ตอนที่ 37 – เดินทางสู่มิติฟาร์ม
โชคดีที่กำแพงนั้นไม่ห่างจากปราสาทมากนัก และร๊อคที่วิ่งได้อย่างรวดเร็ว ทำให้พวกเขานั้นไม่เวลาไม่นานก็ถึงห้องโถงในปราสาท
ในห้องโถงของปราสาทนั้นไม่ใหญ่พอที่จะบรรจุคนได้ทั้งหมด แต่มันก็ไม่เกิดความวุ่นวายใดๆ พวกทาสนั้นเข้าใจดีว่าถ้าหากพวกเขานั้นไม่เชื่อฟังคำสั่งของเจ้านายแล้วล่ะก็ พวกเขามีโทษสถานเดียวคือ “ตาย” ดังนั้นพวกเขาจึงยืนอย่างเป็นระเบียบภายใต้คำสั่งของบล๊อค
“ยายเมอร์ริน คุณเข้าไปในมิติก่อน” เจ่าไห่กล่าวทันทีที่เขาเข้ามาในห้องโถง “เมื่อพวกทาสเขาไปในมิติ คุณก็จัดระเบียบและไม่ให้พวกเขานั้นวิ่งเพ่นพ่านไปมา บล๊อคและร๊อค เจ้าคอยคุ้มกันประตูไว้ ส่วนเม็ก เดซี่ และแอน ก็ช่วยกันจัดระเบียบพวกทาสเพื่อส่งพวกเขาเข้าไปในมิติ”
เดซี่และแอนนั้นไม่รู้เรื่องของมิติ เจ่าไห่จึงให้พวกเขานั้นทำงานกับเม็ก เมื่อพวกเขานั้นเข้าไปในมิติแล้ว เมอร์รินจะช่วยลดความตื่นตระหนกเมื่อพวกทาสเข้าไป ในขณะที่ร๊อคและบล๊อคนั้นก็ค่อยเตือนเมื่อมีสัตว์อสูรบุกเข้ามา
จากนั้นก็ปรากฎหลุมมิติขึ้นมาข้างๆเจ่าไห่
พวกทาสนั้นไม่แปลกใจกับหลุมมิติที่ปรากฎขึ้นมา เพราะพวกเขานั้นเคยเห็นแล้วตอนที่เจ่าไห่ปรับปรุงพื้นที่ในแดนทมิฬ เมื่อเจ่าไห่เห็นปฏิกิริยาของพวกทาสก็ทำให้เจ่าไห่นั้นแปลกใจเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามเมื่อเมอร์รินนั้นเดินเข้าไปในมิติ พวกเขาก็ตกใจเล็กน้อย เมื่อเมอร์รินเข้าไปแล้ว ก็ถึงเวลาของพวกทาสที่จะต้องตามเข้าไป
พวกทาสนั้นเกิดอาการกลัวเล็กน้อย พวกเขานั้นไม่รู้ว่าเจ่าไห่จะพาพวกเขาไปที่ไหน แต่เมื่อพวกเขานั้นเห็นว่าเมอร์รินนั้นเข้าไปแล้ว พวกเขาก็รู้ว่าเจ่าไห่นั้นไม่ทำร้ายพวกเขาอย่างแน่นอน และด้วยการดูแลของเม็ก พวกทาสก็ค่อยเดินเข้าไปในหลุมมิติ
โดยตอนนี้พวกเขานั้นได้ยินเสียงคำรามของสัตว์อสูรมาจากข้างนอกพร้อมกับเสียงกระแทกของพวกมันกับประตูปราสาท พวกทาสจึงเร่งรีบเข้าไปในหลุมมิติ โชคดีที่เจ่าไห่นั้นสามารถสร้างหลุมมิติที่ใหญ่พอที่ทาสสี่คนจะเข้าไปพร้อมกันได้
เมื่อพวกทาสเข้าไปในมิติจนหมดแล้วพร้อมกับเดซี่ แอนและเม็ก จากนั้นเจ่าไห่พร้อมกับบล๊อคและร๊อคก็สั่งให้มิติให้ส่งพวกเขาเข้าไปข้างในมิติ
พวกทาสที่เขามานั้นกำลังตกตะลึงกับภาพที่อยู๋ตรงหน้าพวกเขา
เมื่อเข้ามายังในมิติ เจ่าไห่ก็พบว่าตอนนี้หัวไชเท้านั้นสามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลานั้น เขาลุกขึ้นยืนและตะโกนใส่พวกทาส “พวกเจ้าทั้งหมด จงฟัง นี้คือมิติฟาร์มของข้า อย่าเดินเพ่นพ่านไปรอบๆ และหาที่นั่งลงซะ ที่สำคัญที่สุดระวังเท้าของเจ้า อย่าหยีบหัวไชเท้าด้วย”
โชคดีที่มิติฟาร์มของเขานั้นเปิดพื้นที่บางส่วนไว้ทำให้มีพื้นที่พอจะรับรองคน แต่นี้เป็นครั้งแรกที่เจ่าไห่นั้นพยายามที่จะเปิดพื้นที่ในมิติฟาร์มเพิ่มขึ้นแต่กลับไม่มีการตอบสนองใดๆเลย
แม้ว่าพวกทาสนั้นจะยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์มากนัก แต่พวกเขาก็เพียงทางเลือกเพียงอย่างเดียวคือนั่งลงอย่างสงบ หลังจากนั้นเจ่าไห่ก็หันไปหาเมอร์รินหลังจากมองไปยังไปยังพวกทาส “ยายเมอร์ริน ผมเอาถ้วยเปล่าติดมาด้วย ถ้าหากใครอยากจะดื่มน้ำ ก็ให้ไปทีน้ำพุตรงนั้นได้เลย ผมเอาผ้าห่มบางส่วนมาด้วยซึ่งใช้นอนได้” เมื่อพูดเช่นนั้นแล้ว เจ่าไห่ก็เดินไปยังโรงนาและเอาถ้วยน้ำออกมา พวกมันนั้นเป็นถ้วยไม้ซึ่งกรีนนั้นซื้อมาสำหรับพวกทาส
เมอร์รินและเม็กนั้นช่วยกันลำเลียงถ้วย เจ่าไห่นั้นยังนำผ้าห่มมาให้สำหรับพวกทาสนอนบนพื้นด้วย และหลังจากนั้นเขาก็นำเบาะรองนั่งออกมา
ซึ่งเบาะรองนั่งที่เอาออกมานั้นไม่ได้ไว้ใช้สำหรับนั่ง แต่นำมันมาสร้างกำแพงอย่างง่ายๆด้วยคนจำนวนมากเช่นนี้และมีทั้งชายและหญิง พวกเขานั้นจำเป็นต้องมีห้องน้ำ ถึงแม้ว่าจะจำนวนเบาะรองนั่งนั้นจะมีไม่มาก แต่เบาะนั่งที่กรีนซื้อมาก็มีจำนวนมากพอที่จะสร้างกำแพงสำหรับแบ่งเป็นสองโซน
บล๊อคและร๊อคนั้นนำทาสชายไปอีกฝั่งของโรงนาและกั้นด้วยกองเบาะนั่ง ส่วนทาสหญิงนั้นอยู่อีกฝั่ง
หลังจากที่ทุกคนเริ่มทำงานแล้ว เจ่าไห่ก็รู้สึกโล่งใจและมีเวลาที่จะทำการเก็บเกี่ยวหัวไชเท้าและปลูกชุดใหม่
เพื่อที่จะทำให้พวกทาสสงบใจได้ เจ่าไห่นั้นได้ให้หัวไชเท้าเวทย์มนตร์แก่พวกทาสกิน หัวไชเท้าสีขาวที่ให้รสหวานและเผ็ดเล็กน้อย เมื่อเห็นภาพที่พวกเขานั้นกินหัวไชเท้าด้วยกันแล้ว มันให้ภาพที่น่าประทับใจอย่างมาก
พวกทาสนั้นกินกันอย่างมีความสุข นี้เป็นครั้งแรกในชีวิตของพวกเขาที่ได้ทานหัวไชเท้าที่อร่อยเช่นนี้
หลังจากที่เจ่าไห่เห็นพวกทาสนั้นสงบใจลงแล้ว เจ่าไห่ก็เดินไปในกระท่อมของเขา
ภายในกระท่อมนั้นมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่มันก็มีขนาดใหญ่พอสำหรับเตียง และโต๊ะเพื่อสำหรับนั่ง ซึ่งมันสบายอย่างมาก แม้ว่าเจ่าไห่หวังว่าจะได้หลับอย่างสบายในคืนนี้ แต่เขารู้ดีว่านี้ยังไม่ใช่เวลานั้น เมื่อเขาเข้าไปในกระท่อมหลังจากที่บอกให้เมอร์รินนั้นไปเรียกคนอื่นๆ นอกจากเดซี่และแอนที่ให้ดูแลพวกทาสเข้ามาในนี้
เมื่อทุกคนมาถึงและมองไปรอบๆในกระท่อมและหาเก้าอี้นั่ง
“ตอนนี้พวกเราไม่รู้ว่าสถานการณ์ข้างนอกของสัตว์อสูรนั้นเป็นอย่างไรบ้าง แม้ว่าพวกเราจะหวังว่าพวกมันจะกลับไปในบึงเช่นก่อนหน้านี้ แต่พวกเราก็ต้องเตรียมตัวไว้เพื่อว่าพวกมันจะอาศัยปราสาทอยู่” เจ่าไห่กล่าวออกมา “ในอีกไม่กี่ชั่วโมง ข้าวโพดที่ปลูกไว้จะเก็บเกี่ยวได้ นอกจากนี้แล้ว พวกเรายังมีอาหารที่ผมนำมาจากโกดังใต้ดินด้วย ดังนั้นเรื่องอาหารและฟืนจึงไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าเราปล่อยพวกทาสไว้เช่นนี้ พวกเขาก็เพียงแต่อยู่เฉยๆภายใต้ความหวาดกลัวโดยเปล่าประโยชน์ ยายเมอร์ริน คุณมีข้อเสนอแนะใดๆหรือไม่”
เมอร์รินนั้นพยายามคิดแต่เธอนั้นก็ทำได้แค่ส่ายหัว “แม้ว่าในมิตินี้จะมีขนาดใหญ่ แต่มันก็ไม่มีพื้นที่ให้พวกเขานั้นเพาะปลูก ฉันนั้นจนปัญญาจริงๆ แล้วนายน้อยล่ะค่ะ คุณมีแผนอย่างไรสำหรับพวกทาสไว้บ้าง?”
เจ่าไห่จึงเดินไปหยิบของในกระท่อมขึ้นมา “ผมนั้นได้นำหนังสือมาจากห้องเรียนก่อนที่จะเข้ามาในมิติ ยายเมอร์ริน คุณช่วยสอนพวกทาสอ่านหนังสือได้หรือไม่ ถ้าพวกเราต้องการที่จะกอบกู้ตระกูลบูดาขึ้นมา การที่จะพึ่งพิงเพียงพละกำลังอย่างเดียวนั้นไม่พอ และผมก็ไม่คิดว่าพวกทาสเหล่านี้จะหักหลังพวกเราด้วย ดังนั้นการสอนให้พวกเขานั้นอ่านคำบางคำได้ มันอาจจะมีประโยชน์ในอนาคตก็ได้”
“นั่นเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ นายน้อย ในเมื่อพวกเขานั้นไม่สามารถที่จะทำอะไรได้แล้ว พวกเรานั้นก็ยังพอจะสอนพวกเขานั้นอ่านหนังสือได้ มันจะเป็นประโยชน์ในอนาคตอย่างแน่นอน”
เมื่อเธอนันตกลง เจ่าไห่ก็แบมือของเขา ก่อนที่จะมีหนังสือปรากฎขึ้นมาพร้อมกับกระดาษและหนัก “ยายเมอร์ริน ลองนำหนังสือนี้ไปใช้และสอนมันแก่พวกทาสด้วย”
เมอร์รินนั้นมองไปที่กองหนังสือ ก่อนที่จะหยิบมันขึ้นมา “นายน้อยนี้คือ”
เจ่าไห่นั้นเห็นเมอร์รินหยิบหนังสือขึ้นมาซึ่งมีชื่อว่า “การเดินทางของจักรพรรดิอาร์ซู” เขาพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “แต่ตอนนี้พวกเราจะยังไม่เริ่มสอนเขาในทันที พวกเขาพึ่งเขามาในมิตินี้ และบางคนอยู่ในอาการตกใจอยู่ ฉะนั้นปล่อยให้พวกเขานั้นพักซักหน่อยก่อน”
เมอร์รินพยักหน้าพร้อมกับมองใบหน้าของเจ่าไห่ที่เหนื่อยล้า “นายน้อย คุณควรจะพักซักหน่อย พวกเราขอตัวออกไปข้างนอกก่อน”
เจ่าไห่นั้นรู้ดีว่ากระท่อมนี้นั้นเล็กเกินไปที่จะให้ทุกคนพักผ่อนอยู่ข้างใน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่พูดว่า “ผมนั้นจะเอาผ้าห่มออกมาจากโรงนาก่อน ยายเมอร์ริน โปรดจำไว้ด้วยว่า ใช้มันตอนที่พวกคุณนั้นนอนอยู่ข้างนอกนั้นด้วย”
เมอร์รินนั้นบอกเขาว่าเธอจะทำตามนั้น ก่อนที่เธอและเม็กจะออกไปยังนอกกระท่อมและมีบล๊อคและร๊อคนั้นเฝ้าประตูไว้
จากนั้นเมอร์รินก็เดินไปหากลุ่มทาสก่อนจะตะโกนขึ้นมา “นี้เป็นมิติเวทย์ของนายน้อย ซึ่งในมิตินี้ทุกอย่างจะเชื่อฟังคำสั่งของนายน้อยเพียงผู้เดียว ข้างนอกนั้นมีซอมบี้สัตว์อสูรอยู่จำนวนมาก และพวกเราเกรงว่ามันจะบุกเข้ามาในปราสาทแล้ว ดังนั้นนี้เป็นสถานที่เดียวที่ปลอดภัยในตอนนี้ ดังนั้นพวกเจ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งอย่างเคร่งครัด ๋เข้าใจไหม?”
พวกทาสทั้งหมดจึงลุกขึ้นยืนและตะโกนว่า “เข้าใจแล้วครับ/ค่ะ” ทาสพวกนี้ได้รับการอบรมมาแล้ว หลังจากที่กลายมาเป็นทาส พวกเขาจะถูกอบรมอย่างเช่นการโค้งคำนับมาบางแล้ว ดังนั้นมันจึงเหมือนกับเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งของพวกเขา
เมอร์รินพยักหน้า “มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมายในวันนี้ และข้ารู้ดีว่าพวกเจ้านั้นกลัวมาก แต่นายน้อยพูดว่าถ้าพวกเจ้านั้นเหนื่อย พวกเจ้าสามารถที่จะพักผ่อนได้ แต่จงจำไว้ว่า อย่าเดินเพ่นพ่า เข้าใกล้กระท่อมของนายน้อยและทำอะไรกับมิติแห่งนี้ เข้าใจหรือไม่?”
พวกทาสเหล่านี้เข้าใจเป็นอย่างดี