ตอนที่แล้วTXV –  101 อย่าส่งเสียงดังสิ !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTXV –  103 คนสกปรก !

TXV – 102 ลูกของเรา !


TXV – 102 ลูกของเรา !

          มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับบริษัทเล็กๆแห่งหนึ่งที่จะต้องคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทตัวเองและยังต้องพึ่งพาบริษัทอื่นโดยการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ให้กับพวกเขาควบคู่กันไปด้วย ในการแข่งขันทางอุตสาหกรรม การพึ่งพากลุ่มอุตสาหกรรมประเทศจีนอาจช่วยแก้ปัญหาเรื่องการอยู่รอดของบริษัทได้เพียงชั่วคราวแต่มันไม่มีความหวังที่จะได้ขยายธุรกิจออกไปให้กว้างกว่านี้ ถ้าหากถึงวันที่กลุ่มอุตสาหกรรมประเทศจีนไม่ต้องการตัวเซี่ยเหล่ยอีกต่อไปแล้ว อาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปเองก็คงจะต้องถูกปิดตัวลง เซี่ยเหล่ยรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงต้องการจะมีสินค้าเป็นของตัวเองเพื่อจะได้มีจุดยืนในตลาด แต่มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะทำได้สำเร็จ ทั้งตัวเขาและหลางซือเหยาช่วยกันระดมความคิดทั้งวันจนหมดเวลาทำงานแล้วพวกเขาก็ยังไม่ได้ความคืบหน้าอะไร

 

          “ไปที่บ้านของฉันหน่อยนะ พ่ออยากกินอาหารที่คุณทำ” หลางซือเหยาบอกเซี่ยเหล่ยหลังจากเลิกงาน “และช่วงนี้ดูเหมือนคุณจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นนะ ฉันอยากลองทดสอบฝีมือคุณดู”

 

          “ได้สิ ผมอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีใครสนใจอยู่แล้วถ้าผมไม่ได้กลับบ้าน..” เซี่ยเหล่ยพูด

 

          “คุณน่าจะหาแฟนมาดูแลชีวิตของคุณได้บ้างแล้วนะ”

 

          “ผมยังไม่เคยคิดเรื่องนั้นหรอก” เซี่ยเหล่ยพูด ภาพของ เฉินตู เทียนหยินปรากฏขึ้นในหัวของเขาอีกครั้งอย่างไม่มีสาเหตุ และเขาก็ไม่รู้ว่าทำไม

 

          “ไปกันเถอะ ฉันจะขับเอง” หลางซือเหยายื่นมือออกมา “เอากุญแจรถมาให้ฉัน”

 

          เซี่ยเหล่ยส่งกุญแจรถให้เธอและพูดว่า “ผมจะซื้อรถให้คุณตอนที่เรามีเงินแล้ว”

 

          หลางซือเหยาชะงักไปครู่หนึ่ง “ซื้อรถให้ฉันทำไม?”

 

          “ผมจำเป็นต้องมีเหตุผลที่จะซื้อรถให้คุณด้วยงั้นหรือ?” เซี่ยเหล่ยพูด

 

          หลางซือเหยาเขินและเธอยิ้ม “ฉันไม่ใช่คนเรื่องมากหรอกนะ ถ้าคุณซื้อให้ฉันจะยอมรับไว้ก็แล้วกัน”

 

          พวกเขาพูดคุยและหยอกล้อกันตลอดทางที่เดินลงบันไดไปยังลานจอดรถ

 

          พนักงานสองสามคนที่ทำงานเสร็จแล้วกำลังเดินไปยังโรงอาหาร พวกเขาทั้งหมดยังเป็นเด็กวัยรุ่น เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของเด็กๆเหล่านั้นดังมาจากไกลๆ

 

          ทันใดนั้นหลางซือเหยาก็นึกเรื่องบางอย่างออก “ใช่แล้วล่ะ คนงานที่เรารับเข้ามาเพิ่งจบจากโรงเรียนมัธยมและพวกเขายังเป็นแค่วัยรุ่น ฉันคิดว่าเราควรจะพูดคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัย มันไม่ดีแน่ถ้าเราเจอปัญหา”

 

          “เราไม่ได้พูดคุยกับพวกเขาไปแล้วหรอกหรือ? ผมมอบหมายให้ผู้ดูแลเวิกค์ช็อปจูเสี่ยวหง หยางเปินฉ่ายและ หลิวเสวียบิงพูดคุยกับพวกเขาและช่วยตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเขาได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ด้านความปลอดภัย คนงานจะต้องถูกลงโทษถ้าหากพวกเขาไม่ทำตามกฏด้านความปลอดภัยของที่ทำงาน”

 

          หลางซือเหยาตีเซี่ยเหล่ย ท่าทางของเธอแปลกไป

 

          “ฉันไม่ได้หมายถึงปัญหาด้านความปลอดภัยแบบนั้น”

 

          เซี่ยเหล่ยแปลกใจ “แล้วเรามีปัญหาด้านความปลอดภัยเรื่องอะไรต้องระวังล่ะ?”

 

          หลางซือเหยากลอกตา “คุณนี่มันทึ่มจริงๆเลย ฉันกำลังหมายถึง…หมายถึงความปลอดภัยระหว่างชายหญิง”

 

          เซี่ยเหล่ยไม่รู้ว่าเขาควรรู้ยังไงกับเรื่องนี้

 

          หลางซือเหยาพูดต่อ “ลองคิดดูสิ คนงานของเราทั้งหมดยังเด็กและเรารับพวกเขามาจากโรงเรียนมัธยมและมหาวิทยาลัย พวกเขาทำงานด้วยกัน อยู่หอเดียวกัน…ต้องมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นใช่ไหมล่ะ? ความรักในที่ทำงานและชีวิตความเป็นอยู่ไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่ถ้าพวกเขาไม่ป้องกัน ถ้าพวกเขาเกิดท้องขึ้นมามันต้องไม่ดีแน่ พวกเขายังไม่พร้อมที่จะเป็นพ่อคนแม่คน”

 

          เซี่ยเหล่ยหัวเราะออกมาเสียงดัง “นี่มันซับซ้อนจริงๆสินะ ผมไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เรื่องนี้มัน…”

 

          หลางซือเหยาพูดขัดขึ้นก่อนเซี่ยเหล่ยจะพูดจบ “ห้ามถามฉันนะ คุณต้องรับผิดชอบเรื่องนี้เอง”

 

          เซี่ยเหล่ยพูดอย่างเก้อเขิน “ผม ผมยังไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้นี่”

 

          “ฮะ? คุณ…” หลางซือเหยาแปลกใจและรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของเธอ

 

          “คุณยัง…แบบนั้นใช่ไหม?”

 

          “ฮะแฮ่ม” เซี่ยเหล่ยหลบตาหลางซือเหยา “ดังนั้นคุณต้องเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้”

 

          แก้มของหลางซือเหยาแดงขึ้นอีกครั้ง “ฉันเองก็ไม่มีประสบการณ์เหมือนกัน”

 

          พวกเขาทั้งสองคนต่างมองหน้ากันและเกิดบรรยากาศแปลกๆระหว่างเขาทั้งสองคน

 

          คนสองคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องการป้องกันจะสามารถสอนเด็กๆเหล่านั้นได้อย่างไร?

 

          “ให้เฉินอาเจียวรับผิดชอบเรื่องนี้น่าจะดีที่สุดนะ เธอเป็นคนมั่นใจและกล้าพูดทุกเรื่อง และเธอยังเป็นผู้ช่วยของผู้ดูแลเวิกค์ช็อปด้วย ดังนั้นมันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” เซี่ยเหล่ยหาทางออกได้อย่างรวดเร็ว

 

          หลางซือเหยาโล่งใจ “ถ้าอย่างนั้นฉันจะเป็นคุยเรื่องนี้กับเธอเองในวันพรุ่งนี้ ตอนนี้กลับบ้านกันเถอะ”

 

          ‘กลับบ้านกันเถอะ’ ประโยคนี้ทำให้บรรยากาศที่ดูอึดอัดอยู่ก่อนหน้านี้จางหายไป

 

          ก่อนที่เซี่ยเหล่ยและหลางซือเหยาจะได้เข้าไปนั่งในรถ รถ BMW ก็ขับเข้ามาขวางทางออกและหยุลงตรงหน้าของพวกเขาในพริบตาเดียว ประตูรถถูกเปิดออกและสือจิงชิวก้าวลงมาจากรถ เธอแต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบและถือบัตรเชิญสีทองเอาไว้ในมือ

 

          “ประธานเซี่ย ทำไมคุณไม่ส่งจดหมายเชิญฉันมาเข้าร่วมงานเปิดตัวบริษัทใหม่ของคุณ? ทำไมคุณถึงใจดำอย่างนี้นะ ลืมคู่หูของคุณไปแล้วหรือไง โอ๊ะ คุณไม่คิดจะแนะนำเลขาคนสวยของคุณให้ฉันรู้จักหน่อยหรือ?” สือจิงชิวมีรอยยิ้มบนใบหน้าแต่ขณะที่พูดเธอกลับหันไปมองหลางซือเหยาที่ยืนอยู่ข้างๆเซี่ยเหล่ย

 

          หญิงสาวที่คิดว่าตัวเองสวยไม่สามารถทนเห็นหญิงสาวที่สวยกว่าตนเองได้....

          สือจิงชิวพยายามจะทำให้เซี่ยเหล่ยหลงเสน่ห์เธอ แต่เธอกลับพบว่าใบหน้าของหลางซือเหยามีความงดงามบริสุทธิ์ และเป็น 1 ใน 9 ของสัดส่วนร่างกายที่สมบูรณ์แบบ ขาเรียวยาวที่ยื่นออกมาจากกระโปรงมีความยาวเป็น 2 ใน 3 ส่วนของร่างกาย ถ้าหากมีการตัดสินเกี่ยวกับความสวยงามของขา แน่นอนว่าเรียวขาของหลางซือเหยาจะต้องเป็นเรียวขาที่สวยงามที่สุด ผู้หญิงคนนี้ทั้งมีเสน่ห์และสวยกว่าเธอ เธอกำลังพยายามทำให้เซี่ยเหล่ยหลงเสน่ห์ด้วยหรือเปล่า?

 

          “เธอไม่ใช่เลขาของผมหรอก เธอเป็นรุ่นพี่ของผม” เซี่ยเหล่ยพูดอย่างเป็นกันเอง

 

          “หลางซือเหยา” เธอยื่นมือออกไปตรงหน้าสือจิงชิวและยิ้มอย่างอ่อนโยน “และคุณคือ?”

 

          “สือจิงชิว” เธอจับมือกับหลางซือเหยาและยิ้มให้กับเธอเช่นเดียวกัน “ฉันเป็นเลขาของผู้อำนวยการหนิงแห่งบูรพาอุตสาหกรรม ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

 

          “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ” หลางซือเหยาดึงมือของเธอกลับมา

 

          “บอกผมมา สือจิงชิว คุณต้องการอะไร?” เซี่ยเหล่ยพูด

 

          “ฉันมาที่นี่เพียงเพราะว่าอยากมาไม่ได้หรือ?” สือจิงชิวหัวเราะคิกคักและพูดข้างๆหูหลางซือเหยา “คุณหลาง คุณอาจจะไม่รู้แต่เซี่ยเหล่ยและฉันเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน เขาชอบฉันและเขาก็เคยเขียนจดหมายรักให้ฉันด้วยนะ”

 

          หลางซือเหยาตกตะลึงและหันไปมองเซี่ยเหล่ย

 

          เซี่ยเหล่ยยักไหล่อย่างหมดคำพูด เขาไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไร

 

          “โอเค โอเค ฉันได้รับภารกิจพิเศษให้มาที่นี่เพื่อนำคำเชิญมาให้คุณ ประธานเซี่ย” สือจิงชิวยื่นบัตรเชิญสีทองในมือเธอให้เซี่ยเหล่ย

 

          เซี่ยเหล่ยเปิดบัตรเชิญออกและอ่านเนื้อหาภายในนั้น เขาถูกเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำของบูรพาอุตสาหกรรมและคนที่เชิญเขาไปคือหนิงเหยี่ยซาน เขาพูดหลังจากอ่านคำเชิญจบ

 

          “ทำไมบูรพาอุตสาหกรรมถึงจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำกัน?”

 

          “คุณไม่รู้งั้นหรือ? บูรพาอุตสาหกรรมได้เซ็นสัญญาสร้างโรงงานพลังงานลมกับ บริษัทเหวี้ยนเทียน ผู้อำนวยการหนิงได้เชิญคนดังรวมถึงนักการเมืองและผู้นำทางธุรกิจมาเข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้” สือจิงชิวพูด

 

          “ผมไม่ใช่คนดัง การเชิญผมไปอาจจะไม่เหมาะสมซักเท่าไหร่ ฝากบอกผู้อำนวยการหนิงด้วยว่าผมขอบคุณสำหรับคำเชิญของเขาแต่ผมอาจจะไม่ได้เข้าร่วม” เซี่ยเหล่ยพูด

 

           สือจิงชิวประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้นกับคุณ? คนอื่นๆได้แต่ฝันถึงโอกาสแบบนี้ การที่ได้ทำความรู้จักกับนักธุรกิจที่ถูกเชิญมาในงานเลี้ยงจะเป็นประโยชน์อย่างสูงในอนาคต นอกจากนั้นแล้วผู้อำนวยการหนิงยังให้ฉันนำบัตรเชิญมาให้คุณด้วยตัวเอง มีใครคนไหนได้รับเกียรติแบบนี้บ้าง? คุณจะตอบแทนความมีน้ำใจของเขายังไงถ้าหากคุณไม่เข้าร่วม?”

 

          เซี่ยเหล่ยลังเล เขามีเหตุผลที่ทำให้ไม่อยากไปเพราะเขาได้ขโมยสัญญาจ้างของกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนมาจากบูรพาอุตสาหกรรม เขาลำบากใจที่จะต้องเผชิญหน้ากับหนิงเหยี่ยซานเพราะสัญญาจ้างงานในตอนนี้เป็นของอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าของเขาเอง

 

          “ไปเถอะ” หลางซือเหยาพูด “นี่เป็นโอกาสที่ดีมากนะ ใครจะไปรู้ ไม่แน่ว่าลูกค้าของเราอาจจะเป็นแขกที่เข้าร่วมงานนี้ก็ได้”

 

          “แบบนั้นก็ได้ แต่คุณต้องไปกับผมด้วย” เซี่ยเหล่ยพูด

 

          หลางซือเหยาส่ายหน้า “ฉันไปไม่ได้ พวกเขาไม่ได้เชิญฉัน คุณไปกับคุณสือเถอะ”

 

          เซี่ยเหล่ยพยักหน้า “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นฝากบอกอาจารย์ด้วยว่าผมจะไปทำอาหารให้เขากินวันหลัง”

 

          หลางซือเหยาก้าวเข้ามาใกล้เซี่ยเหล่ย “ไทด์ของคุณเบี้ยว ฉันจะช่วยคุณผูกใหม่นะ” เมื่อพูดแบบนั้นเธอก็เอื้อมมือออกมาผูกไทให้เขาใหม่

 

          ท่าทางของเธออ่อนโยนและเป็นธรรมชาติแต่เซี่ยเหล่ยกลับมีอาการประหม่าเล็กน้อย........

 

          หลางซือเหยาช่วยเขาผูกไทด์ให้เรียบร้อยได้อย่างรวดเร็วและพูด “คุณไปเถอะ ฉันจะกลับบ้านแล้ว”

 

          “ขับรถดีๆล่ะ” เซี่ยเหล่ยพูด

 

          หลางซือเหยาขึ้นรถและขับเกรทส์วอร์ H6 ของเซี่ยเหล่ยออกสู่ถนนใหญ่

 

          “ความรักมันเป็นแบบนี้เองสินะ” สือจิงชิวพูดอย่างเขินอาย “ฉันคิดไม่ถึงจริงๆว่าคุณจะสร้างบริษัทได้รวดเร็วขนาดนี้ และคุณก็หาแฟนได้เร็วเหมือนกัน คุณสองคนคบกันมานานแค่ไหนแล้ว?”

 

          “อย่าพูดอะไรไร้สาระน่า เธอเป็นรุ่นพี่ของผม อาจารย์ของผมหลางเฉิงชุนเขาเป็นผู้สืบทอดของเหยินหยงชุน”

 

          สือจิงชิวยิ้ม “ฉันไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับกังฟูหรืออะไรทำนองนั้นหรอก แต่ผู้หญิงที่ผูกเนคไทด์ให้คุณ…คุณไม่รู้งั้นหรือว่ามันหมายความว่ายังไง?”

 

          “คุณคิดมากเกินไปแล้ว” เซี่ยเหล่ยพูด

 

          “ฮ่าๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณยังไม่มีแฟน คุณนี่ไม่เข้าใจหัวใจของผู้หญิงเอาซะเลย ถ้าไม่อย่างนั้นคุณคงได้หัวใจของฉันไปและตอนนี้ลูกของเราก็คงจะเรียนอยู่ในโรงเรียนเตรียมอนุบาล” สือจิงชิวพูด

 

          เซี่ยเหล่ยอึ้งจนพูดไม่ออก

 

          ลานจอดรถเต็มไปด้วยรถหรูมากกมายของบริษัทเหวี้ยนเทียนและรวมไปถึงรถยนต์ที่มีราคาหลายสิบล้านอย่างรถโรลลอยด์แพนทอมด์ของเฉินตู เทียนหยิน

 

          ‘เธออยู่ที่นี่ด้วยงั้นหรือ?’ เซี่ยเหล่ยคิดเมื่อเห็นรถของเฉินตู เทียนหยิน จากนั้นเขาจึงบ่นกับตัวเอง ‘บูรพาอุตสาหกรรมได้เซ็นสัญญาสร้างโรงงานพลังงานลมกับ บริษัทเหวี้ยนเทียน ดังนั้นทำไมเธอจะไม่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำนี้ในฐานะของประธาน บริษัทเหวี้ยนเทียนล่ะ?’

 

          สือจิงชิวกดล็อคประตูรถ “กรุณาตามฉันมา ประธานเซี่ย”

 

          เซี่ยเหล่ยรู้สึกพึงพอใจที่เขาถูกเธอเรียกว่า ‘ประธานเซี่ย’ อุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าเป็นบริษัทขนาดเล็กที่อยู่บนลิ่วล้อของกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีน อีกทั้งยังไม่มีสินค้าเป็นของตัวเอง จะนับประสาอะไรกับการมีชื่อเสียงในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเป็นประธานบริษัทที่กระจอกที่สุดในบรรดาประธานบริษัททั้งหมดที่เข้าร่วมงานเลี้ยงวันนี้

 

          “คุณกำลังคิดอะไรอยู่?”

 

          “ไม่มีอะไร ไปเถอะ” เซี่ยเหล่ยตอบ

 

          สือจิงชิวนำเซี่ยเหล่ยไปยังเส้นทางไปห้องโถงใหญ่ พวกเขาเดินและคุยกันไปด้วย

 

          “เพื่อนร่วมชั้นเซี่ย ฉันจะไม่อ้อมค้อมนะ คุณยังสนใจจะมาร่วมงานกับฉันไหม?”

 

          “คุณมีใบสั่งซื้อสินค้าหรือเปล่าล่ะ?”

 

          “แน่นอนสิ” สือจิงชิวมองซ้ายมองขวา และลดเสียงของเธอให้เบาลง “และนี่เป็นคำสั่งซื้อชุดใหญ่ ฉันไม่รู้ว่าคุณจะสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ไหม”

 

          “ผมต้องรู้ก่อนเป็นอันดับแรกว่าคุณจะสั่งซื้ออะไร” เซี่ยเหล่ยพูด

 

          “เราจะคุยเรื่องนี้กันคราวหลัง” สือจิงชิวพูด “ฉันจ่ายให้คุณ 8% ถ้าเรื่องนี้สำเร็จ คุณคิดว่าเป็นไง?”

 

          เซี่ยเหล่ยหัวเราะ “คุณกำลังพูดเกี่ยวกับเรื่องอัตราค่าจ้างงานในขณะที่ผมไม่แม้แต่จะรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร?”

 

          “นี่คือวิธีการทำงานของฉัน คุณแค่ต้องบอกฉันว่าคุณจะเอายังไง”

 

          “5%” เซี่ยเหล่ยพูด “และคุณต้องรับประกันว่าจะไม่ปกปิดราคานี้กับลูกค้า”

 

          “ฮ่าๆๆ” ทันใดนั้นสือจิงชิวก็ดึงแขนเซี่ยเหล่ยออกมาแล้วพูดว่า “ตกลง !”

 

          เซี่ยเหล่ยรู้สึกเหมือนกับว่าแขนของเขากำลังถูกบีบด้วยบางสิ่งที่คล้ายๆกับวุ้นและมันทำให้เขากังวลเล็กน้อย เขาอยากจะดึงมือออกมาแต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้ เห็นทีเขาคงต้องเสียสละบางสิ่งบางอย่างเพื่อประโยชน์ในการทำธุรกิจครั้งนี้เสียแล้ว

 

          ติดตามตอนต่อไป.........

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด