เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 128 ทักษะทานตะวัน (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 128 ทักษะทานตะวัน
แปลโดย iPAT
ป่าหินเรืองแสงสีแดงออกมาขณะที่หินงอกหินย้อยทิ้งตัวลงมาราวกับต้นไม้ที่พลิกคว่ำ
'มันเป็นเวลานานนับเดือนหลังจากครั้งสุดท้ายที่ข้ามาที่นี่' ฟางหยวนถอนหายใจ
หลังจากพันธมิตรสามตระกูลถูกจัดตั้งขึ้น พวกเขาเริ่มกวาดล้างฝูงหมาป่า ด้วยการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง มันขยายวงกว้างเข้ามาใกล้กับรอยแยกของหุบเขา ในสถานการณ์นี้แม้ฟางหยวนจะครอบครองวิญญาณเกล็ดลี้ลับ มันก็ยังเสี่ยงที่เขาจะถูกเปิดเผยตัวตน
ด้วยประสบการณ์ห้าร้อยปี มันทำให้ฟางหยวนมีทั้งความอดทนและความรอบคอบ เขาสะกดข่มความปรารถนาของตนเองกระทั่งถึงเวลานี้
เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง ฝูงหมาป่าพิการถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น นี่ทำให้ฟางหยวนสามารถเดินไปรอบๆได้อีกครั้งด้วยความช่วยเหลือจากวิญญาณเกล็ดลี้ลับ
หนึ่งเดือนผ่านไป วานรหินตาหยกบางกลุ่มย้ายกลับเข้ามาบนเส้นทางที่ฟางหยวนเคยกวาดล้าง
โชคดีที่พวกมันยังมีไม่มากนัก
ฟางหยวนใช้เวลาชั่วครู่ก่อนจะกำจัดวานรหินตาหยกและเดินทางไปยังจุดศูนย์กลางของป่าหิน
ภายใต้เสาหินขนาดใหญ่ที่ทิ้งตัวลงมาจากเพดาน ทางเข้าถ้ำลับบนพื้นปรากฏขึ้นในมุมมองสายตาของฟางหยวน
บันไดวนนำทางลงไปใต้พิภพท่ามกลางความมืดมิด ฟางหยวนเดินลึกลงไปพร้อมกับกระตุ้นใช้วิญญาณกายาหยกขาว
ฟางหยวนถือตะเกียงน้ำมันไว้ในมือซ้ายขณะที่วิญญาณจันทร์กระจ่างส่องสว่างอยู่บนมือขวาและสามารถบินออกไปได้ทุกเมื่อ
ท่ามกลางความมืดสนิท ตะเกียงน้ำมันส่องทางได้ไม่เกินห้าก้าวจากตัวฟางหยวน
วิญญาณส่องประกายมีประโยชน์อย่างมากในสถานการณ์เช่นนี้ โชคร้ายที่ฟางหยวนไม่มี
ทีละก้าว ฟางหยวนค่อยๆเดินลงไปอย่างระมัดระวังก่อนจะพบประตูหินบานหนึ่ง
"ถ้ำตะขาบทองคำเป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดา เสียงปฐพีเป็นวิธีหลีกเลี่ยงภัยพิบัติ" ฟางหยวนยกตะเกียงขึ้นและเห็นตัวอักษรที่สลักไว้บนประตูหิน
เสียงปฐพี...
ตะขาบทองคำ...
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายอย่างเข้าใจ
"หากเป็นเช่นที่ข้าคิด..." ฟางหยวนก้มลงและใช้มือสัมผัสพื้น
"มีบางสิ่ง" ฟางหยวนรู้สึกมีความสุขเมื่อค้นพบบางสิ่ง
เขาขุดดินและพบกับวิญญาณดอกไม้เก็บสมบัติอีกครั้ง มีวิญญาณดวงหนึ่งหลับไหลอยู่ภายใน
นี่เป็นวิญญาณที่ค่อนข้างพิเศษ มันอยู่ในรูปลักษณ์ของใบหูมนุษย์แต่มีขนาดเล็กกว่ามาก เมื่อฟางหยวนนำมันวางไว้บนฝ่ามือและส่งพลังวิญญาณเข้าไป รากนับสิบเส้นเริ่มชอนไชออกมาเกี่ยวพันฝ่ามือของเขาเอาไว้ราวกับรากโสม
นี่คือวิญญาณสายพฤกษาระดับสอง หญ้าใบหูปฐพี
มันเป็นวิญญาณที่ใช้ในการสอดแนม มันปรากฏขึ้นในเวลาที่เหมาะสมและมีประโยชน์สำหรับฟางหยวนเป็นอย่างยิ่ง
วิญญาณหญ้าใบหูปฐพีมีระยะการทำงานสามร้อยก้าว มันเป็นวิญญาณที่ดีที่สุดในกลุ่มวิญญาณสายตรวจสอบระดับสอง
มันง่ายที่จะเลี้ยงดูเพราะอาหารของมันคือรากโสม
ภูเขาทางภาคใต้ของทวีปแห่งนี้เป็นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยโสม นักล่าที่ออกไปล่าสัตว์ในป่ามักจะเก็บต้นโสมกลับมาด้วยเสมอ
นอกจากนี้โสมยังเป็นสิ่งที่เก็บรักษาได้ง่ายและเก็บได้อย่างยาวนานอีกด้วย
"วิญญาณหญ้าใบหูปฐพีเป็นวิญญาณที่การเลี้ยงดูได้ง่ายแต่ไม่ง่ายที่จะใช้งาน" ฟางหยวนครุ่นคิดและเริ่มส่งพลังวิญญาณเข้าไป
วิญญาณหญ้าใบหูปฐพีเป็นวิญญาณที่โดดเด่น มันสามารถเทียบได้กับวิญญาณระดับสาม อย่างไรก็ตามสวรรค์ยุติธรรมเสมอ การใช้งานวิญญาณหญ้าใบหูปฐพียังต้องแลกเปลี่ยนด้วยบางสิ่ง
เช่นเดียวกับวิญญาณผีดิบหรือวิญญาณภูตพฤกษา หากใช้งานมัเป็นเวลานาน ผู้ใช้วิญญาณจะกลายเป็นผีดิบหรือต้นไม้ไปอย่างสมบูรณ์
"วิญญาณมักมีข้อจำกัดบางอย่าง วิญญาณหญ้าใบหูปฐพีก็เช่นกัน อย่างไรก็ตามมันสามารถทำให้ข้าเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระท่ามกลางคลื่นหมาป่าและยังสามารถทำให้ข้าบรรลุเป้าหมาย"
ฟางหยวนครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจว่ามันมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย
"ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ปราศจากค่าตอบแทน" ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นก่อนจะเก็บวิญญาณหญ้าใบหูปฐพีเข้าไปในทะเลวิญญาณ
เขามองไปยังประตูหิน หากความคิดของเขาไม่ผิดพลาด อันตรายมากมายกำลังรอเขาอยู่ด้านหลังประตูหิน ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องพึ่งพาวิญญาณหญ้าใบหูปฐพี
เขาตัดสินใจออกจากถ้ำลับและเดินทางกลับหมู่บ้าน
เขายังอยู่ในอันดับสุดท้ายบนหอคอยเกียรติยศ ขณะที่เดินอยู่บนท้องถนน ผู้ใช้วิญญาณต่างหัวเราะเย้ยหยันและแสดงออกด้วยความรังเกียจ
ฟางหยวนไม่ใส่ใจและยังเดินหน้าต่อไป
ความสนใจของตระกูลอยู่ที่คลื่นหมาป่า ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจฟางหยวน หากเป็นก่อนหน้าลุงกับป้าอาจสร้างปัญหาให้กับเขา แต่หลังจากฟางหยวนขายทรัพย์สินให้กับคนทั้งสอง พวกเขาก็ไม่เคลื่อนไหวอีก
ในที่มืด ฟางหยวนเตรียมการบางอย่าง
คืนนี้ดวงจันทร์ส่องสว่างขณะที่ดวงดาวค่อนข้างน้อย
ดวงจันทร์แขวนสูงราวกับแผ่นหยก ความมืดราวกับเส้นใยที่ถักทอเป็นม่านสีดำปกคลุมภูเขาชิงเหมาเอาไว้ทั้งหมด
เสียงเห่าหอนของหมาป่าดังมาจากระยะไกลเป็นครั้งคราว
ฟางหยวนปิดประตูและหน้าต่างอย่างแน่นหนา เขายืนอยู่ในห้องเช่าด้วยร่างกายที่เปล่าเปลือย อ่างน้ำอุ่นวางอยู่บนโต๊ะ ข้างอ่างน้ำยังวางไว้ด้วยผ้าสีขาวกับมีดที่คมกริบ
กระทั่งบนพื้น ฟางหยวนยังยืนอยู่บนผ้าสีขาวผืนหนา
แสงจันทร์เล็ดลอดรอยแตกของบานหน้าต่างทาบทอลงมาบนโต๊ะไม้
การแสดงออกของฟางหยวนไม่แยแสขณะที่เขาคว้ามีดอันแหลมคมที่ส่องประกายเย็นเยียบขึ้นมา
ภายใต้แสงจันทร์ ใบหน้าของฟางหยวนส่องสะท้อนอยู่บนใบมีด
ตอนนี้ทุกสิ่งทำให้ฟางหยวนคิดไปถึงทักษะยุทธ์จากนิยายกำลังภายในบนโลกมนุษย์ใบเดิมอย่างช่วยไม่ได้
'ทักษะทานตะวัน'
ประโยคแรกในคัมภีร์ทักษะทานตะวันเขียนไว้ว่า 'ตอนตนเองก่อนฝึกทักษะนี้'
คนผู้หนึ่งต้องเลือกว่าจะยอมแพ้หรือจ่ายค่าตอบแทนหากต้องการพลังอำนาจอย่างเร่งด่วน
หากต้องการพลังก็ตอนตนเองซะ!
หากไม่มีความเด็ดขาดและไม่กล้าปล่อยมือ แล้วพวกเขาจะบรรลุความทะเยอทะยานของตนเองและก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดได้อย่างไร
คิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเยาะ
เขาใช้นิ้วลูบคมมีดอย่างแผ่วเบาขณะที่ใบมีดสะท้อนแสงอันเย็นเยียบออกมา
หากไม่ใช่เพราะความรุนแรงของฤดูหนาว ผู้คนจะไม่รู้คุณค่าของความอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิ
มือของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
"ฉัวะ!"
เลือดพุ่งกระฉูด!
ชิ้นเนื้อร่วงหล่นลงบนโต๊ะ..........
..........
..........
..........
..........
..........
ฟางหยวนตัดใบหูข้างขวาของตนทำให้เลือดไหลทะลัก!
แรกเริ่มเขารู้สึกเย็บวาบเล็กน้อยก่อนที่ความเจ็บปวดจะพุ่งเเข้าโจมตี
เขากัดฟันแน่นและสูดหายใจลึก เขาต่อต้านความเจ็บปวดและเรียกวิญญาณหญ้าใบหูปฐพีออกมาจากทะเลวิญญาณ
หลังจากปรับแต่งวิญญาณหญ้าใบหูปฐพี มันเติบโตขึ้นและดูมีชีวิตชีวาราวกับใบหูของพระพุทธเจ้า
ฟางหยวนกดวิญญาณที่เหมือนใบหูลงบนบาดแผลด้านขวาของศีรษะพร้อมกับส่งพลังวิญญาณเข้าไป
รากจำนวนมากเริ่มหยั่งลึกเข้าไปในบาดแผลของฟางหยวน
ความเจ็บปวดปะทุขึ้นอีกครั้ง!
ฟางหยวนรู้สึกราวกับไส้เดือนจำนวนมากกำลังชอนไชเข้าไปในสมองของเขา มันทั้งเจ็บปวดและน่าสะอิดสะเอียน
โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณจะใช้วิญญาณบางอย่างทำให้ตนเองรู้สึกชาเพื่อลดความเจ็บปวดในขั้นตอนนี้ แต่ฟางหยวนสามารถพึ่งพาเพียงเจตจำนงที่แข็งแกร่งของเขาเท่านั้น
ด้วยร่างกายของเด็กหนุ่ม มันทำให้ฟางหยวนเริ่มสูญเสียสติ
รากวิญญาณค่อยๆฝังลึกเข้าไปเป็นเหตุให้วิญญาณหญ้าใบหูปฐพียึดติดกับบาดแผลและกลายเป็นใบหูข้างขวาของฟางหยวน
ในที่สุดเลือดก็หยุดไหล แม้แต่บาดแผลก็ไม่ปรากฏให้เห็น
ใบหน้าของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นซีดขาว ความเจ็บปวดเริ่มลดลงแต่มันยังทรมานเขา
ขั้นตอนนี้เสร็จสิ้นแต่ฟางหยวนยังต้องปรับตัวให้คุ้นเคยกับใบหูใบใหม่
เขาเงยหน้าขึ้นขณะที่แสงจันทร์สาดส่องลงมาปะทะใบหน้าของเขา
ฟางหยวนขมวดคิ้วเมื่อเขามองเข้าไปในกระจกเพื่อพบว่าหูข้างขวาใหญ่กว่าหูข้างซ้ายสองเท่าและดูผิดปกติเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามเขายังรู้สึกพอใจ
เขาวางกระจกลงและใช้ผ้าขาวชุบน้ำอุ่นเช็ดคราบเลือดบนร่างกาย
เนื่องจากฟางหยวนไม่ได้สวมเสื้อผ้า เขาจึงสามารถทำความสะอาดร่างกายได้อย่างง่ายดาย เลือดบางส่วนไหลลงไปถึงปลายเท้าแต่ถูกดูดซับเอาไว้โดยผ้าขาวผืนหนา
หลังจากทำความสะอาดร่างกาย ฟางหยวนหยิบใบหูใบเดิมขึ้นมาจากโต๊ะ
เขาตะโกนเสียงเย็นอยู่ในใจและใช้ดาบแสงจันทร์ตัดทำลายใบหูข้างนั้นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ฟางหยวนโยนเศษชิ้นเนื้อลงไปในอ่างน้ำสีเลือด
หลังจากทั้งหมด ฟางหยวนล้มตัวนอนลงบนเตียงก่อนจะผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว