาผ่านไปมันก็ได้คุณสมบัติพิษที่มันเคยมีก่อนตาย แต่จระเข้ตัวนี้ก่อนตายนั้นมันมีมีคุณสมบัติอยู่สองอย่างคือพิษและวิญญาณ ซึ่งมันจึงกลายเป็นอันเดตที่มีคุณสมบัติคู่อย่างที่เราเห็นในตอนนี้ ซึ่งตอนที่มันเปลี่ยนแปลงนั้นมันก็มีคุณสมบัติวิญญาณขึ้นมา
เจ่าไห่นั้นพยายามทำความเข้าใจ “ดังนั้นถ้าเป็นอันเดตที่เป็นมนุษย์ล่ะ? พวกเขาจะค่อยได้ทักษะในอดีตกลับมาอย่างงั้นเหรอ?”
เมอร์รินพยักหน้า “ใช่แล้วค่ะนายน้อย ถ้าคนนั้นก่อนตายเป็นนักเวทย์ เมื่อเขากลายเป็นอันเดตแล้ว พวกเขาจะค่อยๆได้ทักษะในอดีตของเขา ซึ่งหลายๆคนนั้นคิดว่าอันเตดนั้นมีเพียงแค่ธาตุมืดเพียงอย่างเดียว แต่นั้นเป็นความคิดที่ผิด อันเดตในทวีปนั้นมีคุณสมบัติธาตุที่หลากหลาย”
เจ่าไห่มองไปยังโครงกระดูกจระเข้ เขานั้นไม่เคยคิดเลยว่าจะเจอสมบัติเช่นนี้ การโจมตีทางวิญญาณนั้นเป็นการโจมตีที่น่ากลัวที่สุดในทวีปแห่งนี้ เพราะมันหาวิธีป้องกันได้ยากแม้กระทั่งนักเวทย์เองก็ตาม เขานั้นไม่เคยรู้เลยว่าเจ้านี้สามารถใช้พลังวิญญาณโจมตีได้ ซึ่งมันน่าประหลาดใจจริงๆ