ตอนที่ 27 – 2ตันครึ่งต่อวัน
ในช่วงที่เขานั้นกังวลใจกับปัญาหาเรื่องทะเลสาบทันใดนั้นก็มีเสียงก้องขึ้นมาว่า [ข้าวโพดเติบโตเต็มที่แล้ว โปรดเก็บเกี่ยวให้เร็วที่สุด]
เจ่าไห่นั้นตกใจกับเสียงที่ดังขึ้นมาก่อนที่จะมองไปที่เมอร์ริน “ยายเมอร์รินข้าวโพดที่ผมปลูกไว้นั้นโตเต็มที่แล้ว คุณอยากจะเข้าไปในมิติพร้อมกับผมไหม?” ถึงแม้ว่าเมอร์รินนั้นจะเคยเข้าไปในมิติฟาร์มมาแล้ว แต่เขาก็ยังให้เกียรติโดยถามเธอ เพื่อให้ตัดสินใจเองว่าจะไปหรือไม่
เมื่อได้ยินสิ่งที่เจ่าไห่พูดเธอพยักหน้า“ได้ค่ะ นายน้อย ฉันอยากจะเข้าไปดูข้าวโพดในมิติฟาร์มนั้นอีกครั้ง”
จากนั้นทั้งสองก็ไปปรากฏตัวในมิติฟาร์ม
เพราะตัวมิติทำให้หัวไชเท้าที่ปลูกไว้เมื่อเช้านั้นโตขึ้นจนมีใบเล็กๆแล้ว แต่ตอนนี้ข้าวโพดนั้นก็เติบโตเต็มที่พร้อมที่จะเก็บเกี่ยว ข้าวโพดนั้นใช้เวลาในการปลูกนานแต่มันก็เป็นพืชที่มีความทนทานสูง แถมยังให้ผลผลิตดีอีกด้วย ซึ่งฝักข้าวโพดที่ได้นั้นยาวถึง 50 ซม. และเมื่อฉีกเปลือกมันออกก็ทำให้เห็นถึงเมล็ดสีทองที่สวยงามของมัน
เมอร์รินนั้นไม่เคยเห็นข้าวโพดแลลนี้มาก่อน และทำได้เพียงแค่สงสัยเพราะเธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับมันดี
เจ่าไห่นั้นเดินไปยังไร่ข้าวโพดก่อนที่จะเด็ดข้าวโพดออกมาฟักหนึ่ง เมื่อปลอกเอาเปลือกสีเขียวที่ห่อหุ้มไว้ก็เปิดเผยถึงเมล็ดข้าวโพดสีทองที่อัดตัวเรียงกันแน่นจนเต็มฝัก จำนวนผลผลิตที่ได้ในคราวนี้นั้นไม่น้อยเลยซึ่งถ้าหากเขาคำนวณไม่ผิด ผลผลิตรอบนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 2 ตันครึ่ง
เจ่าไห่ส่งฝักข้าวโพดให้กับเมอร์รินด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “ยายเมอร์รินตราบเท่าที่พวกเราปลูกข้าวโพด เราสามาระใช้มันเป็นอาหารได้ แม้ว่ามันจะไม่ใช่พืชที่มีรสชาติที่อร่อยมากแต่มันก็สามารถทำให้อิ่มท้องได้ และมันยังใช้พื้นที่เพียงไม่เยอะก็สามารถที่จะให้ผลผลิตได้ถึง 2 ตันครึ่งต่อวัน และถ้าเอามันไปเป็นเมล็ดพันธุ์ก็สามารถนำไปปลูกได้มากมายมหาศาล ดังนั้นพวกเราจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป”
เมอร์รินจ้องไปที่ฝักข้าวโพดที่เจ่าไห่ให้มาจนตานั้นแถบถลนออกมา “นายน้อย เมื่อกี้คุณบอกว่าพวกเราสามารถผลิตอาหารได้ถึงสองตันครึ่งในทุกๆวันอย่างงั้นเหรอค่ะ?”
เจ้าไห้ยิ้มพร้อมกับพยักหน้า เขารู้ว่าเมอร์รินกำลังคิดถึงปริมาณในการกินของคน 100คนนั้นกับอาหารจำนวน 2 ตันครึ่งนั้นก็ถือว่าไม่มากมายนัก แต่ถ้าผลิตอาหารได้แบบนี้ต่อวันละก็ มันจะกลายเป็นอีกเรื่องเลยละ นี้ขนาดเจ่าไห่นั้นยังไม่ได้พูดถึงเวลาในการเติบโตจริงๆซึ่งใช้เวลาเพียงแค่ 14 ชั่วโมงซึ่งน้อยกว่า 1 วัน
เมอร์รินพูดบ่นพึมพำ “สะ…สองตันครึ่งต่อวัน สอ…สองตันครึ่งต่อวัน….”
Zhao หัวเราะ “ยายเมอร์ริน, ผมบอกคุณก่อนเลยว่าข้าวโพดนั้นยังไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดในมิตินี้เพราะผมจะปลูกพืชชนิดอื่นๆอีก แต่เนื่องจากช่วงเวลานี้นั้นมันเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด ผมเลยปลูกในช่วงนี้”
เมอร์รินได้สติและพูดตอบกลับว่า “นายน้อย ได้โปรดอย่าพึ่งปลูกพืชชนิดอื่น ด้วยผลผลิตที่สูงขนาดนี้ เราไม่จำเป็นต้องปลูกพืชชนิดอื่นใดๆเลย” เธอนั้นตื่นเต้นกับความสามารถของเจ่าไห่เป็นอย่างมากจนทำอะไรไม่ถูกเลย
“ไม่ต้องเป็นห่วง ช่วงนี้ผลยังไม่ปลูกพืชชนิดอื่นๆ แต่ยายเมอร์ริน คุณไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นขนาดนั้นก็ได้ เพราะมันยังมีพืชอีกหลายชนิดที่ให้ผลผลิตมากอย่างนี้อีกมากมาย ถึงแม้ว่าอาจจะมากไม่เท่ากับข้าวโพดนี้ แต่ก็จัดได้ว่าให้ผลผลิตที่ดี”
เธอพยักหน้าเมื่อได้ยินเจ่าไห่พูด “ยอดไปเลยค่ะ นายน้อย แต่ว่าพวกเราจะเก็บข้าวโพดพวกนี้ได้อย่างไร? พวกเราต้องหาคนมาช่วยเยอะมาเลยนะค่ะ”
เจ่าไห่หัวเราะออกมาเล็กน้อย “ไม่มีปัญหา ผมนั้นไม่จำเป็นต้องเก็บผลผลิตพวกนี้เองแต่ให้มิติเป็นคนจัดการ” จากนั้นเขาก็ตะโกนออกไปว่า “เก็บเกี่ยวข้าวโพด แยกต้นออกจากฝักและแยกเมล็ดออกจากในฝักด้วย” เขานั้นอยากรู้ว่ามิติจะทำตามคำสั่งของเขาได้ไหมเมื่อให้คำสั่งที่ซ้ำซ้อนมากขึ้น ถ้าหากมันสามารถทำได้ละก็ นั้นหมายความว่ามิติจะทำตามทุกอย่างที่เขาต้องการ
เมอร์รินจ้องมองไปที่เจ่าไห่ด้วยสีหน้าที่งุนงง เธอไม่รู้ว่าเขานั้นพูดกับใครอยู่ แต่หลังจากนั้นเธอก็ตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตะกร้านั้นบินไปในอากาศพร้อมกับข้าวโพดที่ลอยขึ้นมาและลอยเข้าไปในตะกร้านั้น
ก่อนที่เมอร์รินจะรู้ตัว เจ่าไห่ก็เดินไปยังหน้าโรงนาเรียบร้อยแล้ว เจ่าไห่นั้นสัมผัสกับประตูโรงนาก่อนที่จะมีหน้าต่างปรากฎขึ้นมาซึ่งทำให้เขานั้นหัวเราะออกมา
“นายน้อยค่ะ มันมีอะไรน่าขำงั้นเหรอค่ะ แล้วคุณสั่งให้ตะกร้านั้นลอยอย่างนั้นได้ยังไง?”เธอถามไปพร้อมกับชี้ไปที่ไร่ที่ข้าวโพดกำลังถูกเก็บเกี่ยวอยู่
เจ่าไห่ยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอก ยายเมอร์ริน ผมลืมบอกคุณไปอย่างหนึ่ง ในมิติแห่งนี้นั้นผมสามารถควบคุมได้ทุกสิ่ง ไม่ว่าจำปลูกผัก หรือเก็บเกี่ยวผลผลิตพวกนี้ คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก”
“สุดยอดไปเลยค่ะ นายน้อย” เมอร์รินมองด้วยความตื่นเต้น “ตอนนี้คุณวางแผนไว้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปหรือค่ะ”
นี้เป็นช่วงเวลาที่เจ่าไห่นั้นจำเป็นต้องระวังอย่างมากในการวางแผน จากนั้นเขาก็คิดถึงเมล็ดข้าวโพดที่เก็บเกี่ยวไว้ซึ่งหลังจากนั้นมันก็ปรากฎขั้นมาในมือของเขา
จากนั้นก็มีเสียงตอบดังขึ้นมาว่า [ข้าวโพด คุณภาพ : ยอดเยี่ยม สามารถใช้เป็นเมล็ดได้สามารถนำออกไปข้างนอกมิติฟาร์มได้]
เจ่าไห่นั้นดูมีความสุขก่อนจะกล่าว “หว่านข้าวโพด” หลังสิ้นสุดเสียง พลั่วดินก็บินออกไปทำการขุดและพรอนดินเป็นจุดๆ จากนั้นเมล็ดข้าวโพดก็ลอยไปยังหลุมที่ขุดก่อนที่ฝังกลบ ตามด้วยถังน้ำที่ลอยมารดมัน
เมอร์รินมองด้วยความตะลึง เธอไม่เคยคิดเลยว่ามิติของนายน้อยนั้นช่างน่ามหัศจรรย์ขนาดนี้ ความสามารถแบบนี้นั้นเธอนั้นไม่เคยได้ยินหรือได้เห็นมาก่อนเลย เธอนั้นมีความสุขมากที่มิติเวทย์มนตร์แห่งนี้จะกลายเป็นความหวังให้กับตระกูลบูดา
ในไม่ช้าพื้นที่นี้ก็จะถูกปลูกพืชใหม่อีกรอบ จากนั้นเจ่าไห่ก็เดินไปดูหัวไชเท้า ซึ่งมันก็ยังไม่มีแมลงชนิดใดให้เห็นเหมือนตอนที่เขาเล่นเกมฟาร์ม เมื่อเห็นว่าหัวไชเท้านั้นไม่มีปัญหาอะไร เจ่าไห่ก็ยืนขึ้นพร้อมกับมองไปที่เมอร์ริน “เราออกไปข้างนอกกันเถอะยายเมอร์ริน”
เมอร์รินตอบตกลงก่อนที่เจ่าไห่นั้นจะพาทั้งสองกลับมายังห้องนั่งเล่นในปราสาท
เมื่อมองออกไปยังข้างนอก เจ่าไห่ก็รู้ว่าเขานั้นอยู่ในมิติเพียงชั่วเวลาไม่นานนัก จากนั้นเขาก็หันไปหาเมอร์รินพร้อมกับถือต้นข้าวโพดและซังข้าวโพด ซึ่งเขานั้นนำมันออกมาก่อนที่จะออกมาจากมิติฟาร์ม“ยายเมอร์ริน เราสามารถใช้ต้นและซังข้าวโพดที่เหลือนั้นเป็นฟืนได้ ทำให้เราหมดกังวลปัญหาเรื่องฟืนในหนาวนี้”
เมอร์รินพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “นายน้อย ได้โปรดมากับฉันด้วย เราจะนำสิ่งนี้ไปเก็บไว้ในครัว”
เจ่าไห่ส่ายหัว “ไม่ครับ ยายเมอร์ริน พวกเราต้องตากแดดพวกมันให้แห้งก่อนไม่เช่นนั้นมันจะยังมีความชื้นอยู่ เราจะรอให้มันแห้งจนสนิทก่อนที่จะเก็บมันเข้าไปในโรงนา”
“เอาล่ะพวกเรานำมันออกไปข้างนอกกันเถอะ ในปราสาทยังมีพื้นที่ว่างอีกมากมาย”
เจ่าไห่นั้นตามเมอร์รินออกไปข้างนอก
มองไปที่ต้นข้าวโพดและซังข้าวโพดบนพื้นดิน “หลังจากที่เราทำให้ต้นข้าวโพดพวกนี้แห้งแล้ว ยายเมอร์รินสามารถนำมันไปเผาเพื่อใช้ทำอาหารได้ และถ้าหากพวกทาสรู้สึกหนาวตอนกลางคืน คุณก็สามารถเผาเพื่อให้ความอบอุ่นแก่พวกเขาได้ด้วย”
เมอร์รินมองไปยังกองฝืนทั้งสองด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ตอนนี้เธอนั้นไม่จะเป็นต้องห่วงเรื่องการหาฝืนเพื่อเป็นเชื้อเพลิงแล้ว “ได้ค่ะ นายน้อย ฉันจะบอกให้พวกทาสได้รู้ และให้พวกเขานำไปใช้”
เจ่าไห่พยักหน้าก่อนที่จะมองไปยังบนฟ้า “ยายเมอร์ริน เรียกเม็กกลับมาทานอาหารกลางวันก่อนเถอะ หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว พวกเราจะจัดสรรพวกทาสให้นำก้อนหินกลับมา น่าเสียดายที่พวกเรานั้นไม่มีช่างตีเหล็กเลยแม้แต่น้อย ไม่อย่างนั้นแล้วพวกเราน่าจะพอสร้างอาวุธบางอย่างได้”
จำนวนทาสที่มีทักษะอาชีพติดตัวนั้นมีน้อยมาก และโดยเฉพาะพวกที่มีทักษะช่างตีเหล็กนั้นยิ่งหาได้ยาก เจ้าของทาสนั้นกลัวที่จะให้พวกทาสเหล่านี้เรียนรู้ทักษะของช่างตีเหล็กเป็นอย่างมาก เพราะทาสเหล่านั้นอาจะใช้ความรู้เหล่านี้ไปสร้างอาวุธได้ จึงไม่มีใครอนุญาตให้ทาสเหล่านี้เรียนทักษะทางด้านนี้ ซึ่งถ้าหากเจอทาสที่มีทักษะช่างตีเหล้กแล้วนั้นหมายความว่าเขานั้นเคยเป็นช่างตีเหล็กมาก่อนที่จะเป็นทาส
หลังจากที่ทั้งสองนั้นกลับมายังปราสาท เมอร์รินนั้นไปที่ครัวเพื่อเตรียมอาหารส่วนเจ่าไห่นั้นก็ไปนั่งในห้องโถงและคิดถึงสิ่งต่างๆอย่างเงียบๆ
ตอนนี้พวกเขานั้นกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตที่ยิ่งใหญ่ หากพวกซอมบี้สัตว์อสูรนั้นออกมาจากบึงซากศพจริงๆ พวกเขาจะทำอะไรได้บาง เพราะถ้ามันออกมา มันจะไม่ใช่แค่ปัญหาสำหรับการทำฟาร์มแต่มันรวมไปถึงการเลี้ยงสัตว์ในเหมืองด้วย เขานั้นต้องหาทางบางอย่างเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้
แต่เขาจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร? หลายปีที่ผ่านมานี้นั้น ไม่เคยมีใครในทวีปที่สามารถรอดชีวิตมาจากบึงซากศพแดนต้องห้ามแห่งนี้ได้เลยซักคน
แต่ตอนนี้เจ่าไห่นั้นไม่มีความคิดอะไรเลยแม้แต่น้อย