ตอนที่ 18 – ประกาย
ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นรวมทั้งเมอร์รินจ้องมองไปที่เจ่าไห่ เมอร์รินคิดในใจว่านายน้อยทำท่าทางแบบนั้นต้องการจะสื่อถึงอะไรบางอย่างหรือป่าว อย่าบอกนะว่าเขาไม่สามารถที่จะปรับปรุงที่พื้นดินนี้ได้ เมอร์รินเริ่มใจไม่ดีเมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของนายน้อย นอกจากนี้แล้วเธอยังสังเกตุเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของเจ่าไห่ในทางที่ดีขึ้น เขาโตเป็นผู้ใหญ่มาขึ้นแต่เธอนั้นเองก็ยังกังวลอยู่เพราะเจ่าไห่นั้นอาจจะทำอะไรโง่ๆอีกก็ได้หากถูกกดดันมากจนเกินไป
เจ่าไห่นั้นรู้สึกอายมาก เขานั้นเคยใช้คอมพิวเตอร์มาก่อนซึ่งมันก็ช่วยไม่ได้ที่มันทำให้เขารู้สึกว่าจะต้องใช้เมาส์ในการกดคลิ๊กปุ่นบนหน้าต่างที่ปรากฏขึ้นมา ซึ่งตอนนี้นั้นเขาพยายามที่จะจิ้มหน้าต่างนั้นและลืมไปเลยว่าหน้าต่างที่ปรากฎต่อหน้าเขานั้น คนอื่นไม่สามารถเห็นได้
เจ่าไห่เกาหัวเมื่อทำหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ จึงเป็นเป็นการตะโกนในใจว่า “ใช่!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงตอบกลับมา [กรุณาระบุพื้นที่ที่จะต้องการแก้ไข] ซึ่งก็มีกล่องข้อความขึ้นมาพร้อมกับตัวกระพริบเหมือนตอนที่ใช้พิมพ์งานต่างๆ เจ่าไห่คิดในใจถึงขนาดพื้นที่ ที่เขาต้องการ จากนั้นเลข [10] ก็ปรากฏอยู่ภายในกล่องข้อความตามด้วยหน่วยพื้นที่ว่า [มู่]
จากนั้นก็มีเสียงตอบกลับดังขึ้นมาอีกครั้ง [กรุณาเลือกวิธีการปรับปรุงพื้น] [ดินสเปเทียล] [น้ำสเปเทียล] [กำหนดเอง]
เจ่านั้นทำงานอย่างรวดเร็ว แล้วชายตามองออกไป ก่อนที่จะเห็นเมอร์รินที่กำลังครุ่นคิดว่าเขาเพี้ยนไปหรือป่าวที่กำลังจ้องมองพื้นที่อันว่างเปล่านั้นอยู่ เขาจึงรีบเลือกคำสั่ง[กำหนดเอง] ซึ่งเขารู้อยู่แล้วว่าอัตราส่วนที่เหมาะสมที่สุดคืออะไรจึงทำให้เขาเลือกหัวข้อนี้ จากนั้นก็มีกล่องใส่ข้อความพร้อมกลับเสียงตอบรับ กล่าวว่า [กรุณากรองอัตราส่วนระหว่างดินสเปเทียลและน้ำสเปเทียล]
เขาจึงกรอกลงไปในทันทีว่าน้ำสเปเทียล 6 ส่วน ต่อดินสเปเทียล 4 ส่วน โชคดีที่เขาใช้เพียงแค่ความคิดก็สามารถที่จะกรอกข้อมูลได้ ซึ่งหากให้เขาใช้มือกรอกไม่อย่างนั้นแล้วคนอื่นๆก็คงคิดว่าเขาเป็นบ้าไปแล้ว
หลังจากที่กรอกข้อมูลเสร็จ เจ่าไห่นั้นก็เห็นประตูมิติขนาดเล็กปรากฎขึ้นมาก่อนที่จะปล่อยสารสีเทาลอยออกมาลงบนดินดำ
ซึ่งสารสีเทานั้นดูไม่เหมือนดินสเปเทียลหรือน้ำสเปเทียลเลยแม้แต่น้อย แต่มันดูเหมือนเป็นเศษฝุ่นซะมากกว่า แต่เมื่อมันสัมผัสกับดินดำ มันทำให้สีของดินนั้นเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน สีของดินที่เดิมนั้นเป็นสีดำน้ำมันนั้นค่อยๆจางลงจนดูเหมือนกับสีดินทั่วไป
ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจก็คือสารสีเทาที่ออกมาจากประตูมิติขนาดเล็กนั้นจะกระจายลงเฉพาะบนพื้นที่ตามที่เขาทำการกำหนดไว้ ซึ่งเมื่อมองไปที่บริเวณขอบของพื้นที่ที่ได้ทำการปรับปรุงแล้วมันทำเห็นได้ชัดถึงความแตกต่างของสีดินอย่างชัดเจนมาก
หลังจากการปรับปรุงพื้นดินเสร็จสิ้น เจ่าไห่ก็ใช้มือกำดินขึ้นมาและดูมันอย่างละเอียด ซึ่งนี้มันไม่ใช่ความฝันสำหรับเขา ดินดำนั้นได้กลายเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์ในพริบตา ในขณะนั้นเองเจ่าไห่ก็โห่ร้องถึงความดีใจ ในที่สุดเขาก็ทำได้สำเร็จ! ตอนนี้เขาสามารถที่จะปลูกอะไรก็ได้ในพื้นที่แห่งนี้ ด้วยความสามารถนี้เอง ที่ดินแห่งนี้คงจะทำให้ผู้คนนั้นมีอาหารอุดมสมบูรณ์ได้
เสียงโห่ร้องของเจ่าไห่นั้นทำให้ทุนคนในไร่นั้นสะดุดขึ้นมา เมื่อเห็นภาพที่ปรากฎตรงหน้านั้น ทำให้พวกเขารู้สึกตกใจอย่างมาก เขาไม่เคยพบเคยเห็นปรากฎการณ์เช่นนี้มาก่อนเลย ทุกคนนั้นตัวแข็งทื่ออยู่กับที่จ้องมองพื้นที่ดินเปลี่ยนไป ซึ่งเมื่อเจ่าไห่นั้นหัวเราะขึ้นมาก็ทำให้สติของพวกเขากลับคืนมาด้วย ทุกคนนั้นทำเช่นเดียวกับเจ่าไห่คือกำดินขึ้นมาพิสูจน์ว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นนั้นไม่ใช่ความฝัน
เมอร์รินนั้นเวลาสักพักก่อนที่จะเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทาสส่วนใหญ่นั้นที่เคยทำการเกษตรมาก่อนนั้น พวกเขาเข้าใจทันทีที่เห็นพื้นดินเหล่านี้ พื้นดินที่พวกเขาเคยทำงานมาก่อน ดินที่อุดมสมูบรณ์
ทุกคนโห่ร้องด้วยความดีใจ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นทาส แต่พวกเขาก็ไม่ได้โง่ เขารู้ว่ามีสถานการณ์อะไรรออยู่ในแดนทมิฬแห่งนี้ แต่พวกเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าสักวันพวกเขาจะได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างนี้ในชีวิต
เมอร์รินนั้นไม่สามารถกลั้นน้ำตาที่ไหลรินออกมาได้เมื่อเธอกำดินขึ้นมา แม้ว่าเธอนั้นจะไม่เคยทำการเกษตรมาก่อน แต่เธอก็รู้ว่าดินในพื้นที่แห่งนี้นั้นถูกปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว พื้นดินที่อุดมสบูรณ์นี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่พื้นที่แห่งหนึ่ง แต่มันคือประกายความหวังของตระกูลบูดา
เม็กนั้นรู้สึกตื้นตันจนน้ำตาเอ่อล้นขึ้นมา เธอไม่เคยฝันเลยว่าจะวันแห่งความสุขที่เคยวาดไว้จะมาถึงเร็วขนาดนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้เธอตกอยู่ในภวังค์ จนทำให้เธอยืนนิ่งเป็นรูปปั้นจะมีก็เพียงน้ำตาที่ไหลรินออกมา จากนั้นเม็กก็วิ่งเข้าไปกอดเจ่าไห่ เจ่าไห่ก็ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเขาไม่คิดเลยว่าเม็กจะมากอดเขาในช่วงเวลาแบบนี้
ในความทรงจำของอดัม เจ่าไห่นั้นรู้ว่าอดัมนั้นต้องการเพียงแค่เรืองร่างของเม็ก ความทรงจำของอดัมในตอนเด็กนั้นเลือนลางจนไม่เหลือเยื่อใยกับเม็กในวัยเด็กแม้แต่นิดเดียว จะมีก็เพียงแค่ความใคร่เท่านั้น ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยที่เม็กนั้นจะมีความรู้สึกให้กับอดัม แม้ว่าเธอจะเคยเกลียดชังเขามาก่อน แต่ตอนนี้เม็กกำลังโอบกอดเขาอยู่ ทำให้เจ่าไห่นั้นรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย นี้คือเม็กจริงๆงั้นเหรอ?
ก่อนหน้านี้เจ่าไห่นั้นเป็นเพียงแค่โอตาคุที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองทำให้เขานั้นไม่เคยมีแฟนเลย เขานั้นไม่เคยแม้แต่จะจับมือกับผู้หญิงมาก่อน ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้เจ่าไห่นั้นไม่รู้ว่าจะต้องหน้าอย่างไรกับเม็ก เขานั้นไม่รู้ว่าจะรับผิดชอบกับการกระทำของอดัมได้อย่างไร เขาจึงทำได้เพียงแค่ผลักให้เม็กนั้นให้อยู่ไกลจากตัวเขามากที่สุด ไม่อย่างนั้นแล้วเม็กก็คงจะรู้สึกลำบากใจเมื่ออยู่ใกล้เขาและคิดถึงเรื่องที่อดัมนั้นเคยทำไว้
แต่เจ่าไห่นั้นไม่คิดเลยว่าเม็กจะเขามากอดเอง ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกกลัวนิดๆ จนเจ่าไห่ทำอะไรไม่ถูกเลย เขานั้นไม่รู้แม้กระทั่งว่าจะกอดกลับดีไหม
เมอร์รินนั้นสังเกตเห็นเม็กที่ทำตัวแปลกไป เธอรู้ดีกว่าใครๆ ถึงความรู้สึกของเม็กต่ออดัมซึ่งหลังจากที่อดัมได้ทำสิ่งนั้นลงไป เมอร์รินนั้นรู้ดีว่ามันสร้างบาดแผลให้แก่เม็กขนาดไหน ในช่วงเวลานั้นเมอร์รินได้เฝ้ามองเม็กอย่างใกล้ชิดทุกๆวันเพราะกลัวว่าเธอนั้นจะฆ่าตัวตาย เม็กที่เหมือนตุ๊กตาที่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณและเมอร์รินที่ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากเฝ้ามองด้วยความเจ็บปวด เธอนั้นรู้ดีว่ามันไม่มียาใดที่สามารถรักษาจิตใจที่แตกสลายได้วิธีเดียวที่จะทำให้เม็กนั้นกลับมาเป็นคนเดิมคือการที่อดัมนั้นกลับตัวเป็นคนที่ดีขึ้น แต่เธอก็รู้ดีว่ามันเป็นฝันที่ล้มๆแล้งๆ เธอนั้นผิดหวังในตัวอดัม ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าความจงรักภักดีต่อตระกูลบูดาแล้วล่ะก็ เธอคงจะทำร้ายอดัมไปแล้ว
แต่เมื่ออดัมนั้นได้ตื่นขึ้นมาในแดนทมิฬแห่งนี้ มันเหมือนกับว่าตัวของอดัมนั้นเปลี่ยนไปเขากลายเป็นคนที่ฉลาดและเข้มแข็ง นอกจานี้มียังมีความสามารถที่แปลกประหลาดด้วยเขาไม่เคยทำสิ่งไร้สาระเหมือนเมื่อก่อน แต่กลับทำตัวเป็นระเบียบให้น่าเคราพนับถือมากขึ้น แต่สิ่งที่เธอนั้นไม่รู้ก็คือ อดัมนั้นหายไปจากโลกนี้มีแต่วิญญาณของเจ่าไห่นั้นอยู่ในร่างนี้แทน
เมอร์รินเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของเม็กในช่วงที่ผ่านมา เม็กนั้นแอบมองเจ่าไห่ซึ่งก่อนหน้านี้เธอนั้นไม่แม้แต่อยากจะชายมองเขาแม้แต่นิดเดียว หลังจากเหตุการณ์นั้น เม็กมักจะหลบเจ่าไห่ และก้มหน้าเพื่อให้เจ่าไห่นั้นเห็นเธอ
แต่ช่วงนี้เธอนั้นแอบมองไปยังเจ่าไห่เป็นครั้งคราว ซึ่งทำให้เมอร์รินนั้นแปลกใจ แต่เมื่อเมอร์รินเห็นเม็กนั้นเขาไปกอดเจ่าไห่ เธอก็เขาใจในทันที
ในที่สุดเม็กก็ปล่อยเจ่าไห่ซึ่งใบหน้าของเขาแดงก่ำขึ้นมา เขานั้นไม่เคยเป็นที่รักใคร่ของใครมาก่อน ซึ่งหลังจากที่เม็กปล่อยออกมาเธอก็มีอาการเขินอยู่บาง แต่ก็ไม่มากเท่าเจ่าไห่ ปากที่พะงับพะงับแต่ก็ไม่มีคำพูดอะไรออกมา เมื่อเม็กมองไปที่เจ่าไห่ก็ยิ้มออกมาก่อนที่เธอจะวิ่งหนีออกไป ในขณะที่เม็กนั้นวิ่งออกไป ในหัวของเจ่าไห่ก็รู้สึกว่างเปล่า
เม็กนั้นหญิงสาวที่จัดว่าสวยคนหนึ่ง เจ่าไห่นั้นชอบที่จะมองไปที่เธอ แต่เพราะสิ่งที่อดัมนั้นได้ทำลงไป ทำให้เจ่าไห่นั้นรู้สึกผิดทุกครั้งที่เห็นเธอ ดังนั้นในช่วงเวลานี้เขาจึงพยายามที่จะหาทางที่จะหลบเม็กและอยู่ห่างจากเธอ เขาจะเห็นเธอก็ต่อเมื่อมีคนอื่นอยู่รอบๆ
แต่เมื่อเจ่าไห่นั้นถูกเม็กกอด นั้นทำให้เขามีประกายของความคิดถึงบางสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้นั้น อาจเป็นจริงได้