ตอนที่ 011 – วางแผน
กรีนนั้นอาศัยอยู่ในเมื่อหลวงมาทั้งชีวิต แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้านั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน? แม้ว่าเขาจะรู้สึกตัวกลับมาแล้วก็ตามแต่เขาก็ไม่ได้สนใจสิ่งที่อยู่บนโต๊ะ แต่กับมองไปที่เจ่าไห่ “นายน้อย คุณใช้เวทย์มนตร์ได้อย่างงั้นหรือ?”
เจ่าไห่ส่ายหัว “ผมใช้เวทมนตร์ไม่ได้ ปู่ก็รู้นี้ครับว่าคนที่ดื่มน้ำแห่งความว่างเปล่าไปจะไม่สามารถใช้เวทย์มนตร์ได้ นี้เป็นเพียงความสามารถของผม ซึ่งมันไม่มีพลังโจมตีและทำได้แค่เก็บสิ่งของเท่านั้น”
กรีนพยักหน้าก่อนอย่างผิดหวังเล็กน้อย จากนั้นจึงมองไปยังสิ่งที่อยู่โต๊ะ ก็เห็นหัวไชเท้าวางอยู่บนนั้น แต่กับต้องตะลึงจนต้องหยิบมันขึ้นมาดูอย่างใกล้ชิด ดมแล้วดมอีก สุดท้ายกรีนจึงลองชิมดูและวางกลับที่เดิมก่อนจะหันไปยังเจ่าไห่ “นายน้อย นี้คือหัวไชเท้าเวทย์มนตร์ เป็นผักเวทย์มนตร์ที่พบได้ทั่วไป”
เจ่าไห่มองว้าวุ่น “อะไรนะผักเวทย์มนตร์อย่างนั้นเหรอ? อย่าบอกนะว่ายังมีผักชนิดอื่นอีก?”
กรีนพยักหน้า “ใช่ครับนายน้อย ผักในทวีปอาร์คนั้นแบ่งได้ 2 ประเภทคือผักทั่วไปซึ่งเป็นผักที่สามัญชนหรือทาสจะทานกัน ส่วนชนชั้นสูงหรือขุนางนั้นโดยทั่วไปแล้วมักจะทานผักเวทย์มนตร์ ซึ่งผักชนิดนี้จะมีพลังเวทย์อยู่ในตัวและมันจะปลูกได้ในพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์และยังต้องการคนดูแลเป็นพิเศษ หัวไชเท้าเวทย์นั้นเป็นผักเวทย์มนตร์ที่พบเป็นได้ทั่วไปซึ่งราคาในตลาดนั้นอยู่ที่ 2 เหรียญเงินต่อ 1 กิโลกรัม
เจ่าไห่นั้นคำนวณอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขามีหัวไชเท้าอยู่ 40,000 กิโลกรัม ซึ่งขายได้ 2 เหรียญเงินต่อ 1 กิโลกรัมดังนั้นจะขายได้ประมาณ 80,000 เหรียญเงิน ซึ่งจะเท่ากับ 8,000 เหรียญทอง ซึ่งได้มากกว่าการที่ขายให้กับร้านสเปเทียลซึ่งเขาขายจะขายได้ประมาณ 5,000 เหรียญทอง ซึ่งเมื่อเทียบกับกำลังซื้อของโลกนี้กับโลกที่เขาเคยอยู่นั้นในค่าเงินหยวน เมื่อเขาขายหัวไชเท้าให้มิติกับขายให้คนในทวีปอาร์คนั้นส่วนต่างจะอยู่ที่ประมาณเกือบ 20 เท่า ซึ่ง แม้แต่คนโง่ก็รู้ว่าจะต้องขายกับใคร
ในตอนนี้กรีนหยิบหัวไชเท้าขึ้นมาอีกครั้ง “แต่หัวไชเท้าเวทย์ชิ้นนี้มันดูแปลกๆ ผมไม่เคยเห็นหัวไชเท้าเวทย์ที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลยในทวีป และมันยังมีรสชาติที่ดีกว่าอย่างมาก นายน้อยครับ คุณไปเก็บเจ้าสิ่งนี้มาจากไหน”
เจ่าไห่ไม่ตอบคำถามนั้นแต่ถามต่อว่า “แล้วถ้าอย่างนั้นบูลอายแรบบิทนั้นกินใบของหัวไชเท้านี้หรือป่าวแล้วเมื่อเราซื้อหัวไชเท้าเวทย์โดยปกติ พ่อค้าจะซื้อไปพร้อมใบหรือป่าว?”
กรีนส่ายหัว “ถ้าเราซื้อหัวไชเท้าเวทย์แล้วปกติพวกเราจะไม่ต้องการใบ ใบของมันมีรสชาติที่ไม่ค่อยดีนัก แต่มันเป็นอาหารที่บูลอายแรบบิทชอบมา ทำไมคุณถึงถามอย่างงั้นครับ นายน้อย?”
เจ่าไห่ลุกขึ้นยินเดินไปมาอย่างมีความสุข “สวรรค์ช่างเมตตา สวรรค์ยังไม่ทอดทิ้งเรา ดีมาก ด้วยสิ่งนี้เราสามารถทำโรงปศุสัตว์ได้”
กรีนมองท่าทางของเจ่าไห่แล้วมันทำให้เขารู้สึกกลัว เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ่าไห่ทำให้เขาเหมือนเป็นบ้าอย่างนี้จึงกล่าวว่า“นายน้อย นายน้อย มีอะไรอย่างงั้นเหรือ ได้โปรดอย่าทำให้ข้ากลัวเช่นนี้”
เมื่อเจ่าไห่ตั้งสติได้ก็มองไปที่กรีนพร้อมกับหัวเราะออกมา “ไม่ต้องกลัวปู่กรีน ผมแต่ตื่นเต้นมากเกินไป ใช่แล้วปู่กรีน ผมของถามหน่อยว่า เจ้าหัวไชเท้าเวทย์นี้มันขายได้ง่ายหรือป่าว?”
เมื่อกรีนเป็นเจ่าไห่ไม่เป็นไรจึงโล่งใจก่อนจะพยักหน้า “ใช่แล้วครับ มันขายได้ค่อนข้างง่ายและไม่มีการกีดกั้นใดๆ และมันยังเป็นรายได้ของคนหลายๆคนในทวีป ซึ่งสามัญชนจำนวนมากนั้นต้องการซื้อหัวไชเท้าเวทย์ไปกิน เพราะราคามันถูกที่สุดในบรรดาผักเวทย์มนตร์ จึงทำให้เป็นผักที่ได้รับความนิยมในกลุ่มสามัญชน”
เจ่าไห่นั้นนั่งลง ซึ่งกรีนก็นั่งตาม “ปู่กรีน ตอนนี้ผมมีหัวไชเท้าเวทย์อยู่ 40,000 กิโลกรัมอยู่ในมือ ซึ่งผมต้องการจะขายมันแม้ว่าจะโดนกดราคานิดหน่อยผมก็รับได้แต่ผมต้องการที่จะขายมันออกไปให้เร็วที่สุด จากนั้นก็ซื้อบูลอายแรบบิทมาด้วยยิ่งมากก็ยิ่งดี ภูเขาที่เราอยู่นั้นมีเหมืองของคนแคระถูกทิ้งไว้มากมาย พวกเราสามารถปรับปรุงเหมืองพวกนี้ไว้เป็นที่เลี้ยงบูลอายแรบบิท ซึ่งหลังจากนั้นเรามีรายได้อย่างมั่นคง”
กรีนยืนอยู่ด้วยสีหน้าตื่นเต้น: “นายน้อยเมื่อกี้คุณพูดว่ามีหัวไชเท้าเวทย์ 40 ตัน อย่างงั้นเหรอครับ? นายน้อยมีมันเยอะขนาดนัั้นได้ยังไง?”
เจ่าไห่ส่ายหัว “อย่าพึ่งสนใจเรื่องนี้ตอนนี้ รีบไปทำสิ่งที่ผมบอกไปให้เร็วที่สุดเถอะครับ นอกจากนี้ลองหาคู่ค้ารายใหญ่พร้อมบอกกับเขาด้วยว่า หัวไชเท้าเวทย์นี้ผมสามารถส่งให้ได้ทุกๆ 2 วันซึ่งน่าจะมากพอตามที่เขาต้องการ”
กรีนเอ่ยปากตะกุกตะกัก “นายน้อย คุณพูดจริงอย่างงั้นเหรอครับ? คุณมีหัวไชเท้าเวทย์มากมายขนาดนั้นเลยเหรอครับ? นายน้อยไปเอามันมาจากไหนกันแน่?”
เจ่าไห่ยิ้ม: “ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น ปู่ดำเนินการเรื่องนี้ได้เลยไม่ต้องเป็นห่วง ปู่ต้องทำอย่างรวดเร็วแต่ก็ต้องทำอย่างเงียบเฉียบอย่างให้ใครรู้เรื่องนี้ละ ปู่ทำได้ไหม?”
ถึงแม้ว่ากรีนจะไม่รู้ว่าเจ่าไห่นั้นเอาหัวไชเท้านี้มาจากไหน แต่เขาก็คิดว่ามันน่าจะเกี่ยวกัยความสามารถขอเจ่าไห่ที่ได้มา ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงครับนายน้อย กระผมคนนี้จะทำตามคำสั่งของท่านให้สำเร็จ กระผมจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้”
เจ่าไห่พยักหน้าก่อนที่จะเรียกกรีนตอนที่กำลังเดินออกไป “ปู่กรีน พวกทาสนั้นไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องข้าวของต่างๆ และให้ไปจัดการงานเหมืองให้เร็วที่สุด พวกเราจะต้องเลี้ยงบูลอายแรบบิทให้มากที่่สุด ส่วนเรื่องข้าวของต่างๆเด๋วผมจัดการเองไม่ต้องเป็นห่วง
กรีนเข้าใจในความสามารถของเจ่าไห่ในทันทีที่เขารู้ แม้ว่าเจ่าไห่พูดว่าความสามารถของเขาไม่มีพลังโจมตีเลย ทำได้แต่เก็บของอย่างเดียวเท่านั้น แต่การที่สามารถเก็บหัวไชเท้าเวทย์ได้ในปริมาณที่มากขนาดนั้นก็จัดได้ว่าเป็นที่น่าอัศจรรย์มากพอแล้ว
กรีนจึงพยักหน้า “ไม่ต้องเป็นห่วงครับนายน้อย ผมจะเป็นคนตระเตรียมสิ่งต่างๆเอง บล๊อค ร๊อคจากนี้ไปเจ้าทั้งสองต้องค่อยปกป้องนายน้อยอย่างใกล้ชิดอย่าให้ละสายตาโดยเด็ดขาด ข้าจะไม่อยู่สักสองสามวัน เมอร์ริน เม็กไปดูแลพวกทาสให้พวกเขาทำตามที่นายน้อยสั่งให้เร็วที่สุด เข้าใจไหม”
ในขณะเดียวกัน กรีนก็แสดงอำนาจที่มีพร้อมกับทักษะพ่อบ้านของขุนนางจัดการเรื่องต่างๆโดยใช้เวลาสั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยอย่างแรกคือดูแลความปลอดภัยของเจ่าไห่ อย่างที่สองคือจัดการกับคำสั่งของนายน้อย ส่วนอย่างสุดท้ายคือการออกไปข้างนอกเพื่อนำหัวไชเท้าออกไปขาย นอกจากนี้แล้วเขาจะต้องเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง
เมอร์รินและคนอื่นๆยืนฟังอย่างมึนงง พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเจ่าไห่จะมีความลับแบบนี้อยู่ แต่เมื่อถูกเรียกโดยกรีนพวกเขาก็ค่อยได้สติกลับมาและตอบรับอย่างเคร่งครัด กรีนจึงรีบเดินออกไไปอย่างรวดเร็ว
เจ่าไห่มองภาพที่กรีนกำลังเดินออกไป มันเหมือนกับว่ากรีนนั้นไม่ได้เป็นคนที่ไม่เข้าใจในธุรกิจ แต่ที่เขาใช้จ่ายเงินซื้อสิ่งต่างๆก่อนที่จะมาแดนทมิฬนั้นอาจเป็นเราะไม่ต้องการให้อดัมมีเงินออกไปใช้จ่ายได้และจะได้อยู่แต่ที่นี้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ากรีนจะไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้แล้ว
เมอร์รินมองกรีนที่จากไปก่อนจะหันไปหาเจ่าไห่ “นายน้อย คุณหิวหรือยัง? นายน้อยยังไม่ได้ทานอาหารเช้าเลย ฉันจะไปเตรียมอาหารให้ทานนะเจ้าค่ะ” เมื่อเมอร์รินพูดจบเธอก็เดินไปยังห้องครัว
เจ่าไห่รีบกล่าวว่า “คุณยายเมอร์ริน ไม่เป็นไรครับ ผมท่านหัวไชเท้าเวทย์ไปก่อนหน้านี้ ผมยังอิ่มอยู่เลย ผมยังไม่อยากทานอะไรอีก”
เมอร์รินส่ายหัวทันที “นายน้อย มันเป็นไปได้อย่างไรที่นายน้อยจะทานของแค่นั้นแล้วจะอิ่ม นานน้อยโปรดรอสักครู่ ดิฉันจะรีบทำให้เสร็จอย่างรวดเร็วเจ้าค่ะ”
เมื่อเจ่าไห่เห็นว่าห้ามเธอไม่ได้จึงกล่าวว่า: “ยายเมอร์ริน ถ้างั้นคุณเอาหัวไชเท้าเวทย์นี้ไปทำอาหารสิ”
เมอร์รินตอบรับก่อนที่จะหัวไชเท้าที่เหลือครึ่งหนึ่งเข้าไปในห้องครัว แต่เม็กนั้นยืนอยู่ข้างเจ่าไห่และบล๊อค ร๊อคนั้นยืนประกบด้านหลัง
เจ่าไห่มองไปที่พวกเขาก็จะยิ้มออกมา เขารู้ว่าบล๊อคและร๊อคนั้นคงจะไม่ฟังคำสั่งของเขา ทั้งสองไม่ค่อยมีไหวพริบและเชื่อฟังแต่คำสั่งของกรีน ดังนั้นเขาพูดไปก็เปล่าประโยชน์จึงหันที่เม็ก “เม็กไปเอาคาจามาให้ผมหน่อย ผมรู้สึกหิวน้ำ’
เม็กตอบรับก่อนที่จะเดินไปยังห้องครัว แต่เมื่อเธอเดินก็เธอก็แบบมองไปที่เจ่าไห่ก็ที่จะเดินต่อไปอย่างเร่งรีบ
เจ่าไหนั่งลง ตอนนี้นั้นเขามีคนที่จะคุยด้วยในปราสาทแห่งนี้เพียงแค่ไม่กี่คนจะมีก็แค่กรีนและคนในตระกูล มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปคุยกับพวกทาสเพราะจะทำให้พวกเขานั้นกลัวซะเปล่าๆ ดังนั้นเจ่าไห่จึงทำได้เพียงแค่นั่งอยู่ตรงนี้
ความตั้งใจเดินนั้นเจ่าไห่ต้องการที่จะคุยกับบล๊อคและร๊อคแต่ทั้งสองนั้นจัดได้ว่าหัวทึบดังนั้นจึงสร้างบทสนทนาได้ยาก ดังนั้นตอนนี้เขาทำได้แค่นั่งรอ
โชคดีที่เม็กกลับมาพร้อมกับกาคาจาก่อนที่เจ่าไห่จะเบื่อไปมากกว่านี้แต่หลังจากที่เธอรินคาจาให้เจ่าไห่แล้ว เธอก็ถอยกับไปอยู่ด้านหลังเจ่าไห่อีกครั้งโดยไม่พูดอะไรเลย นี้ทำให้เจ่าไห่นั้นรู้สึกหดหู่มาก แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเธอ เพราะเขารู้ว่าอดัมนั้นปั่นหัวเธอไว้มาแค่ไหน เจ่าไห่นั้นรู้สึดอึดอัดมาเมื่ออยู่ต่อหน้าเม็ก
เมอร์รินนั้นทำงานได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ไม่นานอาหารเช้าก็เสร็จ อาหารเช้านี้คล้ายกับอาหารสไตล์ตะวันตกจากโลกที่เขามา โดยที่มีขนมปัง เนื้อต้มและก็ไข่ดาว ซึ่งไข่ดาวนั้นไม่ได้ทำมาจากไข่ไก่แบบโลกของเจ่าไห่ แต่เป็นไข่จากสัตว์เวทย์มนตร์ในทวีปอาร์ค
เจ่าไห่หันไไปทางเมอร์รินและคนอื่นๆ “ยายเมอร์รินครับ เชิญนั่งทานอาหรด้วยกัน หลังจากทานอาหารเสร็จ คุณยังต้องมีงานอีกเยอะไม่จำเป็นต้องคอยดูแลผมก็ได้”
เมอร์รินพยักหน้าและไม่คัดค้านในเรื่องนี้ เพราะเธอรู้ดีว่ามีงานที่ต้องจัดการอีกมาก ดังนั้นเมอร์รินและเม็กจึงเข้าไปทำอาหารอีกชุดสำหรับพวกเขารวมทั้งบล๊อคและร๊อค
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เจ่าไห่นั้นไไม่ได้กลับไปที่ห้องของเขาแต่กลับไปยังห้องรับแขกที่ชั้นแรกเพื่อดื่มคาจา เขารู้ว่ากรีนจะกลับมารายงานเขาเมื่อทุกอย่างถูกจัดการเรียบร้อยแล้วจึงทำให้เขาไม่กังวล