TXV 107 – อันตรายกำลังคืบคลาน !
TXV 107 – อันตรายกำลังคืบคลาน !
งานเลี้ยงช่วงเย็นผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหยี่ยนเหวินเฉียนถูกจับกุมโดยบริษัทเหวี้ยนเทียน ส่วนซู่หลางก็ถูกลงโทษทางวินัยไปด้วย ซึ่งบทลงโทษของทั้งสองคนถือว่าร้ายแรงมาก ซู่หลางรับโทษแทบปางตายส่วนเหยี่ยนเหวินเฉียนก็สูญเสียชื่อเสียงของเขาไปมาก....
ถ้าเป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่เซี่ยเหล่ย เหยี่ยนเหวินเฉียนและซู่หลางก็คงไม่ย่ำแย่แบบวันนี้
เหมือนกับสุภาษิตที่ว่า เมื่อทำชั่วแล้ว ความชั่วก็จะอยู่ติดตัวไปตลอดไปจนตาย....
สุภาษิตนี้คงจะเหมาะกับทั้งสองคนเป็นที่สุด
เรื่องนี้ไม่ได้มีอิทธิพลใด ๆต่อเซี่ยเหล่ยเลย เขาไปทำงาน เลิกงานตามปกติ เวลาทำงานก็ไปเป็นประธานเซี่ยดูแลบริษัท เวลาเลิกงานก็ไปเรียนหวิงชุนกับหลางซือเหยา คิดต่อว่าจะทำให้บริษัทอาชาสายฟ้าร่ำรวยขึ้น มีเงินเดือนให้พนักงาน ซึ่งเซี่ยเหล่ยคิดได้ว่าจะทำผลิตภัณฑ์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทอาชาสายฟ้า สุดท้ายแล้วก็เปลี่ยนใจ เขาคิดว่ามันคงจะเป็นเรื่องยากที่บริษัทเล็กๆจะคิดค้นผลิตภัณฑ์ของตัวเองและมันก็ยังยากที่จะก้าวกระโดดไปไกลได้อย่างรวดเร็ว.....
จนถึงตอนนี้ เซี่ยเหล่ยก็ยังไม่ได้รับสายสือจิงชิวที่โทรมาแทบนับครั้งไม่ถ้วน แม้ว่าเขาจะรู้ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่นัก
ความแตกต่างเป็นเอกลักษณ์ทำให้เขารู้สึกดีใจที่แผนเรื่องซูเปอร์มาร์เก็ตดำเนินไปอย่างราบรื่นดี สินค้าที่จัดจำหน่ายฉิงเสวียงก็ดูแลได้ดี หลังจากที่จับทางการขายสินค้าของซูเปอร์มาร์เก็ตอื่นๆได้แล้ว ทั้งเรื่องราคา วิธีการจัดทำบัญชี ความสัมพันธ์ต่อลูกค้า การเจรจาซื้อขาย สินค้าหลายชิ้นก็กำลังจะได้รับการเซ็นสัญญาซื้อขายในระยะยาว ผู้ซื้อหลายรายยังบอกอีกว่าเรื่องจ่ายค่าสินค้าไม่ใช่ปัญหา เพียงหนึ่งเดือนให้หลังก็สามารถจ่ายได้แล้ว ทั้งยังต้องการสร้างความร่วมมือระยะยาวที่ดีกับบริษัทอีกด้วย
ฉิงเสวียงเจรจาซื้อขายกับลูกค้า เซี่ยเหล่ยเซ็นสัญญา ลงประทับตราอย่างเป็นทางการ คนงานตกแต่งภายในเริ่มทำงานอย่างเต็มรูปแบบ ติดตั้งลิฟต์ ปูพื้นกระเบื้อง ติดตั้งโคมไฟ จอมอนิเตอร์และอื่น ๆ บริษัทอาชาสายฟ้ายังมีเงินไม่มากก็จริง แต่การทำซูเปอร์มาร์เก็ตก็จำเป็นต้องใช้เงิน
การซ่อมแซมซูเปอร์มาร์เก็ตนั้นไม่ได้ซับซ้อนอะไร การทำความสะอาดใช้เงินและเวลาไม่มาก ปูพื้นกระเบื้องและหลังคาก็เสร็จเรียบร้อย กลุ่มผู้จัดจำหน่ายต่างรีบเข้าไปจับจองพื้นที่ทำเลดีในซูเปอร์มาร์เก็ตกัน สินค้าบางอย่างจะต้องมีภาษีเพิ่มเติมและซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้ยังต้องการพนักงานขายเพิ่มในร้านอีกด้วย
เซี่ยเหล่ยทำงานสำคัญของตัวเองจนแทบจะลืมสือจิงชิวไปแล้ว...
ครึ่งเดือนต่อมา
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง......
ประทัด 100,000 นัดดังขึ้นบนทางเดิน ตามด้วยกลุ่มควันลอยตัวฟุ้ง เศษกระดาษจากประทัดปลิวกระจายไปทั่ว ตอนนี้ซูเปอร์มาร์เก็ตเหม่ยตี้เหม่ยแห่งบริษัทอาชาสายฟ้าได้เปิดตัวแล้วเรียบร้อย
ไม่มีแขกพิเศษมาร่วมงานนี้ด้วย มีเพียงกลุ่มผู้จัดจำหน่ายและบริษัทอาชาสายฟ้าเท่านั้น แต่ภาพรวมดูคึกคัก เพราะไม่ได้มีพิธีที่ทางการมากเท่าไหร่ ทางเข้าเต็มไปด้วยกลุ่มลูกค้าที่รอเข้าไปซื้อของ ซึ่งลูกค้าเหล่านั้นเป็นคนในชุมชนใกล้ๆกว่าหลายร้อยคน และสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจของบริษัทอาชาสายฟ้า วันนี้ลูกค้าทุกคนจะได้รับส่วนลดพิเศษ 20%
ซูเปอร์มาร์เก็ต เหม่ยตี้เหม่ยขายสินค้าของแท้ในราคาที่ชวนซื้อ ยกตัวอย่างเช่นนมเหมิงโย่วที่อื่นจะขาย 60 หยวน แต่ที่นี่จะขายเพียง 48 หยวน ซึ่งประหยัดไป 12 หยวน ใครจะไม่ซื้อกันล่ะ? สิ่งที่สำคัญคือลูกค้าที่เข้าซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ใช่กลุ่มวัยรุ่น แต่เป็นคนรุ่นคุณลุงคุณป้าที่ต้องดูแลบ้าน ถ้าเป็นของที่ประหยัดเพียง 20 เซ็นต์ ต่อให้ต้องเดินทาง 500 เมตรมาที่นี่เพื่อไปซื้อพวกเขาก็ยอมทำ
สำหรับการเปิดครั้งแรกของซูเปอร์มาร์เก็ตเหม่ยตี้เหม่ยเมื่อเทียบกับของถูกที่อื่นแล้ว พวกลูกค้าก็พร้อมใจจะเป็นลูกค้าประจำระยะยาวของที่นี่ แต่เพราะซูเปอร์มาร์เก็ต เหม่ยตี้เหม่ยไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเช่าที่ จึงสามารถสู้ราคาได้เต็มที่กว่าที่อื่น ดังนั้นเมื่อที่นี่เปิดตัวแล้วก็จะเติบโตแซงหน้าซูเปอร์มาเก็ตอื่นๆได้เร็วกว่ามาก
หลังจากงานตัดริบบิ้นจบลง พนักงานของซูเปอร์มาร์เก็ตก็เปิดประตูให้ลูกค้าเข้ามา นั่นยิ่งทำให้ดูคึกคักมากขึ้นไปอีก
เมื่อมองภาพที่น่าพึงพอใจตรงหน้าแล้ว เซี่ยเหล่ยก็ยิ้มออกได้ทันที “ทุกอย่างไปได้สวยเลยนะแต่ชื่อเหม่ยตี้เหม่ยซูเปอร์มาร์เก็ตนี่มัน......”
ฉิงเสวียงขัดเซี่ยเหล่ย “ไม่ใช่ว่าคุณเป็นคนทำให้ผมมีอำนาจและความรับผิดชอบเต็มที่แบบนี้หรอกเหรอ? ผมชอบชื่อนี้นะ ผมอยากใช้ชื่อนี้”
เซี่ยเหล่ยพูดต่อพร้อมรอยยิ้ม “ผมไม่ได้บอกสักหน่อยว่าชื่อนี้ไม่ดี แต่มันทำให้ผมนึกถึงร้านทำผมของคุณน่ะสิ”
ฉิงเสวียงอ่านป้ายโฆษณาตรงทางเข้าซูเปอร์มาร์เก็ต ก่อนที่สีหน้าเขาจะเปลี่ยนเป็นเศร้าอย่างชัดเจน “ให้ชื่อนี้เป็นที่ระลึกถึงร้านของผมเถอะครับ อย่างน้อยมันก็เป็นตัวแทนของอดีตของผม”
ถ้าเซี่ยเหล่ยไม่ยื่นมือเข้ามาช่วย ตอนนี้เขาก็คงใช้ชีวิตไปวันๆตามการควบคุมของฮวงยี่หู่ แม่ของเขาไม่มีเงินมากพอสำหรับการทำเคมีบำบัด วันนั้นมันแย่มากๆสำหรับเขา แต่ถึงจะแย่ยังไง มันก็คืออดีตของเขา อดีตของชีวิตที่ไม่มีวันลบออกไปได้
“ตอนนี้คุณป้าดีขึ้นบ้างมั้ย?” เซี่ยเหล่ยถาม
ฉิงเสวียงกล่าว “การรักษาครั้งแรกผ่านไปด้วยดี ทุกอย่างดูดีมาก หมอบอกว่าหลังจากที่เนื้องอกเธอเล็กลงแล้ว ก็จะทำการผ่าตัดได้”
เมื่อเซี่ยเหล่ยได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออก “งั้นก็ดีเลยสิ ไปเยี่ยมคุณป้ากันเถอะ”
“อืม” จู่ๆฉิงเสวียงก็นึกบางอย่างออก “จริงๆผมมีอะไรให้คุณช่วยหน่อย”
เซี่ยเหล่ยรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “คุณพูดถึงสือจิงชิวอยู่ใช่มั้ย?”
ฉิงเสวียงพยักหน้า “ช่วงนี้ ผมให้เอ๋หลานช่วยจับตาดูเธอเอาไว้ แต่ช่วงเย็นผมจะคอยดูเธอเอง คืนก่อน เธอก็ปกติดี ตอนเช้าไปทำงานปกติเลิกงานก็ออกไปซื้อของ บางครั้ง ตอนเย็นๆเธอจะไปพบผู้ชายคนหนึ่ง แต่เมื่อคืนเธอขับรถไปที่ที่หนึ่ง คุณรู้มั้ยว่าที่ไหน?”
เซี่ยเหล่ยส่ายหัว “ไม่เลย เธอไปที่ไหน?”
ฉิงเสวียงกล่าว “เธอไปที่ สำนักงานเกตเตอร์ลิ่ง”
เซี่ยเหล่ยทึ่งกับสิ่งที่ได้ยิน สำนักงานเกตเตอร์ลิ่งมันเป็นของตระกูลกู๋ สือจิงชิวจะไปที่ สำนักงานเกตเตอร์ลิ่ง ทำไมตอนนั้น ?
“เธอไปในช่วงเวลาที่ลับตาผู้คนประมาณ 4 ทุ่มน่ะ” ฉิงเสวียงกล่าว “ผมว่ามันผิดปกติแล้วนะ”
เซี่ยเหล่ยพูดต่อ “คุณเจออะไรอีกมั้ย?”
ฉิงเสวียงยักไหล่ “คุณรู้มั้ยว่า สำนักงานเกตเตอร์ลิ่งอยู่ที่ไหน ? หลังจากที่เธอขับไป ผมก็ไม่กล้าตามไปอีก เธอคุยกับใครสักคนในสำนักงานเกตเตอร์ลิ่งเหมือนจะคุยอะไรกันสักอย่างแต่ผมจับใจความไม่ได้เลย”
ตระกูลกู๋เป็นตระกูลที่พวกอันธพาลตั้งขึ้น แข็งแกร่ง มีคนรักษาความอย่างเข้มงวด คนระดับฮวงยี่หู่ก็เทียบไม่ได้ ตระกูลกู๋สามารถสั่งให้ฮวงยี่หู่ฆ่าตัวตาย จากนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เซี่ยเหล่ยพูดแทรกขึ้นมาว่า “คุณทำถูกแล้วล่ะที่ไม่ได้เข้าไปในที่ของตระกูลกู๋ เราควรพอแค่นี้แหละ ไม่ต้องตามเธอไปอีกแล้วนะ”
ฉิงเสวียงพูดต่อด้วยความกังวลเล็กน้อย “สือจิงชิวน่ะเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวทีเดียว ผมแนะนำคุณนะ อย่าไปยุ่งกับเธอเลย ซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นธุรกิจ ปีหนึ่งจะได้เงินกี่ล้านนั่นไม่ใช่ประเด็น ยังไงเงินทั้งหมดก็ไปเป็นโบนัสให้พวกพนักงานหรืออะไรทำนองนั้นอยู่ดี คุณเข้าใจในสิ่งที่ผมจะสื่อมั้ย?”
“ผมเข้าใจ ผมจะบริหารให้ดี ผมเข้าใจนะว่าคุณยุ่ง” เซี่ยเหล่ยยังคงคิดเรื่องสือจิงชิวอยู่ในใจ ทำไมเขาไม่รู้ แต่ตอนนี้เซี่ยเหล่ยรู้สึกถึงกลิ่นอันตรายลางๆแล้ว
“ดี งั้นเอานี่คืนไป”
“อะไร?”
เมื่อเซี่ยเหล่ยมองไปยังมือของฉิงเสวียงอย่างคาดไม่ถึงว่าในมือของเขาจะเป็นกระเป๋าเงินของตัวเอง!
“ถ้าอยากเรียน ผมสอนให้คุณได้นะ” ฉิงเสวียงวางกระเป๋าเงินลงในมือเซี่ยเหล่ยก่อนจะหมุนเอวบางเดินจากไป
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ส่ายหัวเบาๆ “เขาจะจำที่บอกว่าจะสอนวิธีขโมยของได้มั้ยนะ? แล้วเราต้องเรียนเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย? จริงๆเลย......”
กลับมาที่ออฟฟิศ หลางซือเหยาไม่ได้อยู่ที่นั่น เซี่ยเหล่ยนั่งลงหน้าโต๊ะ และนั่งมองดูเอกสารที่สือจิงชิวเคยนำมาให้ เขานั่งครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วหยิบเอาโทรศัพท์ออกมาโทรหาหลงบิง
“คุณหลง มีเรื่อง......”
“ปัง ปัง ปัง!” ทันทีที่เธอรับสาย ก็มีเสียงปืนดังขึ้นสามครั้ง
เซี่ยเหล่ยตกใจแล้วรีบพูดด้วยความกังวล “เกิดอะไรขึ้น? คุณเป็นอะไรมั้ย?”
ตามด้วยเสียงหลงบิงดังออกมาจากโทรศัพท์ “ฉันไม่เป็นไร ฉันซ้อมยิงปืนน่ะ”
เมื่อได้ยินคำถาม เซี่ยเหล่ยก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก
“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ” หลงบิงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ “แล้ว มีเรื่องอะไรเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับ “คุณรู้จักผู้หญิงที่ชื่อสือจิงชิวมั้ย?”
“ฉันรู้ว่าเธอเป็นเลขาฯของหนิงเหยี่ยซานหัวหน้าของบูรพาอุตสาหกรรมนี่คือเรื่องที่จะถามเหรอ ?”
“ใช่ เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอเจอผม บอกว่าเธออยากร่วมงานกับผมน่ะ แล้วเธอก็ให้......” เซี่ยเหล่ยเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นคร่าวๆให้เธอฟัง “เธออยากให้ผมไปทำงาน ไปให้เธอ แต่ผมไม่รู้ว่าต้องใช้อะไรบ้าง อีกอย่างคือเพื่อนผมเพิ่งเห็นเธอไปที่ สำนักงานเกตเตอร์ลิ่ง ของตระกูลกู๋เมื่อคืนนี้ ผมเลยเป็นห่วงเรื่องนี้นิดหน่อย คุณช่วยดูให้หน่อยได้มั้ยว่าเธอให้องค์ประกอบที่ผมทำไปรึเปล่า แล้วผมควรทำยังไงกับเรื่องนี้ต่อ?”
หลงบิงเงียบไปพักหนึ่ง แล้วถามขึ้น “คุณกังวลเรื่องอะไรอยู่?”
เซี่ยเหล่ยตอบ “ผมกำลังกังวลว่าองค์ประกอบพวกนั้นจะเหมือนกับที่ใช้กับกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนหรือใช้กับทางกองทัพ ผมอยากรู้ว่าเธอจะให้ผมผลิตชิ้นส่วนที่มีความแม่นยำสูงไปทำไม ?”
เรื่องนี้จะต้องมีลับลมคมในอะไรบางอย่างแน่ !
หลงบิงกล่าวอย่างสุขุมว่า “คุณสร้างชิ้นส่วนความแม่นยำสูงเสร็จแล้วส่งมาให้ฉันได้มั้ย?”
“ผมถ่ายรูปแล้วส่งอีเมลไปให้คุณทางโทรศัพท์ดีมั้ย?” เซี่ยเหล่ยกล่าว หลงบิงคิดอยู่พักหนึ่ง “คุณเอามาส่งให้ฉันกับมือได้มั้ย?”
“หา?” เซี่ยเหล่ยแปลกใจ “ส่งให้กับมือ?”
หลงบิงกล่าว “บางทีโทรศัพท์มือถือของคุณอาจจะถูกสอดแนมอยู่ก็ได้ ถ้าคุณส่งอีเมลมา ก็คงไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ แต่ถ้ามาส่งให้กับมือ จะเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดที่ยากจะสอดแนมการส่งข้อมูลได้”
“นี่......” ตอนนี้เซี่ยเหล่ยเริ่มรู้สึกว่าเขาคิดผิดแล้วที่โทรมาหาหลงบิง บริษัทเริ่มทำงานแล้ว ซูเปอร์มารฺเก็ตก็เปิดแล้ว ถ้าผู้บริหารไปเมืองอื่นเพื่อเรื่องสำคัญแบบนี้ แล้วใครจะดูแลที่นี่แทนเขา?
“คิดดีๆนะ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย คุณเข้าใจนะ” ท่าทีของหลงบิงตอนนี้ดูรุนแรงขึ้นกว่าเดิม
เซี่ยเหล่ยถอนหายใจ “ก็ได้ แค่นี้นะ มีคนเข้ามาในออฟฟิศผม”
หลังจากตัดสายไป หลางซือเหยาก็เดินผ่านประตูเข้ามา พร้อมกับถุงช็อปปิ้งขนาดใหญ่สองถุงในมือ มีทั้งผัก เนื้อ เครื่องปรุงหลากชนิด ซึ่งเป็นของกินทั้งหมด
“ถูกมากเลยนะ ฉันยังอยากซื้อเองเลย แทบถือมาไม่ได้แหน่ะ ก็กะว่าจะโทรมาให้คุณไปช่วยถืออยุ่หรอก” หลางซือเหยาพูดด้วยท่าทางร่าเริง
“ทำไมซื้อผักมาเยอะขนาดนั้นล่ะ?”
“ซื้อมาเตรียมอาหารให้คุณไง” หลางซือเหยาพูดพร้อมรอยยิ้ม “ฉันกับพ่ออยากให้คุณไปทานข้าวด้วยกัน วันนี้กลับบ้านกับฉันนะ เราจะจัดงานเลี้ยงฉลองกัน ฮิฮิ แค่คิดก็มีความสุขแล้ว”
เซี่ยเหล่ยฝืนยิ้มออกมา “วันนี้ผมกลัวว่าจะไม่ว่างน่ะสิ หลงบิงอยากให้ผมไปหาที่ชิงตูผมกะจะบอกคุณพอดี ขอโทษที่ช่วงนี้ทิ้งปัญหาไว้ให้คุณดูแลตลอดเลยนะ”
“คุณจะไปเมืองชิงตูทำไม?”
“คุณก็รู้ว่าผมสงสัยสือจิงชิวอยู่ ผมโทรไปหาหลงบิงไม่กี่นาทีก่อนนี่เอง เธอบอกว่าเรื่องนี้ร้ายแรงพอควร เลยอยากให้ผมเอา......” เซี่ยเหล่ยเล่าเรื่องคร่าวๆ
หลางซือเหยาถอนหายใจ “โชคร้ายจังนะ ฉันซื้อของมาทำอาหารตั้งเยอะ พ่อฉันอยากให้ฉันทำอาหารเสียด้วยสิ ถ้ากินหมดนี่ต้องตายแน่ๆเลย อา!” เธอพูดขึ้นกะทันหัน “แย่จัง ฉันโทรไปหาฉิงเสวียงขอคืนของพวกนี้ดีกว่า”
คำพูดนี้ทำเอาเซี่ยเหล่ยได้นิ่งจนพูดออกไม่ได้จริงๆ
ติดตามตอนต่อไป..........