ตอนที่ 2 งานแต่งงานและหมาป่าตาเดียวในตำนาน
ในตอนเช้า หมอกได้เข้าปกคลุมทั่วทั้งหมู่บ้านภูเขา ต้นไม้และบ้านล้วนเห็นเพียงเงาลางๆ บางครั้ง มันอาจได้ยินเสียงของสุนัขสองตัวที่เห่าและเสียงของไก่ที่ร้องขัน ซึ่งเป็นเสียงปกติที่จะได้ยินเฉพาะในหมู่บ้าน
อย่างไรก็ตาม วันนี้มันกลับผิดปกติโดยสิ้นเชิง เสียงกลองได้ดังขึ้นในหมู่บ้านเมื่อดวงอาทิตย์พึ่งหลุดพ้นเมฆ ต่อมา กลุ่มของคนในชุดแต่งงานสีแดงก็ได้เดินมาจากทางตะวันออกของหมู่บ้านมาทางทิศตะวันตก พร้อมกับตีกลองและฉาบ ในด้านหน้า มันมีชายที่ดูกำยำและสูงโปร่ง เขามีอายุราว20ปี และกำลังขี่ม้าแก่ เขาสวมดอกไม้สีแดงขนาดใหญ่ไว้บนหัวและชุดแต่งงานสีแดง เช่นเดียวกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าเขา
ม้ามันไม่สูงและแข็งแรง แต่มันก็โดดเด่นมากพอในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ ดังนั้น ท่ามกลางเส้นทาง มันจึงดึงดูดสายตาของชาวบ้านทุกคน ภายในหนึ่งชั่วโมงมันกลับเดินได้น้อยกว่า1กิโลเมตร
ตามปกติ ชิบะน้อยจะนั่งอยู่บนเก้าอี้ขนาดเล็กในกางเกงเป้าเปิด แต่วันนี้ เก้าอี้ขนาดเล็กมันถูกย้ายออกไปข้างนอก ด้านหลังของเก้าอี้เล็กนี้มันคือประตูทางเข้าที่ถูกปิดล็อค เขาได้ยืนยิ้มให้กับคนที่ตีกลองและฉาบเหล่านั้น ขณะที่นั่งอย่างมั่นคงบนเก้าอี้เล็กๆ
“หยุด!”
ด้วยเสียงตะโกน ขบวนแต่งงานก็ได้หยุด แม่สื่อที่แต่งชุดหรูหราได้โบกพัดในมือเธอและเดินมาหาชิบะน้อยอย่างเริงร่า
“โอ้ เจ้าคือบุตรชายคนที่4ของตระกูลโจว?ทำไมเจ้าจึงอยู่ที่นี่ในวันนี้?เจ้ากำลังเรียนรู้ที่จะขัดขวางผู้อื่นจากทางเข้าประตู?ไม่เอาน่า!นี่มันมีขนมอยู่บ้าง ออกมาจากประตูและเพลิดเพลินไปกับพวกมันสิ!”เมื่อพูดเช่นนั้น เธอก็หยิบลูกอม3หรือ4ลูกมาจากที่ไหนสักแห่งและวางมันลงบนมือชิบะน้อย ในเวลาเดียวกัน เธอก็ได้ดึงแขนเสื้อเขา เธอพยายามที่จะเอาชิบะน้อยออกไปจากเก้าอี้ โดยการบอกกับเขาเงียบๆว่าเขาไม่ควรขวางทาง!
“มันไม่ง่ายเช่นนั้นหรอกขอรับ เพียงให้ขนมไม่กี่ชิ้น?ซองแดงละ?”
เมื่อร้องออกมา ชิบะน้อยก็ยกมือขึ้นและโยนลูกอมออกไป หนึ่งในพวกมันได้โดนที่หน้าผากของแม่สื่อ
“พี่สาวบอกว่าข้ามิอาจออกไปได้โดยไม่มีซองแดง!”
ผู้คนโดยรอบต่างระเบิดเสียงหัวเราะ เช่นเดียวกับ หวัง เทียนเหล่ยบนหลังม้า ขณะที่เขากระโดดลงมาและเดินมาหาชิบะน้อย เขาก็ได้ดึงซองแดงออกมาและวางมันลงฝ่ามือของชิบะน้อย
ชิบะน้อยได้ชั่งน้ำหนักของซองในมือ ขณะที่เขาเปิดมัน มันมีเหรียญทองแดงสามเหรือสี่เหรียญ ทันใดนั้น เขาก็ลุกขึ้นยืนด้วยความพอใจและย้ายเก้าอี้เล็กๆ และเคาะไปยังประตูทางเข้า
การขวางประตูทางเข้าเป็นเพียงทริคเล็กน้อย สามหรือสี่เหรียญทองแดงมันถือเป็นเงินจำนวนมากสำหรับผู้คนในเทือกเขา ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นเพียงเด็กชายวัย3ขวบที่มีดวงวิญญาณอายุ20-30ปี ด้วยการหลอกหลวงเล็กน้อยมันทำให้เขารู้สึกอับอาย ขณะที่เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะสร้างความลำบาก
แต่ด้านหลังประตูทางเข้า เกงใน พี่ชายของเขากลับประพฤติตัวในแบบอื่น เขามีความสุขไปกับการขวางกั้นประตู ดังนั้น คนเหล่านั้นจึงใช้เวลามากกว่าครึ่งชั่วโมงที่นั่น
สิ่งต่อไปนี้มันเป็นเรื่องง่ายและผู้คนก็ได้ปฏิบัติตามขั้นตอน
ด้วยการที่มาจากโลกอื่น ชิบะน้อยไม่เคยเห็นงานแต่งงานแบบโบราณมาก่อน แต่มันเห็นได้ชัดว่า งานแต่งงานในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้มันไม่ซับซ้อนเท่ากับเหล่าคนในช่วงชีวิตก่อนหน้าเขา นับประสาอะไรกันในนวนิยาย แทนที่จะเป็นเช่นนั้น มันกลับค่อนข้างง่ายสำหรับที่นี่ ทุกคนต่างร้องชื่นชมเมื่อเจ้าสาวเดินเข้ามาและพวกเขาก็ไปเฉลิมฉลองงานแต่งงานในห้องของเจ้าสาว แน่นอน นี่มันไม่ใช่ธุระของเขาอีกต่อไป
สิ่งที่เขาคาดหวังที่สุดในตอนนี้ก็คืออาหารที่จะเสิร์ฟในงานแต่งงาน
ยกเว้นแต่ช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ เขาไม่เคยได้กินเนื้อเลยนับตั้งแต่เกิด
ในความเป็นจริง ชาวบ้านเองก็แทบจะไม่ได้ลิ้มรสเนื้อสัตว์เช่นกันในปีนี้ ดังนั้น นี่จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง
.....
....
งานแต่งงานมันมีชีวิตชีวาอย่างมากและชาวบ้านทุกคนก็ล้วนอยู่ที่นั่น พวกเขาแต่ละคนต่างก็พาครอบครัวของพวกเขามา ด้วยแผนการในใจเช่นเดียวกับชิบะน้อย
อาหารมันยังไม่ถูกเสิร์ฟ แต่ชาได้อยู่บนโต๊ะอาหารพร้อมกับอาหารว่าง เช่น เมล็ดแตงโม และถั่วลิสง ดังนั้น ชาวบ้านทุกคนจึงนั่งรอบโต๊ะอาหาร พูดคุย เล่นเรื่องตลก ตำหนิหลานชายของพวกเขา หรือตบตีลูกชายของพวกเขา ไม่มีอะไรที่ผิดปกติ ใบหน้าของทุกคนด้วยสดใส มันเต็มไปด้วยความสุขราวกับงานแต่งงานเป็นของลูกหลานตนเอง บรรยากาศอันรื่นรมย์ได้แผ่กระจายไปทั่วทุกหนแห่งจนกระทั่ง เสียงกรีดร้องมันได้ระเบิดจากประตู
มันเป็นเสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
หัวใจของชิบะน้อยได้เต้นกระหน่ำเมื่อเขาได้ยินเสียงกรีดร้อง นั่นเป็นเพราะเขารู้ดีว่ามันคือพี่สาวเขา โจว ฮัว
เขาเด็กกว่าโจว ฮัว นับสิบปี และเขาได้ถูกเลี้ยงดูโดยเธอมาตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาคุ้นเคยกับเธอมาก ในทำนองเดียวกัน โจว ฮัว ก็มีความรักต่อน้องชายคนสุดท้องที่น่ารักของเธอ เพราะเขาเชื่อฟังมากกว่านักชกที่โง่งม ดังนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชิบะน้อยจะจำเสียงเธอได้ในทันที
โจว ฮัว ยังคงนั่งอยู่บนเกี้ยวของเจ้าสาวและยังไม่ได้เข้าไปในบ้านของหวัง เทียนเหล่ย จากความตื่นเต้นของผู้คนโดยรอบ เธอเกือบจะถึงประตูทางเข้าแล้ว
ตามที่กำหนด เจ้าสาวจะไม่สามารถเปล่งเสียงได้บนเกี้ยว มันต้องมีบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
โดยไม่ต้องคิดให้มาก ชิบะน้อยได้พุ่งออกไปจากลานโทรมๆของหวัง เทียนเหล่ย เขาออกมาพร้อมกับคนอื่นๆ ขณะที่ทุกคนในลานล้วนวิ่งออกไป เมื่อเห็นสถานการณ์ พวกเขาต่างก็ตกใจ
“นั่นมันอะไรกัน?”
“สุนัขหรือหมาป่า?”
“ข้าไม่เคยเห็นอะไรที่ใหญ่เช่นนี้มาก่อน!”
เกี้ยวเจ้าสาวได้แตกกระจาย โชคดี โจว ฮัว นั้นไม่เป็นไร มันมีเพียงผ้าคลุมสีแดงเท่านั้นที่หลุด บนพื้นมันเต็มไปด้วยกองเลือด ท่ามกลางคนห้ามเกี้ยวทั้ง8 มีผู้บาดเจ็บ1คนเท่านั้นที่ทิ้งรอยเลือดไว้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้หนี แต่ทว่า เขากลับโอบล้อมเจ้าปีศาจเอาไว้ รวมถึงคนอื่นๆที่โอบล้อมเป็นครึ่งวงกลม
เห็นได้ชัดว่า มันไม่ได้ตระหนักถึงการถูกปิดล้อมเลยและยังคงเคี้ยวเนื้ออยู่-ชิ้นเนื้อขนาดใหญ่จากมือซ้ายของผู้แบกเกี้ยวยังคงบาดเจ็บ
มันคือหมาป่า ตัวใหญ่ ซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับหมาป่าในชีวิตก่อนหน้าของชิบะน้อย ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือขนาดของมัน มันใหญ่พอๆกับเสือแมนจูเรีย
เขาไม่เคยเห็นหมาป่าใดที่ขนาดใหญ่เท่านี้มาก่อน
หมาป่ามันปกคลุมไปด้วยขนสีดำมันวาวจากหัวจรดเท้า และดวงตาซ้ายของมันคือสิ่งที่น่าประทับใจมากที่สุด แผลเป็ฯขนาดใหญ่ได้ปกคลุมตาซ้ายมันและยาวไปจนถึงหน้าผาก ที่เห็นได้อย่างชัดเจน
“หมาป่าตาเดียว!หมาป่าตาเดียวในภูเขาตะวันตกได้ลงมาแล้ว!”
ฝูงชนตกอยู่ในความโกลาหลหลังจากที่ร้องอย่างหวาดกลัว
หมาป่าตาเดียวในภูเขาตะวันตก!
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวใจของชิบะน้อยก็เต้นกระหน่ำอีกครั้ง
สำหรับคนในหมู่บ้านนี้ หมาป่าตาเดียวแห่งภูเขาตะวันตกคือตำนาน
ตำนานเล่าว่ามันคือสัตว์ป่าดุร้ายในภูเขาตะวันตก หมาป่าตาเดียวเคยเป็นผู้นำฝูงหมาป่า แต่ทว่า มันก็ได้พ่ายแพ้ในการต่อสู้และถูกสร้างบาดแผลไว้บนตาข้างหนึ่งโดยผู้นำตัวใหม่ มันถูกฝูงหมาป่าละทิ้งและกลายเป็นหมาป่าเดียวดาย
เรื่องแบบนั้นจะไม่มีอะไรแปลก เพราะมันมักเกิดขึ้นอยู่แล้วในฝูงหมาป่า แต่มันกลับกลายเป็นเรื่องลึกลับเมื่อสองปีต่อมา หมาป่าตาเดียวได้กลับไปที่ฝูงอีกครั้งและฆ่าจ่าฝูงหมาป่า และเมื่อมันชนะ หมาป่าตาเดียวก็ได้ฆ่าฝูงหมาป่าทั้งหมดภายในห้าปี ในที่สุด มันก็กลายเป็นหมาป่าเดียวดายที่แท้จริง
แน่นอน มันเป็นเพียงตำนาน ซึ่งได้แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านภูเขาแห่งนี้มานานเกือบร้อยปี
ชิบะน้อยไม่ได้มองข้ามมัน“กลับไปยังฝูงหมาป่าหลังจากผ่านไปสองปี และใช้เวลาอีกห้าปีฆ่าหมาป่าทุกตัว?ไม่ใช่ว่านั่นคือคำอธิบายในนวนิยาย?จะรู้ได้ไงว่ามันเกิดขึ้นสองปีต่อมา?และรู้ได้ไงว่ามันใช้เวลาห้าปี?ชายคนนั้นได้ติดตามหมาป่าตาเดียวตลอดเวลารึไงกัน?”
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเป็นตำนานที่สืบขานกันมาเกือบร้อยปีแล้ว หากเป็นจริง หมาป่าตาเดียวก็ควรจะตายไปแล้ว ชีวิตของหมาป่านั้น มันจะอยู่ได้เพียง20ปี ไม่อาจนานไปกว่ามนุษย์ 100ปีได้ผ่านไป และไม่สำคัญว่ามันจะฉลาดแค่ไหน มันควรจะเป็นกระดูกไปแล้ว หรือว่ามันได้กลายเป็นปีศาจ?
มันไร้สาระจนกระทั่งภูเขาตะวันตกได้ถูกตัดสินเป็นเขตหวงห้าม เหล่านักล่าล้วนไม่กล้าเข้าไปใกล้ภูเขาตะวันตกเพราะกลัวจะทำลายข้อห้าม
ตอนนี้ ไม่ว่ามันจะไร้สาระแค่ไหน หมาป่าตาเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้---ตัวตนที่เป็นตำนานของชาวบ้านมาเกือบร้อยปี