GE3 สืบทอดจักรพรรดิสวรรค์ การเปลี่ยนแปลงของหนิงฝาน!
Chapter 3 สืบทอดจักรพรรดิสวรรค์ การเปลี่ยนแปลงของหนิงฝาน!
ศิษย์สตรีนิกายเหอฮวนทั้ง 107 คนถูกปีศาจเฒ่าสังหารจนหมด
ศิษย์นิกายที่ตายด้วยเพลิงทมิฬนับว่าโชคดี แต่ศิษย์ที่ตายทีหลังนับว่าพบชะตากรรมที่น่าสังเวชสุดแสน
ปีศาจเฒ่าหานสังหารพวกนางอย่างเลือดเย็น เขาไม่ได้ข่มขืนพวกนางเพราะมันไม่ใช่รูปแบบของเขา อีกอย่าง สตรีชั่วร้ายเหล่านี้ได้สูญเสียพรหมจรรย์ไปหมดแล้ว ดังนั้น การทรมานพวกนางนับเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุด
“กับศัตรูต้องไม่แสดงความเมตตา เพราะนั่นคือการกำจัดสิ่งที่จะทำให้เราเสียใจในอนาคต!”
นี่คือบทเรียนบทแรกที่ปีศาจเฒ่าหานสั่งสอนหนิงฝาน
ถลกหนัง ตัดเอวจนร่างขาดเป็น 2 ท่อน กระชากแขน ขา และหัวจนหลุดออกจากกันเป็นห้าส่วน แล่เนื้อ แขวนคอ ต้มทั้งเป็น ใช้เข็มนับพันลงทัณฑ์ ฝังทั้งเป็น สังหารด้วยพิษ เล่นพิเรน หั่นเป็นชิ้นๆ ป่นกระดูก เทตะกั่วเหลวเข้าไปในปาก และสาวไส้พวกมันออกมา
วิธีการสังหารในรูปแบบต่างๆที่ปีศาจเฒ่าใช้ล้วนเป็นทุกวิธีที่เขาพอจะคิดออก เมื่อยามรุ่งสางมาถึง ทั่วทั้งภูเขากลับเต็มไปด้วยเศษเนื้อ ปัสสาวะ และอุจจาระกองพะเนิน
สาวน้อยจื่อเฮ่อเป็นลมไปตั้งแต่ที่ปีศาจเฒ่าสังหารคนแรก แต่หนิงฝานยังกัดฟันดูการสังหารกระทั่งจบ ทั้งเลือดเนื้อ กลิ่นคาวทำให้หนิงฝานอาเจียนถึง 3 ครั้งก่อนที่เขาจะทนรับสภาพมันได้
หนิงฝานจำเป็นต้องดูเพราะตัวเขาไม่ได้โง่ เขาคาดเดาไว้ว่าหากเขาไม่ดูฉากการสังหารอันเหี้ยมโหดของชายชรา ชายชราต้องสังหารเขาอย่างแน่นอน!
หานหยวนจี๋แห่งนิกายกุ่ยเชว่นับเป็นปีศาจเฒ่าโดยแท้
“ไอ้หนู เจ้านี่ไม่เลวจริงๆ! เมื่อยามที่ข้าเป็นศิษย์ อาจารย์ของข้าก็ทำแบบนี้เหมือนกัน แต่ตาเฒ่านั่นทำมากกว่านี้ถึง 6 เท่า…”
ปีศาจเฒ่าหานจ้องมองหนิงฝานพลางดวงตาเบิกกว้าง
ความอดทนของเจ้าเด็กนี่นับเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นดีในการบ่มเพาะเต๋าแห่งปีศาจ
สัตว์ประหลาดเฒ่าหานไม่รู้ว่าหนิงฝานเกลียดโลหิต เขาไม่สามารถทนมองโลหิตได้ เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือก เพราะหากเขาไม่ทำเช่นนี้เขาต้องตายแน่
“มานี่ ข้าจะพาเจ้ากลับนิกายกุ่ยเชว่เพื่อเป็นศิษย์ของนิกายข้าอย่างเป็นทางการ!”
ปีศาจเฒ่าจับจื่อเฮ่อและหนิงฝานก่อนทะยานไปบนฝากฟ้า
ตั้งแต่ต้นจนจบ หนิงฝานไม่ได้กล่าวคำกับปีศาจเฒ่ามากนัก เพราะตอนนี้เขาเหมือนกับปลาบนเขียง ทำได้แค่หวังว่าจะมีชีวิตรอด ดังนั้น การพูดจาย่อมนำมาซึ่งปัญหา
ชายชราทะยานไปบนฝากฟ้าด้วยความเร็วสูง เพียงเวลา 1 วัน 1 คืนเขาก็ข้ามผ่านเส้นทางมาหลายหมื่นลี้จากทางด้านตะวันตกของเมืองเยว่จนถึงทางตอนเหนือ
ตามทางที่ผ่านมา ชายชราบินข้ามผ่านนิกาฝ่ายยธรรมะมากมายเพียงแต่ไม่มีใครกล้าหยุดเขา เพราะใครก็ตามที่หยุดจะถูกเขาใช้กระถางโอสถสังหารตายในทันที
ทางเหนือ มีเมืองที่ทำขึ้นจากน้ำแข็งแห่งหนึ่งเรียกว่า ‘เมืองฉีเหม่ย’ ทั่วทั้งเมืองปกคลุมไปด้วยความเย็นอันพิเศษเฉพาะที่สามารถแช่แข็งได้กระทั่งจิตวิญญาณของผู้คน
เมืองฉีเหม่ยมีผู้บ่มเพาะเพียงไม่กี่พันคนและมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานวิญญาณเพียง 3 คนเท่านั้น เมื่อสัมผัสได้ถึงชายชรากำลังบินตรงมา เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 จึงจึงทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า เมื่อผู้เชี่ยวชาญทั้งสามได้พบ เขาพวกเขาต่างแสดงความเคารพ
“คารวะท่านเจ้าเมือง!”
“ไม่ต้องมากพิธี หลีกทางให้ข้า!”
ชายชราสั่งผู้เชี่ยวชาญทั้งสามที่กำลังจ้องมองหนิงฝานให้หลีกทาง
หนิงฝานยังคงระวังตัวจากผู้เชี่ยวชาญทั้งสามและผู้คนของเมืองฉีเหม่ย นั่นนับเป็นเรื่องดีเพราะการเดินทางต่างแดนและพบผู้คนที่ไม่คุ้นหน้า การระมัดระวังตัวย่อมเป็นเรื่องสำคัญ
“ชายชราผู้นี้คือเจ้าเมืองฉีเหม่ยและเป็นหนึ่งในสี่ผู้อาวุโสที่ทรงเกียรติของนิกายกุ่ยเชว่ หรือก็คือ ‘นักปรุงยาหานผู้ทรงเกียรติ’! ยังเหลือเวลาอีกครึ่งปีกว่าจะถึงพิธีรับศิษย์ของนิกาย เพราะฉะนั้น ข้าให้เวลาเจ้าครึ่งปี เจ้าต้องบ่มเพาะให้ถึงระดับ 5 ขอบเขตเปิดเส้นโลหิต ไม่งั้นตาย!!”
ชายชราจ้องมองไปยังเมืองท่ามกลางหมู่เมฆราวกับมหาสมุทรด้วยแววเผด็จการ แต่ถึงอย่างนั้น กลับมีประกายแห่งความเศร้าผ่านดวงตา การที่ความเศร้าปรากฏขึ้นกับปีศาจกระหายเลือดอย่างเขาย่อมเป็นเรื่องแปลก
“ชายชราผู้นี้มีเรื่องราวมากมายนัก!”
หนิงฝานไม่กล้ากล่าวถามความคิดของชายชราเพราะนั่นนับเป็นการรนหาที่ตาย
**************
หนิงฝาน หนุ่มน้อยอายุ 17 ปี ผู้รับใช้ของไห่หนิงแห่งตระกูลหนิง ถูกทรยศและขายให้กับนิกายปีศาจ ถูกพรากจากน้องชาย แต่ด้วยโชคดีได้รับสร้อยหยกและยอมรับเจ้าแห่งปีศาจเป็นอาจารย์ จึงมุ่งหน้ามายังเมืองฉีเหม่ย
ใต้แสงจันทร์ภายในเมืองอันหนาวเหน็บ หนิงฝานยังคงกำสร้อยหยกไว้ในมือแน่น เขาอยู่ในเมืองแห่งนี้ได้ 3 วันแล้ว
‘ตำราฉีเหม่ย’ เอกสารฉบับนี้ถูกเขียนขึ้นโดยสตรีผู้ชั่วร้ายแห่งเมืองฉีเหม่ย มันไม่ใช่วิธีการบ่มเพาะเพียงแต่มันเป็นตำราแนะนำโลกแห่งการบ่มเพาะและเต๋าแห่งปีศาจเท่านั้น
เมื่อยามที่ชายชรามอบตำราให้หนิงฝาน ดวงตาของชายชราดูราวกับต้องการกินเลือดกินเนื้อ
“ข้าจะให้ตำราเล่มนี้กับเจ้า ภายในครึ่งปี ถ้าหากตำราชำรุดหรือเสียหาย เจ้าต้องจ่ายด้วยชีวิตของเจ้า!”
ภายในตำรามีวิธีการเปิดเส้นโลหิต การบ่มเพาะจำเป็นต้องใช้แกนของโลกเพื่อดูดซับพลังงานเข้าไปในร่างกายและยังต้องการเส้นโลหิตที่ถูกเปิดแล้วด้วย
เส้นโลหิตพวกนี้ไม่ใช้เส้นโลหิตของมนุษย์ธรรมดาทั่วไป แต่มันคือเส้นโลหิตสวรรค์
เส้นโลหิตสวรรค์แบ่งออกเป็นหยินและหยาง เส้นโลหิตสวรรค์ของฝ่ายธรรมะเรียกว่า ‘เส้นโลหิตหยาง’ ส่วนเส้นโลหิตของฝ่ายปีศาจเรียกว่า ‘เส้นโลหิตหยิน’
ขอบเขตแรกของการบ่มเพาะคือ ‘เปิดเส้นโลหิต‘ วิธีการบ่มเพาะของขอบเขตนี้ไม่ได้พิเศษอะไรมากนักแม้กระทั่งคนทั่วไปยังเคยได้ยินวิธีการบ่มเพาะ
แต่ถึงอย่างนั้น การที่จะบ่มเพาะให้สำเร็จก็มีเพียงหนึ่งในล้านเท่านั้น มีเพียงลูกรักของสวรรค์และพิภพเท่านั้นถึงจะมีโอกาสเก้าเข้าสู่เต๋าแห่งสวรรค์!
หนิงฝานหลับตาลงแล้วเข้าสู่ห้วงความคิด เขารู้สึกได้ถึงความร้อนที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยเส้นทางแปลกๆไปยังตันเถียน เส้นทางนั้นคือเส้นโลหิตหยินภายในร่างกายของเขา
แต่น่าแปลก หนิงฝานรู้สึกได้อย่างเบาบางว่าถัดจากเส้นโลหิตหยินไปยังมีเส้นโลหิตหยาง แต่เขาเพียงสัมผัสมันได้เท่านั้น
ปกติแล้ว การเปิดเส้นโลหิตจำเป็นต้องใช้เวลา 1 วันหรือหลายวันในการเปิดเส้นโลหิตในครั้งแรก แต่หนิงฝานกลับใช้เวลาเพียง 1 ชั่วยามเท่านั้น!
กลายเป็นว่าความเร็วในการบ่มเพาะของหนิงฝานมากกว่าคนธรรมดาทั่วไปอย่างไม่ต้องสงสัย
และความเร็วอันพิเศษนี้มันมีลักษณ์ที่คล้ายกับ….
“เส้นโลหิตปีศาจโบราณ!”
ดวงตาของของหนิงฝานเปล่งกระกายจ้า
เส้นโลหิตสวรรค์ของเขาคือ “เส้นโลหิตปีศาจโบราณ” ตามที่ตำราฉีเหม่ยกล่าวไว้
เส้นโลหิตปีศาจโบราณนับว่าหายากและยังทรงพลังเป็นอย่างมาก หากเทียบกับเส้นโลหิตสวรรค์ทั่วๆไป เส้นโลหิตปีศาจโบราณจะบ่มเพาะได้รวดเร็วกว่า มีความลึกล้ำมากกว่า และสามารถใช้ทักษะพิเศษได้ด้วย
หนิงฝานรู้สึกมึนงงหลังจากได้รู้ว่าเขาครอบครองเส้นโลหิตปีศาจโบราณ
ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน เขายังเป็นเพียงคนธรรมดาที่ถูกศิษย์นิกายเหอฮวนข่มเหงจนเกือบสิ้นชีวิต
แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วันเขากลับมีโอกาสได้กลายเป็นผู้บ่มเพาะของเต๋าแห่งปีศาจทั้งยังต้องใช้ชีวิต
อยู่ในเมืองน้ำแข็งฉีเหม่ยแห่งนี้เกือบปี…
“ต้องเป็นสร้อยหยกนั่นแน่ที่เปลี่ยนให้ข้าเป็นผู้บ่มเพาะ...”
หนิงฝานถอดสร้อยหยกออกจากแขนเสื้อด้วยท่าทางที่ซับซ้อน
ตามตำราได้บอกไว้.. เขาเข้าใจว่าสร้อยหยกนี่ช่วยเขาเปิดเส้นโลหิตสวรรค์ มันต้องเป็นสมบัติอย่างแน่นอน!
หนิงฝานยังคงจำได้ว่าเมื่อยามที่เขามาถึงเมืองฉีเหม่ย ปีศาจเฒ่าหานสนใจสิ่งที่สามารถสังหารมังกรเพลิงทมิฬเป็นอย่างมาก เพียงแต่ ด้วยสายตาระดับเขายังไม่สามารถมองเห็นสร้อยหยกอันลึกลับชิ้นนี้ได้
“ของสิ่งนี้มันไร้ประโยชน์...หรือว่ามันเป็นสมบัติกันแน่! ข้ามองไม่ออกจริงๆ หากเจ้าไม่ใช่ศิษย์ของข้า ข้าคงสังหารเจ้าเพื่อชิงมันไปแล้ว แต่ด้วยกฏของนิกายกุ่ยเชว่ของข้า ผู้เป็นอาจารย์จะไม่ชิงสมบัติไปจากศิษย์ และข้า จะไม่แย่งชิงโชคชะตาไปจากเจ้า เอามันคืนไป!”
ในที่สุด ปีศาจเฒ่าหานก็คืนสร้อยหยกให้กับหนิงฝาน ทำให้เขามองปีศาจเฒ่าหานในแง่ดีมากขึ้น
สัตว์ประหลาดเฒ่าหานมองหนิงฝานเหมือนเป็นศิษย์คนหนึ่งและไม่ได้แย่งชิงสมบัติไปจากเขา
นี่คือสัจจะของบุรุษผู้ชั่วร้ายคนนี้
การเปิดเส้นโลหิต 1 เส้นนับเป็นระดับ 1 ขอบเขตเปิดเส้นโลหิต
การเปิดเส้นโลหิต 4 เส้นนับเป็นระดับ 2 ขอบเขตเปิดเส้นโลหิต ดังนั้น เมื่อปีศาจเฒ่าต้องการให้เขาบรรลุระดับ 5 ขอบเขตเปิดเส้นโลหิตภายในครึ่งปี นั่นหมายความว่าหนิงฝานต้องเปิดเส้นโลหิตให้ได้ 25 เส้น
หนิงฝานอยู่ที่เมืองฉีเหม่ยได้ 3 วันแล้ว ในทุกๆวันจะมีผู้รับใช้นำเม็ดยาราคาแพงที่มีประโยชน์ต่อการบ่มเพาะมาให้
ดูเหมือนปีศาจเฒ่าหานต้องการให้หนิงฝานบรรลุระดับ 5 ขอบเขตเปิดเส้นโลหิต
แต่สิ่งที่น่าแปลกคือปีศาจเฒ่าหานได้กล่าวกับผู้รับใช้ว่าให้หนิงฝานใช้ชีวิตอย่างอิสระภายในเมืองฉีเหม่ย
มันหมายความว่ายังไง?
หนิงฝานไร้ซึ่งข้อจำกัดภายในเมืองแห่งนี้ แต่หากเขาหนีออกไปข้างนอกก็เป็นไปได้มากว่าเขาจะถูกจับตัวกลับมา
หนิงฝานยังไม่ได้รีบร้อนใช้เม็ดยาที่ผู้รับใช้นำมาให้
หลังจากเขาอ่านตำรากุ่ยเชว่หลายต่อหลายรอบทั้งยังพยายามจดจำมัน เขาก็เริ่มที่จะเตรียมการถึงรายละเอียดของแผนการในอนาคตของเขา
ไม่ว่าเขาจะต้องการหรือไม่ เขาก็จะต้องฝึกฝนทักษะปีศาจที่ปีศาจเฒ่าหานได้ปูทางการบ่มเพาะไว้ให้
เมื่อไหร่ก็ตามที่ฝึกฝนทักษะของปีศาจเฒ่า ผู้ฝึกจะต้องมีความระมัดระวังอย่างสูง เพราะไม่งั้นคงมีแต่ความตายที่รออยู่
หนิงฝานไม่อยากตาย เขาอยากแก้แค้นและออกค้นหาน้องชายที่หายไป น้องชายของเขาสมควรมีชีวิตที่ดี!
แล้วก็จื่อเฮ้อ
หนิงฝานถอนหายใจเล็กน้อย ปกติเขาจะเป็นคนเย็นชาอยู่เสมอ เพียงแต่ เขาไม่อาจละเลยนางได้
สาวน้อยคนนั้นอยู่ในมือของปีศาจเฒ่าหานและหนิงฝานเองก็ไม่รู้ว่านางตอนนี้นางกำลังทำอะไรอยู่
นางช่วยเหลือหนิงฝานทั้งให้ซาลาเปาและสร้อยหยก หากนางไม่มาในคืนนั้น หนิงฝานคงไม่อาจหลุดพ้นจากความตาย
“ตื่นแล้ว ในที่สุดก็ตื่นสักที ฮ่าฮ่า หนุ่มน้อยผู้หล่อเหลา เจ้าปราถนาจะรับสืบทอดจากสร้อยหยินหยางหรือเปล่า?”
ในยามนี้หนิงฝานไร้ซึ่งสติ แต่ทันใดนั้นสร้อยหยกกลับเรืองแสงสีแดงจางๆและปรากฏเสียงของสตรีผู้งดงาม
เสียงของนางค่อยๆจางหายไปก่อนสร้อยหยกจะเปล่งแสงสีแดงยิงตรงไปที่ตันเถียนของหนิงฝาน หนิงฝานรู้สึกราวกับร่างกายท่อนล่างร้อนรุ่ม สุมด้วยไฟราคา ตัณหา ที่ไม่อาจหาทางปลดปล่อย
“เจ้าเป็นใคร สร้อยหยกนี้คืออะไร?!”
ท่าทางของหนิงฝานกลายเป็นมืดมน เขาเป็นเพียงผู้เริ่มต้นในการบ่มเพาะ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานะการณ์เช่นนี้ ทำให้เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองอย่างไร
ยามนี้หนิงฝานรู้สึกได้ว่าสร้อยหยกกำลังปรากฏขึ้นในตันเถียน เพียงแต่เขาไม่สามารถนำมันออกมาได้ เมื่อสร้อยเข้าไปในร่างกายของหนิงฝานมันก็ทำให้เขารู้สึกร้อนมากขึ้น
ความใคร่อันที่ยากจะกล่าวกำลังเพิ่มทวีภายในร่างของหนิงฝาน ความรู้สึกพวกนั้นกำลังพุ่งพล่านอย่างดุเดือดและรุนแรง
“อ่าห์... ข้าจะทำยังไงดี!”
หนิงฝานพยายามจะเปล่งเสียงออกมาแต่เขากลับทำไม่ได้ เขาไม่สามารถขยับร่างกายที่นอนแผ่อยู่บนที่นอนได้
ภายในตันเถียนของเขามีเปลวเพลิงสายหนึ่งกำลังแผดเผา หนิงฝานรู้สึกมึนชาอย่างช้าๆและสติของเขาก็ค่อยๆเลือนหายไป
เขาต้องการสตรี...สตรีเพื่อบำบัดความใคร่อันร้อนรุ่มนี้!
“ฮ่าฮ่า นี่คือสร้อยหยินหยางสมบัติแห่ง ‘โลกหยินอันลึกลับ’ หากมันจำเจ้าได้นั่นย่อมเป็นโอกาสที่ดีเลยหล่ะ พี่สาวผู้นี้ได้พยายามมาเนิ่น...นานหลายปีแต่กลับไม่อาจทำได้ ดังนั้น ข้าจึงคิดว่ามันคงจะเป็นโชคลาภอันยิ่งใหญ่ที่เหลือทิ้งไว้ให้เจ้า”
เงาร่างจางๆของสตรีนางนึงปรากฏขึ้นในหัวของหนิงฝาน
แต่ยามนี้หนิงฝานไม่ได้สนใจเรื่องนั้น สตรีผู้งดงามและลึกลับหัวเราะอย่างเริงร่าเล็กน้อยก่อนนางจะเงียบไป
ร้อน...ร้อน...นี่มันร้อนจนแถบทนไม่ได้
เจ็บปวด...ทั่วร่างของหนิงฝานกำลังเจ็บปวด! หากความร้อนรุ่มนี้ไม่ทุเลาลง มันย่อมทำพลังงานในร่างของหนิงฝานไหลย้อนและจบลงด้วยความตาย! สร้อยหยก ทำไมตอนนี้มันถึงได้เปลี่ยนไป!
“พี่ชาย! เกิดอะไรขึ้นกับท่าน! โอ้ย! ตัวท่านร้อนมาก ข้าจะไปเรียกคนมาช่วย”
“โอ้ย อย่าดังข้าไว้สิ พี่ชายข้ารู้ว่าท่านต้องพิษ ข้าจะไปเรียก อ้า!! ปล่อยข้า ปล่อยข้า...”
“โง่...โง่! ท่านกำลังหยุดข้าไม่ให้ข้าไปหายาแก้พิษ! รีบๆปล่อย...”
จู่ๆแขนของหนิงฝานก็ยื่นไปจับร่างกายอันบอบบางของนาง
เขากดร่างของนางลงบนเตียงแล้วขึ้นคร่อม นางดิ้นรนและพยายามส่งเสียงร้อง
มีเพียงเหตุผลเดียวที่หนิงฝานจะหยุดมือและปล่อยในเรือนร่างอันบอบบางหลุดไปจากเงื้อมมือของเขา
“ใกล้...ใกล้...ข้าเกือบจะ พี่ชายเกิดอะไรขึ้นกับท่าน!”
จู่ๆเรือนร่างอันกระทัดรัดและบอบบางของนางกลับอุทานขึ้นด้วยความตกใจขณะที่หนิงฝานหมดสติและลมหายใจแผ่วเบา
ตาย...หนิงฝานกำลังจะตาย!
นางอาศัยอยู่ในนิกายเหอฮวนและได้เห็นสตรีผู้ชั่วร้ายมากมายมีความสุขกับการมอมยาพิษแห่งราคะให้กับบุรุษจนกระทั่งบุรุษเหล่านั้นได้ตายลง
พิษของพวกนางไม่ใช่สิ่งที่จะดูแคลนได้ หากไม่ทำอะไรสักอย่าง ผู้ที่ต้องพิษต้องตายอย่างแน่นอน มีเพียงผู้บ่มเพาะระดับสูงมากเท่านั้นที่จะสามารถระงับอาการนี้ได้!
พี่ชายกำลังจะตาย
ไม่! ต้องหยุดการตายนี้
เรือนร่างอันบอบบางกระทัดรัดปาดน้ำตาบนใบหน้าก่อนตัดสินใจทำในเรื่องที่น่าเจ็บปวด นางค่อยๆปลดเสื้อผ้าของนางออกทีละชิ้น...ทีละชิ้น
“ในเมื่อข้าต้องพิษจากท่านป้าผู้ชั่วร้าย ข้าย่อมมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน พี่ชาย... ข้ามีความสุขมากที่ท่านช่วยชีวิตข้าไว้ และตอนนี้ จะเป็นคราวที่จื่อเฮ่อจะช่วยท่านบ้าง...ตกลงมั้ย?”
และนั่นก็เป็นค่ำคืนที่ไม่อาจทำใจเชื่อได้…
เช้าวันถัดมา… หนิงฝานพยายามลืมตาขึ้น เขาเห็นเรือนร่างอันประณีตและงดงามนอนอยู่ข้างกาย ใบหน้าของนางประดับไว้ด้วยรอยยิ้มจางๆ
เรือนร่างอันบอบบางของจื่อเฮ่อเต็มไปด้วยร่องรอยของความรุนแรง ทั้งหมอน ผ้าห่มไหม มีร่องรอยของคราบโลหิตราวกับดอกกุหลาบบนผืนหิมะ
ใบหน้ากระทัดรัดของนางมีรอยคราบน้ำตาราวกับสายฝนโปรยปรายลงบนดอกไม้ผลิบานที่ชวนสัมผัสและน่าลุ่มหลง ริมฝีปากแห้งผากมีรอยแตก หน้าอกทั้งสองข้างเต็มไปด้วยรอยจ้ำโลหิต
ในหัวของหนิงฝาน มีเศษเสี้ยวความทรงจำที่กระจัดกระจายเป็นชิ้น เขาขบฟัน แววเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“หนิงฝาน..อา..หนิงฝาน นี่เจ้าทำอะไรอะไรลงไป? นาง...นางยังเด็กนัก อา...”
หนิงฝานฝืนยิ้ม
หนิงฝานถูกเปลวเพลิงปีศาจแผดเผาและพรากชีวิตของเขาไปโดยไม่รู้ตัว เพียงแต่ นางได้ช่วยให้เขารอดพ้นจากความตายอย่างหวุดหวิด
“พี่ชาย ท่านจะตายไม่ได้นะ จื่อเฮ่ออยู่นี่แล้ว จื่อเฮ่อมาเพื่อช่วยท่านแล้ว...”
จื่อเฮ่อละเมอ นางพลิกร่างของนางโดยไม่รู้ตัวแต่นั่นกลับทำให้นางขมวดคิ้วเพราะความเจ็บปวด
ความฝันนั้นไม่ได้แสนหวานอย่างที่คิด
หนิงฝานพยายามลุกขึ้นพลางจ้องมองนางอย่างเวทนาและเศร้าโศก เขาเคลื่อนมือเพื่อเช็ดน้ำตาให้นาง
หากไม่มีนาง เขาย่อมไม่อาจรอดพ้นจากความตาย สร้อยหยกบัดซบนี่ นี่มันเคราะห์ร้ายอะไรกัน!
และนั่นทำให้เขาคลุ้มคลั่งอยู่ภายในใจ
แต่จู่ๆ เขากลับรู้สึกปวดหัวจนแทบทนไม่ได้ สติของเขาใกล้จะเลือนหาย
แล้วน้ำเสียงอันลึกลับก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ฮ่าฮ่า สามีข้า...อย่าได้รีบร้อนไป ตอนนี้สร้อยหยินหยางรับเจ้าเป็นนายของมันแล้ว ดังนั้นปราณที่เจ้ามีย่อมไม่เกิดการผันผวนไปมากกว่านี้แล้ว ในปีนั้น พี่สาวผู้นี้ช่างโง่เขลาเบาปัญญานัก ข้าต้องการให้สร้อยหยินหยางเส้นนี้ยอมรับข้าเป็นนายของมัน แต่เพราะข้าไม่ได้เตรียมการมามากพอทำให้ข้าถูกหัวใจแห่งปีศาจกลืนกินและติดอยู่ในสร้อยเส้นนี้ แต่เจ้าช่างโชคดีนัก.. ดูเหมือนเจ้าสามารถครอบครองความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์ได้อย่างราบลื่น”
“เจ้าเป็นใคร!”
หนิงฝานกำหมัดพลางกล่าวอย่างเย็นชา
“ฮ่าฮ่า หากเจ้าอยากรู้ว่าพี่สาวผู้นี้คือใคร งั้นก็รับความทรงจำจากสร้อยหยินหยางนั่นซะสิ!”
กระแสความทรงจำราวกับสายน้ำอันเชี่ยวกราดพัดไหลเข้าสู่สมองหนิงฝานพร้อมกับความเจ็บปวด
“ข้าคือจักรพรรดิสวรรค์ ข้าถูกสอนสั่งภายใต้ประตูของจ้าวแห่งจักรพรรดิเพื่อที่จะเรียนรู้เต๋าแห่งหยินหยางอันยิ่งใหญ่ ทั้งชีวิตของข้าไม่เคยมีบุตร ขณะที่ข้ากำลังกลายเป็นเต๋า ข้าได้สร้างสมบัติแห่งนิรันดร์ชิ้นนี้ขึ้นและยังได้ทิ้งความทรงจำไว้ 3 ส่วนเพื่อคนรุ่นใหม่ในอนาคต! ครั้งหนึ่ง..จ้าวแห่งจักรพรรดิเคยกล่าวไว้ว่า ‘ที่เบื้องนอกวัฏจักรแรกของเต๋าแห่งสวรรค์ ยังมีเต๋าอื่นๆที่ไม่สามารถก้าวข้ามได้อยู่..’ ดังนั้น ตัวข้าจึงได้ทิ้งทักษะเหล่านี้เอาไว้ ซึ่งพวกมันก็คือจุดสูงสุดของวัฏจักรแรก”
“ความทรงจำแรกของข้าคือความความรู้ที่ข้าสั่งสมมาทั้งชีวิต หากเจ้ารับมันได้ เจ้าก็นับเป็นผู้ที่ค้นพบได้ยากในวัฏจักรแรกของเต๋าแห่งสวรรค์!”
ความทรงจำของหนิงฝานแตกกระจายเป็นส่วนๆและจิตวิญญาณองเขาก็ได้รับบาดเจ็บ แม้เป็นผู้บ่มเพาะในขอบประสานวิญญาณธรรมดาทั่วไปก็ไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดเช่นนี้ได้ แต่หนิงฝานกำลังประสบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ราวกับถูกสายน้ำแห่งปีศาจถาโถม เขากัดฟันแน่นและอดทนกับความเจ็บปวดในครั้งนี้ แต่ด้วยความทรงจำที่เขาได้รับ ทำให้ความเจ็บปวดเหล่านี้นับเป็นเรื่องเล็กน้อย
เนื้อหาของความทรงจำมีมากมายมหาศาลจนทำให้หนิงฝานรู้สึกหวาดหวั่น
เนื้อหาความทรงจำครอบคลุมเรื่องการแพทย์ การปรุงโอสถ การสร้างสมบัติ บทกวี ดนตรี… ทุกสิ่งทุกอย่าง!
แต่สิ่งที่ทำให้หนิงฝานตกใจมากที่สุดคือคำ 1 คำในความทรงจำ
จักรพรรดิสวรรค์!
ความทรงจำของหนิงฝานครั้งหนึ่งเคยเป็นของจักรพรรดิสวรรค์!
ต้องเป็นคนประเภทไหนถึงจะสมแก่คำเรียกขานว่าจักรพรรดิสวรรค์?
หนิงฝานได้อ่านตำรากุ่ยเชว่จนหมดแล้วแต่เขายังไม่เคยเห็นคำว่าจักรพรรดิสวรรค์เลย
มันคือเส้นทางที่สูงส่งและลึกล้ำสำหรับเขาเป็นอย่างมาก!
หนิงฝานรู้สึกตกใจ ภายในโลกพิรุณนิรันดร์ที่เขาอาศัยอยู่นี้ ระดับการบ่มเพาะสูงสุดมีเพียงปีศาจเฒ่าในขอบเขตไร้แบ่งแยกเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้น ปีศาจเฒ่าเหล่านั้นก็ยังไม่กล้าเรียกขานตนเองว่าจักรพรรดิสวรรค์
ทันใดนั้น ความทรงจำที่สองก็พรั่งพรูเข้ามาในหัวของหนิงฝาน ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นราวกับหัวของเขาถูกกรีดเฉือนด้วยกระบี่เหล็ก เป็นความเจ็บปวดที่แท้กระทั่งผู้บ่มเพาะในขอบเขตแก่นทองคำยังไม่สามารถทนทานได้
โลหิตของหนิงฝานเริ่มไหลรินออกจากมุมปากและจมูก โลหิตที่หลั่งไหลออกมาเกิดจากความความดื้อรั้นภายในใจของเขา ด้วยความทรงจำที่สืบทอดมากจากจักรพรรดิสวรรค์ ย่อมทำให้เขาสามารถยืนหยัดได้อย่างภาคภูมิบนโลกใบนี้ สามารถต่อต้านบัญชาสวรรค์และเปลี่ยนชะตากรรมของเขา นี่เป็นโอกาสที่เขาไม่อาจปล่อยให้หลุดมือไปได้!
“เจ็บ...เจ็บแล้วยังไง!”
หนิงฝานคำรามพลางต้านทานความเจ็บปวด
“ความทรงจำที่สองของข้าคือความเข้าใจในขอบเขตทั้ง 9 อย่างลึกซึ้ง หากเจ้าเข้าใจมันได้ เจ้าย่อมบ่มเพาะได้ราวกับปลาที่แหวกว่ายในสายน้ำโดยไร้ซึ่งสิ่งกีดขวาง!”
ความทรงจำที่สองนี้ประกอบไปด้วยทักษะการบ่มเพาะในยุคโบราณและระบบการบ่มเพาะที่แตกต่างไปจากปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง การบ่มเพาะในยุคโบราณจะแบ่งออกเป็น 9 ขอบเขต แต่ตอนนี้มีเพียง 7 ขอบเขตเท่านั้น ด้วยความรู้ที่ได้จากความทรงจำนี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้การบ่มเพาะของหนิงฝานก้าวหน้า แต่มันยังทำให้เขาเข้าใจในขอบเขตไร้แบ่งแยกของปีศาจเฒ่าอย่างลึกล้ำ! ซึ่งใน 6 ขอบเขตก่อนจะถึงขอบเขตไร้แบ่งแยก..หนิงฝานจะไม่มีทางได้เผชิญกับสภาวะคอขวดเลย!
หนิงฝานเช็ดโลหิตออกจากปากและจมูก แววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความสุข ความเจ็บปวดที่เขาเผชิญนับว่าคุ้มค่า...คุ้มค่าจนเกินไปด้วยซ้ำ!
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ต้องอดทนอีกครั้งเพราะท้ายที่สุด ความทรงจำที่ 3 ก็พรั่งพรูเข้ามา หนิงฝานกรีดร้องอย่างน่าเวทนาจนตัวเขาเกือบจะมึนชาไร้ความรู้สึก
ความทรงจำที่สามนี้ราวกับถูกมีดกรีดเฉือนนับหมื่นแผลทั้งเกือบจะสับหั่นจิตวิญญาณของเขาจนละเอียด เขารู้สึกวิงเวียนราวกับตนคือเศษกระดาษแผ่นนึงที่ถูกลมกรรโชกแรงพัดพา แต่เมื่อเขาเห็นเงาร่างของสตรีนางนึงที่ยืนอยู่ข้างกาย เห็นความเจ็บปวดที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของนาง ทำให้ความเจ็บปวดที่เขาประสบอยู่นั้นกลายเป็นเรื่องเล็กน้อย
“ความเจ็บปวดทางกาย..จะไปเทียบกับความเจ็บปวดทางจิตวิญญาณได้ยังไง!”
หนิงฝานจำความอัปยศในคืนนั้นได้ เขาจึงกัดฝันและอดทนต่อไป
เมื่อกระแสแห่งความทรงจำที่สามถ่ายทอดมายังหยิงฝานจนครบ ด้วยความเจ็บปวดอันเหลือคณาที่ได้รับเมื่อครู่ทำให้เขาไม่สามารถขยับได้แม้กระทั่งนิ้ว
“ความทรงจำที่สามของข้ามีชื่อว่า ‘การแปลงหยิงหยาง’ มันคือการบ่มเพาะลับด้วยราคะ.. เป็นการบ่มเพาะระหว่างบุรุษและสตรีเพื่อเพื่อพูนความแข็งแกร่งให้กับอีกฝ่าย หากบ่มเพาะได้สำเร็จ การสู้กับมังกรหรือต่อกรกับหงษ์เพลิงย่อมเป็นเรื่องง่ายดุจพลิกฝ่ามือ”
ความทรงจำที่สามประกอบไปด้วยทักษะของสร้อยหยินหยางชื่อว่า ‘การแปลงหยินหยาง’
มันคือสิ่งที่ขัดต่อศีลธรรมซึ่งสอดคล้องกับเส้นโลหิตปีศาจโบราณหรือก็คือ ‘เส้นโลหิตหยินหยางปีศาจ’
ขณะที่สมองของเขากำลังนึกถึงเรื่องราวอันไร้ศีลธรรม หนิงฝานพลันรู้สึกถึงเสียงสะท้อนที่ดังขึ้นอย่างไม่คาดคิดระหว่างเส้นโลหิตของเขาและหยินหยาง
มันดูราวกับเขาได้ครอบครองเส้นโลหิตหยินหยางปีศาจ!
หลังจากความทรงที่สามถูกถ่ายทอดจนหมดสิ้น ร่องรอยของจักรพรรดิสวรรค์ในสร้อยหยินหยางค่อยๆหายไปราวกับมันไม่เคยปรากฏมาก่อน
ทั่วร่างของหนิงฝานไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ร่างของเขานอนทับอยู่บนร่างอันบอบบางและนุ่มละมุนของจื่อเฮ่อ เขาไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้ แต่ภายในสมองของเขาได้รับการขัดเกลาจากการสืบทอดความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์แล้ว
ด้วยความรู้จากการสืบทอดนี้ ถึงหนิงฝานจะอยู่ระดับแรกของขอบเขตเปิดเส้นโลหิต แต่เหล่าผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตไร้แบ่งแยกก็ยังไม่อาจสู้กับเขาได้!
สร้อยหยินหยาง ความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์ การบ่มเพาะลับ เส้นโลหิตหยินหยางปีศาจ หนิงฝานต้องใช้เวลาในการจำแนกข้อมูลเหล่านี้
“ฮ่าฮ่า สามีตัวน้อยของข้าได้รับความทรงจำแล้วใช่มั้ย? ยินดีด้วย….”
เสียงหัวเราะอันนุ่มนวลและทรงเสน่ห์ดังขึ้นในหัวของหนิงฝาน
และมันก็ดังออกมาจากสร้อยหยินหยางเช่นเดียวกัน
หลังจากได้รับความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์ ท่าทางของหนิงฝานต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เขามองเห็นสร้อยหยกภายในตันเถียนของเขาลางๆและนั่นยังเป็นที่อาศัยอยู่ของปีศาจแปลกๆบางอย่าง
“เจ้าเป็นใคร!”
“ฮ่าฮ่า ข้าไม่บอกเจ้าหรอก~~”
น้ำเสียงกล่าวตอบหนิงฝานทั้งน่ารักและนุ่มนวล ราวกับมันสามารถกระชากจิตวิญญาณของผู้คนได้…………………………...