ตอนที่แล้วตอนที่ 014 – สวรรค์และโลก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 016 – อัตราส่วน

ตอนที่ 015 – Level Up


เจ่าไห่นั้นไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขาทำนั้นทำให้เมอร์รินนั้นถึงขั้นพูดไม่ออก เมอร์รินที่เป็นนักเวทย์น้ำระดับ 8 คนนั้นแหละ

ในทวีปอาร์คนั้นนักเวทย์จะแบ่งออกได้ 10 ขั้นโดยในสามขั้นแรกจะถือว่านักเวทย์ฝึกหัดส่วนขั้นที่ 4 และ 5 จัดว่าเป็นนักเวทย์ขั้นต้นส่วนระดับ 6 และ 7 นั้นคือนักเวทย์ขั้นกลางส่วนระดับ 8 และ 9 ซึ่งหาได้ยากนั้นจัดเป็นนักเวทย์ขั้นสูง ซึ่งระดับสุดท้ายนั้นเป็นเพียงเรื่องเล่าขานในตำนาน ผู้ซึ่งมีพลังระดับพระเจ้า

แต่การจะเป็นนักเวทย์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะขั้นแรกผู้นั้นต้องมีพรสวรรค์ของนักเวทย์มาตั้งแต่เกิดนอกจากนี้ยังต้องสามารถที่จะปลุกพลังนั้นให้ตื่นขึ้นมาได้ด้วย นอกจากนี้ในนักเวทย์ 10 คนจะมี 5 คนที่จะเป็นได้แค่นักเวทย์ฝึกหัดไปตลอดชีวิต ส่วน 3 ใน 5 คนของที่เหลือจะสามารถเป็นนักเวทย์ขั้นต้น ส่วนอีกสองคนที่เหลือถึงจะได้ชื่อว่าเป็นนักเวทย์ขั้นกลางก่อนที่เขาจะหยุดอยู่เพียงแค่นั้น เพราะมีเพียง 1 ใน 100 คนเท่านั้นที่จะมีพรสวรรค์มากพอที่จะได้กลายเป็นนักเวทย์ขั้นสูง ซึ่งถ้าหากเทียบจำนวนคนที่ได้นักเวทย์กับจำนวนคนที่มีพรสวรรค์ของนักเวทย์แล้ว อัตราะส่วนนั้นก็ยังสูงถึง 1 ต่อ 10,000 คนซึ่งเป็นอัตราส่วนที่น่าตกใจ

ดังนั้นนักเวทย์ในทวีปที่ว่ามีน้อยแล้ว นักเวทย์ขั้นกลางนั้นมีน้อยยิ่งกว่า ซึ่งสำหรับเมอร์รินที่เป็นนักเวทย์ระดับ 8 ซึ่งเป็นนักเวทย์ระดับสูงนั้นจัดได้ว่าเป็นแขกผู้มีเกียรติในทุกประเทศๆ แต่อย่างไรก็ตามทั้งเมอร์รินและกรีนนั้นเกิดในตระกูลบูดา ในหัวใจของพวกเขานั้นมีความหวังเดียวคือการกอบกู้ตระกูล ซึ่งนี้ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมกษัตริย์ของจักรวรรดิอาร์ซูไม่กำจัดคนของตระกูลบูดาจนหมดสิ้น แต่เพียงแค่ขับไล่ออกไป

ซึ่งนักเวทย์ระดับสูงอย่างเมอร์รินนั้นจะสามารถสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงพลังเวทย์โดยรอบอย่างว่องไว ตราบใดที่มีคนใช้เวทย์ในรัศมี 1 กิโลเมตรพวกเขาจะสามารถรับรู้ได้

ซึ่งในทวีปอาร์คนั้นมีเวทย์อย่างหนึ่งที่จะสามารถใช้เก็บสิ่งของได้นั้นคือเวทย์มิติ ถ้าหากมีคน 1 ใน 10,000 คนสามารถเรียนเวทย์มนตร์ได้ จะมีเพียง 1 ใน ล้านคนที่สามารถเรียนเวทย์มิติได้ ในทวีปตอนนี้นั้นมีนักเวทย์มิติเพียงไม่กี่คน นอกจากนี้พวกเขายังเป็นนักเวทย์ที่มีระดับไม่สูงมากนักทำให้ไม่สามารถที่จะสร้างมิติเป็นของตัวเองได้

แม้ว่าในปัจจุบันในทวีปอาร์คนั้นจะสามารถสร้างอุปกรณ์มิติที่ใช้ในการเก็บสิ่งของต่างๆได้แต่ก็จำเป็นต้องใช้นักเวทย์มิติในการสร้าง โดยใช้พลังของนักเวทย์มิติในการสร้างมิติจากนั้นต้องใช้วัสดุขั้นสูงร่วมทั้งเวทย์ต่างๆอีกมากมายเพื่อที่จะผนึกเข้ากับสิ่งของนั้น เพียงเพื่อที่จะสร้างอุปกรณ์มิติหนึ่งชิ้น ซึ่งต้องใช้นักเวทย์ระดับกลางขึ้นไปเท่านั้นถึงจะสามารถสร้างอุปกรณ์มิติได้ และโดยมากแล้วนักเวทย์พวกนี้จะสามารถสร้างอุปกรณ์มิติได้มากสุด 5 ชิ้นในช่วงชีวิตของเขา ทำให้อุปกรณ์มิตินั้นมีความพิเศษและถือได้ว่าเป็นสิ่งล้ำค่าอย่างมาก

นอกจากนี้เมอร์รินยังแน่ใจด้วยว่าในตระกูลนั้นไม่มีอุปกรณ์มิติ ซึ่งพูดได้ว่านี้คือความสามารถของเจ่าไห่ เพราะเจ่าไห่นั้นได้ดื่มน้ำแห่งความว่างเปล่าซึ่งทำให้เขาใช้พลังเวทย์และพลังฉีได้ ซึ่งทำให้รู้ว่าเจ่าไห่นั้นไม่มีทางเป็นนักเวทย์มิติได้รวมกับการที่เมอร์รินนั้นไม่สามารถตรวจจับการใช้เวทย์ได้เลยแม้แต่น้อย แต่บอลน้ำที่เธอสร้างขึ้นกลับหายไปได้

ซึ่งหากเป็นสถานการณ์ปกติ มันจะมีสองกรณีคือหนึ่งเจ่าไห่นั้นมีพลังเวทย์ที่สูงกว่าเมอร์ริน ส่วนอีกอย่างคือเจ่าไห่มีความสามารถในการปกปิดเวทย์ของตัวเอง แต่ความเป็นไปได้นั้นใช้กับเจ่าไห่ที่ดื่มน้ำแห่งความว่างเปล่าซึ่งไม่สามารถดึงพลังเวทย์ได้

เมื่อเจ่าไห่มองไปยังเมอร์รินและเห็นใบหน้าของเธอ ทำให้เขาอดขำไม่ได้ก่อนที่จะบอกว่า “ยายเมอร์รินไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นก็ได้ อีกไม่กี่วันนี้ผมจะบอกว่าเกิดอะไรขึ้น นี้เป็นพลังที่สวรรค์นั้นมอบให้กับผม”

เมอร์รินทำได้เพียงแค่พยักหน้าและไม่ถามอะไรอีกตราบเท่าที่มันไม่มีอันตรายต่อเจ่าไห่ นอกจากนี้ความสามารถนี้มีแต่จะสร้างประโยชน์ให้แก่เจ่าไห่

เจ่าไห่นั้นเมื่อมาดูพื้นแล้วและตรวจสอบอย่างละเอียดว่าคงจะไม่มีอะไรแล้วจึงบอกเมอร์ริน “ยายเมอร์ริน พวกเรากลับกันเถอะ เมื่อปู่กรีนกลับมา เราจะได้เริ่มงานตามแผนกัน”

เมอร์รินพยักหน้าก่อนตอบกลับ “นายน้อยได้โปรดกลับไปก่อน ไม่ต้องห่วงทางนี้ดิฉันและเม็กจะเป็นคนดูแลเอง”

เจ่าไห่ยิ้มและกล่าวว่า “งั้นไม่เป็นไร ยายเมอร์ริน คุณไม่ควรจะหักโหมมากนัก ปล่อยให้ทาสจัดการเรื่องนี้เองเถอะ ยายและเม็กไม่ต้องช่วยทำก็ได้ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังไม่เรื่องที่รีบร้อนมาก เพราะเรามีเวลาทำความสะอาดได้นานจนกว่าปู่กรีนจะกลับมา”

เมอร์รินขานรับ “นายน้อยคุณเป็นผู้ใหญ่ขึ้นจนพร้อมที่จะดูแลคนอื่นแล้ว นายน้อยไม่ต้องเป็นห่วง ยายแก่คนนี้ยังไหวอยู่ นายน้อยโปรดกลับไปยังปราสาทก่อน เด๋วดิฉันจะตามไปเตรียมอาหารให้นายน้อย”

เจ่าไห่ยิ้ม “ได้ครับ ถ้าอย่างงั้นผมขอตัวก่อน” เมื่อพูดเสร็จเขาก็เดินจากไปพร้มกับบล๊อคและร๊อคที่ติดตามอย่างใกล้ชิด

เมอร์รินจ้องไปยังภาพที่เจ่าไห่นั้นกำลังเดินจากไป “นายท่านใหญ่ โปรดอวยพรให้ตระกูลของเราด้วย ฉันไม่เคยเชื่อเลยว่านายน้อยจะมีความสามารถขนาดนี้ ตระกูลบูดายังมีความหวังที่จะฟื้นฟูตระกูล”

เจ่าไห่กับสองพี่น้องเมื่อกลับมายังปราสาทก็เข้าไปในห้องของตัวเองทันทีเพื่อที่จะตรวจสอบดินดำจากแดนทมิฬและน้ำจากอุโมงค์

เมื่ออยู่ในห้องพัก เจ่าไห่กล่าวว่า “บล๊อค ร๊อค พวกเจ้าไม่ต้องตามข้ามา คอยอยู่ตรงนี้ ถ้ายายเมอร์รินกลับมา พวกเจ้าก็บอกว่าข้ากำลังพักผ่อนเข้าใจไหม”

เจ่าไห่นั้นต้องการจะทดสอบว่าคราวนี้ทั้งสองจะเชื่อฟังคำสั่งเขาหรือไม่เพราะเมื่อเขาพาทั้งสองไปยังมิติฟาร์มแล้ว เขารู้สึกว่าทัศนคติของพวกเขาเปลี่ยนไปมากและปฏิบัติตัวกับเขาด้วยความเคารพ นอกจากนี้เขายังรู้สึกทั้งสองนั้นเชื่อฟังเขาอย่างมาก แต่เขาก็ต้องการจะทดสอบเพื่อความแน่ใจอีกครั้งว่าพวกเขาจะรออยู่ตรงนี้หรือไม่

ซึ่งมันน่าเหลือเชื่อมากที่พวกเขาไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะโค้งคำนับ “ได้ครับนายน้อย”  ทั้งสองนั้นเดินออกไปแล้วปิดประตูก่อนที่จะทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูอย่างแข็งขัน

เจ่าไห่ไม่เคยคาดคิดเลยว่าพวกเขาจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาจึงไปยังมิติฟาร์มในทันที

เมื่อเข้าไปในฟาร์ม เจ่าไห่ก็คิดถึงดินดำที่เก็บมา จากนั้นมันก็ปรากฎขึ้นมาต่อหน้าเขาโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเลยก่อนที่จะมีการแจ้งเตือนขึ้นมา “ค้นพบวัตถุชนิดใหม่ ดินดำ ตัวดินประกอบไปด้วยสารอันตรายจำนวนมาก สามารถใช้ดินสเปเทียลหรือน้ำสเปเทียลในการปรับปรุงคุณภาพได้ โดยแต่ละวันสามารถปรับปรุงได้ 10 ไร่ จากการค้นพบนี้ทำให้ฟาร์ม Lv up ปัจุบัน Lv : 3 ของขวัญจากระบบ ถุงเมล็ดข้าวโพด 2 ถุง แต่ละถุงปลูกได้ 1 ไร่ สามารถนำออกไปยังนอกมิติได้ เนื่องจากพบดินชนิดใหม่ ดินสเปเทียลมี Lv เพิ่มขึ้นเป็น Lv : 2 ช่วนเพิ่มการเจริญเติบโตของพืชเพิ่มขึ้นเป็น 11 เท่า”

เจ่าไห่นั้นตะลึงไม่ช่วงขณะก่อนที่จะรู้สึกดีใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่า Lv ของฟาร์มจะเพิ่มขึ้นแบบนี้ ซึ่งมันดีมากที่ได้เมล็ดข้าวโพดมาปลูกฟรีๆถึง 2 ไร่ ข้าวโพดนั้นจัดได้มาเป็นพืชที่มีผลผลิตที่สูง ซึ่งหากเขาใช้พื้นที่ทั้งหมดในมิติเขาจะสามารถกำจัดปัญหาเรื่องการขาดแคลนอาหารได้ทันที แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือดินดำนั้นสามารถที่จะปรับปรุงได้โดยดินสเปเทียลและน้ำสเปเทียลซึ่งเป็นข่าวที่ดีมาก

ถึงแม้ว่ามันตะสามารถปรับปรุงพื้นได้แค่ 10 ไร่ต่อวันแต่ก็ดีกว่าไม่ได้เลย ถึงแม้ว่าตอนนี้มิติฟาร์มจะเพิ่มมาจนถึง Lv : 3 แต่ก็ไม่มีพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มให้ ใครจะรู้ว่าเหมือนไหร่จะได้พื้นที่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง

ในขณะที่เขากำลังคิดนั้นเองก็มีการแจ้งเตือนขึ้นมาใหม่ “คุณต้องการพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้นหรือไม่? การขยายพื้นที่นั้นจำเป็นต้องมี Lv : 3 และเงินจำนวน 200 เหรียญทอง ขยายได้ 2 ไร่ ความต้องการขั้นถัดไปในการขยายพื้นที่คือ Lv : 5 และมีเงินจำนวน 500 เหรียญทอง”

เจ่าไห่นั้นรู้สึกดีใจที่สามารถขยายพื้นที่ได้ แต่มันก็สร้างความหนักใจใหม่ให้ เพราะถ้าหากเขาเลือกที่จะขยายพื้นที่แล้วเขาก็จะไม่มีเงินไว้สำหรับซื้อเมล็ดพืชได้ แต่ถ้าหากจะให้เขาขายหัวไชเท้าเขาก็ไม่ค่อยเต็มใจนัก และถ้าหากเขาปลูกข้าวโพดและขายให้กับตัวมิติเองก็ดูเหมือนว่าจะไม่คุ้มนัก ซึ่งคำถามคือจะทำอย่างไรดี

เจ่าไห่นั้นยังไม่ได้ขยายพื้นที่ในทันทีแต่เขาเลือกที่จะหยิบถุงเมล็ดข้าวโพดออกมา เจ่าไห่นั้นค่อยๆเปิดถุงออกอย่างระมัดระวังก่อนที่จะเทมันลงบนฝ่ามือซึ่งเป็นเมล็ดสีทองขนาดใหญ่ แค่มองแว่วเดียวเขาก็บอกได้เลยว่าเป็นเมล็ดพืชคุณภาพสูงซึ่งหากมันไม่ใช่เมล็ดพันธุ์ละก็มันคงจะมีรสอร่อยมาก

ทันใดนั้นเจ่าไห่ก็ตบหัวัวก่อนก่อนนึกขึ้นได้ว่า “ใช่แล้วเราลืมไปได้ยังไง ว่าพืชทุกชนิดนั้นสามารถขยายพันธุ์ได้เองแม้กระทั่ง หัวไชเท้า ฉันสงสัยจริงๆว่าหัวไชเท้าของมิติสามารถสร้างเมล็ดพันธุ์ด้วยตัวเองได้หรือป่าว? ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ ข้าก็ไม่ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์อีกต่อไป ฮ่าๆๆๆ”

เจ่าไห่จึงเก็บเมล็ดข้าวโพดของเขาโดยที่ยังไม่ปลูกมัน แต่มองไปยังหัวไชเท้าที่อยู๋ในไร่ เขาไม่รู้ว่าพืชที่อยู่ในมิติสามารถมีเมล็ดพันธุ์ได้เองหรือป่าว เพราะถ้าเป็นในเกมนั้นมันไม่สามารถทำได้ซึ่งนั้นจะเป็นปัญหาสำหรับเขา ดังนั้นเขาเลือกที่รอก่อนซักพัก จนกระทั่งหัวไชเท้านั้นโตเต็มที่ซึ่งถ้าหากมันสามารถสร้างเมล็ดได้เขาก็จะขยายพื้นที่ทันที แต่ถ้าไม่ได้ เขาก็ต้องมานั่งวางแผนกันใหม่

เจ่าไห่นั้นไม่ได้รีบร้อนที่จะขยายพื้นที่แต่กลับเรียกบอลน้ำออกมา เมื่อบอลน้ำออกมันยังคงรูปร่างของมันไว้เหมือนเดิม นี้ก็เป็นความสามารถอย่างหนึ่งของเจ่าไห่ ซึ่งเขาไม่สามารถทำอย่างนี้ได้นอกมิติฟาร์มแห่งนี้

เมื่อบอลน้ำออกมาก็มีการแจ้งเตือนขึ้นมา “ค้นพบวัตถุชนิดใหม่ น้ำจากทะเลสาบใต้ดิน เป็นน้ำจากธรรมชาติ สามารถใช้น้ำสเปเทียลเพิ่มสารอาหารได้” จากการค้นพบนี้ทำให้ฟาร์ม Lv up ปัจจุบัน Lv : 4 รางวัลจากระบบถุงเมล็ดข้าวสาลี 2 ถุง แต่ละถุงปลูกได้ 1 ไร่ วัตถุชนิดใหม่เป็นน้ำ น้ำสเปเทียล Lv เพิ่มขึ้นเป็น Lv : 2 ช่วยเพิ่มอัตราการเจริญเติบโตของพืขเป็น 11 เท่า”

เมื่อได้เจ่าไห่ได้รับการแจ้งเตือนแบบนั้นเขาก็หัวเราะออกมาดังลั่น ช่างโชคดีจริงๆ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแค่เอา 2 สิ่งนี้เข้ามาในมิติจะทำให้มิติฟาร์มนั้น Lv up ถึงสองครั้ง แถมยังได้เมล็ดพืช 4 ถุงและยังเพิ่ม Lv ให้ทั้งดินสเปเทียลและน้ำสเปเทียลนี้มันโคตรน่าเหลือเชื่อเลยจริงๆ

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด