TXV – 108 รอยยิ้มของหลงบิง !
TXV – 108 รอยยิ้มของหลงบิง !
คนที่มาพบเซี่ยเหล่ยชื่อเค่อเจีย อายุประมาณ 27-28 ปี ตัวสูงใหญ่ ดูจากขนาดร่างกายแล้วเขาอาจจะเป็นทหาร คนธรรมดาทั่วไปไม่น่าจะมีหุ่นแบบนี้
เค่อเจีย ขับรถพาตัวเองและเซี่ยเหล่ยไปยังสนามบิน และพวกเขาก็ขึ้นเครื่องชั้นเฟิร์สคลาสเพื่อบินไปเมืองชิงตูด้วยกัน
เซี่ยเหล่ยและ เค่อเจีย พูดคุยกันเพียงแค่สามประโยคเท่านั้น
ประโยคแรกคือ ‘หลงบิงส่งตัวผมมา’
ประโยคที่สองคือ ‘เรียกผมว่า เค่อเจีย’
และประโยคสุดท้าย ‘เราไปกันเถอะ’
หลงบิงไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลและไม่ใช่คนไร้ความรู้สึก เธอเพียงแค่พูดน้อย ลูกน้องของเธอเองก็เช่นเดียวกัน
ขณะเครื่องบินกำลังบินขึ้นหัวใจของเซี่ยเหล่ยก็ค่อยๆเต้นช้าลงอย่างสม่ำเสมอ ก่อนหน้านี้เขาไม่เต็มใจที่จะเดินทางไปเมืองชิงตู แต่เขาคิดว่านี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เจอเซี่ยเสวีย น้องสาวของเขาที่มหาวิทยาลัยในเมืองชิงตูด้วย เขาเองก็ไม่ได้เป็นจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินนี้ ดังนั้นก็ถือซะว่านี่เป็นการเดินทางแบบฟรีๆ
“คุณเค่อ คุณมาหาผมทำไม?” เซี่ยเหล่ยเอ่ยถาม
เค่อเจีย หันมามองเซี่ยเหล่ย “ผมบอกคุณไม่ได้ ผมคิดว่าเจ้าหน้าที่หลงน่าจะมารับคุณที่สนามบินด้วยตัวเอง”
“เจ้าหน้าที่หลง?” นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยเหล่ยได้ยินคนอื่นๆเรียกตำแหน่งของหลงบิง เขาเริ่มจะรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา “เธอมีตำแหน่งอะไร?”
เค่อเจียไม่ปริปากพูดออกมา......
เซี่ยเหล่ยพยามยามพูดไกล่เกลี่ยให้เขายอมบอก
“บอกผมมาเถอะ เรื่องนี้จะมีแค่ผมกับคุณเท่านั้นที่รู้ ผมไม่เอาไปบอกเธอหรอก”
เซี่ยเหล่ยได้รับเพียงความเงียบกลับมา เขายังคงปิดปากเงียบ
“คุณเรียกเธอว่าเจ้าหน้าที่ แน่นอนว่าตำแหน่งของเธอคงจะไม่ใช่ตำแหน่งเล็กๆ เธอสามารถทำให้เจียงหยูยี่ขึ้นมาเป็นหัวหน้าสถานีตำรวจได้ แต่จริงๆแล้วเธอมีตำแหน่งอะไรกันแน่?”
นี่ไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะสามารถคาดเดาคำตอบได้ เป็นเพราะว่าในกองทัพ แต่ละตำแหน่งงานจะมีการเรียกที่แตกต่างกันไป ทหารทั่วๆไปจะถูกเรียกว่าเจ้าหน้าที่ แต่เมื่อดูจากอายุของหลงบิงแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะดำรงตำแหน่งระดับสูงในแวดวงทางการเมือง นั่นก็เหลือเพียงแค่อย่างเดียวก็คือตำแหน่งระดับสูงในแวดวงการทหาร จากพฤติกรรมและทัศนคติของเธอมันแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นทหารมืออาชีพ!
“เธอเป็นนายพลหรือเปล่า? เช่นพวกพลตรีหรืออะไรทำนองนั้น?” เซี่ยเหล่ยถามออกมาหลังจากพยายามครุ่นคิดอย่างหนักและส่ายหน้า “ถ้าผมเดาผิดแล้วมันผิด ผมจะยอมเสียเซลล์สมองของผมไปเปล่าๆทำไมกันเนี่ย เอาเวลาส่วนนี้ไปคิดผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทยังดีซะกว่า !”
ปัญหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ของอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้า เซี่ยเหล่ยคิดเรื่องนี้มาเป็นร้อยๆครั้ง และเขาก็คิดออกมาได้หลากหลายไอเดีย เช่น ผลิตอุปกรณ์ออกกำลังกาย แต่ถ้าผลิตภัณฑ์นี้ไม่ได้รับการรับรองจากกรมอนามัยก็เป็นเรื่องยากมากที่จะขายได้ ผลิตอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ แต่ถ้าเขาใช้วัสดุที่ไม่ได้คุณภาพมากพอ บริษัทเขาก็จะด้อยกว่าบริษัทอื่นๆและยิ่งไปกว่านี้ ตลาดด้านนี้ก็มีความอิ่มตัวแล้ว ผลิตเครื่องมือด้านการแพทย์ การผลิตสินค้าเช่นนี้ ถ้าหากไม่ได้เซ็นสัญญาซื้อขายกับทางโรงพยาบาล ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะขายได้…
ดูเหมือนอะไรๆมันจะยากไปซะหมด
ทันใดนั้นสายตาของเซี่ยเหล่ยก็เลื่อนไปยังจอโทรทัศน์ในห้องเครื่อง ในจอนั้นกำลังปรากฏภาพโฆษณาอันหนึ่ง
ทะเลสาบที่ถูกห้อมล้อมด้วยภูเขาและมีนกน้ำกำลังโผบิน มีคนๆหนึ่งกำลังเล่นกระดานโต้คลื่นอย่างสนุกสนานอยู่ในทะเลสาบนั้น และในภาพนั้นก็ปรากฏข้อความหนึ่งขึ้นมา สายรัดอุปกรณ์โต้คลื่นอัตโนมัติเค่อเหวินจะช่วยให้คุณมีความสุข บริษัทนอส์ซ ยินดีเสนอให้กับคุณ
เซี่ยเหล่ยตื่นตกใจ เขาจำได้ว่าสิ่งนี้เป็นสิทธิบัตรของหลิวหยิงที่กู๋เค่อเหวินได้แย่งชิงไป แต่บริษัทนอส์ซของตระกูลกู๋ในโฆษณานั้น มูลค่าทางการตลาดของพวกเขามีมากพอๆกับโครงการโรงไฟฟ้าพลังลม พวกเขาต่างเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้วยกันทั้งคู่
ถ้ากู๋เค่อเหวินไม่แย่งสิทธิบัตรของเธอไปอย่างป่าเถื่อน หลิวหยิงก็คงไม่ต้องไปอยู่ออสเตรเลีย เขาจะมีหุ้นอยู่ใน ไนท์มูฟสปอตอีควิชเมนต์ถึง 20% และได้รับกำไรจากสินค้าใหม่ตัวนี้ แต่กู๋เค่อเหวินกลับแย่งชิงทั้งหมดนี้ไปอย่างหน้าไม่อาย
โฆษณาสายรัดอุปรณ์กระดานโต้คลื่นอัตโมนมัติยังคงออกอากาศต่อไปและเปลี่ยนไปเป็นโฆษณาอื่น แต่ในหัวของเซี่ยเหล่ยในขณะนี้กำลังจดจำแบบพิมพ์เขียวของกระดานโต้คลื่นอัตโนมัตอย่างรวดเร็ว ตาซ้ายของเขาทำให้เขาสามารถมองเห็นรายละเอียดเล็กๆได้อย่างชัดเจนแม้ว่าจะเป็นการเว้นวรรคเล็กๆก็ไม่มีข้อยกเว้น!
ในความเป็นจริงแล้ว อุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าเองก็สามารถกระดานโต้คลื่นอัตโนมัติเช่นนี้ได้ แต่การจะทำแบบนั้นมันเป็นการละเมิดกฏหมาย และเมื่อบริษัทของเขาถูกฟ้องร้องโดย บริษัทนอส์ซ นั่นก็หมายความว่าบริษัทของเขาจะต้องล้มละลายลงอย่างแน่นอน ดังนั้นแม้ว่าการผลิตกระดานโต้คลื่นอัตโนมัตินี้จะนำมาซึ่งผลกำไรมหาศาล แต่เซี่ยเหล่ยก็ไม่กล้าที่จะผลีผลามผลิตมันออกมา
เมื่อถึงเวลาเย็นเครื่องบินก็ลงจอดที่สนามบินนานาชาติของเมืองชิงตู เซี่ยเหล่ยเดินออกมาจากสนามบินกับ เค่อเจีย พวกเขายืนรออยู่หลายนาที ไม่มีรถของกองทัพมารับเขา มีเพียงแค่หลงบิงที่นั่งอยู่ในรถเท่านั้น แม้ว่าเธอจะมองเห็นเซี่ยเหล่ยแต่สีหน้าของหน้าก็ไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ใดๆ
เค่อเจีย ยืนอยู่ต่อหน้าหลงบิงแต่ไม่ได้กล่าวทักทายเธอ
หลงบิงพูด “คุณกลับไปที่เมืองห่ายจูซะ นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ !”
“ครับ” เค่อเจีย ตอบและหันหลังกลับเดินตรงไปยังสนามบิน
เซี่ยเหล่ยเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างๆคนขับและพูด
“ความจริงแล้วคุณให้ เค่อเจีย นำวัสดุไปให้ผมก็ได้ ทำไมต้องให้ผมมาที่นี่?”
หลงบิงหันไปมองเซี่ยเหล่ย
“มีอยู่สองเหตุผล อย่างแรกคือมีใครบางคนอยากเจอคุณ และอย่างที่สอง ฉันมีเรื่องบางอย่างให้คุณช่วย”
เซี่ยเหล่ยพูดอย่างงงงวย “เรื่องของผมมันจะสำคัญขนาดนี้เลยหรอ?”
หลงบิงพยายามอธิบายให้เซี่ยเหล่ยฟัง....
“นี่มันไม่ชัดเจนตรงไหน คุณให้ชิ้นส่วนอุปกรณ์กับฉันและฉันได้ไปติดต่อเพื่อขอให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์และให้คำตอบกับคุณ ฉันให้คนไปคอยสังเกตการณ์สือจิงชิว ฉันจะคอยรายงานให้คุณรู้ความเคลื่อนไหวโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
“นี่มันก็มากพอแล้ว” เซี่ยเหล่ยถาม “ใครอยากเจอผม? คุณต้องการให้ผมช่วยเรื่องอะไร?”
“เราจะยังไม่คุยกันในตอนนี้ อย่างแรกคือต้องไปที่บ้านฉันก่อน” หลงบิงพูด
“ไปบ้านคุณงั้นหรือ?” เซี่ยหล่ยคาดไม่ถึงว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้
หลงบิงยังคงขับรถต่อไปเงียบๆ เธอไม่ได้คิดคำตอบสำหรับเรื่องนี้เอาไว้
ภายนอกกระจกรถเป็นภาพของตึกสูงมากมาย รถยังวิ่งอยู่เต็มถนน เมืองชิงตูพลุกพล่านกว่า เมืองห่ายจูมาก เซี่ยเหล่ยรู้สึกแปลกใหม่กับที่นี่เพราะเขาเพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก แต่ทัศนียภาพของเมืองหลวงก็ไม่ได้มีอะไรมากมายไปกว่าตึกสูงๆ ไม่กี่นาทีถัดมาเขาก็คิดได้ว่าที่นี่มันก็ไม่ได้มีอะไรความหมายมากมายสักเท่าไหร่ เมื่อเขาเริ่มรู้สึกเบื่อจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อจะโทรหาเซี่ยเสวีย แต่เขาคิดว่าเธออาจจะกำลังเรียนอยู่และเขาจะโทรไปรบกวนเธอ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจส่งข้อความไปแทน..............
‘น้องเสวีย พี่มาทำงานที่เมืองชิงตูและอาศัยอยู่ที่บ้านของหลงบิงชั่วคราว ถ้าว่างแล้วช่วยโทรกลับมาหาพี่และพาพี่ชายคนนี้ไปเยี่ยมชมเมืองหลวงหน่อยสิ’
เมื่อได้มาเมืองชิงตูทั้งที แน่นอนว่าเขาก็อยากไปเที่ยวกับน้องสาว
“คุณกำลังส่งข้อความหาเซี่ยเสวียงั้นหรือ?” หลงบิงพูดทำลายความเงียบขึ้นมา
“อืม ผมอยากไปเจอเธอ” เซี่ยเหล่ยตอบ
“คุณเพิ่งมาเมืองชิงตูเป็นครั้งแรก รู้สึกว่ามันเป็นยังไงบ้างล่ะ?”
“อืม สองข้างทางมีร้านค้ามากมาย และอากาศก็ไม่บริสุทธิ์” เซี่ยเหล่ยพูด
“ฮ่าๆ” ทันใดนั้นหลงบิงก็หัวเราะ !
“คุณหัวเราะอะไร?”
“ไม่มีอะไรหรอก” หลงบิงหยุดหัวเราะและหุบยิ้มของเธอ
เซี่ยเหล่ยมองหน้าเธอและถามออกไป
“ความจริงแล้วคุณดูดีมากนะตอนคุณยิ้ม แต่ทำไมถึงชอบทำหน้าตาเบื่อโลกตลอดเวลา?”
หลงบิงหันกลับมามองเซี่ยเหล่ย “เมื่อวานนี้ก็มีคนพูดกับฉันคล้ายๆกับที่คุณพูดเลย”
“ฮะ?” เซี่ยเหล่ยยิ้ม “ใครพูดแบบนั้นกับคุณ?”
“น่าจะเป็นผู้จัดการชาวต่างชาติของบริษัทสักแห่งหนึ่ง เขายังเด็ก มีเสน่ห์และยังมีการศึกษาสูงมากอีกต่างหาก” หลงบิงพูด
“ฮ่าๆ” เซี่ยเหล่ยหัวเราะ “ถ้าเขาพูดแบบนี้ก็แปลว่าเขาสนใจคุณน่ะสิ ทำไมคุณไม่ตอบกลับเขาไปล่ะ?”
หลงบิงหันไปมองเซี่ยเหล่ย “การพูดแบบนั้น…หมายความว่าผู้ชายกำลังสนใจผู้หญิงงั้นหรือ?”
ทันใดนั้นเซี่ยเหล่ยก็รู้ว่าเขาพลาดไปแล้ว เขายิ้มอย่างอึดอัดใจ
“ผมสัญญาว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ผมพูดแบบนั้นเพราะเห็นว่าคุณยิ้มแล้วมันดูดีกว่าจริงๆ”
หลงบิงหันหน้าหนีและพูดอย่างเฉยเมย “คุณอยากจะรู้ว่าฉันตอบเขาไปว่ายังไงใช่ไหม?”
“ใช่ คุณตอบเขาไปว่ายังไง?”
“ฉันต่อยหน้าเขาและให้เขาคุกเข่าอยู่บนพื้นเป็นเวลาห้านาที !” หลงบิงพูด
เซี่ยเหล่ยอึ้งอย่างพูดไม่ออก
เธอเป็นคนมีเสน่ห์และน่าดึงดูดใจ แต่เธอจะหาคนมาแต่งงานด้วยได้หรือไม่? ลึกๆแล้วเซี่ยเหล่ยเองก็รู้สึกกังวลกับเรื่องนี้
ทันใดนั้นเสียงข้อความเข้าก็ดังขึ้น
เซี่ยเหล่ยส่งข้อความกลับมา
‘พี่ ฉันกำลังคิดถึงอยู่พอดีเลย ฉันรู้ว่าบ้านของพี่หลงอยู่ที่ไหน พรุ่งนี้เป็นวันหยุดสัปดาห์พอดี ฉันจะไปหาพี่นะ ฉันจะพาพี่ไปเที่ยวในเมืองนี้เอง’
เซี่ยเหล่ยส่งข้อความกลับไปหาเธอ
‘ดีมาก เจอกันวันพรุ่งนี้นะ’
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง หลงบิงได้ขับรถเข้าไปในเขตชุมชน อพาร์ตเม้นแถวนี้ไม่ได้เป็นตึกสูงเสียดฟ้า ไม่ได้เป็นตึกห้าชั้น แต่เป็นวิลล่าที่บ้านแต่ละหลังจะตั้งอยู่ห่างไกลกัน วิลล่าเหล่านี้ดูเหมือนจะมีอายุประมาณ 40-50 ปี เมื่อผ่านประตูรั้วเข้าไป ภายในเป็นสวนหย่อม มีการปลูกพืชประดับและดอกไม้อย่างสวยงาม ที่นี่ดูเหมือนหมู่บ้านเล็กๆมีถูกล้อมรอบด้วยประตูรั้วซึ่งแตกต่างจากเมืองห่ายจูอย่างเห็นได้ชัด
เซี่ยเหล่ยถามอย่างสงสัย “มีแต่คนรวยๆเท่านั้นที่จะซื้อที่ดินที่นี่ได้ นี่มันแพงมากใช่ไหม?”
ภายในซอยมีร่มเงาของต้นไปปกคลุมไปตลอดทาง คนที่เดินเล่นอยู่ข้างๆถนนต่างก็ทักทายหลงบิง ทำให้เซี่ยเหล่ยเกิดความสงสัย นี่มันค่อนข้างแปลกมาก
ก่อนที่จะมาถึงวิลล่าหมายเลข 17 หลงบิงก็พูดกับเซี่ยเหล่ยเหล่ย
“ที่นี่เป็นบ้านของฉัน”
อาคารสูงสองชั้น ประดับด้วยแผ่นกระเบื้องสีเทาและอิฐสีแดง ในสวนเล็กๆก่อนจะถึงประตูบ้านมีการปลูกดอกกุหลาบไว้เป็นจำนวนมาก มีทั้งสีแดง ชมพู ขาว มีแม้กระทั่งสีม่วง
“คุณชอบดอกกุหลาบงั้นหรือ?” เซี่ยเหล่ยถามยิ้มๆ “คุณดูไม่เหมือนผู้หญิงโรแมนติคเลยนะ”
หลงบิงหันไปมองเซี่ยเหล่ยและพูด “นี่เป็นสวนดอกไม้ของแม่ฉัน”
“แม่ของคุณ…เธออยู่ที่นี่กับคุณด้วยไหม?” เซี่ยเหล่ยรู้สึกแปลกๆ เขาพูดเรื่องที่ไม่สมควรพูดขณะมาบ้านหลงบิง เขาแค่รู้สึกกังวลเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขามาพักในบ้านคนอื่น นี่เป็นพฤติกรรมที่ได้ค่อยดีนัก
หลงบิงเงียบไปและมีท่าทางซึมลงเล็กน้อย “แม่และพ่อของฉันทั้งคู่เสียชีวิตในสนาบรบ”
“ขอโทษจริงๆ ผมไม่รู้เรื่องนี้…”
“ไม่เป็นไรหรอก เข้ามาข้างในสิ” หลงบิงเดินเข้าไปในบ้าน
เซี่ยเหล่ยเดินตามเธอเข้าไป
มีชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามาหาหลงบิง เมื่อเขามองเห็นหลงบิงที่เดินนำเซี่ยเหล่ยเข้ามาในบ้าน รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอย่างฉับพลัน และเขาก็พูดด้วยสำเนียงปักกิ่งว่า
“นี่คือคนรักของคุณหลงงั้นหรือ? ผมเพิ่งเคยเห็นเขาเป็นครั้งแรกเลยนะ เข้ามาในบ้านก่อนสิ ผมจะทำอาหารอร่อยๆให้คุณทาน”
หลงบิงหันไปมองชายชราคนนั้น “ลุงเฉินเขาเป็นคนที่ฉันกำลังร่วมงานด้วย ไม่ใช่คนรักของฉัน”
เซี่ยเหล่ยยิ้มและก้มหัวเล็กน้อยให้ชายชราเพื่อเป็นการทักทาย เขาทำเพียงแค่ยืนรอและไม่ได้พูดอะไร หลงบิงก็พาเขาผ่านประตูเข้าไป
ชายชราที่ชื่อเฉิน มองตามคนทั้งคู่ไป และยิ้มไปพลาง
“นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเธอพาผู้ชายมาที่บ้าน เพื่อนร่วมงานงั้นหรือ? ใครจะไปเชื่อกันล่ะ”
ติดตามตอนต่อไป......