บทที่ 17 อาวุธจิตวิญญาณ!
การชุมนุมบูชายัณของเหล่าปีศาจในครั้งนี้ใช้จำนวนเหล่าศิษย์ถึงหนึ่งพันคนในการหลั่งเลือดเพื่อปลุกจิตวิญญาณของราชินีช้างสวรรค์! อาจารย์ที่ต้องสูญเสียเหล่าศิษย์มากมาย ความรู้สึกในเรื่องนี้เกิดขึ้นภายในนิกายฯนับครั้งไม่ถ้วน!
ผู้อาวุโสของนิกายฯ เมื่อรู้เรื่องนี้ถึงกับโกรธต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ และนับเป็นความอัปยศที่สุด
ของนิกายฯ นับแต่ก่อตั้งมา เหล่าศิษย์จำนวนไม่น้อยที่ต้องตายไปล้วนมาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่ และชนเผ่าที่แข็งแกร่ง หรือแม้กระทั้งเป็นลูกหลานของเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ก็ต้องมาพบกับจุดจบ ณ สถานที่อาถรรพ์แห่งนี้!
ผู้อาวุโสของนิกายฯ เดินออกมาจากนิกายฯ ขึ้นบนหุบเขาที่สูงชัน พวกเขาเดินทางไปยังซากปรักหักพังซึ่งเป็นที่อยู่ของเหล่าปีศาจนานาชนิดเพื่อค้นหาพวกมัน!
เรื่องนี้ก่อให้เกิดความวุ่นวายโกลาหล สำหรับข่าวลือที่แพร่กระจายออกไปว่ามีผู้ทรยศภายในนิกายฯได้
ร่วมมือกับเหล่าปีศาจในซากปรักหักพัง....
อีกหลายสิบวันผ่านมาผู้อาวุโสของนิกายฯ ได้มีคำสั่งปิดถ้ำอาถรรพ์แห่งนี้เพื่อมิให้มีใครเข้ามาฝึกที่นี่ได้อีกเพื่อป้องกันความสูญเสีย และภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นซ้ำอีก!
แต่เรื่องทั้งหมดเหล่านี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับซ่งหยูแม้แต่น้อย.....
เมื่ออาจารย์ปู่เห็นหลานหยู และคนอื่นๆ เดินทางกลับมาถึงนิกายฯ เขารู้สึกดีใจมาก และเศร้าใจในเวลาเดียวกัน และเฝ้ารอการกลับมาของศิษย์ทุกคน เขามีศิษย์อยู่ประมาณหนึ่งร้อยคนแต่ตอนนี้เหลือเพียงกว่าสิบคนเท่านั้น นับเป็นการสูญเสียครั้งที่ยิ่งใหญ่!
หลานหยู, เฉิงฉาน และคนอื่นๆ คำนับท่านอาจารย์ปู่ และกล่าวว่า"อาจารย์ปู่ข้าเสียใจสำหรับคนอื่นๆที่กลับออกมาไม่ได้!"
พวกเขาได้เล่าเหตุการณ์ที่พบเจอกับเหล่าปีศาจให้อาจารย์ปู่ฟังอย่างละเอียด....
อาจารย์ปู่เงยหน้าขึ้นมองไปที่ซ่งหยู และพยักหน้าช้าๆ ขณะที่เขากล่าวว่า"เจ้านับว่ามีพรสวรรค์ และมีฝีมือที่แข็งแกร่งเหนือกว่าคิษย์คนอื่นๆ แล้วยังช่วยเหลือศิษย์ของข้าไว้ นอกจากนี้เจ้ายังสามารถเข้าใจถึงแก่นแท้ของดาบอัสนี ดังนั้นข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์เอง......"
หลานหยูแสดงสีหน้าด้วยดวงตาของนางเพื่อให้เขายอมรับข้อเสนอนี้......
ซ่งหยูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะส่ายหัว และปฏิเสธ"ข้าขอขอบคุณท่านสำหรับข้อเสนอนี้ แต่หากท่านรับข้าเป็นศิษย์แล้ว ข้ากลัวว่าเรื่องนี้จะสร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้อาวุโสเทียนอีก! แต่อย่างไรเสียหากท่านมีเมตตาต่อข้านั้น ข้าจะขอเพียงเข้าร่วมฝึกฝนเวลาท่านสอนเท่านั้นก็เพียงพอ ข้าไม่อยากให้ท่านต้องเดือดร้อนเพราะข้า!"
ในตอนแรกเขาปรารถนาที่จะเป็นศิษย์ที่มีอาจารย์ แต่ในตอนนี้จากเรื่องราวที่ผ่านมาเขาไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อนเพราะเขา หากต้องมาเป็นปรปักษ์กับผู้มีอิทธิพลอย่างตระกูลเทียนเฟิง..............
--------------------------------
สำหรับการสร้างภาพโดยอำนาจจิตของพระราชวังเปลวอัคคี และองค์จักรพรรดิสุยที่ซินหวงเป็นผู้ถ่ายทอดให้เขานั้น ทำให้เขาสามารถฝึกบ่มเพาะสำเร็จได้อย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่วันเท่านั้น หากแต่ถ้าเขายอมรับข้อเสนอเข้าเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์ปู่แล้วเคล็ดวิชาการบ่มเพาะนี้จะต้องถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน!"
ซ่งหยูคิดเงียบ ๆ ในใจว่า "หากเคล็ดวิชานี้ถูกเปิดเผยออกมาข้าหวั่นใจยิ่งนักว่านิกายฯจะต้องแสวงหาที่มาและเมื่อนั้นซินหวงก็จะต้องถูกค้นพบเป็นแน่!"
"เอาล่ะๆ!"
ท่านอาจารย์ปู่ยิ้มและกล่าวว่า"เจ้าช่วยศิษย์ของข้าไว้ เจ้ายังขาดอาวุธจิตวิญญาณใช่หรือไม่? "
เขามองไปที่ซ่งหยู และได้เห็นสองเคียวที่เป็นแขนของปีศาจตั๊กแตนที่ซ่งหยูตัดมา และซากร่างของนางปีศาจช้างสวรรค์เขากล่าวว่า "เจ้านั้นมีพรสวรรค์ด้านพละกำลังที่แข็งแกร่ง และพลังจิตของเจ้าก็นับว่าดีเยี่ยมกว่าในบรรดาศิษย์ทุกคนของข้าเสียอีก ดังนั้นเจ้าคงสามารถควบคุมอาวุธจิตวิญญาณได้เป็นอย่างดี! ข้าจะใช้เหล็กบริสุทธิ์จากสองเคียวนี้ และทองคำบริสุทธิ์ของโครงกระดูกมาหลอมรวมกันเป็นอาวุธจิตวิญญาณให้แก่เจ้า...อีกยี่สิบวันเจ้ากลับมาหาข้าที่นี่แล้วเจ้าจะได้เห็นอาวุธจิตวิญญาณของเจ้า!"
เหล่าศิษย์คนอื่นๆต่างเก็บอาการของความอิจฉาที่มีต่อซ่งหยูเป็นอย่างมาก ด้วยระดับการบ่มเพาะขั้นสูงสุดของท่านอาจารย์ปู่นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ยากสำหรับการสร้างอาวุธจิตวิญญาณ อย่างมากก็สองถึงสามวันก็เสร็จ แต่ที่ท่านอาจารย์ปู่ให้ซ่งหยูมารับในอีกยี่สิบวันข้างหน้านั้นก็เป็นเพราะด้วยขนาดและน้ำหนักอันมหึมาของทั้งสองเคียวเหล็ก และซากของนางปีศาจช้างสวรรค์นั้นที่มีมากกว่าสี่ตันนั่นเอง!
เหล็กบริสุทธิ์ที่ถือเป็นหนึ่งในวัสดุที่โดดเด่นที่สุดในการสร้างอาวุธจิตวิญญาณชั้นเลิศแล้วยังเป็นสิ่งหายากที่สุดแม้แต่ศิษย์ที่มาจากตระกูลใหญ่ก็ยังหามีไม่!
ซ่งหยูรู้สึกดีใจอย่างมากเขารีบขอบคุณท่านอาจารย์ปู่อีกครั้ง เขายิ้มให้กับหลานหยูและกล่าวว่า"ศิษย์พี่หลังจากที่ท่านอาจารย์ปู่สร้างอาวุธจิตวิญญาณให้แก่ข้าแล้วยังพอมีส่วนของวัสดุที่เหลือข้าขอมอบให้พวกท่านเพื่อสร้างอาวุธจิตวิญญาณของตัวเองก็แล้วกัน!"
หลานหยูรีบกล่าวว่า"เราจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร?เจ้าต่างหากที่เป็นคนสังหารปีศาจ พวกข้าไม่มีสิทธิ์ที่จะไปขอส่วนแบ่งจากเจ้าแม้แต่น้อย แต่หากเราจะนำส่วนที่เหลือไปขายให้กับเหล่าตระกูลใหญ่อาจเราจะได้ยาเม็ดสมุนไพรยู่หลิงถึงแปดร้อยเม็ดเลยทีเดียว!"
ซ่งหยูตกใจกับคำกล่าวของนาง" ยาเม็ดสมุนไพรยู่หลิงแปดร้อยเม็ด!"
สำหรับทางนิกายฯ ที่ต้องแจกจ่ายยาเม็ดสมุนไพรยู่หลิงให้กับศิษย์บนในทุกๆเดือน ซึ่งหากเทียบกันแล้วสำหรับยาเม็ดสมุนไพรยู่หลิงแปดร้อยเม็ดนั้นมันจะใช้เวลาถึงหกหรือเจ็ดปีในการได้รับมัน!
หลานหยูยิ้มและกล่าวว่า"ซ่งหยู! ข้าจะนำทองคำไปขายให้เจ้าเองแล้วข้าจะมาพบเจ้าอีกครั้ง!"
จากนั้นทุกคนก็ต่างพากันแยกย้ายกันไป ซ่งหยูเดินทางกลับที่พักของเขา และคุยกับซินหวงในห้วงมหาสมุทรแห่งจิตว่า"ซินหวง ณ ตอนนี้ราชินีช้างสวรรค์ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?"
"เจ้าอาจจะยังไม่รู้ว่าปีศาจนั้นต่างจากพวกเจ้า แต่ไม่ว่าจะเป็นปีศาจหรือมนุษย์ทุกคนมีวิญญาณ แต่ไม่มีจิตวิญญาณ วิญญาณและจิตวิญญาณนั้นเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน และการที่จะผสานวิญญาณและจิตวิญญาณเข้าด้วยกันได้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่สำเร็จการบ่มเพาะระดับสูงเท่านั้น!"
"ตัวอย่างเช่นผู้ที่สำเร็จการบ่มเพาะระดับสูงที่ได้รับการปลูกฝังมาแล้ว จนถึงจุดที่วิญญาณ และจิตวิญญาณผสานกลายเป็นหนึ่งเดียว จิตวิญญาณของเขาจะกลายเป็นเทพเจ้าเขาสามารถปรับจิตวิญญาณของเขาให้กลายเป็นสัญลักษณ์ให้สมาชิกในตระกูลสักการะบูชา แต่ถ้าหากเขาได้ตายไปนั้นวิญญาณและจิตวิญญาณของเขาจะผสานรวมกันจนเป็นหนึ่งเดียว ตราบเท่าที่วิญญาณยังมีชีวิตรอดอยู่โดยจิตวิญญาณของเขาเอง! และวิธีการรักษาจิตวิญญาณก็คือ การสักการะบูชานั่นเอง เป็นไปได้ที่จะรักษาจิตวิญญาณของเขาโดยการสักการะบูชาของชนเผ่าของตัวเอง และเมื่อนั้นเขาจะเป็นดั่งเทพเจ้า! หากการสักการะบูชามีพลังมากพอที่จะสร้างร่างกายใหม่ให้กับเขาได้ และฟื้นพลังชีวิตของเขาให้พ้นจากความตายด้วยพลังมหัศจรรย์นั่นเอง! "
ซ่งหยูเข้าใจถึงบรรพบุรุษของราชินีช้างสวรรค์ แม้ว่านางจะตายไปแล้วหากแต่วิญญาณของนางก็อาจจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง และนางก็ไม่ได้ถูกสังหารโดยคนในนิกายฯแน่นอน หากแต่เหล่าปีศาจทั้งหลายได้แอบสักการะบูชานางตลอดมาก็เป็นไปได้ที่จิตวิญญาณของนางนั้นอาจจะยังคงอยู่!
"จากการหลั่งเลือดมนุษย์บูชายัณเช่นนั้นหรือ? สำหรับปีศาจที่สำเร็จการบ่มเพาะระดับสูงเพื่อผสานวิญญาณและจิตวิญญาณเข้าด้วยกันเพื่อปกป้องจิตวิญญาณหลังความตายมิให้กระจัดกระจายนั่นเอง!
ซ่งหยูมีความเข้าใจเกี่ยวกับวิญญาณเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่งในขณะที่เขากล่าวว่า"ข้าไม่รู้ว่าผู้พิทักษ์ฟางเจี้ยงจะสามารถสังหารวิญญาณของราชินีช้างสวรรค์ได้หรือไม่?"
"ยัง!"
ซินหวงตอบอย่างตรงๆว่า"ไม่นานหลังจากพวกเจ้ากลับออกมาจากสถานที่นั้น ข้ารับรู้ถึงกลิ่นไอปีศาจที่รุนแรงและมันจะต้องเป็นจิตวิญญาณของราชินีช้างสวรรค์อย่างแน่นอน!"
ซ่งหยูตกใจกับคำกล่าวของซินหวง"ราชินีช้างสวรรค์ยังคงอยู่ที่นั่นอีกหรือ? ก่อนหน้านี้มีผู้อาวุโสของนิกายฯได้เข้าไปสำรวจที่นั่น หรือว่า! พวกเขาจะเป็นผู้ปลดปล่อยนางเสียเอง!"
"ก็เป็นไปได้ที่มีบางคนในหมู่ผู้นำของนิกายฯได้พานางออกมาจากที่นั่น!"
ซินหวงกล่าวว่า"ไม่มีปีศาจใดที่จะสามารถบูชานางนอกจากสถานที่ปรักหักพังนี้ได้ จิตวิญญาณของนางไม่สามารถอยู่ได้นาน นอกจากนางจะหาร่างใหม่มาทดแทนเพื่อที่จะสามารถให้วิญญาณและจิตวิญญาณของนางนั้นแฝงอยู่ภายในร่างนั้นได้ ข้าคิดว่าคนที่นำนางออกจาคงจะเตรียมการไว้เป็นอย่างดี และตอนนี้นางอาจจะแฝงอยู่กับร่างของคนในนิกายฯอย่างแน่นอน!"
"นางแฝงอยู่ในร่างคนในนิกายฯเช่นนั้นหรือ?"
ซ่งหยูถึงกับตกใจและกล่าวว่า"นี่นับเป็นภัยพิบัติของนิกายฯก็ว่าได้! ซินหวงเจ้าสามารถรับรู้ได้หรือไม่ว่านางมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?"
"ตอนนี้นางแฝงอยู่ภายในร่างกายของใครบางคนและร่างกายนี้สามารถที่จะกลบเกลื่อนการรับรู้ของข้า!
ซินหวงหัวเราะและกล่าวว่า""อย่างไรก็ตามข้าสามารถรับรู้ได้หากเจอหน้ากัน แต่ตอนนี้ข้าไม่สามารถรับรู้ได้
ฮี่! ฮี่! มันสนุกจริงๆ คนทรยศใช้พลังมหาศาลเพื่อพานางออกมาจากสถานที่แห่งนั้น!"
ในเวลาเดียวกันภายในห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายดอกเห็ดซึ่งอยู่ตรงกลางของเทือกเขา หญิงสาววัย
สิบสามหรือสิบสี่ปี กำลังสำรวจร่างกายของตัวเองด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางมองไปทางซ้ายและขวาและก็หัวเราะออกมา"ข้าไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งข้าจะต้องมาซ่อนตัวอยู่ในร่างของสัตว์เลี้ยงเช่นนี้ ช่างน่าขยะแขยงเสียจริงๆ ฮี่! ฮี่! "
ภาพเงาดำของมนุษย์ที่ยืนอยู่ในมุมมืดได้ยินคำพูดของนางถึงกับยิ้มและกล่าวว่า "มนุษย์เป็นสัตว์ที่ได้รับการเลี้ยงดูจากชนเผ่าสวรรค์ แต่ท่านถูกกดขี่และถูกปิดผนึกโดยพวกมัน หากข้าไม่ชี้ทางให้เหล่าปีศาจได้สำเร็จการบ่มเพาะระดับสูง ข้าก็มิอาจจะล่วงรู้ได้ว่าจะต้องใช้ระยะเวลาอีกกี่ร้อยกี่พันปีจึงจะสามารถปลุกท่านให้ฟื้นคืนชีพได้อีกครั้ง!"
ราชินีช้างสวรรค์นางหัวเราะคิกคักและกล่าวว่า"ข้าไม่นึกเลยว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจเช่นข้าจะได้รับการช่วยเหลือจากศัตรู เจ้าคงลำบากมากที่กว่าจะวางแผนที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ช่วยข้าออกมาได้ เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่!?"
เสียงของชายผู้นั้นออกมาจากเงามืด"ข้าต้องการสิ่งที่อยู่ภายใต้ประตูดาบ!"
สัีหน้าของนางเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วหลังจากได้ยินคำกล่าวนั้น" สิ่งที่อยู่ภายใต้ประตูดาบ! เจ้าเป็นใครกันแน่ และรู้ได้อย่างไรว่า ... ? "
"ข้ามาจากเผ่าสวรรค์ข้าล่วงรู้ความลับบางอย่าง!"
"หากเจ้ารู้ความลับแล้ว...เจ้าควรตระหนักถึงผลที่จะเกิดขึ้นหากสิ่งที่อยู่ใต้ประตูดาบนั้นได้ผัสกับโลก"
"แน่นอนข้ารู้ดี!"
ชายที่อยู่ในเงามืดกล่าวว่า"ข้ามีความมั่นใจว่าข้าสามารถควบคุมมันได้ และสาเหตุที่ข้าช่วยท่านก็ด้วยเหตุนี้
หรือกระทั่งนิกายฯนี้ก็จะต้องเป็นของข้าเช่นกัน! ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!"
ราชินีช้างสวรรค์หัวเราะอย่างเย็นชานางกล่าวต่อว่า"ตอนนี้พลังอำนาจข้ายังไม่ฟื้นคืนอย่างเต็มที่ แล้วข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไร?"
"ข้าจะรอวันที่ท่านฟื้นคืนพลังอำนาจอย่างเต็มที่ ตอนนี้ร่างของท่านอยู่ในสถานะของศิษย์นอกของนิกายฯเท่านั้น ตอนนี้สิ่งที่ท่านต้องทำคือปลูกฝังการบ่มเพาะในห้องโถงด้านนอก ต่อมาเมื่อท่านสำเร็จขั้นสูงสุด
ท่านก็จะสามารถเรียกคืนพลังอำนาจของท่านกลับมาทั้งหมด ข้าจะรอท่านฟื้นคืนพลังแล้วข้าจะมีงานให้ท่านช่วย! หวังว่าท่านคงจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง หึ! หึ! หึ!"
ราชินีช้างสวรรค์ในร่างสาวน้อยหัวเราะ และเดินทางไปยังหุบเขาด้านบน!
ภายในลานฝึกซ่งหยูไม่กล้าที่จะฝึกฝนการสร้างภาพพระราชวังเปลวอัคคี และองค์จักรพรรค์สุย เนื่องจากเขาไม่มียาเม็ดสมุนไพรยู่หลินเหลืออีก ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาฝึกฝนก็ยังคงเป็นความลับต่อไป ดังนั้นทุกวันนี้เขาจึงต้องฝึกเคล็ดวิชาดาบอัสนี และสัญลักษณ์แห่งมังกรเพียงเท่านั้น
นอกจากนี้เขายังสามารถเข้าถึงแก่นแท้ของวิชาสัญลักษณ์แห่งมังกร และวิชาดาบอัสนีได้มากขึ้นด้วย!
ทุกครั้งที่เขาฝึกฝนทั้งสองวิชานี้เขายังสามารถเข้าถึงรายละเอียดของเคล็ดวิชาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ วิชาทักษะดาบอัสนีเป็นวิชาการโจมตี ขณะที่วิชาสัญลักษณ์แห่งมังกรเป็นวิธีการบ่มเพาะร่างกาย แต่ตอนนี้เขาได้รวบรวมเคล็ดวิชาทั้งสองด้วยการสร้างสัญลักษณ์มังกรกับดาบอัสนีเข้าด้วยกันซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มากด้วยวิธีการค้นพบเคล็ดวิชาที่เป็นของตัวเองเช่นนี้ทำให้ซ่งหยูนั้นมีความสุขกับการฝึกบ่มเพาะเป็นอย่างยิ่ง!
ซ่งหยูสามารถค้นพบว่าการรวมเคล็ดวิชาทั้งสองเข้าด้วยกันทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งและรวดเร็วขึ้นมากกว่าเดิม เมื่อสายฟ้าได้ผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกับมังกรที่วนอยู่รอบตัวของเขามันช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกาย และสามารถระเบิดพลังออกมาอย่างรวดเร็วเป็นเสียงฟ้าร้อง และทำให้ท้องฟ้าแปรปรวน
วิธีการบ่มเพาะแบบใหม่นี้แข็งแกร่งและทรงพลังยิ่งกว่าวิธีเดิมมาก และช่วยให้ร่างกายแข็งแกร่ง รวดเร็วขึ้นมากด้วย!
"เปรี้ยงงงงงง!"
สายฟ้าที่ฟาดลงมาบนร่างของมังกร ทำให้มันไหลผ่านชั้นผิวหนัง, กล้ามเนื้อ และกระแสเลือด
ซึ่งเต็มไปด้วยพลังสายฟ้าที่ยิ่งใหญ่ที่เข้าไปไหลเวียนภายในร่างกาย และช่วยกลั่นกรองเอาสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย!
หลังจากฝึกการบ่มเพาะเข้าวันที่หกถึงเจ็ด ซ่งหยูรู้สึกว่าเคล็ดวิชาการบ่มเพาะวิธีใหม่นี้เป็นดั่งคอขวด ซึ่งตอนนี้มันไม่ได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของเขามากเท่าไหร่ เขาคิดว่า"หรืออาจเป็นเพราะข้าอาจจะยังไม่สามารถเข้าถึงแก่นแท้ของสัญลักษณ์แห่งมังกรกันแน่! มันจึงไม่สามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งได้ต่อไป
ยังมีเวลาอีกสิบกว่าวันจนกว่าอาจารย์ปู่จะสร้งอาวุธจิตวิญญาณได้สำเร็จ.....งั้นตอนนี้ยังพอมีเวลาที่จะไปหาชุ่ยชิงหยาน หลังจากที่สัญญากับนางไว้ว่าจะไปหานางที่หอพัก.....หรือว่าเจ้าจะเดินทางไปฝึกฝนที่ถ้ำอาถรรพ์นั้นด้วย แล้วตอนนี้เจ้าจะเป็นอย่างไรบ้าง?"
ซ่งหยูออกจากหอพักของเขา และวิ่งตรงไปยังหอพักหญิง ศิษย์บางคนที่กำลังหลบซ่อนอยู่คอยตามเฝ้ามองตามเข้าไปเมื่อเขามาถึง!
ซ่งหยูรู้สึกงงงวย เขาส่ายหัว และเดินเข้าไปในหอพักหญิง
"ท่านอาจารย์! มีใครบางคนกำลังบุกรุกเข้ามายังหอพักหญิง!"
เหล่าศิษย์ตะโกนร้องด้วยความตกใจ พวกเขากล่าวว่า"เจ้ากล้าดีอย่างไรที่บุกรุกเข้ามายังหอพักหญิง!"
"เจ้าอยากโดนกระทืบตายหรืออย่างไร?"
มีกำแพงหินอยู่ตรงมุมที่หน้าหอพักหญิง มีคำเขียนอยู่ว่า"หากชายผู้ใดกล้าแม้จะเข้าไปยังหอพักหญิงจะถูกประชาทัณฑ์อย่างไร้ความปราณี!"
..............................................................................................................