บทที่ 16 เต่าดึกดำบรรพ์!!!
"ผู้พิทักษ์ฟางเจี้ยงแห่งนิกายกระบี่เทพมังกรฟ้าเช่นนั้นหรือ?"
ซ่งหยูมองไปที่ผู้พิทักษ์ฟางเจี้ยงที่สวมชุดสีขาวขณะที่เขาเดินอยู่กลางอากาศราวกับว่าเขากำลังเดินบนบก และมีเต่าดึกดำบรรพ์ขนาดเท่าภูเขาคอยเดินตามหลังจนทำให้แผ่นดินสะเทือน
ความเร็วของเต่าดึกดำบรรพ์นั้นเพิ่มขึ้นเมื่อดาบออกไปหลังของมัน อาจเป็นเพราะดาบที่มันแบกมาก่อนหน้านี้หนักเกินไปทำให้การเคลื่อนไหวของมันเชื่องช้า แต่เมื่อไม่มีดาบมันจึงสามารถเคลื่อนไหวได้ถึงสามร้อยเมตรได้ในคราวเดียว ความเร็วของมันนั้นมากกว่าซ่งหยูเสียอีก การขยับตัวของมันราวกับภูเขาทั้งลูกสามารถเคลื่อนไหวได้
ดังนั้นคงไม่สามารถที่จะคาดเดาได้ว่าดาบนั้นจะมีน้ำหนักสักเพียงใด?
ไม่นานหลังจากนั้นเต่าดึกดำบรรพ์ที่สูงตระหง่านราวกับภูเขาที่เคลื่อนที่ มันอยู่ท่ามกลางเทือกเขาของซากปรักหักพังซึ่งมีเหล่าปีศาจที่ชุมนุมกันอยู่รอบ ๆ แท่นบูชายัณในส่วนที่ลึกที่สุดของภายในถ้ำ ทำให้เหล่าปีศาจต่างพากันตกใจเมื่อเห็นวัตถุขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนไหวจนแผ่นดินสะเทือน!
ทุกเผ่าพันธุ์ของปีศาจจากสถานที่ปรักหักพังจำนวนนับพันตัวที่มาชุมนุมกัน ณ สถานที่แห่งนี้ ซึ่งหากใครได้พบเห็นคงเป็นภาพที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!
เหล่าปีศาจที่ผ่านการกลายพันธุ์พวกมันจะมีพละกำลังที่ไม่ธรรมดา เมื่อพวกมันมาถึงร่างของเต่าดึกดำบรรพ์
ต่างก็ปีนป่ายเพื่อใช้อาวุธทิ่มแทงดั่งฝูงมด
"ราาาาาาาาา!"
เต่าดึกดำบรรพ์เปิดปากและส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ คลื่นเสียงที่ดังกังวานจนทำให้อากาศสั่นสะเทือนและก่อให้เกิดระลอกคลื่นกลางอากาศที่แผ่ขยายไปทั่วทุกทิศทุกทาง
ในขณะที่ปีศาจเหล่านั้นยึดติดกับขาเต่า และภายในพริบตาร่างของพวกมันก็ถูกส่งขึ้นกลางอากาศ ทำให้อวัยวะภายในแหลกเหลว ลำไส้แตกออกมาเป็นชิ้นๆ และสมองของพวกมันก็ถูกระเบิดจนกระจายเกลื่อนพื้น
อันเน่ืองมาจากพลังของคลื่นเสียงคำรามนั่นเอง!
เหล่าปีศาจทั้งหมดถูกยกขึ้นโดยพลังของคลื่นเสียง และถูกแรงระเบิดขนาดใหญ่เหวี่ยงออกไปและตายในที่สุด!
แม้แต่ซ่งหยูและคนอื่นๆที่ยืนอยู่ประตูทางเข้าของประตูดาบ พวกเขายังคงรับรู้ได้ถึงพลังของคลื่นเสียงคำรามจนทำให้พวกเขาปวดหู และปวดศรีษะอย่างรุนแรงจนไอเป็นเลือด!
ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าอานุภาพของพลังคลื่นเสียงนั้นมากมายมหาศาลสักเพียงใด?
ทันใดนั้น! ก็ปรากฏเงาดำหลายตัวบินขึ้นมาจากภายในฝูงปีศาจ มันเป็นเหล่าปีศาจที่สำเร็จการบ่มเพาะขั้นสูงที่ซ่อนตัวอยู่ในฝูงของปีศาจ และทันทีที่พวกมันลอยตัวขึ้นกลางอากาศพวกมันต่างก็เรียกจิตวิญญาณของตนเองเพื่อเข้าโจมตีเต่าดึกดำบรรพ์!
ทันใดนั้น!
ได้ปรากฏร่างของช้างมีสี่หัวและแปดแขน, นกอินทรีมีปีกสี่ปีกและมีร่างเป็นมนุษย์ และปีศาจตาเดียว
ที่มีประกายไฟภายในดวงตาของมัน และมีปีศาจรูปร่างแปลกๆอีกหลายประเภททั้งหมดล้วนเป็นจิตวิญญาณของเหล่าปีศาจที่สำเร็จการบ่มเพาะนั่นเอง!
เหล่าปีศาจหาได้รับการปลูกฝังให้อยู่ถึงขั้นระดับของการผสมผสานจิตวิญญาณ และแม้แต่ระดับของร่างกายและจิตวิญญาณที่ผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวไม่ อย่างไรก็ตามจิตวิญญาณของพวกมันก็ยังคงแข็งแกร่งสามารถที่จะคลื่อนย้ายภูเขาได้อย่างง่ายดาย! พวกมันพยายามที่จะกำจัดเต่าดึกดำบรรพ์ก่อน
เพื่อตัดกำลังผู้พิทักษ์ฟางเจี้ยงนั่นเอง!
ผู้พิทักษ์ฟางเจี้ยงยืนสังเกตการณ์ด้วยท่าทีที่เรียบเฉย เขาก็จ้องมองเข้าไปในหมอกสีเลือดเหนือแท่น
บูชายัณที่เริ่มปรากฏชัดมากขึ้น
"ฉิ้งงงงง!"
ผู้พิทักษ์ฟางเจี้ยงยกดาบไว้ในมือซ้ายของเขา และค่อยๆขยับนิ้วหัวแม่มือของเขาเพื่อให้มันได้สัมผัสกับดาบภายในฝักทำให้มันส่องประกายแสงสีทองออกมา
ขณะที่ดาบเปล่งเสียงที่คมชัดผู้พิทักษ์ฟางเจี้ยงก็ทะยายขึ้นสู่ท้องฟ้าแสงของดาบที่เปล่งรัศมีเป็นประกายไฟจากหางของดาบ!
เช่นเดียวกับเหล่าปีศาจที่สำเร็จการบ่มเพาะที่กำลังจะเข้าโจมตีเต่าดึกดำบรรพ์ก็ต้องหยุดชะงักลงเพราะพายุฝนที่ตกกระหน่ำอย่างรุนแรงจากอานุภาพของดาบ!
ผู้พิทักษ์ฟางเจี้ยงก็เก็บดาบเข้าฝักอีกครั้ง และแล้วพายุฝนก็หายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นในขณะที่ร่างของปีศาจจำนวนไม่น้อยก็ตกลงมาจากฟากฟ้าดั่งใบไม้ร่วง
เหล่าปีศาจที่สำเร็จการบ่มเพาะที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มปีศาจจำนวนมากถูกสังหารอย่างสิ้นเชิง!
"ด้วยอานุภาพของดาบอันทรงพลัง!... "
ซ่งหยูตื่นตระหนกกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า เขากล่าวกับตัวเองว่า"ในภายภาคหน้าข้าจะเป็นดั่งท่านให้จงได้! ผู้พิทักษ์ฟางเจี้ยง!"
ซินหวงกล่าวในมหาสมุทรแห่งจิตว่า"ฟางเจี้ยงนั้นมีความสามารถเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และไม่มีความสำคัญแต่อย่างใด! เพียงแต่เจ้าจงหมั่นเพียรในการฝึกดั่งที่ข้าเคยสอนไว้อีกไม่นานเจ้าจะกลายเป็นผู้พิทักษ์เช่นเดียวกับเขา และหากเจ้ากลายเป็นผู้สืบทอดวิญญาณของข้าแล้วเจ้าจะเหนือกว่าเขาในทุกๆด้าน
ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!"
"ข้าจะดีใจมากหากข้าเป็นผู้พิทักษ์เช่นเดียวกับเขาได้! ซ่งหยูยิ้มและกล่าว
ซินหวงส่ายหัวและโบกมือไปมาและกล่าวว่า"เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าต้องการเพียงเท่านี้?ข้าสามารถทำให้เจ้าไปไกลกว่านั้น!"
"ซ่งหยูเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?"
ขณะที่หลานหยูพาศิษย์คนอื่นๆเดินทางออกจากประตูดาบนั้นนางกลับเห็นว่าซ่งหยูยืนมองการต่อสู่ระหว่าง
ผู้พิทักษ์ฟางเจี้ยงกับเหล่าปีศาจ นางกล่าวในขณะที่ยังคงวิ่งอยู่ว่า "หากการต่อสู้มากินพื้นที่มาถึงที่นี่แล้วพวกเราจะตายกันหมดรีบหนีเร็ว!"
ซ่งหยูละสายตาของเขา และกำลังจะตามทุกคนออกจากสถานที่ปรักหักพังแห่งนี้ แต่เขาบังเอิญเห็นซากศพของนางปีศาจช้าง ความคิดปรากฏขึ้นในใจของเขา จากนั้นเขาจึงใช้จิตวิญญาณสร้างภาพสัญลักษณ์แห่งมังกรขึ้นมาให้ปรากฏตัวพร้อมกับเสียงคำรามที่ดังก้องกังวารไปทั่ว....จากนั้นก็อ้าปากคาบซากศพของนางปีศาจช้างลากไปพร้อมกับเขา ขณะที่คนอื่นๆก็พูดไม่ออกในสิ่งที่เขากระทำ!
"ศิษย์พี่ซากศพนี้มีค่าสูงหรือไม่?"ซ่งหยูถาม
เฉิงฉานถึงขนาดกลืนไม่เข้าคายไม่ออก "ซ่งหยูเจ้าต้องการมีชีวิตต่อไปหรือไม่?แม้ว่าค่าของซากศพนี้จะมากมายสักเพียงใดก็ตาม แต่ก็ไม่น่าจะมีค่ามากกว่าชีวิตของตัวเจ้าเอง! หากผู้พิทักษ์ฟางเจี้ยงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เราทุคนก็จะตาย ซากศพนางปีศาจช้างนี้มันหนักมากเกินไปมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เจ้าจะนำมันไปด้วย!
เฉิงฉานยังไม่ทันพูดจบประโยคซ่งหยูก็รีบทำความเร็วเพื่อลากซากศพออกไป!
เฉิงฉานตกใจกับความแข็งแกร่งของซ่งหยูซึ่งเขาคิดว่า ซากศพของนางปีศาจช้างนั้นกระดูกของมันทำจากทองคำบริสุทธิ์ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าเหล็กหลายร้อยเท่านัก เพราะฉะนั้นแทบไม่ต้องพูดถึงน้ำหนักตัวของมันที่มากกว่าสี่ตัน ซึ่งน่าแปลกใจยิ่งนักที่ร่างมังกรในอำนาจจิตของเขาจะแข็งแกร่งมากขนาดนี้!
"เราต้องเสี่ยงชีวิตในการเดินทางเข้ามาสถานที่อาถรรพ์แห่งนี้แล้วเราจะกลับไปด้วยมือเปล่าได้อย่างไรกัน?"
ซ่งหยูหัวเราะ" หากเรานำซากศพมันกลับไปได้เราก็สามารถขายได้แล้วนำกำไรมาแบ่งกัน.....ฮิ!ฮิ!ฮิ!"
หลานหยู, เฉิงฉาน, และศิษย์คนอื่นๆยังคงจมอยู่กับความเงียบกับเหตุการณ์สูญเสียที่ผ่านมากับเหล่าศิษย์ที่มาพร้อมกันนับร้อย แต่กลับมีชีวิตรอดมาได้แค่นับสิบคนจากการโดนปีศาจสังหาร และโดนบูชายัณบนแท่นบูชา
หลานหยูถอนหายใจและช่วยซ่งหยูลากซากศพของนางปีศาจช้างไปยังทางออกและกล่าวว่า"สิ่งที่เกิดขึ้นนี้
สามารถตำหนิได้จากความเลวทรามของปีศาจ และความละเลยของทางนิกายฯ ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นภัยพิบัติที่ร้ายแรงขนาดนี้ ข้าเกรงว่าเหล่าศิษย์อีกหลายร้อยคนที่พวกมันจับตัวไว้จะตายเสียที่นี่!"
เฉิงฉานส่ายและกล่าวว่า"นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง! ข้าว่าเรื่องนี้ต้องมีผู้ทรยศที่ร่วมสมคบคิดกับเหล่าปีศาจ!
ก่อนที่เขาจะกล่าวจบหลานหยูก็แทรกขึ้นมาว่า"ศิษย์ทุกคนถูกสั่งห้ามไม่ให้กล่าวถึงเรื่องคนทรยศในหมู่ผู้นำนิกายฯบางคน และหลังจากกลับออกมาได้พวกเราคงจะต้องลำบาก! จะมีผู้นำนิกายฯบางคนที่ฉลาดพอที่จะจัดการเรื่องนี้เองโดยไม่ให้มีความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้นั่นเอง!
ทุกคนส่ายหัวและพยักหน้า.....
เรื่องที่มีผู้นำบางคนที่ทรยศต่อนิกายฯเรื่องนี้นั้นซ่งหยูและคนอื่นๆต่างก็เป็นแค่ศิษย์ตัวเล็กๆ พวกเขานับว่าโชคดีมากแล้วที่รอดชีวิตมาได้ หากเรื่องนี้แพร่ออกไปรังแต่จะแหวกหญ้าให้งูตื่นก็เป็นได้!
ซ่งหยูกำลังจะเดินออกจากที่นี่ แล้วเขาหันกลับไปมองและเห็นว่าเหล่าปีศาจลอยตัวเคลื่อนไปมาข้างหน้าแท่นบูชา ผู้พิทักษ์ฟางเจี้ยงยืนกอดอกกลางอากาศเฝ้าดูสถานการณ์ ภายในหมอกสีเลือดนั้นบนแท่นบูชานั้นมีร่างของราชินีช้างสวรรค์นอนและดวงตาของนางก็ยังคงปิดอยู่
หยดเลือดของทั้งสองผู้พิทักษ์อาวุโสและเหล่าศิษย์นับพันถูกดูดซึมอย่างช้าๆเข้าสู่ร่างของราชินีช้างสวรรค์ที่ยังคงนอนอยู่บนแท่นบูชา นางมีทั้งหมดแปดหัว ทั้งหัวช้าง, หัวแมงมุม,หัวที่มีตาเดียว และหัวนกเหยี่ยวเป็นต้น ในขณะที่ท่อนล่างของมันเหมือนแมงมุม ตาของนางนั้นเริ่มเปิดออกครึ่งหนึ่ง!
หยดเลือดทั้งหมดถูกสูบโดยจิตวิญญาณของนางเพื่อเติมเต็มร่างกายของนางให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง!
รอบแท่นบูชามีปีศาจนับไม่ถ้วนที่ร่วมชุมนุมในการปลุกนางให้คืนชีพในครั้งนี้!
ฟางเจี้ยงนั้นมีความแข็งแกร่งเป็นอันดับสองในสี่คนของนิกายฯที่มีความก้าวหน้าและโดดเด่นเป็นอย่างมาก!
ทันใดนั้น!
ปรากฏร่างหนึ่งลอยตัวกลางอากาศด้วยความเร็วปานสายฟ้าหัวเราะและกล่าวว่า "ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถสังหารราชินีช้างสวรรค์ได้เพียงลำพังเช่นนั้นหรือ?สำคัญตัวเองมากไปหรือไม่?"
"เจ้าไม่ใช่ปีศาจ?!"
ผู้พิทักษ์ฟางเจี้ยงหยุดฝีเท้าลงเอนหลังและกล่าวว่า"หากเจ้าเป็นหนึ่งในศิษย์นิกายฯเดียวกับข้าก็จงเปิดเผยตัวเถิด....เจ้าเป็นใคร?"
จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ดึงดาบออกจากฝัก ลำแสงสีทองแผ่รัศมีล้อมรอบดาบ และหมุนรอบๆตัวดาบด้วยแรงสั่นสะเทือนดังกึกก้องดั่งเสียงฟ้าร้อง
ใบหน้าของเขาแสดงอาการสงบนิ่งขณะที่เดินไปข้างหน้าและกล่าวว่า"เจ้าไม่บอกก็ไม่เป็นไรเพราะหาจำเป็นสำหรับข้าไม่! แต่หากทักษะที่เจ้าใช้ก็จะแสดงความเป็นตัวตนออกเจ้าออกมาเอง!"
ชายเสื้อคลุมสีดำผู้นั้นหัวเราะเสียงดัง "ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!"
ทันใดนั้น! ร่างของเขาทรุดตัวลงและกลายเป็นควันดำและกล่าวว่า "มันไม่ใช่เรื่องง่าย! อีกไม่ช้าราชินีช้างสวรรค์ก็จะคืนชีพข้าหวังว่าเมื่อนั้นเจ้าคงจะสามารถมีชีวิตรอดได้!"แล้วควันดำนั้นก็ค่อยๆหายไป
-------------------------------------
ทันใดนั้น!
บนแท่นบูชายัณร่างของราชินีช้างสวรรค์ก็ค่อยๆ เปิดตาขึ้นในที่สุด นางมองตรงไปที่ผู้พิทักษ์ฟางเจี้ยง
"มนุษย์......"ราชินีช้างสวรรค์กล่าวหลังจากลืมตาขึ้น
"มนุษย์?"
ด้วยเจตนาที่หมายมุ่งจะสังหารอย่างรุนแรงของผู้พิทักษฟางเจี้ยงที่ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา ทันใดนั้น! เขาก็เหวี่ยงดาบออกจากฝัก แสงของดาบได้แผ่รัศมีปกคลุมท้องฟ้าและแผ่นดินไว้ไนทันที ด้วยอานุภาพแห่งดาบทำให้ฟ้าและแผ่นดินสะเทือนก่อนที่จะเจาะทะลุไปที่ร่างของราชินีช้างสวรรค์ในทันที!
"ตาย!นางปีศาจชั่ว!"
จากนั้นร่างของมันก็ร่วงหล่นลงไปบนพื้นขณะที่นางโดนดาบเข้าไปอย่างแรงขณะนั่งอยู่บนแท่นบูชาจนเสียงดังสะเทือน เลือดของนางไหลนองดั่งสายน้ำ เขาเก็บดาบเข้าฝักและมองไปรอบ ๆ ภายใต้สายตาของเหล่าปีศาจที่นับไม่ถ้วน ขณะนั้นร่างของราชินีช้างสวรรค์ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย!
"ฟู่หยาน! ยกดาบกลับไป"
ผู้พิทักษ์ฟางเจี้ยงโยนดาบลงบนหลังเต่าดึกดำบรรพ์ ขณะที่มันค่อยๆคลานออกไป มันยกศีรษะขึ้นและกล่าวว่า"ข้าว่ามันคงไม่ตายง่ายดายเช่นนี้แน่!"
"เพียงแค่จิตวิญญาณไร้ซึ่งประโยชน์มันไม่สามารถก่อปัญหามากไปกว่านี้หรอก เราควรปล่อยให้เจ้าคนทรยศในนิกายฯค้นพบที่อยู่ของมันน่าจะดีเสียกว่า!
ผู้พิทักษ์ฟางเจี้ยงเหลียวมองอย่างไม่แยแส"สิ่งที่ข้าสนตอนนี้คือเจ้าคนทรยศมากกว่าและสิ่งที่พวกมันต้องการคือการคืนชีพของนางปีศาจร้ายนั่น! มันต้องมีวัตถุประสงค์อะไรบางอย่างที่ไม่ดีแน่!"
.................................................................................................................