ตอนที่ 005 – ความโกงขั้นเทพ
เจ่าไห่ หายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะหยิบไม้เท้าขึ้นมา “ไม้เท้าแมลง LV 1 สามารถที่จะสร้างศัตรูพืชที่กินพืชผลต่างๆได้ ใช้ได้ 50 ครั้งต่อวัน สามารถนำออกไปนอกมิติได้”
“ไม้เท้าวัชพืช LV 1 สามารถสร้างวัชพืชที่ดูดสารอาหารของพืชผลต่างๆได้ ใช้ได้ 50 ครั้งต่อวัน สามารถนำออกไปนอกมิติได้”
เจ่าไห่ยิ้มกรุ้มกริ่มในใจก่อนที่จะปล่อยไม้เท้า
เมื่อไม่มีสิ่งของอะไรแล้วในกระท่อม เจ่าไห่จึงเดินออกจากกระท่อมเพื่อไปที่โรงนา เขารู้ว่าจะต้องมีบางสิ่งซ่อนอยู่ในโรงนา อย่างน้อยก็มีกระสอบเมล็ดที่ได้เป็นรางวัลจากระบบ
เจ่าไห่มาถึงโรงนาอย่างรวดเร็ว ตัวโรงนานั้นดูธรรมดามากและมีเพียงประตูไม้เล็กๆติดอยู่
เมื่อเจ่าไห่สัมผัสกับประตู เขาได้ยินเสียง “โรงนา LV 1 สามารถที่จะเก็บสิ่งของต่างได้ ไม่จำกัดประเภท ไม่จำกัดจำนวน สิ่งของที่เก็บไว้สามารถนำออกไปใช้นอกมิติได้ รายการสิ่งของปัจจุบัน เมล็ดหญ้า 6 ถุง”
เมื่อเจ่าไห่นึกถึงเมล็ดหญ้า ที่ด้านหน้าของเขาก็ปรากฎถุง 6 ถุง ที่มีตราสัญลักษณ์บอกว่า “เมล็ดหญ้า”
เจ่าไห่นั้นสงสัยกับวิธีการทำงานของโรงนา แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าสามารถสั่งงานผ่านทางโทรจิตได้ ช่างสะดวกสบายจริงๆ
เจ่าไห่พยายามที่จะผลักประตูโรงนา แต่ก็เปิดมันไม่ได้ โรงนานี้คงจะเป็นเพียงแค่ของประดับ ใช้งานจริงไม่ได้
เจ่าไห่ยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะหันหลังเดินกลับไปยังกระท่อมก่อนที่จะนั่งลงบนเตียงและวิเคราะห์สิ่งต่างๆที่ได้เจอในวันนี้ ตอนนี้มิติแห่งนี้นั้นมีพื้นที่ให้เขาสำหรับทำฟาร์ม มีน้ำที่ใช้ดื่มได้ และดินที่ช่วยให้พืชเติบโตเร็วขึ้น 10 เท่าและน้ำที่ใช้เพิ่มผลผลิตอีก 10 เท่า พระเจ้า!! มิตินี้ทำให้เขาไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดแคลนของอาหารเลย
พวกตะกร้า พลั่ว ถังน้ำ ยาฆ่าแมลง ไม้เท้าแมลง ไม้เท้าวัชพืช นี้เป็นสิ่งที่ใช้งานได้ และยังสามารถนำไปใช้ข้างนอกมิติได้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือโรงนา โรงนานั้เหมือนกระเป๋า 4 มิติของโดเรมอนทำให้เขานั้นรู้สึกว่ามันมีค่ามากที่สุด
จากความทรงจำของอดัมนั้น ในโลกนี้มีอุปกรณ์มิติมากมาย แต่การจะสร้างนั้นจำเป็นต้องมีใช้นักเวทย์ห้วงมิติในการสร้าง ซึ่งนักเวทย์เหล่านี้นั้นพบตัวได้ยาก ถึงแม้ว่าจะมีสิ่งเหล่านี้มากมายในทวีป แต่ส่วนใหญ่มันจะตกอยู่ในมือของพวกชั้นชนสูง น้อยมากที่จะอยู่ในมือของคนธรรมดา
แต่อุปกรณ์มิติเหล่านั้นไม่สามารถเทียบกับโรงนานี้ได้ เพราะอุปกรณ์เหล่านั้นมีขนาดเล็ก ถึงแม้ขนาดใหญ่สุดก็สามารถสร้างมิติที่เก็บของได้เพียงไม่กี่ร้อยลูกบาศก์เมตรซึ่งเทียบระดับได้ว่าเป็นอุปกรณ์ระดับสูงแล้ว แต่มิติที่เก็บของได้แบบโรงนานั้นไม่เคยมีอยู่ในทวีปแห่งนี้
แต่ที่สำคัญทึ่สุดคืออุปกรณ์มิติต่างๆในทวีปอาร์คไม่สามารถที่จะเก็บสิ่งมีชีวิตได้ แต่โรงนานั้นทำได้และเขายังสามารถเก็บของโดยไม่จำกัดประเภทด้วย
ตอนนี้เขามีเมล็ดหญ้าอยู่ 6 ถุง และเงิน 500 เหรียญทอง แม้ว่าจะนำเหรียญทองนี้ออกไปนอกมิติไม่ได้แต่เขาก็ยังสามารถใช้กับร้านสเปเทียลซึ่งนั้นก็เพียงพอแล้ว
หลังจากที่ได้อ่านคำแนะนำต่างๆเกี่ยวกับมิติแห่งนี้ เจ่าไห่รู้ได้ทันทีว่ามิติแห่งนี้นั้นมีลักษณะเหมือนเกมที่เขาเล่น และค่าพื้นฐานต่างๆนั้นก็เหมือนกัน ถ้าเขาสามารถเพิ่มLVได้ ก็จะสามารถที่จะใช้งานทุ่งหญ้าและสิ่งอื่นๆอีกมากมาย
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ เขามีพื้นที่อยู่ 10 ไร่ และบ่อน้ำ ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้สามารถที่จะปรับปรุงดินในแดนทมิฬได้ แต่ก่อนอื่นเขาจะต้องปลูกพืชในที่ดิน 10 ไร่นี้ก่อน
เมื่อคิดอย่างนี้ เจ่าไห่ก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เขาเป็นเนิร์ดมาก่อน และเกิดในตัวเมือง ทำให้เขาไม่เคยที่ทำฟาร์มมาก่อนเลย นั้นทำให้เขาไม่รู้ถึงความแตกต่างระหว่างข้าวฟ่าง,ถั่วเหลือง,งา,ข้าวบาร์เลย์ และข้าว การที่จู่ๆต้องมาทำฟาร์มนั้นทำให้เขาไม่รู้เลยว่าจะต้องเริ่มต้นจากอะไร
เจ่าไห่นั้นนำเมล็ดหญ้าเก็บกลับเข้าไปในโรงนาก่อน เขาเข้าใจว่าเมล็ดหญ้าที่จะเป็นอาหารสัตว์ได้นั้นไม่มีประโยชน์เลยสำหรับเขาตอนนี้ แต่อาจเป็นประโยชน์หากเขามีทุ่งหญ้าที่ใช้เลี้ยงสัตว์ สิ่งที่เขาจำเป็นในตอนนี้คือ อาหาร เงิน และเมล็ดพืช
เขาเปิดหน้าต่างร้านค้าขึ้นมา ซึ่งมีภาพของพืชชนิดต่างๆด้านบนและด้านล่างนั้นแสดงLV รวมถึงราคาเหมือนหน้าต่างในเกม
เจ่าไห่มองที่ที่หน้าต่างร้านค้าซึ่งเหมือนกับในเกมแม้กระทั่งคำสั่งต่างๆ ตอนนี้ฟาร์มของเขามี LV เพียงแค่ 1 และเมล็ดพืชที่เพราะปลูกได้นั้นมีเพียงหญ้า ,หัวไชเท้า แครอท และผักกาดกวางตุ้ง ส่วนที่เหลือนั้นเขายังไม่สสามารถปลูกได้
เจ่าไห่นั้นลองที่จะเลือกพืชLV 2แต่ก็มีการแจ้งเตือนว่า “LV ไม่เพียงพอ” ทำให้เจ่าไห่เข้าใจมิติแห่งนี้มากขึ้น
มีเพียงพืชสี่ชนิดนี้เท่านั้นที่ปลูกได้ตอนนี้ เจ่าไห่นั้นเลือกที่จะซื้อเมล็ดหัวไชเท้า เมล็ดหัวไชเท้าหนึ่งถุงนั้นราคา 150 เหรียญทอง ซึ่งแต่ละถุงสามารถหว่านได้ 10 ไร่ ซึ่งผลผลิตของหัวไชเท้า 10 ไร่นั้นจะได้ประมาณ 4,000 กิโลกรัม (ผู้แปล : ต้นฉบับคือ 8000 catty ซึ่ง catty = หน่วย jin ซึ่ง 1 Jin ประมาณ 0.5 กิโลกรัม) ซึ่งสามารถขายได้ประมาณ 500 เหรียญทอง
ถ้าเปรียบเทียบค่าเงินของทวีปอาร์คกับโลก 500 เหรียญทองนั้นจะประมาณ 50000 RMB หรือก็คือ 1 เหรียญทองประมาณ 100 RMB 1 เหรียญเงินจะได้ 10 RMB และ 1เหรียญทองแดงจะได้ 0.1 RMB (ผู้แปล : RMB เป็นหน่วยค่าเงินของจีน ในที่นี้ของใช้ตามต้นฉบับ)
ถ้าหากคำนวณแบบนี้แล้วการปลูกหัวไชเท้าจะได้กำไรค่อนข้างดี แต่อาจจะน้อยกว่าแครอทและผักกาดกวางตุ้งเล็กน้อย เหตุที่เจ่าไห่เลือกหัวไชเท้านั้นไม่ใช่เพราะจำนวนเงินที่ได้ แต่เพราะค่าประสบการณ์
ตอนที่เขาเล่นเกมสเปเทียลฟาร์ม เจ่าไห่เป็นคนที่จะคำนวณสิ่งต่างๆอย่างรอบคอบไม่ว่าจะเป็นการพรวนดี การปลูกพืช การเก็บเกี่ยว และอะไรที่จะทำให้ได้รับค่าประสบการณ์มากที่สุด ซึ่งก็คือหัวไชเท้าสิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือการเพิ่ม LV ซึ่งทำให้มีพื้นที่มากขึ้นและยังให้เงินที่พอสมควร ดังนั้นในสถานการณ์แบบนี้การปลูกหัวไชเท้าจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด
เจ่าไห่เป็นเนิร์ดมาก่อน ซึ่งเด็กเนิร์ดมักจะไม่ค่อยไปไหนมาไหน เพื่อจะหลีกเลี่ยงการไปข้างนอกจึงจำเป็นต้องการที่จะวางแผนก่อนว่าวันนี้จะทำอะไรเพื่อให้ใช้เวลาอยู่ข้างนอกน้อยที่สุด และรวมสิ่งต่างที่จะต้องทำไว้ในวันเดียวกันเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องออกมาข้างนอกอีก
ด้วยเหตุนี้เองทำให้เขาจึงเป็นคนที่มักจะวางแผนก่อนเสมอ เพื่อหาแผนการณ์ที่เหมาะสมกับเขามากที่สุด
คราวนี้เก็เช่นกัน เขาครุ่นคิดอยู่นานก่อนที่จะเลือกหัวไชเท้า ซึ่งให้ประสบการณ์มากที่สุดซึ่งเมื่อเทียบกับเงินที่เสียไปนั้นมันไม่มีค่าอะไรเลย
ทันทีที่เจ่าไห่ซื้อเมล็ดหัวไชเท้า ถุงเมล็ดหัวไชเท้านั้นไม่ได้ปรากฎที่หน้าของเขาแต่ถูกส่งไปยังโรงนาเขาจึงใช้โทรจิต ถุงหัวไชเท้าก็ปรากฎที่ด้านหน้าของเขา ลักษณะของถุงนั้นไม่ใหญ่มากและดูแบนราบเหมือนไม่มีสิ่งของอยู่ในถุง แต่เมื่อเจ่าไห่สัมผัสที่ถุง “เมล็ดหัวไชเท้า จำนวน 1 ถุง ใช้ในการเพาะปลูก สามารถนำออกไปนอกมิติได้ ปลูกได้ 10 ไร่”
เจาไห่ถอนหายใจ โชคดีที่ถุงเมล็ดนี้สามารถปลูกได้ 10 ไร่ ไม่อย่างงั้นแล้วเขาคงจะไม่มีพอที่จะซื้อเมล็ดอีก
เจ่าไห่ปิดหน้าต่างร้านค้า จากนั้นก็หยิบถุงเมล็ดหัวไชเท้าและออกจากกระท่อมของเขา เมื่อมองไปยังพื้นที่ 10 ไร่เขารู้สึกทำอะไรไม่ถูกเลย ตอนนี้เขาซื้อเมล็ดมาแล้ว แต่เขาจะปลูกมันยังไงละ เขาไม่เคยรู้วิธีการปลูกหัวไชเท้าเลยด้วยซ้ำ สถานการร์ตอนนี้แย่มาก
เมื่อถึงจุดๆนี้ เจ่าไห่นั้นไม่มีไอเดียอะไรเลยจึงเอาถุงเมล็ดหัวไชเท้าเพื่อที่จะเก็บที่โรงนา แต่ทันใดนั้นเองเมื่อมองไปยังถุงที่มือ เขาก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา
ทุกอย่างในมิตินี้มันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเขา ถึงแม้ว่ามันจะต้องใช้เงินในการซื้อเมล็ดพืช แต่ก็มีเงินเริ่มต้นให้ เหมือนกันที่เขาเล่นเกมส์ ถ้าหากมันเป็นเช่นนั้นแล้ว ทำไมเขาจะต้องลงมือทำเองจริงๆ
เมื่อเจ่าไห่คิดได้เช่นนี้เขาจึงใช้โทรจิตคิดถึงการปลูกหัวไชเท้า เมื่อเขาคิดเสร็จ ถุงหัวไชเท้าก็ทำการลอยขึ้นมา และพลั่วก็ลอยตามมาด้วย พลั่วนั้นขุดหลุมเล็กๆขึ้นมา และถุงเมล็ดหัวไชเท้านั้นก็โยนเมล็ดออกไปในหลุม หลังจากนั้นถังมาก็ลอยมาเทน้ำใส่ จากนั้นพลั่วก็ทำการกลบหลุมและขุดหลุมใหม่ ใส่เมล็ด รดน้ำ กลบดิน ทำกันอย่างเป็นระบบโดยที่เจ่าไห่ไม่ต้องควบคุมเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเจ่าไห่มองฉากนี้ก็อดขำไม่ได้ มิตินี้ช่างสะดวกสบายจริงๆ เขารู้สึกเรากับเป็นพระเจ้าในมิติแห่งนี้ ทุกสิ่งในมิติแห่งนี้คงจะเคลื่อนไหวได้ตามคำสั่งของเขา มันช่างรู้สึกดีจริงๆ
เมื่อเห็นว่าการเพาะปลูกนั้นจำเป็นต้องใช้เวลา เจ่าไห่รู้สึกกลัวว่าเมื่อกรีนรู้ว่าเขาหายตัวไปจะเป็นห่วง จึงออกจากมิติไป เขากลับมาที่ห้องที่ปราสาทภูเขาเหล็ก เมื่อมองออกไปยังหน้าต่างก็เห็นว่าสิ่งต่างๆนั้นเปลี่ยนแปลงไปไม่มากนัก และดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเข้ามาในห้องนี้ แสดงว่าเจ่าไห่นั้นใช้เวลาอยู่ในมิตินั้นไม่นานนัก และเวลาในห้วงมิตินั้นอาจจะแตกต่างจากข้างนอก
เจ่าไห่ดีใจจนอยากจะตะโกนออกมา ด้วยความสามารถที่โกงขั้นเทพแบบนี้ ทำให้เขานั้นเป็นเจ้าของที่ดินเล็กๆในโลกใบนี้ แม้ว่าเขาจะสามารถช่วยอดัมแก้แค้นได้ แต่สิ่งแรกที่เขาจะทำคือการทำให้ความเป็นอยู่ของเขานั้นสะดวกสบายขึ้นก็เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล
เจ่าไห่ยอมรับว่าตัวเขานั้นเป็นคนที่ไม่มีความทะเยอทะยาน ตราบใดที่เขามีความเป็นอยู่ที่ดี เขาจะกอบกู้ตระกูลบูดา เขาจะล้างแค้นให้ตระกูลบูดา เขาจะชดใช้ให้อดัมและคนอื่นๆ สิ่งเหล่านี้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้น แต่เมื่อคิดถึงอำนาจของพวกขุนนางนั้นทำให้เจ่าไห่รู้สึกกลัว ความอยู่รอดของตระกูลบูดานั้นตั้งอยู่บนคำพูดของพวกขุนนาง และสามารถที่ทำให้ตระกูลบูดาสูญสิ้นได้เพียงแค่พลิกฝ่ามือ (ผู้แปล : ขยายความกันงง เนื่องจากอดัมนั้นมีชีวิตอยู่ได้เพราะคำมันสัญญาขององค์ชายอาโบโย่ ฉะนั้นหากอาโบโย่กลับคำพูด ตระกูลบูดาตอนนี้ไม่มีกองกำลังที่จะต้านอำนาจเลยทำให้การทำให้ตระกูลบูดาสูญสิ้นนั้นง่ายดายมาก)