3-ตระกูลที่ยิ่งใหญ่แห่งอิมพีเรียล
รถม้าเคลื่อนที่ไปตลอดจนถึงเมือง แม้ว่าเมืองหลวงอิมพีเรียลจะเป็นศูนย์กลางการค้าขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดของจักรวรรดิ แต่มันไม่เคยขาดสงคราม
โรดี้แอบมองท้ายรถม้าจากระยะไกล เขาไม่กล้าเข้าไปใกล้ๆมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าหญิงสาวจะรู้ว่าเขาตามมาไหมถ้าเธอรับรู้เขาจะพบจุดจบเดียวกับสตาร์คือลงไปนอนที่ส่วนบรรทุกของรถม้า
รถม้าวิ่งผ่านจตุรัสอันงดงามของเมืองหลวงไปตามถนนใหญ่ แม้โรดี้อาศัยอยู่ในเมืองนี้มา2ปีแต่เขาก็ไม่คุ้นเคยกับถนนสายนี้ เขารู้เพียงว่าพวกขุนนางทีี่มีอำนาจมากเท่านั้นที่ใช้พวกมันสัญจรและอยู่อาศัยในแถบนี้ ทุกคนที่มาจากที่นี่เป็นคนที่มาจากตระกูลที่ร่ำรวยและทรงพลัง
รถแล่นช้าลงที่หน้าคฤหาสน์ขนาดใหญ่ ประตูไม้หนาทึบี่ถูกทาสีแดงเพื่อให้เหมือนกับบโลหะ โรดี้รู้สึกประหลาดใจและแทบจะล้มทั้งยืนเมื่อเห็นตราสัญลักษณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์ของตระกูลบนรั้ว เขารู้ดีว่ารูปนี้คืออะไร ดอกทิวลิปและเปลวไฟที่กำลังปะทุมันเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของตระกูลทิวลิป
ในฐานะที่เป็นนักเรียนระดับสูงของโรงเรียนอิมพีเรียล เขาคุ้นเคยกับประวิติศาสตร์การทหารของจักรวรรดิ โรดี้สังเกตได้ชััดเจนว่าเปลวไฟและดอกทิวลิปเป็นตัวแทนของเกียรติยศและความรุ่งโรจน์ มันแสดงถึงความเคารพและเสียงชื่นชมของผู้คน ตระกูลทิวลิปเป็นลูกหลานของจอมพลคนแรกของจักรวรรดิ ในเวลากว่า600ปีนับตั้งแต่ปฐมจักรพรรดิสร้างอาณาจักรขึ้นตระกูลทิวลิปได้สร้างจอมพลขึ้นมารับใช้องค์จักรพรรดิมาแล้ว14คนและทุกคนเป็นนักรบและนักยุทธศาสตร์ที่โดดเด่น ในชั้นเรียนอาจารย์เคยกล่าวไว้ว่าครอบครัวทิวลิปคือตระกูลของเทพสงคราม
ปกติโรดี้นั้นให้ความเคารพต่อตระกูลนี้ ไม่เคยเลยซักครั้งในชีวิตที่เขาคิดจะลงมือกับคนตระกูลทิวลิป ตอนนี้คำอธิบายเกี่ยวกับพลังที่น่าหวาดกลัวของหญิงสาวก็ได้รับการคลี่คลายแล้ว ในฐานะที่เธอเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลนี้นั้นเป็นคำอธิบายที่สมบูรณ์์แบบ เธอจะมีพลังเหมือนคนปกติได้ยังไง รถม้าค่อยๆแล่นเข้าไปในคฤหาสน์อย่างช้าๆในขณะที่โรดี้เต็มไปด้วยความกระวนกระวาย
เขารู้ว่ามันร้ายแรงแค่ไหนที่จะต้องเผชิญหน้ากับตระกูลทิวลิปหากพวกเขาตรวจพบว่าโรดี้แอบบุกรุกเข้ามา หากพวกเขาจับโรดี้ได้สิ่งที่น่ากลัวก็จพตามมา โทษของการโจมตีคนตระกูลทิวลิปมั่นใจได้เลยว่าเขาและพรรคพวกจะถูกจับแขวนคอ คนธรรมดาเช่นเขาควรรีบเก็บของและเผ่นหนีไปให้ไกลที่สุดและภาวนาให้ตระกูลทิวลิปหาตัวเขาไม่พบ
โรด้คิดกับตัวเองซักครู่ก่อนถอนหายใจ เขาไม่สามารถทิ้งเพื่อนและหันหลังวิ่งหนีไปคนเดียว มันขัดกับหลักการใช้ชีวิตของเขา แม้ว่าโรดี้จะไม่ใช่คนมีคุณธรรมอะไรมากแต่เขาจะไม่ละทิ้งครอบครัวและเพื่อนฝูง
โรดี้ขบฟันของเขาก่อนจะแอบเข้าไปในซอยเล็กๆข้างคฤหาสน์เขามองไปรอบๆเพื่อนเช็คว่าไม่มีใครก่อนจะกระโดดข้ามกำแพงคฤหาสน์ไป
นิโคลมองไปยังชายที่ถูกจับมา แม้ว่าเธอจะโกรธมากและแสดงออกอย่างชัดเจนบนใบหน้าของเธอ แต่เธอก็โบกมือเรียกและสั่งงานคนรับใช้ด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
"พาเขาลงมาและนำตัวไปพัก"
น่าเสียดายที่ว่าที่ดยุคนั้นงี่เง่า เขาเมาจนจำคนด้านหน้าเขาไม่ได้ เขาเมาดวงตาแทบปิดขณะที่เขาหัวเราะและหยอกล้อเธอ นอกจากนี้เขายังพยายามเหยียดนิ้วออกมาและเชยคางเธอ
ในความมึนเมาเขาพึมพำกับตนเองว่า
"อ่า ซาร่าห์ที่รักของฉัน! ฉันไม่เห็นคุณไม่กี่วันและคุณก็ได้ลืมฉันไปแล้ว? เจ้าจิ้งจอกน้อยมาดูกันว่าคืนนี้ฉันจะสอนบทเรียนให้เธออยังไง" เขากางแขนและโถมตัวไปข้างหน้า
ใบหน้าของนิโคลหันไปอย่างรวดเร็วใบหน้าของเธอดูราวกับปิศาจที่กำลังโกรธเกรี้ยว เธอหันออกด้านข้างและทำให้เขาสะดุดก่อนพูดอย่างเย็นชาว่า
"ซาร่าห์? นายไปในที่แบบนั้นงั้นหรอ?" เพลย์บอยหนุ่มยังคงไม่ได้ตระหนักถึงสถานการณ์ของตัวเอง นิโคลชี้นิ้วและส่งพลังเวทย์จากปลายนิ้วของเธออัดเข้าที่ท้องของชายหนุ่มอย่างแรง
ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะทันกรีดร้องเขาลอยละลิ้วไป3เมตรก่อนจะกระแทกลงพื้น
โรดี้ที่ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้มองเห็นฉากนั้นทั้งหมดพร้อมคิดว่าหากเป็นตนเองจะหลบได้หรือไม่ คำตอบในใจเขาทำให้เขาเองยังหวาดผวา
ในความเป็นจริงในขณะที่กำลังซ่อนตัวอยู่โรดี้ไม่กล้าที่จะหายใจแรงด้วยซ้ำเขาซ่อนตัวอย่างระมัดระวังและรู้ว่าสตาร์โดนจับมัดอยู่ตรงไหนซักแห่งในสนาม แม้ว่าในสนามจะโล่งแต่โรดี้ยังไม่กล้าจะออกไปช่วยสตาร์ตราบใดที่นักเวทย์หญิงคนนั้นยังอยู่ใกล้ๆแถวนี้ เขาวางแผนว่าจะรอจนตกดึกที่หลายคนหลับไปแล้ว เขาจึงค่อยออกจากที่ซ่อนและช่วยเหลือสตาร์
พวกเขาคงยังไม่ส่งสตาร์เขาคุกในตอนดึก เขาควรมัดและทิ้งไว้ในคิกม้าไม่ก็โรงเก็บฟืน เนื่องจากนักเวทย์หญิงควรจะเเป็นเจ้าของที่นี่และห้องนอนของเธอควรจะอยู่ห่างจากสถานที่ดังที่กล่าวมา ในกรณีนี้โรดี้จะสามารถเข้าไปช่วยเหลือสตาร์ได้
โรดี้ที่ซ่อนตัวในต้นไม้เขาไม่ทราบอย่างแน่ชัดว่าในคืนนี้พวกเขาจะขังสตาร์ไว้ที่ไหน คนในสนามได้แยกย้ายกันออกไปสตาร์ถูกพาออกไปโดยคนรับใช้ท่าทางแข็งแกร่งคนหนึ่ง
แม้ว่ายุงและมดจะกัดเขาจนเขารู้สึกรำคาญแต่เขาก็อดทนรอจนถึงกลางดึก เมื่อมองจากตำแหน่งของดวงจันทร์ที่อยู่กลางหัวโรดี้คิดว่าตอนนี้คงเที่ยงคืนแล้วเขาค่อยๆขยับตัวออกจากต้นไม้
เขาไม่คุ้นเคยกับสถานที่แบบนี้ ยังดีที่เขาตั้งใจเรียนในวิชาสถาปัตยกรรมและเกรดของเขาเองก็ยังค่อนข้างดี ดังนั้นโรดี้จึงเริ่มคาดเดาโครงสร้างของสถานที่ต่างๆในคฤหาสน์เช่นห้องนอนเจ้านาย เรือนคนรับใช้ คอกม้า โรดี้เลือกเส้นทางและวิ่งออกไปที่คอกม้าทันที
โรดี้ไม่เคยเห็นคอกม้าแบบนี้มาก่อน เขาคิดเสมอว่าคอกม้าที่โรงเรียนนั้นใหญ่โตแต่คอกม้าของที่นี่ใหญ่โตเป็นสองเท่าของโรงเรียนอิมพีเรียล มันมีขนาดใหญ่พอที่จะใส่ม้ามากกว่า100ตัวลงไป!! โรดี้ถอนหายใจก่อนชำเลืองมองว่าไฟในคอกม้าดับสนิทแล้วหรือยัง ก่อนเขาจะค่อยๆผลักประตูและเดินเข้ามาแบบเงียบๆ
"สตาร์" โรดี้กระซิบเรียกเบาๆในขณะที่เขาเดินเข้าไป เขาสะดุดกองฟางล้มลงบ้างทีก็สะดุดกล่องไม้แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะจุดไฟเขาถุยเอาเศษฟางและขี้ม้าและพยายามคลำาทางต่อไป เขารู้ว่าถ้าเขาช่วยสตาร์ไม่ได้ในคืนนี้พรุ้งนี้จะเป็นจุดจบของเขา
ทันทีที่โรดี้เดินมาจนสุดคอกม้าเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆที่หน้าประตูคอกม้า จู่ๆหัวใจของเขาก็แทบพุ่งออกมาจากลำคอเขารีบหาที่ซ่อนภายในคอกม้านี้ เขาเห็นที่เก็บม้าขนาดใหญ่ในคอกม้า
ข้างในมีอานม้าชั้นดีแขวนอยู่ โรดี้้มองกลับไปก็พบว่ามีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องเขาอยู่จากในความมืดเขาแทบจะร้องไห้จนกระทั่งเห็นว่ามันเป็นม้า
แม้ว่ามันจะมืดเขาก็เห็นม้าสีดำตัวนี้ได้ มันดูดี ขาทั้งสี่ของมันเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่ทรงพลังเหมือนทำมาจากโลหะ เจ้าม้ามองมาที่โรดี้อย่างไม่สบอารมณ์ มันพ่นลมร้อนออกจากจมูกกีบเท้าเตะพื้นอย่างขุ่นมัวเห็นได้ชัดว่าโรดี้รบกวนเวลานอนของมัน
โรดี้ขยับออกไปอยู่ทางด้านข้างทันทีและพึมพำกับม้า
"สุดหล่อข้าไม่ใช่ขโทยนะฉันแค่รู้สึกถึงอันตรายเลยมาหลบตรงนี้" โรดี้ลูบแผงคอมันและพยายามทำให้มันสงบด้วยวิธีการที่เขาเรียนมาจากโรงเรียน
ในเวลานี้เขาได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้ๆเห็นได้ชัดว่ามีคนมาที่นี่ โรดี้สบถในใจเวลานี้เขาเห็นภาพตนเองกับสตาร์ถูกแขวนคอบนขื่อประหาร เขขาค่อยๆย่องและกระโดดข้ามคานอย่างเงียบๆเสียยงลั่นกลอนดังขึ้นมาเขารีบพาตัวขึ้นไปบนคานและห้อยอยู่ตรงนั้น
"เจอร์ราส แกนี่มันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ" เสียงนุ่มนวลชวนหลงไหลของนิโคลดังขึ้นมาจากข้างนอกโรงม้า นิโคลยืนอยู่ด้านนอกพร้อมกับมองไปที่ม้าที่กำลังกระสับกระสาย พ่อของเธอชอบม้าและม้าตัวนี้เป็นหนึ่งในตัวที่เขาใช้ในการรบสมัยที่เขายังอยู่
"เจอร์ราสแกทำตัวดีๆ ฉันอารมณ์ไม่ดีในตอนนี้" เสียงของนิโคลต่ำลงและน้ำเสียงของเธอแสดงถึงอารมณ์โศกเศร้า เสีนงนุ่มๆของเธอมีพลังพอที่จะทำลายจิตใจของผู้ฟังได้
นิโคลค่อยๆเปิดประตูคอกม้าและเดินเข้ามาช้าๆ โรดี้นิ่งจนเขาแทบหัวใจหยุดเต้น เขาไม่กล้าขยับเพราะกลัวว่ามันจะเกิดเสียงใดๆขึ้น นิโคลเอื้อมมือและลูบแผงคอของม้าช้าๆ ภายใต้จังหวะที่อ่อนโยนม้าก็ค่อยๆสงบลง
"เจอร์ราส ฉันเศร้ามากในตอนนี้" คำพูดของนิโคลที่ดูอ่อนล้า
"ทำไม ทำไมต้องเป็นฉันที่ต้องแบกรับทั้งหมดนี่ ฉันคิดถึงพ่อของฉัน" เธอค่อยๆกอดม้าเอาไว้และซบไปกับคอของมัน
"ฉันรู้ว่าแกก็คิดถึงเขา"
ในความมืด หญิงสาวที่สวมชุดนอนบางเบาสีขาว กระซิบและร้องไห้เบาๆ ใบหน้าและผมสีบลอนด์ของเธอเปียกไปด้วยน้ำตา แต่โรดี้กลับอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด
พระเจ้าช่วยนี่มันเรื่อง***อะไรกันวะเนี้ย หญิงสาวกำลังร้องไห้อย่างโศกเศร้านั้นถือเป็นอาชญากรรม
นิโคลหยุดร้องไห้อย่างเงียบๆ เป็นเวลานานก่อนที่เธอจะปล่อยม้าและจัดผมเธอถอนหายใจและกระซิบ
"เจอร์ราสฉันร้องไห้อีกครั้งในวันนี้ฉันรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง ฉันต้องอยู่เพื่อความดาดหวังของพ่อ ฉันต้องกล้าหาญ ฉันไม่สามารถร้องไห้ได้" เธอลูบไปที่ม้าเบาๆ
"ฉันรู้ว่าแกก็ไม่มีความสุขที่ต้องอยู่ในนี้ ฉันรู้ได้จากมือนี้ว่าแกกำลังหงุดหงิดและไม่อยากอยู่ในนี้และยังคิดถึงพ่อของฉันแกยังคิดถึงช่วงเวลาที่เขาพาแกออกมาและออกวิ่งไป"
"แต่ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันควรทำอย่างไร ตระกูลทิวลิปกำลังเสื่อมถอยลง แต่ฉันไม่ได้มีอำนาจหากฉันเป็นผู้ชายฉันก็จะสามารถแบกรับความหวังของพ่อแต่ไม่ ชายคนนั้นเขาเป็นเพียงคนเดียวที่เป็นบุตรชายในครอบครัวที่เกิดจากพ่อ เขาไม่รู้ตัวว่าทำอะไรอยู่และทำให้ฃื่อเสียงครอบครัวย่ำแย่ลงไปในทุกๆวัน ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวและหมดหนทาง"
นิโคลถอนหายใจและภาวนา
"วิญญาณของพ่อในสวงสวรรค์โปรดมอบความกล้าหาญให้แก่ฉัน ขอให้ฟ้ามอบความหวังให้กับตระกูลทิวลิป ขอให้พระเจ้าทรงชี้แนะแนวทางแก่ฉันเพื่อที่ฉันจะต้องไม่ได้อยู่ลำพังในการต่อสู้นี้"
เมื่อเสียงอธิฐานของนิโคลจบลง ก็มีเสียงดังป้อกและมีมีดขึ้นสนิมตกลงมาตรงหน้าของเธอ เชายคนนั้นค่อยๆหันใบหน้าที่สกปรกเลอะเทอะมาหานิโคลเขาแทบจะหยุดหายใจเมื่อมองไปยังใบหน้ารูปหยินหยางนั้น