ตอนที่ 39 – ความสามารถใหม่
เจ่าไห่รู้ว่าเมอร์รินจะไม่ทำให้เขาผิดหวังอย่างแน่นอน เพราะว่าเมอร์รินนั้นเป็นักเวทย์ระดับแปดซึ่งนั้นหมายความว่าเธอนั้นมีเคยมีลูกศิษย์อยู่ในจักรวรรดิอาร์ซูก่อนที่พวกเขาจะตายไปพร้อมกับพ่อของอดัม
แต่เมอร์รินก็มีประสบการณ์กับการเป็นครูอยู่ ทำให้เธอนั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการสอนพวกทาส ในขณะเดียวกันเจ่าไห่นั้นก็ยังมีปัญหาให้ปวดหัวอีกปัญหา
พวกเขานั้นสามารถที่จะเก็บเกี่ยวข้าวโพดได้เมื่อมันโตเต็มที่เพื่อเป็นอาหารและฝืน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีปัญหาเรื่องของอาหาร แต่เจ่าไห่ก็มองเห็นปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น นั้นก็คือเวลาที่พวกเขานั้นปรุงอาหารย่อมต้องก่อไฟซึ่งมันจะเกิดควันอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่ามิติฟาร์มนั้นจะมีขนาดใหญ่ แต่มันก็ไม่มีทางออกสำหรับควันพวกนี้ ถ้าปล่อยเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ช้าก็เร็วควันจะต้องเต็มมิติแห่งนี้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้แล้วเจ่าไห่ก็กลัวว่ามันจะสร้างมลพิษแก่มิติฟาร์มด้วย แต่จะให้เขาสั่งให้พวกทาสกินแต่หัวไชเท้าทุกวันงั้นเหรอ? สิ่งเดียวที่เขาคิดได้ในตอนนี้ก็คือจำกัดจำนวนครั้งการทำอาหารจนกระทั่งทุกคนนั้นสามารถออกไปจากมิติได้ หรือหาวิธีที่จะกำจัดควันพวกนี้ออกไป
แต่เจ่าไห่ก็ยังมีเรื่องกังวลอีกเรื่อง คือเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอกบ้าง เขากลัวว่าเมื่อพวกเขานั้นออกไปแล้วก็เจอแต่ซากปรักหักพังของปราสาทจนไม่สามารถที่จะอยู่ได้ และต้องย้ายออกไป ซึ่งนั้นจะเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุด
จากนั้นเขาก็เดินไปเดินมาในห้อง แต่เจ่าไห่ก็คิดอะไรไม่ออกจึงเรียกหน้าตามิติฟาร์มขึ้นมา แต่ตอนนี้มันเป็นหน้าจอสีดำอยู่
ซึ่งเจ่าไห่นั้นยังไม่รู้วิธีเปิด เขาจึงลองพูดคำว่า “เปิดหน้าจอ”
ซึ่งมันก็ไม่ตอบสนองอะไรขึ้นมา ทำให้เจ่าไห่รู้สึกอายเล็กน้อย ซึ่งเมื่อมองแล้วเขาก็ไม่เห็นสวิทซ์ใดๆบนจอเลย ทำให้เขานั้นก็ยังหาวิธีเปิดมันไม่ได้
เจ่าไห่จึงลองเอามือไปแตะหน้าจอ แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะแตะได้เหมือนเช่นนอกมิติ จากนั้นจอก็สว่างขึ้น ซึ่งมีไอคอนร้านค้า โรงนาแล้วก็เครื่องมือปรากฎขึ้นบนหน้าจอ
เขานั้นตะลึง เพราะก่อนหน้านี้ตอนนี้เขานั้นเรียกหน้าต่างมิติขึ้นมา มันแสดงเฉพาะไอคอนร้านค้า เขาจึงไม่เคยคาดคิดว่ามันจะมีไอคอนใหม่เพิ่มขึ้นมา
แต่เจ่าไห่นั้นก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากกับไอคอนที่เพิ่มขึ้นมา แต่สิ่งที่สำคํยที่สุดคือว่าสิ่งเหล่านี้นั้นทำอะไรได้บ้าง ตอนนั้นเขาก็สังเกตุเห็นถึงไอคอนที่ดูเหมือนว่าจะไม่เกี่ยวกับฟาร์มเลย ซึ่งมันเป็นไอคอนรูปกล้อง
เจ่าไห่นั้นก็นิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง เพราะถ้าไอคอนชนิดนี้นั้นไปอยู่บนคอมพิวเตอร์มันก็คงจะไม่แปลกอะไร แต่การที่ไอคอนนี้ปรากฎบนจอของมิติฟาร์ม มันก็เป็นเรื่องที่น่าแปลก
เขานั้นจึงลองกดลงบนไอคอนนี้เพื่อดูว่ามันสามารถทำอะไรได้บ้าง ทันใดนั้นไอคอนก็เปล่งแสงออกมาก่อนที่จะพุ่งไปยังหน้าผากของเจ่าไห่ ก่อนที่ในหัวของเขานั้นก็เต็มไปด้วยข้อมูลต่างๆ
แต่เพราะด้วยข้อมูลที่เขามามหาศาลทำให้เจ่าไห่ต้องหลับตาลงและเพ่งสมาธิของเขาเพื่อซึมซับข้อมูลต่างที่ได้รับมา
และเมื่อเจ่าไห่นั้นซึมซับข้อมูลเสร็จแล้วเขาก็ลืมตาขึ้นมา “ดูเหมือนว่ามันจะเป็นจอมอนิเตอร์ภาพของกล้องนะ”
ในที่สุดเจ่าไห่ก็เขาใจแล้วว่าไอคอนนี้ไว้ใช้สำหรับทำอะไร มันเหมือนเป็นกล้องที่ใช้สำหรับตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ พูดก็ง่ายก็คือ ที่จุดที่เขานั้นถูกส่งตัวเข้ามาในมิตินั้น เขาสามารถที่จะเห็นภาพรอบพื้นที่บริเวณนั้นได้ในระยะหนึ่งร้อยเมตรรอบนั้น เนื่องจากตอนนี้เลเวลของฟาร์มนั้นยังน้อยจึงมองได้ไกลแค่นี้ และเมื่อมิติฟาร์มนั้นมีเลเวลที่มากขึ้น เขาก็สามารถเห็นได้ไกลมากขึ้น
เจ่าไห่จึงนั่งลงบนเตียงและแตะลงบนไอคอนกล้องอีกครั้ง จากนั้นหน้าจอก็เปลี่ยนไปตอนนี้มันแสดงภาพสามมิติของปราสาท
ซึ่งใต้ภาพก็แสดงค่าระยะทางที่เขาสามารถมองเห็นได้ ซึ่งในตอนนี้คือหนึ่งร้อยเมตร
ซึ่งในภาพสามมิตินั้นก็เห็นจุดสีเขียวจำนวนมากเดินวนไปมาก เจ่าไห่จึงลองแตะลงบนจุดสีเขียวบนหน้าจอ จากนั้นหน้าจอก็เปลี่ยนไปและโชว์สัตว์อสูรรูปร่างคล้ายหนูขึ้นมา ซึ่งมันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นและอยู่ทางขวาของกองไม้พุที่ดูเหมือนว่ามันจะมาจากโซฟา
เจ่าไห่ก็คอยสังเกตุหน้าจอก็พบว่าที่มุมซ้ายบนนั้นมีภาพสามมิติของปราสาทเล็กอยู่ ซึ่งเขาก็รูปนี้คืออะไร จึงลองแตะดูซึ่งมันก็เป็นไปอย่างที่เขาคิดนั้นก็คือ มันเป็นทางที่จะกลับไปยังหน้าแรกที่ปรากฎภาพสามมิติขึ้นมาและประกอบด้วยจุดสีเขียวเต็มไปหมด
เจ่าไห่ก็เข้าใจว่าจุดสีเขียวนี้คือตัวแทนของซอมบี้สัตว์อสูร
เขาจึงตัดสินใจที่เลือกเข้าไปยังห้องนั่งเล่นอีกครั้ง จากนั้นภาพหน้าจอก็เปลี่ยนไป แต่คราวนี้มันมีสัตว์อสูรรูปร่างหนูอยู่สองตัว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือหนูที่เจ่าไห่นั้นเคยเห็นแล้วก่อนหน้านี้ ส่วนอีกตัวนั้นก็กำลังแทะโซฟาอยู่ ซึ่งดูเหมือนว่าโซฟานั้นจะถูกทำลายจากการกัดแทะของหนู
จากนั้นเขาก็นั่งดูสังเกตุการณ์ไปเรื่อง แต่หนูหนึ่งในนั้นก็ค่อยๆเข้ามาไกลจอขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เจ่าไห่นั้นตกใจก่อนที่จะปัดหน้าจอทิ้ง ทำให้หน้าจอนั้นเปลี่ยนไปห้องที่อยู่ข้างๆห้องนั่งเล่น
เจ่าไห่นั้นตัวแข็งทื่อไปสักครู่ เขาไม่คิดเลยว่าจะสามารถใช้นิ้วนั้นเปลี่ยนหน้าจอนี้ได้
เจ่าไห่จึงลองเลื่อนนิ้วลงบนหน้าจอจึงเห็นที่ลานกว้างของปราสาท ซึ่งมันเต็มไปด้วยซอมบี้สัตว์อสูรหลากชนิด ซึ่งโยนและทำลายกองฟางและเสื่อฟางด้วย
เมื่อเห็นเช่นนั้นเจ่าไห่ก็ถอนหายใจก่อนที่จะปิดหน้าต่างลงไป ตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าสัตว์อสูรที่อยู่ข้างนอกนั้น ยังไม่ออกไปจากปราสาทเลยแม้แต่น้อย
จากนั้นก็มีเสียง *ตึ่ง* ดังก้องออกมา [ข้าวโพดโตเต็มที่แล้ว โปรดเก็บเกี่ยวให้เร็วที่สุด]
จากนั้นเจ่าไห่ก็เดินออกจากกระท่อมทันทีและเห็นเมอร์รินที่กำลังสอนหนังสืออยู่ ทุกคนนั้นมองไปยังเจ่าไห่อย่างงุนงง แต่เจ่าไห่กลับไม่ได้ใส่ใจอะไร เขาทำเพียงแค่พูดเบาๆว่า “เก็บเกี่ยวข้าวโพด โดยเก็บแยกต้นข้าวโพด ,ซังข้าวโพดและเมล็ดข้าวโพด
เมื่อเขาพูดจบ ตระกร้าก็ลอยขึ้นไปรวบรวมต้สข้าวโพด จากนั้นตระกร้าก็เก็บข้าวโพดที่ปลูกไว้ทั้งหมด
แม้ว่าพวกทาสเหล่านี้จะเห็นเจ่าไห่นั้นเก็บข้าวโพดมาแล้ว แต่เมื่อความเขาเห็นเขาเก็บเกี่ยวข้าวโพดอีกครั้ง มันก็ยังเป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจ
จากนั้นเอาก็นำต้นข้าวโพดและซังข้าวโพดมาวางไว้ใกล้ๆกับเตาอบที่เขาขุดไว้พร้อมกับถุงอาหารที่เขานั้นเก็บมาด้วย จากนั้นเขาก็ทำการปลูกข้าวโพดชุดถัดไป
เมอร์รินเข้าใจทันทีว่านี้เป็นเวลาอาหารแล้ว เธอจึงวางกระดาษและสั่งพวกทาสว่า “ได้เวลาอาหารแล้ว ไปเตรียมอาหารเย็นกันเอง”
พวกทาสนั้นตั้งใจที่จะเรียนจนลืมเรื่องอาหารไปเลย เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว โอกาสที่ได้รับการศึกษานั้นเป็นเรื่องที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่ต้องการจะทานอาหาร
เจ่าไห่นั้นไม่รู้ว่าพวกทาสนั้นทานอะไร แต่ช่วงหลายวันนี้เขาได้กินเพียงแค่ขนมปังซึ่งมันทำให้เขานั้นรู้สึกเบื่อแล้ว แต่เมื่อพวกเขานั้นอยู่ในมิติแห่งนี้ เจ่าไห่ก็อยากจะรู้ว่าเมอร์รินจะทำอะไรให้เขาได้ทาน
ทันใดนั้นเมอร์รินก็หันมาถามเจ่าไห่ “นายน้อย คุณมีผัก ,แฮมและน้ำมันอยู่บ้างไหม?”
เจ่าไห่นั้นจึงนำทุกอย่างที่เมอร์รินนั้นต้องการออกมาซึ่งผักและน้ำมันบางส่วนนั้น เธอให้พวกทาสนำไปใช้ ส่วนน้ำมัน,ผักและแฮมที่เหลือนั้น เธอนำมันเข้าไปในกระท่อมด้วย
ซึ่งห้องครัวในกระท่อมเจ่าไห่นั้นแม้ว่าจะมีเครื่องครัวมากมายหลายอย่างแต่ก็มีหลายอย่างที่เธอนั้นไม่เคยเห็นมาก่อน
เจ่าไห่นั้นไม่รู้ว่าวันนี้เมอร์รินจะทำอะไรให้ทาน เขาจึงเดินตามเธอเข้าไปในกระท่อม เขาจึงพบว่าเธอนั้นกำลังนวดแป้งอยู่ ดังนั้นเจ่าไห่จึงคิดว่าเธอนั้นจะทำแพนเค้ก
เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาก็ไม่อยู่ในกระท่อมแล้วเพราะเขาคงจะช่วยอะไรได้ไม่มากแล้วออกมา
แต่เมื่อออกมาเขาก็ต้องตะลึง ข้าว! ทาสกำลังปรุงข้าวอยู่ ทาสนั้นกำลังจุดไฟใต้หม้อ และดูเหมือนว่าพวกเขาจะเทน้ำมันลงไปจากนั้นเขาก็ใส่ข้าวลงไป เจ่าไห่นั้นขนลุกขึ้นมาเพราะนี้เป็นครั้งแรกที่เขาเคยเห็นข้าวในโลกแห่งนี้