TXV – 101 อย่าส่งเสียงดังสิ !
TXV – 101 อย่าส่งเสียงดังสิ !
วันต่อมาหลังจากเสร็จสิ้นการทำพิธีตัดริบบิ้นเปิดบริษัท
เวิกค์ช็อปที่เคยเงียบสงบก็เต็มไปด้วยกิจกรรมมากมาย คำสั่งซื้อของอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปถูกย้ายมาดำเนินการที่บริษัทนี้ เพื่อให้พนักงานใหม่ได้คุ้นเคยกับการใช้เครื่องมืออุปกรณ์ เซี่ยเหล่ยได้วางแผนที่จะส่งสินค้าให้กับกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนสัปดาห์ละครั้งหลังจากที่พนักงานใหม่ทำความคุ้นเคยกับอุปกรณ์มากกว่านี้
เซี่ยเหล่ยไม่ได้คาดหวังเรื่องผลกำไรของบริษัทในทันทีที่เริ่มต้นกิจการ เขามีเป้าหมายแค่จะให้บริษัทนี้ยังคงดำเนินการต่อไปได้ มีเงินจ่ายค่าแรงและจ่ายค่าประกันให้พนักงาน การเริ่มต้นมักเป็นเรื่องยากเสมอและเขาก็หวังว่าจะได้ขยายกิจการต่อไปเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างราบรื่นมากกว่านี้ และนี่ก็เป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจของเซี่ยเหล่ย เขาไม่ใช่คนใจร้อนและเขาก็มีความยึดมั่นและเชื่อมั่นในสิ่งที่เขาทำ
เมื่อเดินเข้าไปในเวิกค์ช้อปเขามองเห็นจูเสี่ยวหงจากไกลๆ เธอกำลังถูพื้น ผ้ากันเปื้อนสีฟ้าถูกผูกไว้บริเวณสะโพกของเธอยิ่งเป็นการเน้นให้เห็นสัดส่วนของสะโพกที่ดูราวกับลูกท้อที่กำลังสุกงอมเต็มที่ และมันน่าดึงดูดใจมากๆ เพราะว่าเธอเอนกายไปข้างหน้า หน้าอกของเธอจึงโผล่ออกมาแต่มันก็ถูกตรึงไว้ด้วยเสื้อชั้นในจนเขาคิดว่าหน้าอกของเธออาจจะระเบิดออกมา พนักงานชายสองสามคนที่เดินผ่านไปมาแอบมองหน้าอกและสะโพกของเธออยู่บ่อยๆ
‘ดูจากส่วนเว้าโค้งของรูปร่างเธอในตอนนี้แล้ว เขาจึงคิดว่าเธอควรจะเปลี่ยนชุดทำงานเป็นชุดที่ไซส์ใหญ่กว่านี้ได้แล้ว’ เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างขำๆและเดินผ่านไป
“พี่เหล่ย…ประธานเซี่ย” จูเสี่ยวหงมองเห็นเซี่ยเหล่ยเมื่อเขาเดินเข้ามาและมาหยุดยืนตรงหน้าเธอ เธอมีสเน่ห์แบบผู้หญิงที่ทำงานอย่างมืออาชีพ
เซี่ยเหล่ยกำลังจะเตือนเรื่องที่เธอถูกแอบมองแต่เขาก็เลือกจะเปลี่ยนคำพูด “อือ เสี่ยวหง คุณเห็นสภาพแวดล้อมใหม่ของที่นี่หรือยัง?”
จูเสี่ยวหงหน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล “ฉันไม่เป็นไร มันก็แค่…ฉันต้องดูแลคนเพิ่มอีกมากกว่า 30 คน…ฉันเองก็ไม่มั่นใจนักว่าจะทำหน้าที่ได้ดีพอ”
อุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าแบ่งการรับผิดชอบออกเป็นสามส่วน จูเสี่ยวหงมีหน้าที่ในการรับผิดชอบส่วนหนึ่ง ในขณะที่หยางเปินฉ่ายและหลิวเสวียบิงเป็นคนรับผิดชอบอีกสองส่วนที่เหลือ มีฉิ้วหยงเป็นผู้ช่วยของหยางเปินฉ่าย ผู้ช่วยของหลิวเสวียบิงคือหวางโย่วฟู่ และผู้ช่วยของจูเสี่ยวหงคือเฉินอาเจียว พนักงานเก่าทุกคนจากอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปได้รับการเลื่อนตำแหน่งอย่างที่เซี่ยเหล่ยได้ให้สัญญากับพวกเขาไว้
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวคุณก็จะค่อยๆชินไปเอง ผู้ช่วยของคุณเฉินอาเจียว คุณสามารถบอกให้เธอช่วยสังเกตการณ์สิ่งต่างๆได้ งานแบบนี้คุณสามารถขอให้คนอื่นๆช่วยทำแทนได้ คุณต้องทำตัวให้มีความเป็นผู้นำมากกว่านี้นะ ไม่อย่างนั้นคนอื่นๆจะไม่เคารพหรืออาจจะไม่เชื่อฟังสิ่งที่คุณสั่งได้”
จูเสี่ยวหงพยักหน้า “พี่เหล่ย ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”
เซี่ยเหล่ยยิ้ม “ผมต้องไปตรวจสอบสถานที่อื่นๆแล้วล่ะ” เขาก้าวไปข้างหน้าแต่ทันใดนั้นก็หยุดลงและพูดเสียงเบาๆ “เสี่ยวหง หาชุดทำงานที่ไซส์ใหญ่กว่านี้มาเปลี่ยนนะ มีคนงานหลายคนแอบมองบั้นท้ายคุณ”
“ฮะ?” ใบหน้าของจูเสี่ยวหงเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอรีบเอามือปิดและถามอย่างเป็นกังวล “มีใครเห็นกางเกงชั้นในฉันไหมเนี๊ย ?”
คำพูดของเธอดูเหมือนจะไปกระตุ้นบางอย่างทำให้ตาซ้ายของเขาอยู่นอกเหนือการควบคุม ทำให้เขามองเห็นพื้นที่สีขาวราวหิมะขนาดใหญ่ เขารีบหันหน้าหนีอย่างเขินอายและพูดเบาๆว่า “ไม่หรอก กางเกงของคุณมันเล็กเกินไปแล้ว บั้นท้ายของคุณคับแน่นเต็มกางเกงจนทำให้เด็กจบใหม่พวกนั้นแอบมอง”
จูเสี่ยวหงรู้สึกอับอายจนอยากจะมุดดินหนี “ฉันจะทำยังไงกับเรื่องขนาดของมันดี? นี่เป็นกางเกงไซส์ใหญ่ที่สุดแล้ว”
เซี่ยเหล่ยอึ้งจนพูดไม่ออก
“บั้นท้ายของฉันดูน่าเกลียดงั้นหรือ?” จูเสี่ยวหงถามเซี่ยเหล่ยอย่างเป็นกังวล
“ไม่ ! มันดูดีมาก” เซี่ยเหล่ยตระหนักได้ถึงความผิดพลาดเมื่อเขาพลั้งปากพูดออกไปแล้ว นี่ไม่ใช่เป็นการยอมรับกับจูเสี่ยวหงว่าเขาแอบมองบั้นท้ายเธอหรอกหรือ?
แน่นอนว่าจูเสี่ยวหงก็ยิ่งเขินอายมากยิ่งขึ้น เธอก้มหน้าลงจนชิดกับหน้าอกและไม่กล้าสบตาเซี่ยเหล่ย
บรรยากาศที่ชวนอึดอัดใจบวกกับเซี่ยเหล่ยเองก็ไม่สามารถหาเรื่องอื่นมาพูดเพื่อเปลี่ยนประเด็นได้ เขาจึงทำได้แค่รีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เซี่ยเหล่ยเดินไปยังเวิกค์ช็อปที่เหลืออีกสองส่วน และเริ่มตรวจสอบสถานที่ก่อนจะกลับไปยังห้องทำงานที่อยู่บนชั้นสี่ เขาและหลางซือเหยาทำงานอยู่ในห้องเดียวกัน ห้องนี้มีพื้นที่ 50 ตารางเมตรและมีผนังกระจกแยกห้องออกเป็นสองส่วน
หลางซือเหยานั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ เธอยุ่งมากจนไม่ได้เติมแม้กระทั่งน้ำเปล่าในแก้วกาแฟ
เซี่ยเหล่ยเดินเงียบๆไปหยิบแก้วกาแฟและเติมน้ำเปล่ามาวางให้เธอ
หลางซือเหยาสังเกตเห็นเซี่ยเหล่ยเมื่อเขาวางแก้วกางแฟลงบนโต๊ะของเธอ เธอดันแว่นให้เข้าที่และเอ่ยปากถาม “ทุกอย่างในเวิกค์ช็อปเรียบร้อยดีไหม?”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดี ผมจะให้พนักงานใหม่ฝึกทำงานในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ตอนนี้ผมให้พวกเขาทำงานตามคำสั่งซื้อปกติของกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนไปก่อนเพื่อให้พวกเขาคุ้นเคยกับอุปกรณ์มากขึ้น” เซี่ยเหล่ยพูด
“คำสั่งซื้อจากกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนไม่ใช่โครงการในระยะยาว พวกเขาสั่งซื้อสินค้าจากเราเพราะว่าคุณสามารผลิตชิ้นส่วนพิเศษให้กับพวกเขาได้ แต่ถ้ามันมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น…เรามีพนักงานอีกเป็นร้อยคนที่ต้องดูแลในบริษัทนี้ และยังมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายที่สูงมากในการทำประกันภัย” หลางซือเหยาพูด “เราต้องมีสินค้าและผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเอง บริษัทของเราจะไม่ถูกบังคับจากคนอื่นได้ด้วยวิธีการนี้”
“กวนหลิงชาน หยินฮ่าว และคนอื่นๆ พวกคุณมีไอเดียดีๆไหม?” เซี่ยเหล่ยถาม
หลางซือเหยาหัวเราะและพูด “พวกเขาเป็นแค่เด็กจบใหม่ พวกเขามีความรู้แต่ยังขาดประสบการณ์ ในความคิดของฉัน คุณควรจะเป็นคนตัดสินใจว่าเราจะผลิตอะไร”
เซี่ยเหล่ยยิ้ม “ตกลง ผมจะกลับไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ผมคงด่วนตัดสินใจกับเรื่องใหญ่แบบนี้ไม่ได้ คุณเองก็คิดเหมือนกันใช่ไหม หรือบางทีคุณอาจจะมีไอเดียอะไรที่ดีกว่านี้”
หลางซือเหยายืดตัวตรง บิดหลังและยิ้ม “ฉันปวดคอและฉันก็ไม่มีแรงบันดาลใจอะไรเลย บางทีแรงบันดาลใจของฉันอาจจะกลับมาก็ได้นะถ้าคุณนวดให้ฉัน”
ท่าทางขี้เกียจและเสียงนุ่มๆของเธอทำให้เธอดูเหมือนกับลูกแมวขี้อาย ต้นขาขาวที่ยื่นออกมาจากกระโปรงทำงานสีดำขาวราวกับหยกและมีสเน่ห์ดึงดูดใจอย่างมาก ต้นคอขาวของเธอให้รู้สึกเหมือนกับไอศกรีมในฤดูร้อน มันจะละลายถ้าหากอุณหภูมิสูงเกินไป ใครจะสามารถปฏิเสธคำขอแบบนี้ได้ล่ะ?
เซี่ยเหล่ยรู้สึกว่านี่มันไม่เหมาะสม แต่เขาก็ยังคงใจอ่อนและกังวลเกี่ยวกับอาการเหนื่อยล้าของหลางซือเหยา มันน่าจะดีถ้าให้เธอได้พักผ่อนบ้าง เมื่อเขาคิดดังนั้น เซี่ยเหล่ยจึงเดินไปด้านหลังหลางซือเหยา เอื้อมมือของเขาออกไปล้อมรอบคอขาวราวหิมะของเธอได้และเริ่มนวดอย่างเบามือ
ผิวของหลางซือเหยาเรียบเนียนและบอบบาง เซี่ยเหล่ยค่อนข้างระมัดระมังเมื่อมือของเขาสัมผัสผิวเธอ เขากลัวว่าจะทำให้ผิวของเธอเป็นรอยหากเขาออกแรงมากเกินไป
การนวดเบาๆทำให้หลางซือเหยาผ่อนคลาย เธอหลับตาลงและทิ้งตัวลงมาพิงกับท้องน้อยของเซี่ยเหล่ย เสียงเล็กๆดังออกมาจากปากของเธอ “อืม แรงอีกหน่อย ต่ำกว่านี้อีกนิด อืม รู้สึกดีมาก.....”
เสียงของเธอราวกับเวทย์มนต์บางอย่างที่ทำให้หัวใจของเซี่ยเหล่ยเต้นแรงขึ้น เขาตั้งใจจะทำให้เธอผ่อนคลายในตอนเริ่มต้น แต่ตอนนี้มันเพิ่งเปลี่ยนไปเป็นการทำให้เธอพึงพอใจและรู้สึกสบายมากขึ้น นิ้วมือของเขาค่อยๆขยับเป็นวงกลมกว้างขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่ได้เพียงแค่นวดคอแต่ยังนวดไหล่ให้เธอด้วย การนวดของเขาค่อยๆเพิ่มแรงมากขึ้นและมากขึ้น
การมองเห็นของเขาปลี่ยนแปลงไปด้วยตัวของมันเอง ในสายตาของเขาตอนนี้ หลางซือเหยาได้กลายเป็นเด็กสาวจากคนหนึ่งที่กำลังเดินออกมาจากอ่างอาบน้ำหลังจากการอาบน้ำในฤดูใบไม้ผลิ
ไม่มีใครรู้ว่าเขามองเห็นอะไรและมันก็เป็นความลับของตัวเขาเอง เขาสามารถมองเห็นฉากความสวยงามแบบนี้ได้โดยที่ผู้ชายคนอื่นไม่สามารถมองเห็นมันได้ไปตลอดชีวิตของเขา
“ดีมาก…แรงกว่านี้อีก…ฉันทนไหวน่า อืม ดี นั่นล่ะ…ต่ำกว่านี้…” เสียงหวานดังออกมาจากปากสีเชอร์รี่ของหลางซือเหยา เธอลืมเรื่องการหาไอเดียใหม่ๆไปตั้งนานแล้ว
แก้มของเซี่ยเหล่ยเป็นสีแดงและการหายใจของเขาก็เริ่มติดขัด เขานวดให้กับหลางซือเหยาซึ่งมันทำให้เธอสบายมากแต่ตัวเขาเองกลับรู้สึกอึดอัด
ในขณะนั้นก็มีเสียงกระแอมของสาวประเภทสองก็ดังมากจากประตู “ฮะแฮ่ม..”
เซี่ยเหล่ยตกใจและรับขยับออกห่างหลางซือเหยา เขาเงยหน้าขึ้นมองและพบฉิงเสวียงอยู่ที่หน้าประตู
หลางซือเหยารีบลืมตาและผิวกายขาวหยกของเธอก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอไม่ได้คิดมากเกี่ยวเสียงที่เธอทำตอนเซี่ยเหล่ยนวดให้เธอ แต่มันแตกต่างออกไปเมื่อมี ‘คนนอก’ อยู่ภายในห้องนี้ด้วย
“เอ่อ..เอ่อ ผมไม่เห็นอะไรเลยนะ” ฉิงเสวียงเดินเข้ามาในห้องทำงานราวกับกำลังเดินแฟชั่น นิ้วมือของเขากรีดกรายราวกับผู้หญิงที่เล่นงิ้ว
“พวกเราไม่ได้ทำอะไรกัน” เซี่ยเหล่ยอธิบาย
“ผมบอกว่าไม่เห็นอะไรไง? คุณไม่จำเป็นต้องอธิบาย” ฉิงเสวียงพูด
การพยายามอธิบายของเซี่ยเหล่ยทำให้เรื่องเริ่มดูเลวร้ายลง
เซี่ยเหล่ยรีบเปลี่ยนประเด็น “เอางั้นก็ได้ คุณได้ความคืบหน้าอะไรมาหรือเปล่า?”
ฉิงเสวียงยิ้มเจ้าเล่ห์ “ดูด้วยสิว่าใครเป็นคนทำงานนี้ มันจะไม่มีความคืบหน้าได้ยังไง?”
“พูดออกมาสักที” เซี่ยเหล่ยเริ่มหัวเสีย
“เมื่อคืนนี้ผมไปขอยืมข้อมูลการซื้อขายของซุปเปอร์มาร์เก็ตบางแห่งมา และผมพบข้อมูลมากมายเกี่ยวกับผู้จัดซื้อ อย่างเช่นราคา วิธีการเก็บเงินและอื่นๆ คุณอยากได้อะไรบอกผมมาเลย ผมมีมันทั้งหมด”
เซี่ยเหล่ยนิ่งคิด ‘ขอยืม’ ที่ฉิงเสวียงพูดน่าจะหมายถึงเขาไปขโมยมันมาสินะ
ฉิงเสวียงยังคงพูดต่อ “ผมพบว่าซุปเปอร์มาร์เก็ตบางแห่งต้องจ่ายเงินล่วงหน้าก่อนที่สินค้าจะมาส่ง บางรายก็ต้องจ่ายส่วนแรกไปก่อนและจ่ายส่วนที่เหลือเป็นรายเดือน ของที่ได้รับความนิยมมากๆก็ต้องจ่ายเงินเต็มจำนวนก่อนไม่อย่างงั้นคุณก็จะไม่ได้รับสินค้า หลังจากขอยืมข้อมูลเหล่านี้มาแล้ว ผมก็ได้โทรหาพวกเขามากกว่าสิบหมายเลข เมื่อได้รู้ที่ตั้งของซุปเปอร์มาร์เก็ตเขาก็เต็มใจร่วมทำงานกับเรามาก เราควรจัดการประชุมกันเพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดหาสินค้า วิธีการชำระเงิน และราคา ดังนั้นผมจึงมาที่นี่เพื่อถามคุณ ประธานเซี่ย เมื่อไหร่ที่คุณว่าง ผมจะนัดเวลาให้พวกเขามาพูดคุยกับเรา”
เซี่ยเหล่ยยิ้ม “ผมคงต้องมอบหมายมันให้คุณทำ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องยากที่เราจะทำได้ แต่คุณก็สามารถหาข้อมูลมาได้อย่างรวดเร็ว ผมจะมอบหมายเรื่องนี้ให้คุณจัดการ ดังนั้นคุณสามารถคุยกับพวกเขาด้วยตัวเองได้เลย และซุปเปอร์มาร์เก็ตทั้งหมดจะอยู่ในการดูแลของคุณ คุณต้องดูแลในส่วนของการจ้างงานด้วยล่ะ”
ฉิงเสวียงโบกมือราวกับนักแสดงงิ้วไปมา “ได้เลย ผมจะไปคุยกับบริษัทจัดหาสินค้าเหล่านั้น ส่วนเรื่องการจ้างงาน ผมจะรับน้องสาวผมมาทำงานเป็นคนแรก รวมถึงป้าๆในละแวกบ้านผมด้วย การหาคนไม่ใช่ปัญหา ฮี่ๆ”
ในที่สุดหลางซือเหยาก็มีโอกาสได้พูด “คุณต้องพูดถึงตำแหน่งที่ตั้งของเราเมื่อคุณไปคุยกับบริษัทจัดหาสินค้า บอกพวกเขาไปด้วยว่าเรามีหน้าร้านเป็นของตัวเองและสามารถขายสินค้าจำนวนมากได้ แต่เรายังไม่มีเงินมาจ่ายในตอนนี้ ดังนั้นขอให้พวกเขาเข้าใจว่าเราจะไม่เป็นหนี้พวกเขาเมื่อธุรกิจเริ่มต้นและดำเนินการไปได้ด้วยดี”
“ได้ๆ น้องซือเหยาฉลาดมาก ผู้ชายบางคนโชคดีมากที่เขาจะได้แต่งงานกับคุณ” ฉิงเสวียงมองเซี่ยเหล่ยในขณะที่เขาพูด
เซี่ยเหล่ยหันหน้าหนีและหันไปจดจ่ออยู่กับเครื่องกรองน้ำ
“ผมจะไปแล้ว พวกคุณทำต่อเถอะ จำเอาไว้ว่าอย่าทำเสียงดัง มันไม่เป็นไรหรอกนะถ้าผมเห็น แต่คุณจะมีปัญหาถ้าเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆมาเห็นเข้า” ฉิงเสวียงทิ้งพวกเขาไว้ด้วยคำพูดเหล่านั้นและเดินส่ายสะโพกออกไป.......
“ยัยบ้า !” หลางซือเหยาพึมพำหลังจากถอนหายใจ จากนั้นเธอจึงหันไปมองเซี่ยเหล่ยและพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ “เหล่ย นวดให้ศิษย์พี่ของคุณอีกครั้งเถอะ มันกำลังดีขึ้นแล้วตอนที่ฉิงเสวียงเข้ามา แต่ฉันคิดว่ามันยังไม่พอ”
เซี่ยเหล่ยก้มลงมองกางเกงของตัวเอง จากนั้นจึงกัดฟันทนและขยับเข้าไปใกล้…
นี่วันแรกของการทำงานอย่างเป็นทางการแล้วทำไมประธานเซี่ยต้องมาทำเรื่องแบบนี้?...
ติดตาตอนต่อไป....