ตอนที่ 46 ไม่อาจเยียวยา
“แม่หนูน้อย หากเจ้าไม่รังเกียจ ขอให้ข้าได้ตรวจดูอาการพี่ชายของเจ้าจะได้ไหม ?” แทบจะทันทีที่วาจาพูดโพล่งของผู้ดูแลจิ๋นสิ้นสุด น้ำเสียงของชายผู้สุภาพอ่อนโยนผู้หนึ่งก็ดังแทรกขึ้นเบา ๆ ท่ามกลางฝูงชน
“นั่นคือผู้ดูแลโจวแห่งโรงโอสถเซิงเต๋อมิใช่หรือ ?” หลายคนอุทานออกมาขณะที่ฝูงชนพากันขยับกายเลี่ยงหลบออกไปทางด้านข้างแสดงให้เห็นถึงความเคารพยำเกรงและความยอมรับในความสามารถที่พวกเขามีให้แก่บุรูษผู้ค่อย ๆ ก้าวย่างตรงเข้ามา
บุรูษผู้นี้เป็นชายวัยกลางคนผู้มีอายุราว ๆ สามสิบ บนใบหน้าสะอาดเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเครา รูปร่างสันทัดสีหน้าท่าทางของเขาอ่อนโยนให้ความรู้สึกที่เป็นมิตรและใจบริสุทธิ์สะอาด คนผู้นี้คือผู้ดูแลโจว โจวเหยียนอันแห่งโรงโอสถเซิงเต๋อ
ทันทีที่เด็กสาวได้ยินว่าท่านผู้ดูแลโจวจะช่วยให้การรักษาพี่ชายของนาง เสียงร้องไห้ของนางหยุดลงทันที เด็กสาวไม่สนใจอาการบาดเจ็บจากการถูกกระแทกด้วยแรงเตะเมื่อครู่ นางรีบคุกเข่าโขกศีรษะลงกับพื้นให้ท่านผู้ดูแลโจว
ทว่าเมื่อผู้ดูแลโจวปลดปล่อยกระแสพลังปราณเพื่อสำรวจอาการบาดเจ็บในร่างกายของหนุ่มน้อยผู้นี้แล้วหว่างคิ้วของเขาพลันย่นเข้าหากันหนักขึ้น สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด “แม่หนูน้อยพี่ชายของเจ้าได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร ?”
เด็กน้อยปาดน้ำตาพลางเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย “เมื่อห้าวันก่อนพี่ชายข้าออกไปล่าสัตว์ที่ภูเขา หากแต่เขากลับมาพร้อมบาดแผลสาหัสฉกรรจ์ เขากลับเข้าไปนอนพักแล้วจากนั้นก็ลุกขึ้นไม่ได้อีกเลย ข้าแบกพี่ชายมารักษาที่โรงโอสถจีเชิง ทั้งยังใช้สอยตำลึงเงินทั้งหมดที่เรามีไปจนสิ้นแล้วหากแต่อาการเจ็บป่วยของพี่ข้ากลับทรุดลง ข้าไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดี.....ข้าไม่อยากให้พี่ชายตาย....ฮือ ฮือ ฮือ.....”
ผู้ดูแลโจวถอนหายใจเต็มไปด้วยความเวทนาสงสาร “ข้าต้องขอโทษด้วยที่ไม่อาจรักษาอาการบาดเจ็บของพี่ชายเจ้าได้ กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นตลอดทั่วร่างของเขาฉีกขาดสะบั้น หากแม้ว่าเขาสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ เกรงว่าจะไม่อาจลุกจากเตียง คงจะต้องเป็นผู้พิการไปตลอดชั่วชีวิต”
“เป็น.....เป็นอย่างนี้ได้เช่นไร !” เด็กน้อยตื่นตกใจ นัยน์ตาของนางบ่งบอกความรู้สึกหลายประการทั้งไม่อยากจะเชื่อ ทั้งเศร้าเสียใจ ทั้งหมดสิ้นความหวัง “ไม่จริง....พี่ชายของข้าจะต้องไม่ตาย ! ได้โปรดช่วยพี่ชายข้าด้วย ได้โปรด.....”
ใบหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัวของผู้ดูแลจิ๋นพลันแปรเปลี่ยนเป็นร่าเริงยินดีทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความสาสมใจในคราวเคราะห์ของผู้อื่น “พวกเจ้ายังจะเชื่อมั่นว่าหมอของโรงโอสถเซิงเต๋อนั้นวิเศษวิโศอยู่อีกหรือไม่เล่า ?กระทำตนราวกับเทพเซียนผู้พิทักษ์โลก สุดท้ายก็พิสูจน์แล้วว่ามันเป็นเพียงหมอขั้นสองธรรมดา ๆ เท่านั้นยังริอ่านวิ่งโร่มาแสดงความสามารถถึงที่นี่ ทว่าแค่เพียงช่วยชีวิตคนผู้เดียวก็ยังไม่อาจช่วยไว้ได้ เจ้าไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือไร ฮ่า ฮ่า ฮ่า...ช่างประเมินความสามารถของตนสูงส่งเกินไปเสียจริง !”
ผู้ดูแลโจวหาได้ขุ่นเคืองไม่เมื่อเขาได้ยินวาจาเช่นนั้น ชายวัยกลางคนเพียงเหลือบสายตาชำเลืองมองผู้ดูแลจิ๋นก่อนจะค่อย ๆ เอ่ยวาจา “เมื่อท่านหมอจิ๋นมีความสามารถ เหตุใดท่านไม่ลองให้การรักษาดูเล่า ?”
ยามนี้เหล่าผู้ชุมนุมล้วนได้ยินอย่างชัดเจนว่าหนุ่มน้อยผู้นั้นไม่อาจเยียวยารักษาให้ฟื้นคืนสู่สภาวะปกติได้ พวกเขาต่างเห็นพ้องกับคำกล่าวของผู้ดูแลโจว
“ผู้ดูแลโจวจะตรวจวินิฉัยผิดพลาดไปได้อย่างไร ? เมื่อท่านไม่ยอมรับการวิฉัยนี้เช่นนั้นท่านย่อมสมควรวินิจฉัยดูบ้าง”
“การที่อาการป่วยของหนุ่มน้อยผู้นี้ทรุดหนักลง อาจเป็นด้วยหลงเชื่อในวิธีการรักษาของโรงโอสถจีเชิงจึงต้องลงเอยเช่นนี้ เจ้าไม่มีความสามารถในการตรวจรักษายังจะกล้ามาสงสัยในทักษะการรักษาของผู้ดูแลโจวอีกรึ ?”
ความโกรธกริ้วและคำประณามหยามหมิ่นจากฝูงชนทำให้สีหน้าของผู้ดูแลจิ๋นแปรเปลี่ยนเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้วกลับกลายเป็นซีดขาว เขารีบขึ้นเสียงจนแทบจะกลายเป็นการคำราม “ข้าย่อมไม่มีความสามารถ หากแต่ท่านหมอเซียแห่งโรงโอสถจีเชิงคือท่านหมอผู้สูงส่งในระดับทักษะการรักษาขั้นที่สาม คนอย่างโจวเหยียนอันผู้เป็นเพียงหมอที่มีระดับความสามารถในขั้นที่สองจะอาจหาญไปเทียบชั้นได้เยี่ยงไร ?”
เมื่อนามกรแห่งท่านหมอผู้มีความสามารถการรักษาขั้นที่สามถูกเอ่ยขานออกมา สรรพเสียงทั้งหลายของผู้คนพลันนิ่งเงียบ
นั้นด้วยเพราะทั่วทั้งอาณาจักรจินหลิง ท่านหมอที่มีระดับความสามารถในการให้การรักษาได้ถึงขั้นที่สามนั้นนับว่ายอดเยี่ยมอย่างไม่อาจประเมินคุณค่าได้อย่างแท้จริง และนั่นคือเหตุผลที่ทั่วทั้งนครเหยียนจิงมีท่านหมอผู้มีความสามารถระดับสี่เพียงผู้เดียวเท่านั้น คนผู้นั้นคือน่าหลานเจิ้งเจ๋อ สิ่งนี้ย่อมเด่นชัดว่าศักด์ฐานะแห่งท่านหมอที่มีระดับความสามารถสูงนั้นนับว่าสูงส่งไม่ธรรมดา
ทว่าหลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ทุกคนต่างเริ่มมีสีหน้าฉงน “เจ้าพูดถึงแต่ท่านหมอขั้นที่สาม แล้วท่านหมอขั้นที่สามที่กล่าวถึงอยู่ที่ใดกันเล่า ? เหตุใดเราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าโรงโอสถจีเชิงมีท่านหมอผู้มีความสามารถในการรักษาถึงขั้นที่สามด้วย ?”
“ถูกแล้ว วาจาของเจ้าไร้น้ำหนัก หากเจ้ามีความสามารถก็เรียกคนผู้นั้นออกมาสิ ! หากเจ้าทำไม่ได้ เช่นนั้นเจ้าก็เพียงแค่โอ้อวดไร้สาระเท่านั้น”
***จบตอน ไม่อาจเยียวยา***