ตอนที่ 65 ด้านที่อ่อนแอของเธอ
ยังคงเป็นเวลาค่ำ
เจียงเฉินยืนอยู่หน้าประตูของเซียชียู ขณะที่เขากำลังจะคิดจะกดกระดิ่งแล้วเขาก็หยุดนิ้วของเขาไว้กลางคัน
[ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่เรามามันจะเป็นตอนกลางคืน...]
เขาส่ายหัวและผลักดันความคิดแปลกๆออกไปจากหัวขณะที่กดกระดิ่ง
แต่หลังจากที่รอสักครู่ไม่มีใครมาเปิดประตู
[ไฟเปิดอยู่ เธอควรจะอยู่บ้าน เธอโกรธที่เรามาดึกมากทุกครั้งหรือปล่าว?]
เจียงเฉินฝืนรอยยิ้ม มันไม่ได้มีเจตนาอะไรเลยแต่เวลาเลิกงานก็อยู่ช่วงนี้ เขาใช้เวลาช่วงบ่ายกับซันเจียวและเย้าเย้าก่อนที่เขาจะกลับมาสู่โลกของเขา หลังจากรับประทานอาหารเย็นกับพวกเขาแล้วเขาก็นำไดรฟ์ยูเอสบีไป เนื่องจากสำนักงานยังคงได้รับการปรับปรุงใหม่ พนักงงานก็มีเพียงแค่เซียชียูดังนั้นเธอจึงทำงานจากที่บ้าน
หลังจากที่ขบคิดหน้าประตูแล้วเจียงเฉินเกาศีรษะของเขา ตั้งแต่เขาอยู่ที่นี่แล้วมันก็ไม่เหมาะกับบุคลิกของเขาที่จะกลับไป เขาคิดถึงเรื่องนี้ก่อนเอาโทรศัพท์ออกมา
“โทรหาเบอร์ของเซียชียู”
“ได้ นายท่าน” โทรศัพท์โทรออกทันที
มันใช้เวลาไม่นานสำหรับเจียงเฉินเพื่อเคยชินกับการใช้ขาวน้อยที่ฉลาด เขาเพียงต้องขยับปากของเขาก็ทำให้ฟังก์ชันใดๆก็ตามบนโทรศัพย์ทำงานได้ทันที
โทรศัพท์เสียงดังขึ้นประมาณ 20 วินาทีก่อนที่มันจะมีคนรับสายในที่สุด
“สวัดดี?” เสียงอ่อนแอและแหบแห้งมาจากอีกด้าน
“คุณสบายดีไหม? ทำไมฟังดูเสียงคุณแปลกมากล่ะ?” เจียงเฉินรีบถามพร้อมกับขมวคิ้ว
“ไม่มีอะไร แค่กๆ ฉันรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย ขอโทษที่ฉันหลับไปและไม่ได้สังเกตเห็นการโทรหาของคุณ” เซียชียูได้แตะที่หน้าผากของเธอขณะที่เธอพูดด้วยความกำกวม
“ผมอยู่ข้างนอก เปิดประให้ผมหน่อย ผมจะพาคุณไปที่โรงพยาบาล” เจียงเฉินไม่ได้อยู่นอกห้องเพื่อการโต้แย้ง
“ทำไมคุณมาในเวลากลางคืนอีกล่ะ?” เสียงที่อ่อนแอของเซียชียูมีความสับสนและตื่นตัว
“น่านอนว่าผมจำเป็นต้องพูดคุยเกี่ยวกับบางอย่างกับคุณแต่อย่ากังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น ผมกังวลเกี่ยวกับสภาพของคุณ เปิดประตูให้ผมและหยุดถาม!” เจียงเฉินกล่าวอย่างกังวล
ถ้าเธอกลายเป็นหมดสติแล้วมันจะเป็นปัญหา
หลังจากที่ดูเหมือนจะรอนานหน่อยแล้วเสียงกระเพื่อมช้าๆก็สะท้อนออกมาจากอีกด้านของประตูและลูกบิดก็หมุน แต่เมื่อเจียงเฉินเห็นเซียชียูแล้วเธอก็กลัวเขา หน้าซีดของเธอก็ยังไม่เหมือนผู้หญิงที่เธอเป็น เธอดูอ่อนแอและเปราะบาง
“เกิดอะไรขึ้น!” เจียงเฉินทันทีจับไปที่เซียชียูที่กำลังล้มลง
เขาไม่ได้เห็นเธอแค่วันหนึ่งและเธอกลายเป็นคนป่วยอย่างนี้?
เซียชียูกัดริมฝีปากของเธอขณะที่เธอมองไปที่มือที่จับเธอไว้ เธอไม่ต้องการเปิดประตูเพราะเธอ “ใจอ่อน” มาก ถ้าเจียงเฉินมีแรงจูงใจอื่นๆแล้วก็ไม่มีอะไรที่เธอสามารถทำได้
แต่สิ่งที่เธอไม่ได้พิจารณาก็คือถ้าเขามีแรงจูงใจอื่นๆแล้วเธอจะใจอ่อนไม่ว่าสภาพของเธอจะเป็นอย่างไรก็ตาม
บางทีมันอาจเป็นแรงกระตุ้นแต่ความรู้สึกงงงวยของเธอทำให้เธอเสียสติเพื่อป้องกันตัวเองทำให้เธอเปิดประตู ช่วงเวลาที่เธอเห็นใบหน้าของเจียงเฉินเธอรู้สึกสงบ
“เหี้ย มันร้อน” เจียงเฉินแตะหน้าผากของเธอขณะที่อุณหภูมิสูงทำให้เขามือกระเด้งออก “ไม่ มีอะไรผิดพลาดแน่นอน! ผมจะพาคุณไปที่โรงพยาบาล”
“มันดึกมากแล้ว ฉันจะกินยาบางอย่างและนอนหลับให้มันผ่านไป” แม้ว่าเธอจะเกลียดคำหยาบแต่เธอก็ไม่มีพลังประชดเขา
“ไม่! ฟังผม” เจียงเฉินปฏิเสธเธอทันที ในภาวะตกใจแล้วเจียงเฉินก็อุ้มเธออย่างเจ้าหญิงและเดินลงบันได
เซียชียูค่อยกัดริมฝีปากของเธอและรู้สึกถึงความอบอุ่นรอบตัวขณะที่เธอพยายามหลีกเลี่ยงสายตา เธอคิดว่าเธอจะสู้กลับแต่สิ่งที่แปลกก็คือปฏิกิริยาแรกของเธอคือความสงบ
บางทีเธอไม่ได้ตระหนักว่าจิตใต้สำนึกเธอไม่ได้คิดเคลื่อนย้ายอย่างแข็งขัน ใบหน้าไม่มีอารมณ์เสมอเป็นเพียงการปลอมตัวที่ไม่ดีสำหรับตัวเอง เมื่อเจียงเฉินอุ้มเธอขึ้นอย่างเฉียบพลันแล้วมันทำให้หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้นและเธอรู้สึกกระวนกระวายใจ
หรือมันเป็นความรู้สึกของการรักษาความปลอดภัย?
ความรู้สึกแปลกๆเหมือนกันกลับมาอีกครั้ง...
เซียชียูปิดตาของเธอและเธอยังไม่ยอมรับมัน
-
เจียงเฉินอุ้มเซียชียูลงบันไดและไม่สนใจความรู้สึกแปลกๆและความห่วงใยของคนรอบตัว เขาเปิดประตูรถแล้วช่วยเซียชียูนั่งที่ผู้โดยสารและรัดเข็มขัดนิรภัยบนตัวเธอก่อนที่เข้าจะไปขึ้นรถ
“รถใหม่ของคุณ?” เซียชียูแทบไม่พิงเบาะรถขณะที่หน้าอกของเธอสูบขึ้นและลง
“Maybach S600 ของขวัญจากการซื้อบ้าน” เจียงเฉินตอบลวกๆและเริ่มสตาร์ทรถ
“…” บ้านแบบไหนที่จะให้รถเป็นของขวัญ? เซียชียูอยากรู้แต่ไม่ได้มีพลังที่จะถาม
“ผมบอกคุณแล้วว่าถ้าคุณรู้สึกไม่สบายให้โทรหาผม มองดูคุณตอนนี้” เจียงเฉินกล่าวขณะที่เขาหมุนพวงมาลัยรถ
“ฉันแค่กินยาบางอย่างแล้วก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง” แม้ว่าเสียงของเธอดูเหมือนจะไม่สนใจ แต่เธอก็รู้สึกอบอุ่นรอบๆหัวใจของเธอ
“ฮิฮิ คุณบอกว่านี่ไม่ต้องเป็นห่วงอย่างนั้นหรอ? คุณแทบหมดสติ! คุณอยู่คนเดียวและไม่มีใครดูแลคุณ ถ้าผมไม่มีเรื่องที่จะคุยกับคุณในวันนี้แล้วจะไม่มีใครรู้ถ้าคุณหมดสติ ร่างกายของคุณอาจจะเหม็นก่อนที่จะมีบางคนพบมัน” เจียงเฉินกล่าวอย่างรวดเร็ว
[คุณไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วหรอ?] เซียชียูบุ้ยปากแต่หยุดยั้งทั้งหมดทันที เธอรู้สึกประหลาดใจกับการกระทำดังกล่าว
[ดูเหมือนว่าไข้กำลังทำให้ฉันสับสน…]
เซียชียูค่อยๆสัมผัสหน้าผากของเธอและรู้สึกว่ามันร้อน
ทิวทัศน์กระพริบผ่านหน้าต่างรถขณะที่ความเงียบเกิดขึ้นในรถ แม้ว่าเขาจะเพิ่งได้รถแต่เขาก็ขับรถอย่างชำนาญ อาจจะเกี่ยวข้องกับการตอบสนอง 29 ของเขา แต่เพราะพวกเขาอยู่ในใจกลางเมืองแล้วมันก็ไม่ได้รวดเร็วขนาดนั้น
“ฉันป่วย ทำไมคุณต้องแคร์ด้วย?” หลังจากความเงียบอันยาวนานแล้วเซียชียูได้เปิดปากของเธอโดยฉับพลัน
“แน่นอนผมแคร์” ถ้าคุณป่วยแล้วใครจะทำงาน?
เจียงเฉินมักเชื่อมั่นในการเป็นผู้นำที่ขอให้คนอื่นทำสิ่งต่างๆ ถ้าเธอป่วยทำไมเขาถึงไม่เป็นห่วง?
อาจมีเหตุผลอื่นๆแต่เขายังไม่ได้คิดออก
แต่เซียชียูดูเหมือนจะตีความหมายเป็นอย่างอื่นแล้วความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้ง
บางทีอาจเป็นไข้ แต่ใบหน้าของเธอแดงอย่างผิดปกติ
เร็วๆนี้พวกเขามาถึงโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
เจียงเฉินจอดรถและรีบวิ่งไปที่อีกฟากหนึ่งเพื่อเปิดประตูแต่เมื่อเขาจะใช้ท่าทางเหมือนเดิมเพื่ออุ้มเซียชียูแล้วเธอหยุดเขา
“ฉันสามารถเดินด้วยตัวเองได้ คุณไม่จำเป็นต้องช่วยฉัน วิธีนี้ทำให้รู้สึกอายมากๆ” เซียชียูค่อยๆบีบคำพูดไม่กี่คำออกจากปากของเธอ ตอนนี้ใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด เจียงเฉินรู้สึกทึ่งในความงามของเธอ
ภายใต้สายตาที่เข้มข้นของเจียงเฉินแล้วเซียชียูรู้สึกลำบากแต่ก็รู้สึกว่ามีความภูมิใจบางอย่าง?
หลังจากที่เธอมองเขาอย่างสกปรกแล้วเซียชียูก็ลากเท้าหนักๆของเธอไปที่โรงพยาบาล
แต่ทำไมเขาถึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับ “ลาก” ฝีเท้าของเธอ เธอเดินแบบนี้อยู่แล้วหรอ? เธออาจจะเจ็บตัวก่อนที่เธอจะเข้าไปในโรงพยาบาลเพื่อดูว่าทำไมเธอป่วย
เจียงเฉินเดินเคียงข้างเธอและจับไปที่หญิงสาวปากแข็ง
แม้ว่าเธอจะต่อสู้กลับเล็กน้อยแต่เซียชียูรู้สภาพที่แท้จริงของเธอดังนั้นเธอจึงไม่ได้หยุดเจียงเฉิน เธอก้มศีรษะของเธอไว้และซ่อนความรู้สึกที่ไม่เป็นธรรมชาติของเธอใต้ผมของเธอ
พยาบาลปฏิบัติหน้าที่เห็นสภาพของเซียชียูและรีบเดินไปช่วยเธอ เจียงเฉินทิ้งเซียชียูไว้กับพยาบาลและไปที่แผนกต้อนรับเพื่อกรอกเอกสาร มันจะขึ้นอยู่กับแพทย์ในขณะนี้ในฐานะที่หมอรู้อะไรเกี่ยวกับยา
เอาจริงๆแล้วเขากังวลเกี่ยวกับสภาพของเซียชียู มันไม่ได้มีลักษณะเหมือนไข้หรือไข้หวัดธรรมดา บางทีอาจเป็นเพราะเธอล้มป่วยเพราะงานทั้งหมดที่เขาให้เธอหรือปล่าว? เจียงเฉินรู้สึกผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาซื้อบ้านแล้วเธอก็รู้สึกป่วยเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้พาเธอไปที่โรงพยาบาลทันที แทนที่เขาไปมีความสนุก...
[บางทีถึงเวลาที่จะควบคุมตัวเอง?]
เมื่อแขนของเขากดเข่าของเขาแล้วเขาก็เดินเข้าไปในความคิดลึกๆ
แม้ว่าจะเป็นห่วงแต่มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรอสักพัก เขานั่งบนเก้าอี้โรงพยาบาลแล้วรู้สึกเบื่อก่อนที่เขาจะเอาโทรศัพย์ออกมา
เขาตรวจสอบวีแชทของเขาเพื่อดูว่าหลิวเย้าส่งข้อความถึงเขาไหม สำหรับนักแสดงหญิงระดับสามแล้วเจียงเฉินก็มีความสุขกับการสนทนากับเธอ ถ้าเขาว่างแล้วเขาก็จะไปพบ แต่เขายุ่งเกินไปดังนั้นเขาจึงปฏิเสธคำเชิญที่ตรงไปตรงมา
ภาพยนตร์ที่เขาสัญญาไว้กับเธอจะเกิดขึ้นเนื่องจากเงินไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
อันที่จริงแล้วมันก็สนุกที่คุยกํบหญิงสาวคนนี้ ความรู้สึกผิดและความกังวลของเขาจางหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วทางโทรศัพท์
“สวัดดี ท่าน คุณเป็นสามีของมิสเซียชียูหรือปล่าว?” หมอผลักประตูเปิดออกและก็มาหาเจียงเฉิน
“ไม่ ผมกับเธอ...เอิ่มม เป็นเพื่อน” เจียงเฉินเก็บโทรศัพท์ไว้และยืนขึ้น
“มิสเซียชียูเพียงเป็นไข้ปกติแต่มันไม่ได้รับการรักษานานเกินไปดังนั้นอาการจึงเป็นเรื่องที่ร้ายแรงในขณะนี้ ผมขอแนะนำให้คุณไปที่แผนกต้อนรับและลงทะเบียนเข้าพักที่โรงพยาบาล” หมอตัดตรงไปยังจุดและส่งใบเรียกเก็บเงินไปยังเจียงเฉินเพื่อให้เขาไปที่หน้าต่างที่กำหนด
ทัศนคติที่ไม่เป็นทางการของแพทย์ทำให้เจียงเฉินยกคิ้วขึ้นแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เขาถือใบเก็บเงินและจ่ายค่าธรรมเนียมซึ่งรวมเป็นหนึ่งพันดอลลาร์ เขาฝืนยิ้มขณะที่เขาคิด คนธรรมดาไม่สามารถจ่ายได้ ผู้เยาว์หรือคนสำคัญต้องพักอยู่ที่โรงพยาบาลเช่นเดียวกับการใช้ยาราคาแพงที่สุด คุณต้องการปัญหาหรือไม่? คุณจะไปพบแพทย์หรือไม่? เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากที่นี่จึงไม่เคยขาดแคลนผู้ป่วย
เมื่อเทียบกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้ว ความต้องการด้านการศึกษาและการดูแลสุขภาพก็มั่นคงมากขึ้นและเชื่อถือได้ หากพวกเขาอยากจะเปลี่ยนภาครัฐให้เป็นภาคธุรกิจเอกชนกำไรที่แท้จริงอาจมากกว่าอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์
แม้ว่าตอนนี้เงินจะไม่มีความหมายอะไรกับเจียงเฉิน
จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในวอร์ดแล้วคว้าเก้าอี้นั่งข้างเตียงของเซียชียู
“ขอโทษที่ทำให้คุณลำบาก” ดวงตาของเซียชียูปิดลงครึ่งหนึ่งขณะที่เธอบีบประโยคผ่านริมฝีปากของเธอ
“ไม่มีปัญหา การดูแลพนักงานเป็นความรับผิดชอบของประธาน” เจียงเฉินโบกมือแล้วถามด้วยเสียงที่เป็นห่วง “คุณหิวไหม? บอกผมถ้าคุณต้องการกินอะไรบางอย่าง”
“การดูแลพนักงานอย่างงั้นหรอ?” เซียชียูไม่ตอบสนองต่อเจียงเฉินขณะที่เธอบ่นอยู่ใต้ลมหายใจ
“นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นคุณดูสับสนมาก” เจียงเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะที่เขาพูดประชด
เซียชียูเงียบก่อนที่เธอจะพูด “คุณไม่เคยเห็นมันมาก่อน”
“โอ้? พูดถึงเรื่องนี้ ผมอยากรู้ ถ้าคุณสวยมากแล้วทำไมคุณต้องทำใบหน้าเย็นชาตลอด?”
“…ฉันเหนื่อย” เซียชียูปิดตาของเธอและไม่สนใจคำถามของเขา
เจียงเฉินยิ้มขมแล้วยักไหล่และยอมแพ้ เขามองไปที่การหายใจปกติของเซียชียูตอนนี้และช่วยห่มผ้าให้เธอ จากนั้นเขาก็ถอนหายใจและเดินออกจากวอร์ด
[ดูเหมือนว่าเราจะต้องอยู่ที่นี่คืนนี้ มันน่าเป็นห่วงที่จะปล่อยให้เธออยู่คนเดียว]
เจียงเฉินเอาโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาอเยชา
“ผมมีบางสิ่งที่ต้องทำคืนนี้และจะไม่กลับไป คุณสามารถดูแลตัวเองได้ไหม?”
“อืมม ไม่ต้องห่วง ฉันอยู่ได้”
การตอบสนองนุ่มนวลและอ่อนโยนสะท้อนจากอีกด้านของโทรศัพท์ มันทำให้เจียงเฉินรู้สึกอบอุ่นภายใน
แม้ว่าหญิงสาวจะดูเย็นชากว่าเซียชียูเมื่อเธออยู่ข้างนอกแต่เมื่อใดก็ตามที่เธออยู่กับเจียงเฉินแล้วเธออ่อนโยนกว่าแกะ
"ราตรีสวัสดิ์"
"ราตรีสวัสดิ์" การออกเสียงเปลี่ยนไปทำให้เจียงเฉินรู้สึกประหลาดใจขณะที่รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
[นั่นคือภาษาจีน ดูเหมือนว่าเธอกำลังก้าวหน้า ผมหวังว่าวันที่ผมสามารถสื่อสารกับเธอในภาษาจีนได้จะมาอย่างรวดเร็ว มันยังคงแปลกที่จะคุยในภาษาอังกฤษ]
หลังจากโทรศัพท์แล้วเจียงเฉินยืดตัวของเขา เซียชียูนอนหลับแล้วดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องเตือนพยาบาลให้เปลี่ยนยาของเธอในเวลากลางคืน
เวลาในการค้นหากาแฟ
เจียงเฉินตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปในบริเวณที่พักของโรงพยาบาล