9-ภาษาพระเจ้า
โรดี้ติดตามนิโคลไปที่ตึกเล็กๆ ชั้นแรกนั้นมีพวกโต๊ะกับเก้าอี้ที่ถูกจัดวางอย่างไม่เป็นระเบียบ มีภาชนะแปลกๆที่โรดี้ไม่รู้ว่ามันเอาไว้ใช้ทำอะไร มีแจกันขนาดเล็กและกระถานอกจากนั้นอย่างมีชั้นวางหนังสืออยู่เต็มไปหมด เมือ่มองดูดีๆโรดี้พบว่าหนังสือเหล่านี้เก่าแก่เป็นอย่างมาก พวกมันเป็นหนังสือโบราณที่ทำจากหนังแกะ
หนังสือเหล่านี้มีค่าเป็นเงินจำนวนมาก
สิ่งที่น่าขนลุกที่สุดก็คือโครงกระดูกของมนุษย์ที่ยืนอยู่ตรงมุมห้อง โครงกระดูกสีขาวที่น่าขนพองสยองเกล้าเป็นประกายสีขาวจางๆในที่มืด โรดี้เดินเข้าไปหามันโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือเครื่องหมายสีแดงประหลาดบนหัวกระโหลกที่โรดี้ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
โรดี้ไม่สามารถทำอะไรได้ เขาจึงเอื้อมมือไปลองสัมผัสโครงกระดูกแต่สายตาของเขาก็ไปเห็นขวดแปลกๆบนชั้นวางเหล็ก ขวดทำด้วยเงินและมีฉลากติดอยู๋ น่าเสียดายที่เขาอ่านไม่ออก มันไม่ใช่ภาษาที่ใช้กันโดยทั่วไปในจักรวรรดิ
"อย่าแตะต้องขวดนั้น!" เสียงเย็นชาของนิโคลดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง โรดี้รีบดึงมือกลับขณะที่กำลังเอื้อมมือไปที่ขวด นิโคลมองไปที่โรดี่ด้วยสีหน้าเย็นชาแต่ว่าน้ำเสียงที่เธอใช้นั้นไม่ได้เย็นชา แต่คำพูดต่อจากนี้เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่มนวล
"มีบางสิ่งบางอย่างในที่นี้นั้นมันไม่ควรถูกแตะต้อง ยกตัวอย่างเช่นขวดสองใบนั้นหากนายไม่ระมัดระวังตอนแตะต้องมันแม้เพียงเล็กน้อยของสิ่งที่ถูกบรรจุอยู่จะทำให้นายตาย มันจะค่อยๆกัดกร่อนแขนของนายจนเหลือแค่กระดูก"
โรดี้ตกใจมาก "ทั้งหมดนี่เป็นยาพิษ?"
นิโคลขึงตามองไปมาทีี่เขา"ไม่!ทั้งหมดนี้ยังอยู่ในการทดลอง" โรดี้เปิดปากของเขาออกมาเพื่อถามคำถามบางอย่างแต่นิโคลไม่สนใจและพูดกับเขาเสียงดัง
"ตามฉันขึ้นไปที่ชั้นบน เร็ว!" นิโคลหันกลับและเดินขึ้นบันไดไป โรดี้จึงรีบเดินตามขึ้นไป
ชั้นสองเป็นเหมือนโถงโล่งๆขนาดใหญ่ จากราวสามารถมองเห็นห้องโถงชั้นหนึ่งได้ ชั้นสองนี้มีอะไรหลายอย่างเมื่อเทียบกับชั้นแรก มีโต๊ะเก่าๆที่สีลอกออกไปแล้วกับเครื่องดนตรีแปลกๆที่วางอยู่ด้านบน บนชั้นวางของที่ชั้นสองนั้นมีนาดใหญ่กว่าและมีหนังสือมากกว่าถึง3เท่าเมื่อเทียบกับชั้นแรก โรดี้ไม่เคยเห็นหนังสือโบราณมากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ตรงมุมถูกยึดไว้ด้วยเหล็กที่แข็งแรงทนทานแต่ก็มีสนิมเกาะอยู๋ เมื่อดูจากปริมาณสนิมนั้นแสดงให้เห็นว่าอายุของมันมากกว่านิโคลกับโรดี้รวมกันซะอีก
ตรงกลางห้องมีโต๊ะขนาดใหญ่ตั้งอยู่และมีของวางไว้กระจัดกระจาย มีขวดวางอยู่บนโต๊ะบางส่วนของมันก็ล้มคว่ำอยู๋
โรดี้ก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อหากระดาษสำหรับจดสองสามแผ่นแถวนั้น มีการเขียนด้วยลายมือที่ยุ่งเหยิงบนนั้นแสดงให้เห็นว่ามันเขียนด้วยมือและจดบันทึกบางอย่างเอาไว้
ทันใดนั้นเองลายเส้นแปลกๆบนกระดาษก็ดึงดูดความสนใจของโรดี้
'่ขาดภาชนะแรงดันสูง......ล้มเหลว.....ปีจักรวรรดิที่XXX ตานตง.."
"ตานตง!" ช่วยไม่ได้ที่โรดี้จะร้องอุทานขึ้น
"นี่มันบันทึกการค้นคว้าของตานตง!!" นิโคลเหลือบมองไปที่โรดี้เล็กน้อย และถาม
"จะเอะอะทำไม?"
"เอะอะทำไม?" โรดี้แทบจะร้องออกมา
"นี่คือบันทึกของตานตง เธอรู้ไหมว่าที่ตลาดของเก่าลายเซ็นของเขามีค่ามากแค่ไหน?"
นิโคลทำหน้าบึ้งตึง"แล้วไงละ?ทุกอย่างข้างหลังนี่คือสิ่งที่ถูกทิ้งไว้โดยปราชญ์ตานตง ชั้นวางตรงนู้นคือบันทึกการค้นคว้าทดลอง นอกจากนี้เครื่องมือที่เห็นด้านหลังนั้นเป็นของที่ระลึกของเขา ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่นี่เป็นสถานที่วิจัยของตานตง!!"
ห้องทดลองของนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่?
โรดี้จ้องมองพร้อมอ้าปากเหวอ
"แต่..ทำไมห้องทดลองของตานตงถึงมาอยู่ในบ้านของเธอ...ที่นี่"
นิโคลพูดอย่างไม่ใส่ใจ"นั้นเป็นเพราะหนึ่งในบรรพบุรุษของฉันคือลูกศิษย์ของตานตง จอมปราชญ์ตานตงได้อาศัยอยู่ที่นี่ในวัยชราและใช้มันเป็นที่ทำงานของเขา"
"ขะ ของ เหล่านี้ เป็นของที่ระลึกของจอมปราชญ์ตานตง!" ลมหายใจของโรดี้เดือดพล่านด้วยความตื่นเต้น จอมปราชญ์ตานตงคือหนึ่งในไอดอลที่เขาเคารพบูชาในวัยเด็ก ประชาชนส่วนมากชื่นชอบเขาที่สร้างโรงเรียนอิมพีเรียลขึ้นมา แม้แต่เด็ก10ขวบก็รู้เรื่องราวปฏิหารย์ที่ตานตงนำมาสู่จักรวรรดิ
"นี่เป็นเรื่องจริง ที่นี่เป็นอนุสรณ์สถานของจอมปราชญ์ตานตง! นอกจากนี้สถานที่เหล่านี้ยังถูกสืบทอดต่อๆกันมาในครอบครัวของเรา" เสียงของนิโคลค่อนข้างเศร้า
"น่าเสียดายที่ที่นี่ก็ยังเป็นโศกนาฏกรรมของครอบครัวเราเช่นกัน!ตลอดเวลาหลายศตวรรษบรรพบุรุษของฉันพยายามทำความเข้าใจภูมิปัญญาที่ตานตงทิ้งเอาไว้ในยามบั้นปลายชีวิตที่ถูกบันทึกไว้ในโน็ตย่อเหล่านี้บรรพบุรุษของฉัน3คนได้พยายามศึกษามันหลายต่อหลายปีจนกระทั่งพวกเขาเสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บทางจิต พ่อของฉันท่านก็เสียชีวิตที่นี่!"
"ทำไม?ภูมิปัญญาแห่งจอมปราชญ์นั้นลึกซึ้งและยากที่จะเข้าใจใช่ไหม?" นิโคลยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มที่แสนจะแปลกประหลาดเหมือนกับการยิ้มให้ปัญหาที่เธอเคยเผชิญมา
"ไม่เคยมีใครสามารถรู้ได้ว่าภูมิปัญญาที่จอมปราชญ์ทิ้งไว้คืออะไร เป็นเพราะว่าบันทึกที่สำคัญที่สุดของเขาไม่เคยมีใครสามารถเข้าใจสิ่งที่เขียนไว้ในนั้น เพราะภูมิปัญญาที่ตานตงทิ้งไว้ถูกบันทึกเป็นภาษาอื่นที่ไม่ได้ใช้ในจักรวรรดิหรือทวีปใดๆ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือภาษาอะไร!!"
ใบหน้าของนิโคลเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน
"มีหลายครั้งที่พวกเราคิดว่าภาษาที่ตานตงใช้บันทึกเป็นภาษาของพระเจ้า! บรรพบุรุษของฉันได้อ่านหนังสือหลายเล่มแต่ก็ไม่สามารถถอดรหัสและอ่านมันได้!"
"ภาษาของพระเจ้า?" โรดี้รู้สึกประหลาดใจ "บนโลกนี้มีพระเจ้าอยู่จริงๆหรอ?"
โดยไม่คาดคิดนิโคลจ้องมองโรดี้อย่างโกรธเคืองและพูด
"มีเพียงอัจริยะเท่านั้นที่รู้!" อาจจะเป็นเพราะหลายคนในตระกูลเธอหลงใหลใน'ภาษาพระเจ้า'และค้นคว้ามันอย่างหนักเรื่องเหล่านี้ทำให้ครอบครัวของเธอสูญเสียทั้งเวลาและชีวิตไปกับมัน ตระกูลทิวลิปที่เสือมโทรมลงก็มีมันเป็นหนึ่งในสาเหตุทำให้นิโคลไม่ได้ศรัทธาในสิ่งที่เรียกว่าพระเจ้า
โรดี้รู้สึกแปลกใจแต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้จึงลูบโต๊ะและแผ่นหนังแกะอย่างเบามือ เขาค่อยๆถามอย่างระมัดระวัง
"ฉันสามารถดูพวกมันได้หรือไม่?"
นิโคลยักไหล่"เอาสิ ของที่อยู่ที่นี่เป็นแบบจำลองที่คัดลอกออกมาเพื่อศึกษาเท่านั้น ต้นฉบับนั้นถูกเก็บซ่อนเอาไว้"
โรดี้หยิบหนังแกะขึ้นมาและค่อยๆคลี่มันออกมา แน่นอนว่าหน้าแรกของบันทึกหนังแกะเขียนด้วยภาษาทั่วไป อย่างไรก็ตามเนื้อหาภายในนั้นถูกเขียนด้วยภาษาอื่น ลักษณะของมันมีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก โครงสร้างของการจัดเรียงข้อความมีความละเอียดอ่อน แต่ละคำดูเหมือนกับก้อนสี่เหลี่ยมจตุรัสที่มีรูปแบบพิเศษ แน่นอนว่าโรดี้ไม่สามารถเข้าใจมันได้
แม้ว่าจะอ่านไม่ออกแต่บางครั้งโครงสร้างและสัญลักษณ์ก็บอกอะไรบางอย่างได้สิ่งที่เห็นนี้คือพิมพ์เขียว แต่น่าเสียดายที่รายละเอียดที่เขียนกำกับนั้นถูกเขียนด้วย'ภาษาพระเจ้า'
นิโคลเลิกให้ความสนใจโรดี้ที่ยืนขมวดคิ้วมองหนังแกะ เธอเดินไปที่ตู้เหล็กตรงหัวมุมและร่ายมนต์อะไรบางอย่างตู้เหล็กก็เปิดออกทันทีโรดี้ก็หันไปมองมัน แม้ว่าโรดี้จะเป็นนักรบ แต่เขาค่อนข้างใส่ใจกับวิธีการต่างๆเช่นเดียวกัน เขารู้ว่านิโคลใช้เวทย์มนต์เพื่อปลดล็อค มันเป็นหนึ่งในรูปแบบเวทย์ที่สืบทอดกันมา มันราวกับว่าตู้จดจำเสียงของคนได้มันจะเปิดออกเมื่อได้ยินคำร่ายที่ตรงกับล็อคในตัวของมัน เทคนิคนี้ถูกคิดค้นโดยตานตงเมื่อ200ปีที่แล้ว แผ่นหลังของนิโคลขยับมาบังสายตาของโรดี้ที่พยายามมองเข้าไปในตู้เธอหยิบบางอย่างข้างในออกมาแล้วตู้ก็ปิดลง นิโคลถือกล่องด้วยสองมือราวกับว่ามันคือสิ่งของล้ำค่า เธอค่อยๆวางมันลงบนโต๊ะก่อนจะเปิดมัน
"นายไม่จำเป็นต้องมองไปที่มันมากหรอก พ่อของฉันเฝ้าดูมันมากว่า20ปีและฉันเองก็มองมันมามากกว่า7ปี พวกเราไม่สามารถเข้าใจมันเลย นายคิดว่านายสามารถเข้าใจมันงั้นรึไง?" นิโคลแสดงความคิดเห็นอย่างเย็นชาไปที่โรดี้ที่กำลังถือหนังแกะ
"เธอนำอะไรออกมา?มันคืออะไร?" โรดี้ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น นิโคลขมวดคิ้วของเธอก่อนโบกมือส่งโรดี้ให้ลอยไปกระแทกมุมห้องเหมือนกระสอบทราย
นิโคลมองไปที่โรดี้อย่างเย็นชาก่อนพูดว่า "นายลืมไปแล้วรึไงที่ฉันบอกนายว่าเมื่อต้องการพูดกับฉันให้เรียกฉันว่า'เจ้านาย' ตอนนี้ลุกขึ้นมาได้แล้วไม่ต้องแกล้งตายฉันนรู้ว่านายเป็นคนแข็งแรง แต่การตกจากที่สูงทำอะไรนายไหมได้หรอก"
โรดี้พึมพำกับตนเองพร้อมกับลุกขึ้น เขาไม่ได้พูดอะไรแต่แอบสาปแช่งนิโคล โรดี้เดินไปที่โต๊ะพร้อมกับคำสาปแช่งของเขา เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในกล่องเขาแทบจะกรีดร้องออกมา