เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 130 สมาชิกที่รักใคร่กลมเกลียว (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 130 สมาชิกที่รักใคร่กลมเกลียว
แปลโดย iPAT
เมฆสีหม่นปกคลุมท้องฟ้าเป็นเหตุให้เงาสีดำทาบทอลงบนภูเขาชิงเหมา ทั้งหมดบ่งชี้ว่าพายุใหญ่กำลังจะมา
ด้านหนึ่งของภูเขา หมาป่าสายฟ้านับสิบแยกเขี้ยวคำรามเสียงต่ำและปิดล้อมฟางหยวนเอาไว้ทุกด้าน
หากเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสองคนอื่นที่เผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้เพียงลำพัง พวกเขาอาจรู้สึกสูญสิ้นความหวัง อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่กับฟางหยวน
ฟางหยวนยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง ตรงข้ามกับฝูงหมาป่าสายฟ้าที่เผยให้เห็นถึงความกังวลเล็กน้อย
การต่อสู้ดำเนินมาชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้ว พื้นดินถูกเปลี่ยนเป็นบ่อเลือด ศพของหมาป่าสายฟ้าหลายตัวนอนอยู่บนพื้น มันบ่งบอกถึงความสำเร็จของฟางหยวนอย่างเงียบๆ
‘ฆ่า!’
ฟางหยวนตะโกนเสียงเย็นอยู่ภายใน เขาเริ่มเปิดฉากโจมตีแม้จะถูกศัตรูรุมล้อม เท้าของเขากดลงไปบนพื้นก่อนจะกระโจนร่างเข้าหาหมาป่าสายฟ้าที่อยู่ด้านซ้าย
หมาป่าสายฟ้าถอยหลังกลับไปครึ่งก้าวด้วยความหวาดกลัวก่อนจะกัดฟันพุ่งเข้าปะทะฟางหยวนด้วยความดุร้าย
มันเปิดปากกลางอากาศและเผยให้เห็นคมเขี้ยวอันแหลมคม
ฟางหยวนหัวเราะเสียงเย็นอยู่ในใจ เขาไม่หลบแต่สะบัดแขนขวาออกไป
"ฟิ้ว..." ดาบแสงจันทร์สีฟ้าพุ่งเข้าไปในปากที่อ้ากว้างของหมาป่าสายฟ้าในแนวนอน
เลือดพุ่งกระฉูดออกมาราวกับสายฝน
ร่างของฟางหยวนเรืองแสงสีขาวเมื่อเลือดที่เต็มไปด้วยกระแสไฟฟ้าสาดกระเซ็นมาที่เขา
ฝูงหมาป่าตอบสนองด้วยการพุ่งเข้าจู่โจมฟางหยวนอย่างพร้อมเพรียงจากทุกทิศทาง พวกมันเปิดปากและใช้เขี้ยวกัดร่างของฟางหยวน แต่เขี้ยวของพวกมันกลับเป็นฝ่ายแตกหักเมื่อเผชิญหน้ากับเกราะหยกขาว
ไม่ว่าจะเป็นเขี้ยวหรือกรงเล็บ พวกมันกลายเป็นไร้ประโยชน์
ฟางหยวนชกและเตะฝูงหมาป่าสายฟ้าให้บินกลับหลังไปด้วยพละกำลังของหมูป่าสองตัว กะโหลกศีรษะของหมาป่าบางตัวระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันทีเป็นเหตุให้ฟางหยวนคว้าชัยชนะในสงครามครั้งนี้มาได้อย่างรวดเร็ว
แต่เรื่องดีๆมักอยู่ไม่นานเมื่อพลังวิญญาณของฟางหยวนลดลงอย่างต่อเนื่อง
พรสวรรค์ของฟางหยวนอยู่ในนภาที่สาม การบ่มเพาะของเขาอยู่ในระดับสองขั้นกลาง ทะเลวิญญาณของเขามีมวลน้ำอยู่ไม่ถึงห้าสิบส่วน
เขามองเข้าไปในทะเลวิญญาณที่ระดับน้ำลดลงไปมากแล้วขณะที่หมาป่าสายฟ้ายังเหลืออยู่อีกหลายตัว ฟางหยวนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกระตุ้นใช้งานวิญญาณเกล็ดลี้ลับ
ร่างกายของเขากระพริบราวกับระลอกคลื่นก่อนจะเลือนหายไปในที่สุด
หมาป่าสายฟ้าที่มีสติปัญญาไม่มากนักคำรามออกมาด้วยความโกรธหลังจากกวาดตามองไปรอบๆแต่ไม่พบสิ่งใด
ฟางหยวนยังไม่ได้ล่าถอยไปไกลนัก เขาเร้นกายและดูดซับพลังงานจากหินวิญญาณเพื่อกู้คืนพลังวิญญาณของตน
หมาป่าสายฟ้ามีดวงตาที่พิเศษ แต่ประสาทรับกลิ่นของพวกมันกลับไม่แหลมคม วิญญาณเกล็ดลี้ลับถือเป็นยาขมสำหรับพวกมัน
เมื่อทะเลวิญญาณของฟางหยวนถูกกู้คืนกลับมาได้สามสิบส่วน ฝูงหมาป่าสายฟ้าตัดสินใจล่าถอยอย่างไม่เต็มใจนัก
ฟางหยวนไม่มีวิญญาณที่ช่วยสนับสนุนการเคลื่อนไหว หากหมาป่าสายฟ้าต้องการหลบหนีจริงๆ ฟางหยวนจะไม่สามารถติดตามความเร็วของพวกมัน ดังนั้นเขาจึงต้องเผยตัวออกมาจากที่ซ่อน
"อะวู้...."
ฝูงหมาป่ามองเห็นศัตรูของพวกมันอีกครั้ง ราวกับฟางหยวนสังหารบุพการีของพวกมัน พวกมันจึงวิ่งเข้ามาหาฟางหยวนด้วยสายตาแห่งความเกลียดชังทันที
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน เขารอให้หมาป่าเข้าประชิดตัวก่อนจะส่งหมัดขวาออกไป
กำปั้นที่เคลือบคลุมด้วยเกราะหยกขาวชกไปยังแผ่นหลังของหมาป่าตัวหนึ่ง
"กร๊อบ!" เสียงแตกหักที่คมชัดดังขึ้น หมาป่าที่โชคร้ายบินกลับหลังไปพร้อมกับกระดูกสันหลังที่แตกสลาย
มันร่วงลงบนพื้นและพยายามดิ้นรนแต่กลับไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก
หลังจากพลังวิญญาณถูกกู้คืน พลังอำนาจที่น่าเกรงขามของฟางหยวนก็กลับคืนมาอีกครั้งทำให้เขาสามารถสังหารหมาป่าสายฟ้าสี่ตัวได้ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ
หมาป่าที่เหลือสูญเสียจิตวิญญาณการต่อสู้ พวกมันคำรามออกมาด้วยความหวาดกลัวก่อนจะสะบัดหางหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
ฟางหยวนไม่ไล่ล่าพวกมัน
เขาไม่สามารถแข่งขันความเร็วกับหมาป่าสายฟ้า การไล่ล่าไม่มีประโยชน์
พื้นดินเต็มไปด้วยซากศพหมาป่า แต่ฟางหยวนยังระวังตัวและไม่รีบร้อนเข้าไปเก็บรวบรวมดวงตาหมาป่า
วิญญาณหญ้าใบหูปฐพี!
เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่งขณะที่รากโสมงอกออกมาจากใบหูข้างขวาและเชื่อมต่อกับพื้น
ความสามารถในการได้ยินของฟางหยวนขยายขอบเขตขึ้น เขาสามารถตรวจสอบทุกสิ่งในรัศมีสามร้อยก้าว
เสียงหลายสายดังเข้ามาในหูของเขา แต่มันไม่มีเสียงการเคลื่อนไหวของฝูงหมาป่าหรือผู้ใช้วิญญาณ
‘มันยังปลอดภัยในช่วงเวลานี้’ ฟางหยวนถอนหายใจก่อนจะหยิบกริชออกมาและเริ่มควักดวงตาของหมาป่าสายฟ้า
ฟางหยวนต้องการป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ให้ได้มากที่สุด ดังนั้นเขาจึงส่งมอบดวงตาหมาป่าเพียงบางส่วนและเก็บซ่อนส่วนที่เหลือเอาไว้
หากเขาส่งมอบทั้งหมด มันจะกลายเป็นการดึงดูดความสนใจและอาจมีการลอบสืบสวนเรื่องนี้อย่างลับๆ
หลังจากกำจัดฝูงหมาป่าอีกสองกลุ่ม ท้องฟ้าก็ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นเมฆหมอกสีดำที่หนาทึบ สายลมพัดผ่านเป็นเหตุให้เกิดระลอกคลื่นสีเขียวสั่นไหวขึ้นบนภูเขา
"อะวู้...อะวู้..."
เสียงคำรามของหมาป่าดังสะท้อนอยู่ในสายลม
ใบหน้าของฟางหยวนกลายเป็นเคร่งเครียดเล็กน้อย ตามความทรงจำในชีวิตก่อนหน้า วันนี้เป็นวันที่คลื่นหมาป่าที่แท้จริงเริ่มถาโถมเข้ามา
เขาใช้วิญญาณหญ้าใบหูปฐพีอีกครั้งแต่ยังไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของฝูงหมาป่า
เขาไม่แปลกใจและยังสามารถรักษาความสงบ
เพราะมันหมายความว่าระยะห่างระหว่างเขากับฝูงหมาป่าไกลกว่าระยะสามร้อยก้าว ด้วยระยะห่างสามร้อยก้าวรวมถึงความชำนาญภูมิประเทศ มันเพียงพอให้เขาเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านได้อย่างปลอดภัย
“หมาป่าสายฟ้าเหล่านี้มีไหวพริบพอที่จะบุกโจมตีในสภาพอากาศเช่นนี้ ด้วยเสียงลมและเสียงต้นไม้ มันจะช่วยปกปิดเสียงการเคลื่อนไหวของพวกมันได้ในระดับหนึ่ง” ฟางหยวนถอนหายใจก่อนจะวิ่งกลับหมู่บ้านด้วยความเร็วสูงสุด
หลังจากวิ่งไปหลายร้อยเมตร เขาก็พบกับกลุ่มผู้ใช้วิญญาณห้าคน
"เจ้าคือฟางหยวน!" ผู้ใช้วิญญาณหนึ่งในห้ายกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเมื่อเห็นฟางหยวน จากนั้นเขาก็ทักทายด้วยน้ำเสียงที่แปลกประหลาด
ผู้ใช้วิญญาณผู้นี้คือ อวี๋เพิ่ง สหายร่วมชั้นเรียนของฟางหยวน ในช่วงเวลาที่อยู่ในสถานศึกษา เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากการกรรโชกทรัพย์ของฟางหยวนมาตลอด
ฟางหยวนชำเลืองมองและพุ่งผ่านพวกเขาไปโดยไม่แม้แต่จะหยุดพูดคุย
"เจ้า!" อวี๋เพิ่งตะลึงก่อนจะกลายเป็นความโกรธ นั่นทำให้การเคลื่อนไหวของเขาช้าลงเล็กน้อย
"เสี่ยวเพิ่ง อย่าช้า พวกเราต้องล่าหมาป่าสายฟ้าอย่างน้อยห้าสิบตัวในวันนี้เพื่อรักษาตำแหน่งของเราบนหอคอยเกียรติยศ" หัวหน้ากลุ่มเปิดปากกล่าว
อวี๋เพิ่งสะกดข่มความโกรธและติดตามกลุ่มของเขาไปอย่างรวดเร็ว
'กลุ่มของข้าอยู่ในอันดับเจ็ดสิบห้าบนหอคอยเกียรติยศ อันดับของฟางหยวนต่ำกว่าสองร้อย ความแตกต่างระหว่างข้ากับเขาเหมือนสวรรค์กับพิภพ โชคดีที่ข้าสามารถติดตามท่านหัวหน้า ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ ข้าสามารถแลกเปลี่ยนวิญญาณที่ดีมาไว้ในการครอบครองเรียบร้อยแล้ว นี่จะทำให้อนาคตของข้าสดใส แล้วฟางหยวนจะสามารถเปรียบเทียบกับข้าได้อย่างไร?' เมื่อคิดได้เช่นนี้ อวี๋เพิ่งก็สามารถสงบจิตใจและกระทั่งรู้สึกมีความสุข
'ในโลกใบนี้ ผู้ใดจะสามารถต่อสู้เพียงลำพัง? หลายมือย่อมสามารถผ่อนแรง ความสามัคคีคือพลัง ด้วยการหยิบยืมความแข็งแกร่งของสมาชิกตระกูล เด็กใหม่จะสามารถเติบโตขึ้นอย่างปลอดภัย ฟางหยวนเป็นเพียงคนโง่เขลา เขาคิดจริงๆหรือว่าเขาเป็นวีรบุรุษ การขับไล่วิญญาณคางคกกลืนกินแม่น้ำระดับห้าเป็นเพียงความโชคดีเท่านั้น แม้เขาจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม แต่เขาไม่มีสมาชิกกลุ่มแม้แต่ผู้เดียวและยังถูกจัดไว้ในอันดับสุดท้าย ฮ่าฮ่า ด้วยบุคลิกที่แปลกประหลาด เขาจะสามารถรวบรวมสมาชิกกลุ่มได้อย่างไร?' อวี๋เพิ่งรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
แต่สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือบนเส้นทางของพวกเขากลับไม่พบฝูงหมาป่า
อวี๋เพิ่งเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามบ่ายแต่มันมืดมิดราวกับพลบค่ำ
เมฆสีดำปกคลุมท้องฟ้าขณะที่พายุฝนเริ่มโหมกระหน่ำ
อย่างไรก็ตามอวี๋เพิ่งไม่มีความหวาดกลัวและยังเผยรอยยิ้มเยาะ 'ฮ่าฮ่า ฟางหยวนรีบวิ่งกลับหมู่บ้านเพราะเขากลัวพายุฝนเหล่านี้งั้นหรือ? ช่างขลาดเขลานัก'
เป็นเพียงเวลานี้ที่ใบหน้าของหัวหน้ากลุ่มกลายเป็นซีดเผือดและสูดหายใจลึก
"ท่านหัวหน้า เกิดสิ่งใดขึ้น?" สมาชิกอีกสี่คนเร่งถามเมื่อสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ
สำหรับกลุ่มนี้ หัวหน้ากลุ่มเป็นผู้รับผิดชอบในการตรวจสอบ แม้เขาจะเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสองแต่วิญญาณสายตรวจสอบของเขายังไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับวิญญาณหญ้าใบหูปฐพี
ใบหน้าของเขาราวกับซากศพ เขาไม่ต้องการอธิบายสิ่งใดออกมาในเวลานี้
"วิ่ง!" เขาตะโกนด้วยความหวาดกลัวก่อนจะหันหลังกลับและออกวิ่งทันที
"ตามหัวหน้าไป!" สมาชิกกลุ่มของเขาก็ไม่โง่ พวกเขาตอบสนองด้วยการวิ่งตามหัวหน้ากลุ่มไปอย่างรวดเร็ว
"อะวู้...อะวู้..."
เสียงเห่าหอนของหมาป่าดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เสียงเหล่านี้บ่งบอกได้ว่ามันมีหมาป่าอยู่นับพันตัว
ใบหน้าของทุกคนในกลุ่มกลายเป็นซีดขาวขณะที่พวกเขาวิ่งอย่างสุดกำลัง
"รอข้าด้วย!" อวี๋เพิ่งวิ่งด้วยพลังทั้งหมดแต่ยังรั้งท้าย ในสถานการณ์นี้ช่วยไม่ได้ที่เขาจะสูญเสียความเยือกเย็นและกรีดร้องขอความช่วยเหลือออกมาด้วยความตื่นตระหนกเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจของหมาป่าสายฟ้าที่อยู่ด้านหลัง
แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังที่สุดก็คือหัวหน้ากลุ่มที่เขาเคยเทิดทูนบูชากลับไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามองเขา สมาชิกในกลุ่มที่เคยสาบานเป็นพี่น้องกลับเพิกเฉยต่อเสียงตะโกนของเขาอย่างสิ้นเชิง
"อะวู้..." เป็นเวลานี้ที่อวี๋เพิ่งได้ยินเสียงหมาป่าดังอยู่ด้านขวาของเขา
วินาทีต่อมาเขารู้สึกถึงพละกำลังอันมหาศาลที่กดลงบนแผ่นหลังของเขาและทำให้เขาล้มลงบนพื้น
การล้มลงกระแทกพื้นทำให้เขารู้สึกมึนงง
เขาดิ้นรนหันหน้าไปรอบๆและพยายามต่อต้านขัดขืน
"เปรี้ยง!"
อสรพิษสายฟ้าแล่นผ่านอากาศ
ท่ามกลางความมืดมิด ร่างของหมาป่าสายฟ้าปรากฏขึ้นในมุมมองสายตาของเขา
มันมีร่างกายใหญ่โตเป็นสองเท่าของหมาป่าสายฟ้าทั่วไป ขนบนร่างของมันชูชันขึ้นทั้งหมด มันเปิดปากและเผยให้เห็นคมเขี้ยวสีเงินที่ใหญ่โตและแหลมคม
รูม่านตาของอวี๋เพิ่งหดเล็กลงขณะที่ความคิดหนึ่งดังขึ้นในใจของเขา 'ราชันร้อยอสูร!'
มันเป็นฝูงหมาป่าขนาดใหญ่ นอกจากราชันร้อยอสูรและราชันพันอสูร มันยังมีกระทั่งราชันหมื่นอสูร
หมาป่าสายฟ้าเปิดปากกว้าง วินาทีต่อมา ด้วยเสียง 'กร๊อบ!' ศีรษะของอวี๋เพิ่งก็หลุดออกจากร่างในครั้งเดียว
เลือดสาดกระจาย
หลังจากนั้นหมาป่าสายฟ้าก็ก้มศีรษะลงดื่มเลือดที่พุ่งออกมาจากลำคอของอวี๋เพิงและแทะเล็มเนื้อติดไขมันของมนุษย์ผู้นี้
หมาป่าสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนจากด้านหลังวิ่งตรงไปข้างหน้า
เสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สายฝนสาดเทลงมา
คลื่นหมาป่าที่แท้จริงเริ่มขึ้นในที่สุด