ตอนที่ 41 – คำสาบาน
พวกทาสเหล่านี้นั้นไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดนั้นจะรู้วิธีการปรุงอาหารอยู่บ้างก็ตาม แต่ก่อนที่พวกเขาจะถูกส่งมาที่นี้ เจ้านายเก่าของพวกเขามักจะเลือกทาสบางคนมาทำอาหารให้แก่พวกทาสทั้งหมด จึงทำให้พวกเขาไม่รู้วิธีการปรุงอาหารใหม่ๆเลย
จึงทำได้เพียงแค่หุงข้าวง่ายเช่นนี้ ตอนนี้พวกทาสก็เริ่มหุงข้าวอีกหม้อแล้ว ก่อนที่จะปิดฟาด้วยฝาทองแดงที่เจ่าไห่นั้นให้ไว้
แน่นอนว่าพวกทาสตอนนี้ก็ไม่รู้วิธีการปรุงซุปเลยแม้แต่น้อย เพราะเจ้านายคนก่อนๆมักจะให้พวกเขานั้นทานได้แต่ข้าวหรืออย่างแย่สุดก็เป็นข้าวที่ขึ้นราแล้ว จึงเป็นเหตุว่าทำไม ในทุกวันๆในทวีปจะต้องมีทาสนั้นตายลง แต่เจ้านายพวกนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะพวกเขานั้นสามารถหาทาสใหม่มาได้เรื่อยๆ
ตอนนี้พวกทาสนั้นยืนจ้องผักและน้ำมันอย่างงุนงง แน่นอนว่าเดซี่นั้นเข้าใจความรู้สึกของพวกทาสเหล่านี้เป็นอย่างดีเพราะเธอนั้นเคยเป็นสามัญชนมาก่อน เธอจึงรู้วิธีทำอาหารมากกว่าคนอื่นๆ
เดซี่จึงเดินไปยังหม้อว่างที่เจ่าไห่ให้มา ก่อนจะเทน้ำมันลงไป น้ำมันพวกนี้นั้นมาจากผลไม้สีเหลืองที่มีน้ำมันสูงในทวีป ซึ่งปลูกได้ทั่วไปจึงทำให้มันมีราคาถูกมาก
เมื่อน้ำมันเริ่มเดือด เดซี่ก็ใส่ผักลงไปเพื่อผัด ก่อนที่จะเติมน้ำและใส่เกลือลงไปเล็กน้อยหลังจากนั้นก็รอจนน้ำเดือดก็เป็นการเสร็จ
นี้เป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดในการทำซุป แน่นอนว่ามันไม่มีเครื่องปรุงหรือใช้เทคนิคการทำอาหารใดๆ เลยนอกจากใส่เกลือลงไป
ในทวีปนั้น ราคาของเกลือนั้นไม่ถูกเลย พวกทขุนนางนั้นจะใช้เกลือคุณภาพดี แต่พวกทาสนั้นจะใช้เกลือที่ไร้คุณภาพที่เจือนปนไปด้วยสิ่งสกปรก
แม้ว่าเจ้านายของพวกเขาจะให้เกือบเพียงเล็กน้อยในอาหารแต่ละมื้อ ก็ถือว่าเจ้านายทาสพวกนั้นใจกว้างมากแล้ว โดยทั่วไป พวกทาสจะได้รับเกลือเพียงอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง และพวกทาสที่ได้รับจะมีจำนวนไม่มากนัก
เมื่อเห็นเดซี่นั้นกำลังทำน้ำซุปอย่างง่ายของเธออยู่ เจ่าไห่ก็ถอนหายใจออกมา เม็กที่ยืนอยู่ข้างๆก็พูดขึ้นมาว่า “นายน้อย มันจะไม่มีปัญหาเหรอค่ะ ฉันคิดว่าพวกเราควรจะให้เกลือแก่พวกทาสน้อยลงกว่านี้นะค่ะ?”
เจ่าไห่นั้นดูงงๆกับเม็ก “ด้วยหม้อใหญ่ขนาดนี้ ทำไมถึงให้เกลือน้อยเช่นนั้นลล่ะ? ข้านั้นกลับคิดว่า ทำไมตระกูลถึงอ่อนแอเช่นนี้ จนขนาดให้อาหารธรรมดาแก่พวกเขาไม่ได้ หลังจากที่เรามีเงินมากกว่านี้ พวกเราจะให้เขาได้ทานเนื้อด้วย”
เมื่อเจ่าไห่พูดจบ เจ่าไห่ก็รู้สึกว่ามีสายตาจ้องมองเขาอยู่ เขาจึงรู้สึกสับสนก่อนจะกระซิบกับเม็ก “ข้าพูดอะไรผิดหรือเปล่า?”
เม็กมองมาที่เจ่าไห่ แม้ว่าตระกูลบูดาจะมีทาสมาก่อนที่พวกเขาจะถูกเนรเทศมากจากจักรวรรดิ อดัมนั้นไม่เคยสัมผัสกับพวกทาสมาก่อนเลย แน่นอนว่า เขาจึงไม่รู้ว่าพวกทาสนั้นมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร ดังนั้นเธอจึงกระซิบและอธิบายชีวิตความเป็นอยู่ของทาสทั่วไปให้เจ่าไห่ฟัง
เจ่าไห่ตั้งใจฟังราวกับว่าเป็นเด็กเกิดใหม่ที่กำลังเรียนรู้เกี่ยวกับโลกใบนี้ ความคิดเรื่งอความเป็นอยู่ของผู้คนเหล่านี้นั้นต่างจากคำพูดของเม็กเป็นอย่างมาก มันเป็นเหมือนกับละครยุคเก่าจากทีวีในชีวิตอดีตของเขา มันจึงเป็นเรื่องยากที่เขาจะได้เข้าใจหรือสัมผัสประสบการณ์เช่นนั้น จึงทำให้เขานั้นไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของทาสพวกนี้ได้เลยแม้แต่น้อย
ทุกคนนั้นรอให้เม็กนั้นอธิบายเขาจบก่อน จากนั้นเจ่าไห่จึงมองไปยังพวกทาสด้วยสายตาที่เห็นอกเห็นใจพวกเขา ก่อนที่จะถอนหายใจและพูดขึ้นว่า “พวกเจ้าทุกคน สบายใจได้ ไม่ช้าหรือเร็ว ข้าจะทำให้พวกเจ่าได้ทาสเนื้อสัตว์ทุกวัน ข้าของสาบานด้วยชื่อของตระกูลบูดา”
เจ่าไห่นั้นเป็นคนดี แม้ว่าชีวิตในอดีตนั้นเขาจะเป็นคนขี้ขลาดและไม่มีทักษะทางด้านมนุษย์สัมพันธ์ แต่เขาเป็นเพียงโอตาคุที่ยังไม่ค่อยเข้าใจความมืดในโลกของเขาจึงทำเพียงแค่หลับตาและปิดกั้นการรับรู้เรื่องนั้นออกไป
แต่ในทวีปอาร์คแห่งนี้ เจ่าไห่นั้นมีสถานะที่เปลี่ยนไป เขานั้นเป็นขุนนางที่มีดินแดนเป็นของตัวเอง เขานั้นมีทาสกว่าร้อยชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ คำพูดของเขานั้นเป็นตัวตัดสินความเป็นอยู่ของคนพวกนี้ ทำให้เจ่าไห่นั้นมีภารที่ยิ่งใหญ่ และเขาเชื่อว่า นี้คือหน้าที่ของเขาที่จะต้องทำให้ทุกคนนั้นมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยอาศัยการพัฒนาดินแดนของเขา
พวกทาสนั้นคุกเข่าลง และก้มหัวลงราวกับคลื่นทะเลยที่เคลื่อนที่ไป “นายน้อยให้รางวัลแก่พวกเรา!”
แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรให้กับเจ่าไห่ แต่คำพูดแค่นี้ก็เพียงพอสำหรับเจ่าไห่แล้ว พวกขุนนางในทวีปแห่งนี้นั้นมีประเพณีแปลกๆ ที่พวกเขาจะไม่สาบานกันอย่างง่ายๆ แม้ว่าในสถานกาณ์อย่างไร พวกเขาก็จะไม่สาบานโดยชื่อตระกูลอย่างง่ายๆ เพราะว่าการสาบานนั้นเหมือนกับการให้คำปฏิญาณแก่พระเจ้าด้วยตระกูลของพวกเขา จึงทำให้คำสาบานนี้บิดพริ้วไม่ได้
ด้วยเหตุนี้เอง พวกทาสจึงเชื่อในคำพูดของเจ่าไห่ พวกเขาเชื่อว่าเมื่อเจ่าไห่นั้นให้คำสาบานนี้แล้ว ซักวันพวกเขาจะต้องได้ทานเนื้อสัตว์ทุกวันอย่างแน่นอน
เม็กนั้นอ้างปากค้าง แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะพูดอะไรได้ เพราะในช่วงที่ผ่านมา เธอนั้นได้รับหน้าที่ในการดูแลทาสจึงทำให้เธอนั้นรู้สึกสงสารพวกเขาไม่น้อย เธอจึงไม่คัดค้านอะไรกับเจ่าไห่
ทันใดนั้นเสียงเมอร์รินก็ตะโกนออกมา “นายน้อยค่ะ ถึงเวลาที่จะทาสอาหารแล้วค่ะ”
เจ่าไห่จึงพยักหน้าให้กับเมอร์ริน ก่อนจะหันมายังฝูงชน “เม็ก เดซึ่และแอน ได้เวลาไปทานอาหารกันแล้ว”
เดซี่และแอนนั้นอยากจะอยู่กินกับพวกทาสเหล่านี้ แต่เจ่าไห่นั้นบอกให้พวกเขาไปด้วย จึงต้องทำตามคำสั่งโดยมีบล๊อคและร๊อคตามไปด้วย
เมื่อพวกเขานั้นเดินเข้าไปในกระท่อมแล้ว พวกทาสก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น แม้ว่าเจ่าไห่นั้นจะดีกับพวกเขามาก แต่พวกรู้ตัวดีว่าเป็นแค่ทาส และเจ่าไห่นั้นเป็นเจ้านาย จึงทำให้พวกเขานั้นรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่ออยู่กับเขา
ข้างในกระท่อม เมอร์รินนั้นทำแพนเค้กและน้ำซุป แม้ว่าเจ่าไห่นั้นต้องการจะทานข้าว แต่เมื่อมองเมอร์รินแล้วก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีหวัง
ในกระท่อมนั้นมีเก้าอี้เพียงแค่สี่ตัว เจ่าไห่จึงนำมันออกมาเพิ่มมาอีกสาม จึงทำให้มีที่นั่งเจ็ดที่่ แม้ว่าโต๊ะนั้นจะไม่ใหญ่มากเหมือนกับในปราสาท แต่มันก็เพียงพอสำหรับทุกคน
หลังจากที่ทุกคนนั่งแล้ว เจ่าไห่ก็หยิบมีดและส้อมก่อนจะลงมือทานแผนเค้ก ซึ่งแน่นอนว่าเขานั้นไม่อยากจะใช้มีดและส้อมแต่เมอร์รินนั้นก็ไม่เห็นด้วย เนื่องจากการปฏิบัติตัวให้สมกับฐานะ
แม้ว่าแพนเค้กนั้นจะไม่อร่อยมาก แต่ก็ทานได้ เจ่าไห่จึงทานมันอย่างช้าๆ ซึ่งหลังจากทานเสร็จแล้ว เมอร์รินก็เก็บทุกสิ่งก่อนที่พวกเขาจะออกไปจากกระท่อม ซึ่งก็เป็นเวลาที่พวกทาสเหล่านี้นั้นทาสเสร็จแล้ว
ซึ่งหม้อนั้นถูกทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งดูเหมือนว่าพวกทาสจะทานจนอิ่มและนั่งอยู่ราวกับคนไร้วิญญาณ
เจ่าไห่นั้นรู้ดีว่าเมื่อทานอาหารแล้ว บางคนจะรู้สึกง่วงนอน แน่นอนว่าทาสเหล่านี้ก็เช่นกันเจ่าไห่จึงไม่ได้สั่งให้พวกเขานั้นลงขึ้น และยังอนุญาตให้พวกเขาพักผ่อนได้
เมื่อมองดูถังขยะ เจ่าไห่นั้นไม่อยากให้มิติแห่งนี้นั้นสกปรก ซึ่งเขานั้นสามารถที่จะนำสิ่งเหล่านี้ไปทิ้งภายหลังได้ นอกจากนี้แล้วเขายังมองขึ้นไปยังท้องฟ้า แม้ว่ามันจะมีหมอกเล็กน้อย แต่ก็ไม่เห็นควันสีดำที่ชัดเจน แม้ว่าเขาจะจุดไฟก็ตาม ซึ่งมันก็เป็นสิ่งดีเพราะมิตินั้นมีขนาดไม่เล็กเลย
เจ่าไห่หันไปหาเมอร์ริน “เมอร์รินนั้นให้พวกเขานั้นพักผ่อนหน่อย พวกเขานั้นรู้สึกง่วงนอนหลังจากทานอาหร”
เมอร์รินมองไปยังพวกทาสและพยักหน้าของเธอ “ถ้าเช่นนั้น พวกเราก็ควรจะพักผ่อนเช่นกัน”
เจ่าไห่นั้นส่ายหัว “ยายเมอร์ริน เม็ก บล๊อคและร๊อค ตามผมไปในกระท่อมหน่อย ผมมีบางอย่างที่อยากจะให้พวกคุณได้เห็น”เจ่าไห่จึงเปิดประตูและเดินเข้าไปในกระท่อม
เมอร์รินนั้นไม่รู้เลยว่าเจ่าไห่ต้องการให้เธอดูอะไร แต่พวกเขาก็ยังตามเข้าไป