ตอนที่แล้วTXV – 102 ลูกของเรา !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTXV 104 – ฤทธิ์ยา !

TXV –  103 คนสกปรก !


TXV –  103 คนสกปรก !

 

          โต๊ะขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้องโถงของงานเลี้ยงที่กลุ่มบูรพาอุตสาหกรรมเป็นเจ้าภาพ เมื่อเซี่ยเหล่ยเดินตามสือจิงชิวยังห้องโถงใหญ่ เขาเห็นแขกผู้ทรงเกียรติมากมายที่จับกลุ่มคยกันอย่างมีชีวิตชีวา บนเวทีมีนักดนตรีกำลังบรรเลงเพลงสบายๆเพื่อสร้างบรรยากาศในงานเลี้ยงค่ำคืนนี้

 

          เซี่ยเหล่ยพยายามมองไปรอบๆบริเวณห้องโถงเขาเห็นใบหน้าที่คุ้นตามากมายเช่น หนิงเหยี่ยซาน หนิงจิง ซู่เจิงยี่  ซู่หลาง เหยี่ยนเหวินเฉียน และหู่ฮั่ว เขาไม่เห็นเฉินตู เทียนหยินอยู่ในห้องโถงนี้เลยเขารู้สึกแปลกใจมาก ‘ทั้งๆที่รถของเธอจอดอยู่ที่นี่ ทำไมตัวเธอถึงไม่อยู่ที่ห้องโถงล่ะ ?’       

 

          “นั่งก่อนนะ” สือจิงชิวเดินนำเซี่ยเหล่ยไปที่โต๊ะอาหารแล้วพูดว่า “เดี๋ยวฉันมา !”

 

          ที่โต๊ะอาหารมีแขกมากหน้าหลายตามานั่งอยู่ที่โต๊ะจำนวนมากซึ่งเซี่ยเหล่ยไม่รู้จักพวกเขาเหล่านั้นเลย เขาดึงเก้าอี้ตัวที่สือจิงชิวออกมาและเขาก็นั่งเก้าอี้ตัวนั้น......

 

          สือจิงชิวพูดเบาๆว่า “หลังจากกินอาหารเสร็จ เรามาเต้นรำด้วยกันนะ”

 

          “พ่อตาและสามีของคุณอยู่ในงานเลี้ยงนี้ด้วยไม่ใช่หรอ ? คุณไม่กลัวว่าพวกเขาจะไม่พอใจหากคุณมาเต้นรำกับผม ?” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          สือจิงชิวพูดเบาๆอีกครั้งว่า “มันก็แค่การเต้นรำ ฉันไม่ได้ไปมีอะไรกับคุณซะหน่อย ทำไมเขาถึงจะไม่พอใจล่ะ ? และอีกอย่างฉันก็ไม่ได้สนใจพวกเขาด้วย”

 

          เซี่ยเหล่ยรู้สึกลำบากใจเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ก็ได้”

 

          ในขณะนั้นนักดนตรีก็หยุดการเล่นดนตรีบนเวทีทันทีและมีจอ LCD ขนาดยักษ์กำลังฉายภาพเกี่ยวกับบริษัทเหวี้ยนเทียนและโรงไฟฟ้าพลังงานลม ในวิดีโอนี้แสดงให้เห็นทะเลสีครามกับชายหาดที่ขาวสะอาดผนวกกับกังหันลมนับไม่ถ้วนที่กำลังหมุนไปตามแรงลมและมีหญิงสาวแสนสวยยืนอยู่ท่ามกลางชายหาด หญิงสาวคนนี้หันมามองที่กล้อง ขณะที่ผมเธอพริ้วไหวไปตามแรงลม กระโปรงและชุดสีขาวที่เธอใส่มันช่างเหมาะกับฉากทะเลนี้ซะจริงๆ…..

 

          ดวงตาของเซี่ยเหล่ยเหมือนต้องมนต์สะกดไว้หน้าจอนั้น ใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นเขารู้ได้ทันทีเลยว่าไม่ใช่นักแสดงหรือนางแบบที่ไหนแต่เป็นประธานของกลุ่มบริษัทเหวี้ยนเทียนนั่นก็คือ ‘เฉินตู เทียนหยิน’

 

          เซี่ยเหล่ยไม่สามารถละสายตาออกจากจอได้ คลื่นแห่งความสุขกำลังชะโลมจิตใจของเขาอยู่….

 

          “เหล่ย ฉันรู้ว่าคุณเคยช่วยชีวิตของเฉินตู เทียนหยินไว้” สือจิงชิวพูดต่อว่า “ทำไมคุณไม่ลองขอความช่วยเหลือจากเธอล่ะเธออาจจะช่วยคุณก็ได้เป็นการตอบแทนที่คุณเคยช่วยชีวิตเธอไว้ก็ได้นะ ลองดูสิ ! โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมของบริษัทเหวี้ยนเทียนยังไม่เสร็จสมบูรณ์แต่มีนักธุรกิจหลายคนกำลังจะขอซื้อหุ้นจากโครงการนี้ ฉันคิดว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่มั่นคงและมีกำไรในระยะยาว ฉันก็อยากซื้อนะแต่ว่าฉันไม่ได้สนิทสนมอะไรกับเธอ”

 

          “ทำไมคุณไม่ซื้อหุ้นเหล่านี้ในตลาดหลักทรัพย์ล่ะ ?” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          “สิ่งที่คุณกำลังพูดถึงอยู่นั้นเป็นหุ้นส่วนเล็กๆของโครงการนี้เท่านั้น ใครอยากได้หุ้นเหล่านี้กันล่ะ ฉันกำลังพูดถึงหุ้นที่มีคุณค่ามากที่สุดของโครงการนี้ฉันจะพาคุณไปคุยกับเฉินตู เทียนหยินเพื่อต่อรองและขอซื้อหุ้นจากเธอได้ไหม ?” สือจิงชิวกล่าว

 

          “ไปถามเธอเองสิถ้าคุณต้องการมัน ผมไม่ได้สนิทสนมกับเธอมากมายขนาดนั้น” เซี่ยเหล่ยกล่าวแบบไม่สนใจใยดีกับสิ่งที่สือจิงชิวกำลังพูด

 

          สือจิงชิวถอนหายใจออกมา “เฮ้อ...คุณไม่อยากสร้างรายได้ให้ตัวคุณเองหรอ ?”

 

          เซี่ยเหล่ยเฝ้าดูหน้าจอโดยไม่ขยับสายตาไปไหนเฉินตู เทียนหยินหันกลับมามองกล้อง รอยยิ้มอันสดใสของเธอสะกดเซี่ยเหล่ยไว้….. จากนั้นมีตัวหนังสือปรากฏใต้ภาพ : รักธรรมชาติ พลังงานลม เราจะเดินหน้าไปด้วยกัน

 

          เมื่อวีดีโอหยุดลงเสียงปรบมือจากแขกผู้ร่วมงานดังขึ้น….

 

          เซี่ยเหล่ยก็ปรบมือใช่กันเขากำลังคิดในใจว่า ‘การวางแผนธุรกิจที่แยบยลโดยการใช้พลังงานธรรมชาตินั่นก็คือพลังงานลมจะเป็นผลดีต่ออนาคตอย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าสิ่งดีๆแนวนี้จะถูกวางแผนโดยคนแบบ เฉินตู เทียนหยิน เท่านั้น’

 

          การลงทุนมูลค่านับพันล้านคงจะมีแต่คนแบบเธอเท่านั้นแหละที่สามารถทำได้

 

          เสียงปรบมือดังออกมาจากทางเข้าห้องโถง เซี่ยเหล่ยหันไปเห็นเฉินตู เทียนหยินกำลังเดินเข้ามาพร้อมบอดี้การ์ด

 

          หนิงเหยี่ยซานลุกขึ้นและไปยืนต้อนรับเธอ

 

          แขกทุกคนที่อยู่ที่นี่ปรบมือและให้เกียรติแก่เฉินตู เทียนหยินในตอนนี้เธอเป็นเหมือนเจ้าหญิงที่มาเยี่ยมชมผู้คนอย่างอบอุ่น….

 

          เซี่ยเหล่ยยืนเช่นกัน ไม่ใช่เพราะว่าเขาให้เกียรติแก่เฉินตู เทียนหยินแต่เนื่องจากทุกคนยืนขึ้นจนหมดถ้าเขานั่งอยู่ที่โต๊ะเพียงคนเดียวมันคงจะดูไม่เหมาะสม

 

          “ฉันต้องไปทำธุระบางอย่างก่อนนะเดี๋ยวฉันจะกลับมานั่งกับคุณในตอนหลัง” สือจิงชิวพูดกับเซี่ยเหล่ยก่อนที่เธอจะเดินไปหาเฉินตู เทียนหยินและหนิงเหยี่ยซาน เธอคือเลขาส่วนตัวของหนิงเหยี่ยซาน ดังนั้นเธอต้องทำหน้าที่ของเธอให้ดีที่สุด......

 

          เฉินตู เทียนหยินและหนิงเหยี่ยซานขึ้นไปบนเวที หลังจากที่วกเขาได้กล่าวขอบคุณแขกร่วมงานแล้ว งานเลี้ยงก็เริ่มไปโดยปริยาย…….แต่สือจิงชิวไม่ได้กลับมาหาเซี่ยเหล่ยเธอปล่อยให้เขารอเก้ออยู่ที่โต๊ะ

 

          ‘ดูเหมือนว่าหนิงเหยี่ยซานจะเชิญเรามาที่นี่เพื่อจะได้รับประทานอาหารเย็นอย่างเดียว ? ’ รอบยิ้มแปลกประหลาดปรากฏขึ้นที่มุมปากของเซี่ยเหล่ย เขาอยากใช้โอกาสนี้ในการทำความรู้จักกับลูกค้าที่เก่งและมีเงินลงทุนเยอะแต่ดูเหมือนว่าความหวังนั้นจะสูญหายไปแล้ว

 

          ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นเมื่อเซี่ยเหล่ยอ่านข้อความนั้นจากหน้าจอมันเป็นข้อความที่ส่งมาจากหนิงจิง : เหล่ยทำไมคุณถึงมางานนี้  ? ฉันเห็นคุณนั่งอยู่คนเดียว ?

 

          เซี่ยเหล่ยมองไปยังทิศทางที่เขามองเห็นหนิงจิงก่อนหน้านี้ เธอกำลังมองมาที่เขาอยู่ ทั้ง 2 คนได้สบตากัน หนิงจิงได้ส่งยิ้มให้กับเซี่ยเหล่ย....

 

          เซี่ยเหล่ยพยักหน้าตอบกลับไปหลังจากเห็นรอยยิ้มของเธอ

 

          ดูเหมือนว่าเหยี่ยนเหวินเฉียนจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างเมื่อเขานั่งอยู่โต๊ะเดียวกับหนิงจิง เมื่อเขาไปมองยังทิศทางที่หนิงจองมองไปเขาก็เห็นเซี่ยเหล่ยนั่งอยู่อีกฟากหนึ่ง สายตาของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก

 

          ซู่หลางนั่งอยู่ข้างๆเหยี่ยนเหวินเฉียน เมื่อเขาเห็นเซี่ยเหล่ย เขาเอียงตัวไปข้างๆเหยี่ยนเหวินเฉียนเพื่อกระซิปอะไรบางอย่าง

 

          ทั้งสองคนนี้กำลังคุยอะไรกันนะ ? ทันใดนั้นเซี่ยเหล่ยก็ใช้ตาซ้ายของเขาจ้องมองไปที่เหยี่ยนเหวินเฉียนและซู่หลางเพื่อเริ่มอ่านปากของพวกเขา

 

          “ทำไมเซี่ยเหล่ยถึงมาอยู่ที่นี่ ?” ซู่หลางกล่าวด้วยน้ำเสียงดูถูกว่า “ผู้ประกอบการกระจอกๆจะมาร่วมรับประทานอาหารเย็นสุดพิเศษในครั้งนี้ได้ยังไง ลุงหนิงคิดอะไรอยู่เนี๊ย ? ผมคิดว่าเขาคงไม่ได้ตรวจสอบรายชื่อผู้ร่วมงานแน่ๆ”

 

          รอยยิ้มอันน่าขยะแขยงของเหยี่ยนเหวินเฉียนพูดออกมาว่า “เขาอาจจะขอร้องให้ประธานหนิงเชิญเขามาเพื่อติดต่อกับลูกค้าที่มีเงินลงทุนจำนวนมากเพราะว่าเขาไม่มีปัญญาหาลูกค้าด้วยตัวเองยังไงล่ะ เขาจึงต้องให้ลุงหนิงมาช่วย !”

 

          “ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แต่เขาทำให้ผมรู้สึกไม่สบอารมณ์ซะเลย” ซู่หลางกล่าว

 

          เหยี่ยนเหวินเฉียนพูดด้วยเสียงต่ำ “มันเป็นเหมือนแมลงวันที่สกปรก ผมก็เกลียดมันเหมือนกัน เรามาหาอะไรทำสนุกๆกันเถอะ ผมจะทำให้มันอับอายขายขี้หน้าต่อทุกคนในห้องโถงแห่งนี้”

 

          “ได้เลย มีความคิดดีๆมั้ยล่ะ พี่เหยี่ยน ?”

 

          เหยี่ยนเหวินเฉียนกระซิปข้างใบหูของซู่หลาง “ผมจะไปบอกหนิงจิงว่าจะไปชวนเซี่ยเหล่ยมาดื่มไวน์กับเรา จากนั้นผมจะรินไวน์ลงในแก้วอีกใบพร้อมกับใส่อะไรบางอย่างให้เขาดื่ม !”

 

          ซู่หลางพยักหน้า “ผมเข้าใจแล้ว ว่าแต่คุณจะให้เขาดื่มอะไร ?”

 

          “Kamsutram oil (ยาปลุกอารมณ์)”

 

          ซู่หลางพยักหน้า “เข้าใจแล้ว ว่าแต่คุณพวกของแบบนี้ด้วยหรอ ?”

 

          “นี่แหละความสนุก ! อย่าพูดมากไปกว่านี้ !” ขณะที่เหยี่ยนเหวินเฉียนพูด เขาหันไปมองหนิงจิงจากหางตา

 

          หนิงจิงยังก้มหน้าจากความเขินอาย..โดยไม่เห็นเลยว่าเหยี่ยนเหวินเฉียนกำลังมองเธออยู่

 

          “เอาล่ะ เป็นความคิดที่ดีเลย ผมรอไม่ไหวแล้วที่จะเห็นไอ้เศษสวะนั้นทำตัวบ้าๆออกมาในงานแห่งนี้ ฮ่าฮ่า….” ซู่หลางหัวเราะออกมา

 

          เหยี่ยนเหวินเฉียนยิ้มออกมาหลังจากที่คุยกับซู่หลางเสร็จแล้ว เขาเอียงตัวไปข้างๆหนิงจิงแล้วพูดว่า “หนิงจิงผมเห็นคุณเซี่ยนั่งอยู่คนเดียวและไม่มีใครคุยกับเขาเลย พวกเราไปเชิญเขามานั่งโต๊ะเดียวกับเราไหม เราจะได้รู้จักกันมากขึ้นและจะได้ดื่มไวน์พร้อมกันอย่างมีความสุข”

 

 

          มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหนิงจิง “คุณกำลังใส่หน้ากากหาเขาอยู่รึปล่าว ?”

 

          “เรื่องมันผ่านมาตั้งนานแล้ว ผมลืมมันไปหมดแล้วล่ะ ! ไปเถอะผมอยากทักทายเขาได้กล่าวขอโทษเขาด้วยเราจะได้เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไง” เหยี่ยนเหวินเฉียนกล่าว

 

          “ตกลง ฉันจะไปชวนเขามานั่งดื่มไวน์กับเรา” หนิงจิงลุกขึ้นและเดินไปหาเซี่ยเหล่ย

 

          เซี่ยเหล่ยถอนหายใจออกมาเงียบๆ หนิงจิงช่างไร้เดียงสาและไม่รู้อะไรเลยแต่เขาสามารถบอกเธอได้อย่างบริสุทธิ์ใจเลยว่าเธอก็ไม่ชอบเหยี่ยนเหวินเฉียนเลย แต่เธอไม่สามารถทำอะไรได้เนื่องจากพ่อแม่ของเธอบีบบังคับตัวเธออยู่

 

          ‘เหยี่ยนเหวินเฉียนมี Kamsutram oil เราไม่รู้หรอกว่าเขากำลังจะคิดวางยาชนิดนั้นให้เรากินหรือจะใช้ยานั้นกับหนิงจิง เซี่ยเหล่ยรู้สึกผิดหวังที่หนิงจิงให้ความเชื่อใจกับคนอย่างมัน !’

 

          หนิงจิงเดินมาด้วยรอยยิ้มที่เบิกบานและมีความสุข “เหล่ย เรื่องบังเอิญเนอะที่เรามาเจอกันในงานนี้ คุณอ่านข้อความที่ฉันส่งให้คุณแล้วรึยัง ?”

 

          “ผมอ่านแล้ว สวัสดีครับคุณหนิง” ขณะที่เซี่ยเหล่ยพูดเขาหันไปหาเหยี่ยนเหวินเฉียน ปรากฏว่าเขาหายไปจากโต๊ะแล้ว……

 

          ใต้โต๊ะตัวนั้น….เหยี่ยนเหวินเฉียนดึงขวดยาเล็กๆออกมาจากกระเป๋าจากนั้น ซู่หลางส่งไวน์แดงให้เหยี่ยนเหวินเฉียนใต้โต๊ะ เหยี่ยนเหวินเฉียนเริ่มเทยาลงในแก้วแล้วผสมกับไวน์แดงแล้วค่อยๆบรรจงเขย่าแก้วให้ยากับไวน์ผสมรวมกัน

 

          เซี่ยเหล่ยหันหน้าไปที่แก้วใบนั้นที่อยู่ในมือเหยี่ยนเหวินเฉียน จากนั้นเขาเลิกความสามารถจากตาซ้ายแล้วผ่อนคลายร่างกายของเขา

 

          “มานั่งกับผมสิ เราไม่เจอกันตั้งนานแล้วนะผมมีเรื่องคุยกับคุณเยอะเลย” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          “เหยี่ยนเหวินเฉียนคงไม่ได้สำคัญมากกว่าผมใช่มั้ย ?” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          “ปล่าว ปล่าว เขาเชิญให้คุณไปนั่งโต๊ะเดียวกับเขา เขาบอกว่าจะขอโทษคุณเรื่องที่ผ่านมาด้วย” หนิงจิงกล่าว

 

          “อ๋อ….ผมก็ลืมไปแล้วล่ะ เรามานั่งที่โต๊ะนี้ด้วยกันดีกว่า ผมมีเรื่องคุยกับคุณเยอะเลย” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          หนิงจิงมองไปยังเหยี่ยนเหวินเฉียนด้วยความอึดอัด เธอกำลังรู้สึกอะไรบางอย่างที่เธออึดอัดใจมานานแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอหายไปทันทีหลังจากที่เธอหันไปมองเหยี่ยนเหวินเฉียน

 

          เซี่ยเหล่ยไม่สามารถช่วยอะไรหนิงจิงได้ทำได้เพียงพูดปลอบใจเธอ “พี่หนิง ผมไม่ได้ว่าคุณนะแต่คุณไม่ชอบเหยี่ยนเหวินเฉียนมากๆใช่มั้ยล่ะ ?  คุณดูไม่มีความสุขเลยเมื่ออยู่ใกล้ๆเขา”

 

          น้ำตาเริ่มปริ่มดวงตาของหนิงจิง “คุณก็รู้ว่าฉันไม่ชอบเขาเลยแต่พ่อแม่ของฉันรักเขามาก ฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลย ดังนั้น….ฉัน…..”

 

          เซี่ยเหล่ยยืนขึ้น “เอาล่ะ ผมจะไปกับคุณที่โต๊ะนั้น !”

 

          หนิงจิงยิ้มออกมาอีกครั้ง “จริงหรอ ?”

 

          เซี่ยเหล่ยเดินไปพร้อมกับหนิงจิง “พี่หนิงผมขอพูดอะไรสักหน่อยนะ คุณมีชีวิตเป็นของตัวเองไม่ใช่ว่าพ่อแม่ของคุณจะมาบังคับคุณได้ตลอด คุณจะใช้ชีวิตครึ่งหนึ่งไปกับน้ำตาเหรอ ? คุณสามารถเลือกอนาคตของตัวเองได้ !”

 

          หนิงจิงจิบริมฝีปากตัวเองแล้วพยักหน้าเล็กน้อย

 

          เซี่ยเหล่ยถอนหายใจอีกครั้งแล้วพูดว่า “ผมช่วยคุณไม่ได้มากนักหรอกที่เหลือคุณต้องพึ่งพาตัวเองด้วยนะ”

 

          ติดตามตอนต่อไป……..

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด