ตอนที่ 70 ด้อยกว่าเเมว
ลู่เว่ยหนานตอบตกลง แต่เขายังกังวลตอนที่ส่งวิญญาณอสูรให้หานเซิ่น เขากลัวว่าหานเซิ่นจะฆ่าเขาหลังจากที่ได้วิญญาณอสูรไปแล้ว
โชคดีที่หานเซิ่นไม่ได้พยายามจะฆ่าเขา เขากลับไปนั่งกินซุบที่กองไฟต่อ และลู่เว่ยหนานก็ต้องประหลาดใจ เมื่อเขาเห็นหานเซิ่นกินแค่ชุบ แต่ไม่กินเนื้อข้างใน
ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสได้จีโนพ้อยจากซุบบ้างก็จริง แต่หลักๆแล้วจีโนพ้อยจะอยู่ที่เนื้อ ทำไมหานเซิ่นถึงดื่มแต่ซุบ?
ขณะที่ลู่เว่ยหนานกำลังงง เขาเห็นก็หานเซิ่นเรียกแมวสีดำออกมา และหานเซิ่นก็เอาเนื้อในหม้อทั้งหมดใส่ในชามให้แมวกิน
แมวสีดำร้องเหมียว.. และวิ่งไปที่ชามเพื่อกินเนื้อทันที
ใบหน้าของลู่เว่ยหนานเริ่มบิดเบี้ยว เมื่อเขาตระหนักว่าเนื้อที่เขาเสี่ยงชีวิตจนเกือบตายเพื่อแย่งมันมา แต่ตอนนี้เป็นแค่อาหารให้แมว
'ชายหนุ่มคนนี้มาจากไหนกันนะ? เขาป้อนเนื้อมอนสเตอร์กลายพันธ์ให้แมวกิน เขาเป็นคนประเภทไหนกันเนี่ย?' ตอนนี้ลู่เว่ยหนานอยากเอาหัวชนกำแพงจริงๆ ที่เขาสู้มาทั้งหมดเพื่อแย่งอาหารแมว
เขาเริ่มคิดเกี่ยวกับแมววิญญาณอสูรที่ต้องกินอาหาร มันต้องเป็นวิญญาณอสูรประเภทสัตว์เลี้ยงแน่ๆ เนื่องจากวิญญาณอสูรประเภทที่เอาไว้ขี่จะไม่ต้องกินอะไร ดูแล้วแมวของหานเซิ่นไม่น่าจะธรรมดา มันต้องเป็นวิญญาณอสูรระดับกลายพันธ์แน่
ตอนนี้ไม่ค่อยมีคนเลี้ยงวิญญาณอสูรประเภทสัตว์เลี้ยง เพราะพวกมันไม่มีความสามารถในการต่อสู้แถมยังต้องกินอาหาร แต่หลังจากที่มันโตแล้วบางตัวอาจจะมีความสามารถในการต่อสู้
แต่ก็ไม่ใช่ทุกตัวที่เติบโตมาแล้วต่อสู้ได้ เหตุผลที่คนไม่ชอบเลี้ยงอสูรประเภทสัตว์เลี้ยง เพราะว่ามันจะต้องกินเนื้อที่มีระดับเดียวกับมัน มันถึงจะโตขึ้นได้ บางคนที่เลี้ยงอสูรโบราณ และป้อนเนื้อมอนสเตอร์โบราณให้มัน เพื่อหวังว่าเมื่อโตมันจะสามารถต่อสู้ได้ แต่แถบจะไม่มีใครเลยที่เลี้ยงอสูรสัตว์เลี้ยงระดับกลายพันธ์ เพราะไม่มีใครสามารถหาเนื้อระดับกลายพันธ์มาให้มันกินได้เรื่อยๆ และมันอาจจะไม่คุ้มค่าเลย ถ้ามันโตขึ้นมาแล้วแต่ยังต่อสู้ไม่ได้
ต้องขอบคุณอสูรแมวเหมี่ยวที่ทำให้ลู่เว่ยหนานคิดว่าหานเซิ่นจะต้องเป็นลูกคนใหญ่คนโตแน่ 'ใครก็ตามที่มานั่งป้อนแมวด้วยเนื้ออสูรกลายพันธ์แบบนี้ ต้องไม่ธรรมดาแน่ อาจจะเป็นลูกนักการเมืองหรือนักธุรกิจใหญ่'
"พี่ชาย ขอทราบชื่อของคุณหน่อยได้ไหม" ลู่เว่ยหนานถามพร้อมกับยิ้ม
"นายไม่รู้จักฉันจริงๆหรอ?"
หานเซิ่นแปลกใจที่ได้ยินเขาถาม โดยปรกติถ้ามีใครเห็นชุดเกราะและปีกของเขาก็ต้องรู้ทันทีว่าเขาคือดอลลาร์
"พวกเราเคยพบกันมาก่อนรึเปล่า?"
ลู่เว่ยหนานทำหน้างงๆ และมองไปที่หานเซิ่น
"ป่าวๆ" หานเซิ่นดื่มซุบต่อ
ลู่เว่ยหนานเข้าใจที่หานเซิ่นพยายามจะบอกว่าจำเขาไม่ได้หรอ แสดงว่าเขาต้องเป็นคนมีชื่อเสียงแน่ๆ นั่นยิ่งทำให้ลูเว่ยหนานคิดว่าหานเซิ่นต้องมาจากตระกูลใหญ่ ลู่เว่ยหนานมองหานเซิ่นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หานเซิ่นคิดว่าดอลลาร์น่าจะเป็นข่าวใหญ่ทางทีวีหรือในเน็ต ทุกคนควรจะรู้จักเขา
"นายเข้ามาในหนองน้ำแห่งความมืดตั้งแต่เมื่อไหร่?"
หานเซิ่นถามลู่เว่ยหนาน
ลู่เว่ยหนานกระตือรือร้น และบอกหานเซิ่นทุกอย่างที่เขารู้
หลังจากฟังที่เขาเล่า ทำให้หานเซิ่นเข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่รู้จักดอลลาร์ ลู่เว่ยหนานไม่ได้ออกจากก็อตแซงชัวรี่มา 1 ปีแล้ว เขามุ่งมั่นแต่การล่ามอนสเตอร์อยู่ในก็อตแซงชัวรี่ตลอดเวลา และดูเหมือนว่าเขาก็ทำได้ไม่เลว
หานเซิ่นมองไปที่ลู่เว่ยหนานอย่างแปลกใจ ตอนแรกเขาไม่คิดว่าลู่เว่ยหนานจะเป็นคนที่มีความสามารถอะไร
ลู่เว่ยหนานรู้ว่าหานเซิ่นกำลังมองมาที่เขาด้วยความชื่นชม เขาหน้าแดงและรีบพูด
"ผมฝึกฝนการจัดระเบียบร่างกายมาเป็นพิเศษ วิชาที่ผมเรียนเรียกว่า Lus เป็นวิชาสำหรับหลบหนีจากอันตราย"
หานเซิ่นจำได้ทันทีว่าตอนที่เขาแทงหอก ลู่เว่ยหนานเคลื่อนไหวแปลกมาก ถ้าหากลู่เว่ยหนานไม่ตัดสินใจบินขึ้นไป เขาไม่แน่ใจว่าจะแทงโดนลู่เว่ยหนานรึป่าว
"ช่วงที่นายอยู่ในหนองน้ำแห่งความมืด นายเจอป่าแปลกๆที่มีต้นไม้สูงๆ แต่เบาบางและใต้ต้นไม้พวกนั้นมีดอกไม้อยู่บ้างไหม?" หานเซิ่นถาม
ลู่เว่ยหนานนั่งคิดอยู่สักพักแล้วก็ส่ายหัว
"ผมไม่เคยเห็นที่แบบนั่น ผมไม่คิดว่าจะมีที่แบบนั้นในหนองน้ำแห่งความมืดได้นะ"
หานเซิ่นไม่รู้ว่าลู่เว่ยหนานไม่รู้จริงๆหรือแค่ไม่พูดความจริง หานเซิ่นไม่ได้ถามต่อ เขาพักผ่อนเตรียมที่จะเดินทางต่อ
บาดแผลของลู่เว่ยหนานยังไม่หายดี แต่โชคดีที่เขามีสัตว์อสูรบินได้ทำให้เขาไม่ได้ลำบากมาก
ทุกครั้งที่เป็นเวลากินอาหาร ลู่เว่ยหนานจะต้องมองไปที่หานเซิ่นที่กำลังป้อนอสูรแมวเหมียวด้วยปลาตากแห้ง และแอบถอนหายใจ เขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองต้อยต่ำกว่าแมวเสียอีก
ในที่สุดโชคก็เหมือนจะมาถึงแล้ว เมื่อลู่เว่ยหนานกำลังบ่นว่าไม่เจอมอนสเตอร์กลายพันธ์สักตัวตลอดทั้งวัน หานเซิ่นชี้นิ้วไปที่แตนตัวสีดำขนาดเท่าฝ่ามือในพุ่มไม้
"แบล็คสตริงเกอร์!" หานเซิ่นประหลาดใจ เขารีบทำมือบอกให้ลู่เว่ยหนานเงียบ
"ดูแตนตัวนั้นไว้ อย่าส่งเสียงให้มันรู้ตัว และอย่าให้มันเห็นตัวเรา"
เมื่อหานเซิ่มพูดเสร็จ เขาบินขึ้นไปบนท้องฟ้า เพื่อมองดูรอบๆ แต่เขาก็ไม่เห็นต้นไม้สูงๆหรือรังแตนในระยะใกล้ๆนี้เลย
'ดูเหมือนว่ารังของแบล็คสตริงเกอร์จะไม่ได้อยู่แถวนี้ ถ้าตามมันไปอาจจะเจอรังของมัน' หานเซิ่นคิด ขณะที่เขาบินมาข้างๆลู่เว่ยหนาน และทำมือบอกให้ตามแบล็คสตริงเกอร์ไปเงียบๆ
ลู่เว่ยหนานสงสัยว่าหานเซิ่นต้องการจะทำอะไรกันแน่ พวกเขาทั้ง 2 คน ตามแบล็ตสตริงเกอร์ไปเงียบๆ โชคดีที่พวกเขาสามารถบินได้ทั้งคู่ จึงไม่ยากที่จะไล่ตามแบล็คสตริงเกอร์ไป
พวกเขาตามแบล็คสตริงเกอร์มา 12 ไมล์แล้ว และเริ่มเห็นเเบล็คสจริงเกอร์มากขึ้น หลังจากนั้นไม่นานหานเซิ่นก็เห็นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในบึง และที่ใต้กิ่งไม้มีรังของแบล็คสตริงเกอร์ขนาดเท่าลูกบอลลูนไอร้อนอยู่