5-จอมเจ้าเล่ห์เซท
ชายคนนั้นสวมเสื้อคลุมสีดำและมีเข็มขัดหนังราคาแพง ด้านหลังของเขาแบกถุงบางอย่างถึงแม้จะมืดแต่ผมสีทองของเขาก็ยังมองเห็นได้ชัด
"นายเป็นใคร" โรดี้กังวลและระมัดระวังตัว เขาพร้อมที่จะพุ่งออกไปได้ทุกเมื่อ
"เฮ้ๆใจเย็น" ชายคนนั้นยิ้ม
"ในความเป็นจริงฉันสิควรจะถามว่านายมาทำอะไรในบ้านของฉัน"
"บ้านของนาย?" โรดี้รู้สึกสับสนเล็กน้อย
"ใช่แล้ว" ชายคนนั้นยิ้มและเดินมาสองก้าว แสงจันทร์ส่องลงมาบนใบหน้าที่หล่อเหลา เขามีดวงตาที่สดใสเหมือนไพลินและมีผมสีทองสว่างดั่งดวงอาทิตย์
"และอีกอย่างคือม้าด้านหลังของนายเป็นม้าของฉันและหญิงสาวที่นอนสลบเหมือดตรงนั้นก็คือพี่สาวของฉัน" เขาเดินมากระซืบโรดี้ใกล้ๆ
"อันที่จริงเรื่องพี่สาวฉันไม่ว่าอะไรหรอกนะอยากจะขอบคุณนายด้วยซ้ำ"
"ขอบคุณฉัน?" โรดี้มองชายคนนั้นด้วยสายตาประหลาดใจพร้อมกับระวังตัวมากขึ้น เขาไม่เคยมองพวกขุนนางเหล่านี้ในแง่ดี
"ใช่ขอบคุณ" ชายหนุ่มหัวเราะ
"ฉันรู้สึกเบื่อหน่ายกับที่นี่เป็นอย่างมากมันนานเกินไปแล้วจริงๆสำหรับความรู้สึกนี้ ฉันวางแผนว่าจะหนีออกจากบ้านแต่ใครจะไปคิดละว่าพี่สาวของฉันเธอจะมาที่คอกม้าเหมือนกัน แต่โชคดีที่นายจัดการเธอไปแล้วไม่งั้นฉันคงต้องรอไปอีกหลายชั่วโมง"
"นาย...นายมาที่นี่ตั้งแต่ตอนไหน"โรดี้ถามอย่างระมัดระวัง เขาไม่รู้ว่าชายตรงหน้าต้องการสิ่งใด
"ไม่นาน แต่ก็พอจะเห็นเรื่องราวทั้้งหมด เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อที่นักดาบระดับยังไม่ถึงสองสามารถเอาชนะพี่สาวฉันได้ ดูเหมือนคุณจะมีดีมากกว่าที่เห็นนะ" ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์แบบฉบับขุนนางทั่วไปที่ค่อนไปในทางโอ้อวด
"และตอนนี้นายจะทำอะไรต่อ เรียกยามหรือจะมาจับกุมฉัน?" โรดี้ขยับเดินหน้าไปสองก้าวเขาพร้อมที่จะสู้
เฮ้" ชายหนุ่มคนนั้นถอยออกมาทันทีที่เห็นท่าทางคุกคามของโรดี้
"ใจเย็น ฉันไม่ได้มีจุดประสงค์ร้าย ในความจริงฉันแค่อยากขอบคุณคุณก็เท่านั้นและฉันไม่ต้องการจะต่อสู้ ฉันไม่สามารถเอาชนะคุณได้เพราะฉันไม่ได้เป็นนักดาบระดับ1 ฉะนนั้นฉันคัดค้านการแก้ปัญหาโดยใช้กำลัง" เขายิ้มและโบกมือ และชูขึ้นเพื่อบอกว่าเขาไม่เป็นอันตรายก่อนจะเดินไปที่ห้องเก็บของและนำอานม้าออกมา
"นาย นายกำลังจะออกจากที่นี่?" โรดี้มองเขาด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ
พระเจ้า!ฉันพึ่งเคาะหัวพี่สาวเขาสลบน้องชายอย่างเขาไม่แม้แต่จะมาดูเธอแถมยังต้องการที่จะหนีออกไปหรือเขาเป็นบ้ากัน!
"ทำไมรึ?" เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว เขามองไปยังโรดี้ที่ทำหน้าสงสัย
"เฮ้อ ฉันเหนื่อยหน่ายกับวิถีชีวิตชั้นสูงนี้ ผู้สืบทอดเปลวไฟแห่งทิวลิป? นรกเอ็งสิ!ทำไมฉันต้องเป็นหมากในกระดานพิธีเก่าแก่คร่ำครึอายุเป็นร้อยปีด้วยฉันไม่ได้ต้องการ!ฉันกำลังจะออกไป คุณรู้ไหมฉันรักในสิ่งใด? อิสระภาพ! คุณเข้าใจความหมายของมันไหมอิสระภาพน่ะ ให้ฉันบอกคุณไม่ว่าจะร่ำรวยล้นฟ้าหรือยากจนเพียงไหนมันก็ไร้ค่า ฉันเป็นศิลปินไม่ใช่นักรบสิ่งที่ฉันต้องการคืออิสระภาพไม่ใช่อำนาจและเกียรติยศ ฉันกำลังจะออกไปที่ท่าเรือ คืนนี้จะมีเรือมาเทียบท่า พวกเขาจะเดินทางไปยังดินแดนตะวันออก พระเจ้าโปรดอวยพร ที่ดินแดนนั้นมันคือสวรรค์แห่งศิลปินมันจะทำให้ความฝันของฉันเป็นจริง"
"นายเคยเห็นมหาสมุทรไหม? ผืนน้ำสีครามเมื่อมันสงบมันคือสิ่งที่สวยงามที่สุด ยามมันโกรธูมันจะกลืนกินทุกอย่าง มันคือสวรรค์และปาฏิหาริย์ ฉันจะไปที่นั้นและใช้ชีวิตของฉัน"เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข
โรดี้รู้สึกว่าเขากำลังคุยกับคนบ้าและไม่สามารถคิดเป็นอื่นได้
อย่างน้อยก็โชคดีที่เขาเป็นบ้าและไม่ได้ตามหาฉัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นโรดี้ก็ละสายตาจากชายคนนั้นและมองไปยังนิโคลที่พื้น
"อ่า ฉันไม่สามารถจากไปปทั้งๆแบบนี้ แม้ว่าเธอจะข่มขู่ฉันบ่อยๆ แต่เธอยังเป็นพี่สาวของฉันและที่สำคัญเธอยังสวยและหมดสติ ฉันไม่สามารถทิ้งเธอไว้แบบนี้ได้กรณีที่นายมีความประสงค์ร้าย" ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างจริงจัง โรดี้กระโจนขึ้นมาทันที
"โทษทีสำหรับเหตุการณ์นี้ ฉันไม่มีทางเลือกอื่นหลังจากจบทุกอย่างฉันก็จะจากไปเพียงแค่นายอยู่กับเธอที่นี่ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย"
"นายจะทำอะไร" โรดี้ชะลอฝีเท้าและพูดขึ้น
"นายสามารถเอาชนะฉันได้งั้นหรอ?"
"การต่อสู้? ทำไมฉันต้องต่อสู้ ฉันเกลียดความรุนแรง ฉันไม่ชอบใช้ความรุนแรงฉันชอบใช้สมองมากกว่า สมองอะ นายเข้าใจไหม?" เขายิ้มอย่างชาญฉลาด
"นายกำลังพูดเรื่องอะไร?" ชายหนุ่มมองเขาด้วนยความสงสารก่อนสอดนิ้วเข้าไปในปาก
"พอ คุณนอนลงดีกว่า" ชายหนุ่มผิวปาก
โรดี้พยายามตรวจสอบสิ่งผิดปรกติในร่างกายเขา แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร เจอร์ร่สเจ้าม้าด้านหลังเขาก็ลุกขึ้นและเตะโรดี้ด้วยกีบเท้าหลังทันทีที่ได้ยินเสียงหวีด
โรดี้ถูกส่งให้ลอยออกไปไม่แม้แต่จะทันได้กรีดร้อง ร่างของเขาชนเข้ากับผนังทะลุไม้กระดานลงไปนอนอยู่ด้านนอก
ชายหนุ่มทำท่าทางสบายๆเขายักไหล่ขณะมองไปที่รูและเห็นโรดี้นอนสลบอยู่ เขายิ้มด้วยความพึงพอใจ
เขาไม่ได้ขี้เจอร์ราสแต่กลับเดินไปหาม้าอีกตัว
"เจอร์ราสฉันขอโทษ ฉันไม่สามารถพานายออกไปได้ ฉันรู้ว่านายต้องการที่จะออกไปจากที่แห่งนี้เหมือนกับฉัน ฉันเชื่อมั่นในอิสระภาพแต่ฉันยังไม่สามารถพาคุณไปได้ในตอนนี้ ฉันต้องไปขึ้นเรือฉันต้องทิ้งม้าเมื่อขึ้นเรือ ฉันต้องใช้เวลาเป็นปีหรือมากกว่าในทะเล แต่นายไม่สามารถอยู่รอดบนเรือเป็นเวลานานได้" ชายหนุ่มหัวเราะกับตนเอง
"ทำไมฉันต้องพูดกับนายทั้งๆที่นายเป็นม้า"หลังจากนั้นเขาก็โบกมือลานิโคล
"ลาก่อนพี่สาวที่รัก น้องชายคนเล็กนี้ทำให้คุณลำบากมามาก ฉันจะไปสร้างเรื่องราวชีวิตของฉันด้วยตัวเอง ดูแลตัวเองด้วยโชคดี" เขาขึ้นหลังม้าและเตะที่ท้องมันเบาๆเพื่อให้มันออกวิ่ง เขาจากไปพร้อมเสียงหัวเราะ เขาค่อยๆกลมกลืนและหายไปในความมืดมีเพียงเสียงที่ยังคงดังก้อง
"อิสระภาพเอ๋ย ฉันมาหาแกแล้ว"
ผ่านไปหลายปี เซทจะเข้าใจความจริงบางอย่าง โลกไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่ว่าคุณจะหลบซ่อนหรือหนีเพียงใดพระเจ้าไม่เคยมองไม่เห็นคุณ ท้ายที่สุดคุณก็ไม่อาจหนีโซ่แห่งชะตากรรมไม่เคยมีใครหนีมันพ้น
"ชะตากรรมเอ๋ยชะตากรรมข้ารู้ว่าแกมักซุกซนและเล่นตลกหลายคนคิดว่าแกไม่มีอยู่จริง อย่างไรก็ตามแกมักมาปรากฎตัวและเตะตูดคนพวกนั้นหัวเราะพวกมันก่อนจะหายไปอีกครั้ง"
หลายปีต่อมาคำพูดนี้เป็นที่รู้โดยทั่วกันจากนักวิชาการผู้สง่างามนามว่าสตาร์
ในระยะเวลานั้นเซทได้หนีหายไปอย่างสมบูรณ์เขามีความสุขกับอิสระภาพที่เขาโหยหากับนักดาบหนุ่มผู้เผชิญภัยพิบัติ